Iceicy Blog Dhamma หน้าแรก หลักธรรม ปรัชญา ท่องเที่ยวธรรม เก็บตกธรรม บทสวดมนต์ บทเพลงธรรม เว็บบอร์ด iceicy ไอที ไดอารี่
Link to us:
Group Blog
 
All blogs
 

อย่าหลงเชื่อ









 





 iceicy การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง



อย่าหลงเชื่อ



อย่าหลงเหยื่อ เชื่ออยาก จะยากจิต
อย่าหลงติด รสเหยื่อ เชื่อตัณหา
อย่าหลงนอน หลงกิน สิ้นเวลา
อย่าหลงว่า อายุเจ้า จะยาวนาน
ที่มา หนังสือมนต์พิธีแปล หน้า ๑๒๗


Create Date : 27 พฤศจิกายน 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:21:18 น.
Counter : 1007 Pageviews.  

คนดี-ของดี








 






คนดี-ของดี
ที่มา : หนังสือประตูธรรม หน้า ๙๔




ค่านิยมของสังคมมักจะพาให้หลงทางพากันตื่นไปตามแฟชั่นใหม่ๆ ตื่นของใหม่ๆ ที่จริงเราควรเปลี่ยนค่านิยมของสังคมให้มาชื่นชมค่าของความดี เรามีศีล ๕ มั้ย เรามีสมาธิมั้ย เรามีสติมั้ย เรามีความดีในตัวเรามั้ย ถ้าเรามีความดีในตัว เราก็ไม่ต้องกลัวอะไร เราจะไม่มีวันตกต่ำได้เลย เหมือนกับเรานุ่งผ้าเก่าๆ แต่ว่าเรามีความสุขในความเป็นอยู่แบบคนมีศีลธรรม คนที่นุ่งผ้าใหม่ๆ แต่เห่อเหิมไปตามเขา บางทีก็ไม่มีความสุข ดังนั้น เราต้องเห็นว่าค่านิยมของความดีนี่เราควรจะเอามาใช้กัน คือ ต้องให้นิยมคนดี ยกย่องส่งเสริมคนดี ยกย่องส่งเสริมคนมีศีลธรรมให้เป็นผู้นำทางแก้ปัญหา นำทางพ้นทุกข์ได้ ต้องนิยมคนดี ไม่ใช่นิยมของดี

ถ้าโลกมานิยมคุณธรรม โลกก็จะจ่ายแจกแบ่งปันกันโดยมีความสุข เพราะเขาก็จะมองว่า "คนจนควรได้รับความช่วยเหลือ คนรวยก็ควรเป็นผู้ให้" แต่ทุกวันนี้กลายเป็นว่า "คนจนเป็นผู้ให้" คนจนต้องส่งส่วยให้คนรวย คนรวยก็กลายเป็นคนอยากได้ เป็นคนงก เป็นคนสะสม เป็นคนโลภ สังคมจึงเดือดร้อน แต่ถ้าเกิดว่าคนรวยเป็นผู้ให้นะ มันก็จะจบ ต่างคนต่างช่วยเหลือ เจือจุนกัน สังคมจะเข้ากันได้ โจรขโมยก็จะหมด

เหมือนกับว่าในหมู่บ้านมีคนรวยคนเดียว นอกนั้นเป็นคนจน แล้วใครจะเดือดร้อน คนรวยเอาประโยชน์คนเดียว แล้วคนรวยจะนอนตาหรือ? สักวันหนึ่งถ้าคนจนทนไม่ได้ก็ต้องฆ่าคนรวย ดูเบื้องแรกเหมือนคนจนจะเดือดร้อนฝ่ายเดียว แต่ในที่สุดแล้วคนรวยก็ต้องเดือดร้อน และจะต้องเดือดร้อนกว่าคนอื่น เพราะตัวเองต้องเสียหายมากกว่า ก็ต้องมองตรงนี้ให้ออก ให้โลกมองตรงนี้ เหมือนคนทั่วโลกจนหมดเลยแต่มีประเทศเดียวรวย ประเทศนั้นจะอยู่ได้มั้ย?...ไม่ได้! จะมีแรงต่อต้าน มันต้องให้เสมอภาคกัน รวยจนพอๆกัน พยายามไกล่เกลี่ยให้สมดุลกันแล้วโลกนี้จะอยู่กันอย่างสงบสุข

สรุปแล้วก็เอาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้เป็นฆราวาสก็ให้ปฏิบัติตามอาคาริยวินัย* แล้วก็เอาคุณธรรมของในหลวงมาใช้ โดยที่เราพยายามไม่ต้องไปพึ่งพาคนอื่น จงพึ่งพาตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนไทยก็คือ ให้ทุกคนเอาในหลวงมาบูชา อย่าเอาในหลวงมาทำลาย

บูชาอย่างไร? ทำลายอย่างไร?
ในธนบัตรมีรูปในหลวง เราก็ไม่ควรจะเอาเข้าไปเล่นการพนันในบ่อน เอาไปกินเหล้า เพราะในหลวงท่านไม่ชอบอบายมุข ในหลวงท่านไม่เข้าคลับ ไม่เข้าบาร์ในหลวงท่านเข้าวัดเข้าวา เราควรเอาในหลวงมาบูชาไว้บนหิ้งบ้านเรา อย่าเอาในหลวงไว้ที่ต่ำ อย่าไปไว้ใต้ถุงเท้า อย่าไปไว้ใต้ที่นั่ง พวกเล่นการพนันชอบเอาธนบัตรซ่อนไว้ตามก้นตามรองเท้า มันจะเป็นเรื่องซวยสำหรับคนนั้น เพราะในหลวงมีบารมี เป็นสมมุติเทพ ท่านไหว้พระ สวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วเราเอารูปท่านไปไว้ต่ำๆ มันสมควรแล้วหรือ? รูปท่านประเสริฐ ค่าของท่านมีมากกว่าที่เราจะเอาไปใช้กินเหล้า ไปเล่นการพนัน เอาไปเที่ยวคลับเที่ยวบาร์ ถ้าทุกคนรู้จักค่าของในหลวงก็ต้องเอาไว้บูชา เพราะรูปของท่านศักดิ์สิทธิ์

ทุกวันนี้ถ้าพูดทางด้านคุณธรรม ท่านก็ประเสริฐยิ่งกว่าใครทั้งหมดในบรรดาชาวโลกทั้งหลาย ในหลวงบำเพ็ญบารมีลักษณะพระโพธิสัตว์เลย ท่านมีพระวิริยะ เช่นเดียวกับพระมหาชนก ท่านมีความเพียรอย่างนั้น ท่านไม่ท้อถ้อย คนต้องมีบารมีจึงจะกล้าทำอะไรจนสำเร็จ ซึ่งเวลาท่านเสด็จไปไหนคนก็ต้องยอมรับ ทั่วโลกก็ยอมรับ แต่คนไทยหลายคนกลับยังไม่รู้จักคุณค่า เอารูปของในหลวงไปไว้ที่ต่ำๆ ไม่ให้ความเคารพ มันถึงได้จน มันถึงได้เดือดร้อน สังคมเสื่อมทรามลงทุกวันก็เพราะเหตุนี้ เรามีสิ่งประเสริฐสูงค่าแต่ไม่รู้จักบูชา






อาคาริยวินัย = วินัยของผู้ครองเรือน คือ วินัยของชาวบ้าน
ได้แก่ การงดเว้นจาก อกุศกรรมบท ๑๐
และประพฤติ กุศลกรรมบท ๑๐



* อกุศกรรมบท ๑๐
คือ ทางแห่งกรรมที่เป็นอกุศล ได้แก่
ก. กายกรรม ๓.
๑. ปาณาติบาต การทำลายชีวิต
๒. อทินนาทาน การถือเอาของที่เขามิได้ให้
๓. กาเมสุมิจฉาจาร การประพฤติผิดในกาม
ข. วจีกรรม ๔.
๔. มุสาวาท พูดเท็จ
๕. ปิสุนาวาจา พูดส่อเสียด
๖. ผรุสวาจา พูดคำหยาบ
๗. สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ
ค. มโนกรรม ๓.๘. อภิชฌา ละโมบคอยจ้องอยากได้ของเขา
๙. พยาบาท คิดร้ายเขา
๑๐. มิจฉาทิฎฐิ เห็นผิดจากครองธรรม

กุศลกรรมบท ๑๐
คือทางแห่งกรรมที่เป็นกุศล ได้แก่ เว้นจากอกุศลกรรมบท ๑๐

จาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพย์ โดย พระธรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)





Create Date : 17 ตุลาคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:21:35 น.
Counter : 978 Pageviews.  

โลกธรรม ๘ ประการ "หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ"








 




โลกธรรม ๘ ประการ






การที่เราทำประตูในลักษณะนี้ก็เพื่ออธิบายโลกธรรม ๘ ประการ อันได้แก่ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสุข มีทุกข์ สรรเสริญ นินทา ทุกคนมุ่งหวังไปสู่ความสุขตรงนี้กันโดยที่ไม่ทำจิตใจให้เป็นกลาง เมื่อคนเราไม่ได้ทำจิตใจให้เป็นกลาง จึงไม่มีสติในการบริโภคก็ย่อมตกต่ำ ย่อมตกไปอยู่ในบ่วงทุกข์ ไม่สามารถจะออกไปได้





ทุกวันนี้คนเราที่ต้องกินยาตาย ฆ่าตัวตายประสบทุกข์ทั้งหลายก็เพราะว่าตกอยู่ในอำนาจของวัตถุไม่เข้าใจเรื่องโลกธรรม ๘ ประการนี้ มองไม่เห็นสัจธรรมว่า ... อันนี้คือสิ่งที่โลกสมมุติขึ้นมาเท่านั้นเอง คือสมมุติให้ได้ความสะดวกให้ได้ความสบาย เช่น พวกเงินทองธนบัตรต่างๆ ก็คือกระดาษที่เขาสมมุติขึ้นมา ถ้าเราเอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ด้วยปัญญาแล้ว ก็จะเห็นคุณค่าว่าสิ่งเหล่านี้มาช่วยบรรเทาทุกข์ในชีวิตประจำวันได้ แต่ไม่ใช่มาช่วยทำให้จิตใจของเราดับกิเลส หรือดับความเร่าร้อน การที่จะดับกิเลสได้เราต้องเข้าหาสัจธรรม





ดังนั้น เราก็ต้องเข้าใจว่า...เมื่อเราอยู่ในโลก เสวยโลกแล้ว เราต้องหาทางพ้นทุกข์ด้วย ไม่ใช่ว่าจะเสวยอย่างนี้ไปตลอด มันไม่ใช่สุขที่แท้จริง มันเป็นเพียงของสมมุติ บริโภคได้ ใช้ได้ แต่ต้องพิจารณา อย่าไปยึดมั่นถือมั่นว่า "ฉันจะต้องมี เมื่อฉันมีสิ่งนี้ฉันจึงจะมีความสุข ถ้าไม่มีแล้วฉันจะทุกข์" อย่าไปคิดอย่างนั้น สุขทุกข์มันไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ แต่มันอยู่ที่จิตใจ มันอยู่ที่คุณธรรมความดีที่ตนเองสร้างไว้ อันนี้ต่างหากที่จะเป็นตัวตัดสิน ไม่ใช่สิ่งของเป็นตัวตัดสิน ก็ให้เข้าใจอย่างนี้




เหมือนในหลวงท่านก็สอนแล้วว่า...ให้ทุกคนไม่ต้องเอามาก ให้รู้จัก "พอเพียง" ก็จะมีความสุข คือทำให้ "เป็นกลาง" นั่นเอง ท่านสอนไว้ตรงนี้





ที่มา : หนังสือประตูธรรม หน้า ๙๔
หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ * วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี



Create Date : 08 ตุลาคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:22:25 น.
Counter : 1537 Pageviews.  

โอ้ โอ๋ อนิจจา สังขาราไม่เที่ยงตรง










โอ้ โอ๋ อนิจจา สังขาราไม่เที่ยงตรง...ยามเจ้ามา..เจ้ามีอะไรมาด้วย


อะนิจจา วะตะ สังขารา อุปาทะวะยะธัมมิโน
อุปปัชชิตวา นิรุชฌันติ เตสัง วูปะสะโม สุโข


โอ้ โอ๋ อนิจจา สังขาราไม่เที่ยงตรง
หนุ่มแก่ย่อมจักปลง ชีวิตม้วยอย่าสงกา
อุบัติเกิดแล้วก็กลับ วิญญาณดับจากสรีรา
ขาดสิ้นแห่งปาณา วิการกายก็เป็นไป
บ่ เที่ยง บ่ ทนทาน บ่ อยู่นานสังเพียงใด
ย่อมเสื่อมย่อมสิ้นไป ทุกคณานิกรชน
สิ่งสุขอันประเสริฐ สุขล้ำเลิศสถาผล
คือจิตอย่ากังวล เบญจกามคุณา
ดับสนิทในสังขาร ที่จิตซ่านคือตัณหา
ไม่ใคร่ในภวา วิภะวะประเสริฐแล.

จากหนังสือ "มนต์พิธีแปล" หน้า ๑๗
รวบรวมโดย พระครูอรุณธรรมรังษี (เอี่ยม สิริวณฺโณ)




อะจิรัง วะตะยัง กาโย ปะฐะวิง อธเสสสะติ
ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโน นิรัตถังวะ กะลิงคะรัง


โอ้ กายไม่นานหนอ บังเกิดก่อแล้วกลับกลาย
ดุจฟองแห่งน้ำหมาย แล้วแตกดับโดยฉับพลัน
สิ้นลมแห่งหายใจ ชีพบรรลัย บ่ กลับหัน
ห่อนมีสิ่งสำคัญ เพื่อประโยชน์สักนิดเดียว
ทอดทิ้งดุจท่อนฟืน กลิ้งเหนือพื้นสุธาเทียว
พองช้ำเน่าดำเขียว ส่งกลิ่นฟุ้ง บ่ เว้นวาง
ดูเถิดท่านทั้งหลาย บุรุษนายคณานาง
ควรปลงปัญญาทาง ปรมัตถะอรรถธรรม
พยานปรากฏแก่ จักษุแท้ บ่ ปิดงำ
ควรคิดพินิจจำ หีบศพนั้น อันแลเห็น

จากหนังสือ "มนต์พิธีแปล" หน้า ๒๕
รวบรวมโดย พระครูอรุณธรรมรังษี (เอี่ยม สิริวณฺโณ)








 

Create Date : 06 กันยายน 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:22:34 น.
Counter : 4092 Pageviews.  

การแก้ปัญหา "เรียกสติ"











 




การแก้ปัญหา "เรียกสติ"


อาจารย์เฒ่าเล่าว่า..ขึ้นชื่อว่าคนแล้ว มีแต่เรื่องยุ่ง ที่ยุ่งเพราะมันมี "ปัญหา" ที่มีปัญหาก็เพราะมันมี "ตัณหา" คนศึกษาธรรมะมักไม่ค่อยมีปัญหา แต่บ่อยครั้งต้องคอยเข้าไปแก้ปัญหาให้ผู้อื่น จึงต้องมี "สัมมาทิฐิ" ความเห็นชอบเป็นตัวนำ คือ "หาสาเหตุให้พบก่อน" แล้วจึงค่อยแก้ ไม่เช่นนั้นบางทียิ่งแก้มันจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่ เลยต้องไปพึ่งผีสางเทวดา เจ้าพ่อเจ้าแม่ ทำพิธีแก้กันวุ่นวายเสียเงินทองโดยใช่เหตุ ถูกหลอกลวงก็เยอะแยะ..แย่ (ซวย) ซ้ำสอง !

คนที่มีปัญหากลุ้มใจคิดไม่ตกจะกินยาตาย ผูกคอตาย เป็นเพราะ "ขาดสติ" อารมณ์จึงครอบงำจิตใจให้คิดผิด ต้องแก้ด้วย "พุทธวิธี" เป็นอันดับแรกก็คือการ "เรียกสติ" กลับคืนมาก่อน เมื่อเริ่มมีสติมันจึงจะคุยกันรู้เรื่องหาสาเหตุได้ถูก จึงแก้ตกได้

"พุทธวิธี" สำหรับพระในนิกายเซ็นหรือเต๋ามัก "เรียกสติ" ลูกศิษย์ที่นั่งเหม่อตามอารมณ์ด้วยการตบหลัง ตบขาแรงๆ ให้สะดุ้งตื่นจากอารมณ์..สติก็โผล่! คนอกหักบ่นเพ้อร่ำไรในความรักที่มีต่อคนรักมากมาย อาจเรียกสติด้วยการถามย้อนถาม เช่น ..เธอรักและทำดีกับเขามากใช่ไหม? (..ใช่..) เธอคบเขา 5-6 ปีใช่ไหม? (..ใช่..) แล้วเธอคบพ่อแม่ของเธอมายี่สิบกว่าปีแล้ว..เคยรักและทำดีขนาดนี้ให้ท่านบ้างหรือยังล่ะ?(..งง..) สติเริ่มโผล่..ก็เปลี่ยนเรื่อง..ชวนคุยเรื่องพ่อแม่ซะเลย..อย่างคนจะกินยาตาย ถ้าเราพอมองหรือเดาออก เราก็แกล้งชวนคุยถกปัญหาว่า จะฆ่าตัวตายด้วยวิธีไหนดี..วิธีนี้ทรมานยังไง..ตายแล้ววิญญาณจะไปเจออะไรต่อ..เจอผี..พญายมหรือยมฑูต? ก็ว่าไปเรื่อยๆ..เดี๋ยวเขาจะเริ่มมองว่าเราบ้า..นี่เขาเริ่มมีสติแล้ว ! บางคนคิดมาก..บ่นว่าคิดไม่ตก..ๆ..ๆ เราอาจแหย่เล่นๆว่า.."ผม(กู) ว่า..คุณ(มึง) คิดจนตกเหวเลยไปแล้วล่ะ(ว่ะ)!" แล้วเขาอาจจะย้อนด่ากลับมาว่า "กวน.." ...ก็ลองๆ ดูจะช่วยคนบางทีก็ต้องยอมถูกด่าหน่อยถือซะว่าสร้างบารมี..สนุกดี..พอสติมาแล้วก็คุยหาสาเหตุและทางแก้ไขกันต่อไปน่ะ ...







ที่มา : หนังสืออภิมหามงคลธรรม หน้า ๓๖๑





Create Date : 19 สิงหาคม 2550    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:23:54 น.
Counter : 1561 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  


lcelcy
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มิถุนายน เดือนดี๊ดี " จุดกำเนิด iceicy's blog Dhamma"
ครบรอบ ๗ ปี แล้วค่ะ"

คนมาจากไหน?
เริ่มจาก เกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย
คนก็หายไป !!...แต่ความดีไม่เคยหายไปด้วย..
ทุกคนจำวันเกิดตัวเองได้ไหม... ก็คงจำได้กันหมดอะน่ะ
เคยคิดจะทำอะไรดีดี....
ให้กับตัวเองและคนอื่น..ในวันครบรอบวันเกิดของตัวเองไหมค่ะ?

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. ๒๕๔๙ (๗ ปีได้ผ่านมาแล้ว)
ฉันได้ทำสิ่งที่ชอบ และชอบในสิ่งที่ฉันได้ทำ
สิ่งนั้น คือ " บล๊อกเกี่ยวกับหลักธรรมข้อคิดต่างๆ "
เริ่มจากทำไม่เป็น ลองผิดลองถูก ทำจนสำเร็จ
ทั้งนี้ ขอขอบพระคุณ " กำลังใจ " คนรอบข้าง
และทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม iceicy's blog Dhamma น่ะค่ะ
(ซึ้งน่ะซึ้งน่ะเนี่ย!!!!)
<

วัตถุประสงค์ iceicy blog Dhamma
1. เพื่อเผยแพร่และสนับสนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับประเทศไทย
2. เพื่อนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนา
3. เพื่อแบ่งปันความรู้ทางพระพุทธศาสนา และแลกเปลี่ยนข่าวสารทั่วไป
4. สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญ ยกย่องบุคคลที่ควรยกย่อง

Google



Link to us:
ท่านสามารถนำ code ของ banner นี้
ไปติดที่เว็บของท่านได้ตามสะดวกน่ะค่ะ
ขอขอบคุณและขออนุโมทนามา ณ ที่นี้ด้วยน่ะค่ะ

Iceicy blog dhamma



New Comments
Friends' blogs
[Add lcelcy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.