Iceicy Blog Dhamma หน้าแรก หลักธรรม ปรัชญา ท่องเที่ยวธรรม เก็บตกธรรม บทสวดมนต์ บทเพลงธรรม เว็บบอร์ด iceicy ไอที ไดอารี่
Link to us:
Group Blog
 
All blogs
 

ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง








 






ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง


พ่อแม่ก็แก่เฒ่า                  จำจากเจ้าไม่อยู่นาน

จะพบจะพ้องพาน               เพียงเสี้ยววารของคืนวัน

ใจจริงไม่อยากจาก             เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน

แต่ชีพมิทนทาน                 ย่อมร้าวรานสลายไป

ขอเถิดถ้าสงสาร                อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ

คนแก่ชะแรวัย                   คิดเผลอไผลเป็นแน่นอน

ไม่รักก็ไม่ว่า                     เพียงเมตตาช่วยอาทร

ให้กินและให้นอน               คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ

เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง           ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย

ร้องไห้ยามป่วยไข้            ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน

เฝ้าเลี้ยงจนโตใหญ่            แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน

หวังเพียงจะได้ยล              เติบโตจนสง่างาม

ขอโทษถ้าทำผิด              ขอให้คิดทุกทุกยาม

ใจแท้มีแต่ความ               หวังติดตามช่วยอวยชัย

ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง                 มีหรือหวังอยู่นานได้

วันหนึ่งคงล้มไป                ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง.


คัดลอก :
หนังสือคติธรรมคำสอน อ.สุนทรเกตุ หน้า ๖๖




Create Date : 31 มีนาคม 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:16:08 น.
Counter : 2482 Pageviews.  

ขอในสิ่งที่ไม่ควรขอ








 





ขอในสิ่งที่ไม่ควรขอ



ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่อัคคาฬวเจดีย์เมืองอาฬวี ทรงปรารภกุฏิการสิกขาบทที่ภิกษุชาวเมืองอาฬวีพากันสร้างกุฏิด้วยการเที่ยวขอไม่มีขีดจำกัด เป็นเหตุให้ชาวเมืองอาฬวีเดือดร้อนเห็นพระภิกษุที่ไหนก็กลัวหลบหนีหน้าไปหมด พระองค์จึงตรัสติเตียนพวกภิกษุว่า " ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าการขอ อย่าว่าแต่มนุษย์เลย แม้พวกนาคในนาคภิภพ ก็ไม่ชอบใจ " แล้วทรงนำอดีตนิทานมาสาธก ว่า...




กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพราหมณ์ในตระกูลมั่งคั่งมีทรัพย์สมบัติมากตระกูลหนึ่ง ท่านมีน้องชายอยู่คนหนึ่งรักกันมาก ต่อมาเมื่อมารดาบิดาเสียชีวิตแล้ว พราหมณ์สองพี่น้องก็พากันสละทรัพย์สมบัติบริจาคทานออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญพรตอยู่ฝั่งแม่น้ำคงคา ฤาษีพี่ชายอยู่ทางทิศเหนือของแม่น้ำ ส่วนฤาษีน้องชายอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำ




อยู่มาวันหนึ่ง พญานาคมณิกัฏฐะได้แปลงเพศเป็นชายหนุ่มเที่ยวเล่นไปตามฝั่งแม่น้ำคงคา ผ่านไปถึงอาศรมของฤาษีผู้น้องจึงแวะเข้าไปสนทนาปราศรัยด้วยเกิดความสนิทสนมคุ้นเคยชอบพอกันกับฤาษีผู้น้องนั้น จึงเทียวมาเยี่ยมเยือนทุกวันมิได้เว้น เมื่อสนทนาเสร็จก่อนจะกลับก็จะคืนร่างเป็นพญานาคเอาขนดหางตะหวัดรัดรอบฤาษีแผ่พังพานไว้เหนือหัวด้วยความสิเนหาในฤาษีนั้น นอนพักอยู่หน่อยหนึ่งแล้วค่อยคลายร่างออกไหว้ฤาษีแล้วจึงกลับนาคพิภพ จะเป็นเช่นนี้ประจำ




ฤาษีนั้นทุกครั้งที่ถูกรัดตัวเกิดความกลัวจึงกินไม่ได้นอนไม่หลับจนร่างกายซูบซีดผ่ายผอมลงทุกวัน วันหนึ่ง ท่านได้แวะไปหาฤาษีพี่ชาย เล่าเรื่องให้ฟังแล้วปรับทุกข์กับพี่ชายว่า " ผมไม่อยากให้พญานาคมาหาผมเลย พี่ช่วยผมหน่อยซิ" พี่ชายถามว่า " พญานาคเวลามา มีเครื่องประดับอะไรไหมละ" " ประดับแก้วมณีมาครับพี่" ท่านตอบพี่ชาย ฤาษีพี่ชายจึงแนะนำว่า " เมื่อพญานาคมาถึงอาศรมของท่าน ยังไม่ทันได้ไหว้ ท่านก็ขอแก้วมณีของมันเลย มันก็จะหนีไป วันที่สองพอมันมาถึงประตูอาศรมเท่านั้น ท่านก็เอ่ยปากขอแก้วมณีของมันอีก พอถึงวันที่สาม ท่านไปยืนดักรอที่ฝั่งแม่น้ำ พอมันโผล่หัวขึ้นจากฝั่งแม่น้ำเท่านั้น ท่านก็เอ่ยปากขอแก้วมณีอีก ทีนี้แหละมันก็จะไม่มารบกวนท่านอีกเลย "




ฤาษีผู้น้องได้ทำตามนั้น ในวันที่ ๓ พญานาคขณะยืนอยู่ในน้ำเมื่อถูกฤาษีขอแก้วมณีอีก จึงพูดว่า " ท่านฤาษี ข้าวและน้ำอันไพบูลย์ยิ่งมีแก่ข้าพเจ้าก็เพราะแก้วมณีดวงนี้ ข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีแก่ท่านได้อย่างไร ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ต่อแต่นี้ไปข้าพเจ้าจักไม่มาอาศรมของท่านอีกแล้วละ เมื่อท่านขอแก้วมณีดวงนี้ทำให้ข้าพเจ้าหวาดเสียวเหมือนชายหนุ่มถือดาบอันคมกริบ "กล่าวจบก็ดำน้ำลงไปนาคพิภพไม่กลับมาที่นั้นอีกเลย




ฝ่ายฤาษี เมื่อพญานาคไปแล้วไม่มาหาอีกกลับคิดถึง เกิดความเศร้าเสียใจมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงยิ่งซูบผอมลงไปมากกว่าเดิมอีก หลายวันต่อมาฤาษีพี่ชายอยากจะทราบเรื่อง จึงแวะมาที่อาศรมน้องชาย เมื่อเห็นน้องชายแล้วยิ่งตกใจจึงถามถึงสาเหตุ ฤาษีน้องชายจึงตอบเป็นคาถาว่า
" บุคคลไม่ควรขอสิ่งที่รู้ว่าเป็นที่รักของเขา
อนึ่ง เพราะขอเกินไปย่อมเป็นที่เกลียดชัง
นาคราชถูกฤาษีขอแก้วมณี จึงไม่หวนกลับมาให้ฤาษีเห็นอีกเลย "
ฤาษีพี่ชายได้ปลอบน้องชายให้หายเศร้าเสียใจแล้วจึงกลับอาศรมของตน ฤาษีสองพี่น้องบำเพ็ญฌานสมาบัติได้ไปเกิดในพรหมโลกในที่สุด




นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
โดยธรรมชาติของคนและสัตว์ไม่ชอบการขอ ควรขอเท่าที่จำเป็นและขอในสิ่งที่เขาจะสามารถให้ได้เท่านั้น

ที่มา :
หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๒ โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม (เสนาซุย)
เว็บไซด์ธรรมะไทย dhammathai



Create Date : 28 มีนาคม 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:16:04 น.
Counter : 1232 Pageviews.  

คนชั่วสรรเสริญกันเอง








 





อันตชาดก เรื่อง คนชั่วสรรเสริญกันเอง



ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระเทวทัตกับพระโกกาลิกะต่างสรรเสริญกันเอง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นรุกขเทวดาประจำอยู่ที่ต้นละหุ่ง ในบริเวณบ้านหลังหนึ่ง วันหนึ่งมีโคแก่ตัวหนึ่งในบ้านนั้นได้ตายลง เจ้าของบ้านได้ลากซากศพมันไปทิ้งเป็นอาหารสัตว์ไว้ที่ข้างต้นละหุ่งนั้น ต่อมาไม่นานมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งมาแทะกินเนื้อโคนั้นอยู่ และมีกาตัวหนึ่งบินมาจับที่ต้นละหุ่งนั้น ด้วยหวังจะกินเนื้อโคนั้นเช่นกัน จึงพูดยกย่องสุนัขจิ้งจอกขึ้นว่า " ท่านพญาเนื้อ ผู้มีร่างกายเหมือนโคถึก มีความองอาจดังราชสีห์ ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแก่ท่าน ทำอย่างไร ข้าพเจ้าจักได้อาหารสักหน่อยหนึ่ง "

สุนัขจิ้งจอกได้ฟังคำยกย่องนั้นแล้วชื่นใจพูดตอบว่า " กุลบุตรย่อมสรรเสริญกุลบุตรด้วยกัน ท่านกาผู้มีสร้อยคองามเด่นเช่นนกยูง เชิญท่านลงมาจากต้นละหุ่ง มากินเนื้อให้สบายใจเถิด"

รุกขเทวดาเห็นกากับสุนัขจิ้งจอกกล่าวยกย่องกันตามที่ไม่เป็นจริง จึงกล่าวคาถาว่า
" บรรดามฤคชาติทั้งหลาย สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เลวที่สุด
บรรดาปักษีทั้งหลาย กาเป็นสัตว์ที่เลวที่สุด
และบรรดารุกขชาติทั้งหลาย ต้นละหุ่งเป็นต้นไม้ที่เลวที่สุด
ที่สุด ๓ อย่าง มาประจวบกันเข้าแล้ว "

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
คนเลวยกย่องกันเอง ชื่อเสียงมักไม่ปรากฏ
คนดียกย่องคนดีเหมือนกัน ชื่อเสียงย่อมปรากฏ

ที่มา :
หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๒ โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม (เสนาซุย)
เว็บไซด์ธรรมะไทย dhammathai


Create Date : 25 มีนาคม 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:16:54 น.
Counter : 1625 Pageviews.  

นิทานชาดก "ประโยชน์ของการคบมิตร"








 





ประโยชน์ของการคบมิตร



ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภมิตรของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี จึงตรัสว่า " ธรรมดามิตร จะเป็นคนเล็กน้อยไม่มี ผู้สามารถรักษามิตรไว้ได้เป็นสิ่งประเสริฐ มิตรผู้เสมอกัน ต่ำกว่ากัน หรือสูงกว่ากันควรคบไว้ เพราะมิตรเหล่านั้น ย่อมช่วยแบ่งเบาภาระของเราได้ทั้งนั้น " แล้วนำอดีตนิทานมาสาธกว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นเทวดาอยู่ที่กอหญ้าคาในพระราชอุทยาน เป็นมิตรกับเทวราชผู้ศักดิ์ใหญ่ตนหนึ่ง ผู้อาศัยที่ต้นไม้มงคลของพระราชาอยู่ในพระราชอุทยานนั้นด้วย ครั้งนั้น พระราชาประทับอยู่ในปราสาทเสาเดียว เสาของปราสาทนั้นสั่นไหวขึ้น พระองค์จึงรับสั่งให้พวกช่างไม้หาไม้แก่น มาเปลี่ยนเสาปราสาทใหม่ พวกช่างไม้เสาะแสวงหาไม้แก่นในพระราชอุทยาน ตกลงกันจะเอาต้นไม้มงคลนั้นทำเป็นเสาปราสาท จึงกราบทูลพระราชา พระองค์จึงอนุญาตให้ตัดได้ วันนั้น พวกนายช่างได้ไปทำพลีกรรมต้นไม้มงคล และกำหนดตัดในวันพรุ่งนี้

ฝ่ายเทวราช พอทราบว่าต้นไม้ที่อยู่อาศัยจะถูกตัด ไม่เห็นที่จะไป จึงกอดคอลูกน้อยร้องไห้อยู่ หมู่รุกขเทวดาทราบเรื่องแล้ว ก็ไม่มีใครจะช่วยแก้ปัญหาได้ เทวดาพระโพธิสัตว์ทราบเรื่อง จึงพูดปลอบเทวราชผู้สหายนั้นว่า " พรุ่งนี้เราจะไม่ให้ตัดต้นไม้นั้น พวกเราคอยดูเราเถิด "

ครั้นรุ่งขึ้น พอพวกช่างไม้มาถึง ท่านก็แปลงตัวเป็นกิ่งก่าวิ่งนำหน้าพวกช่างไม้ไป มุดเข้าที่โคนต้นไม้มงคลไปโผล่ออกทางยอดไม้นอนผงกหัวอยู่ ทำประหนึ่งว่าต้นไม้นั้นเป็นโพรง

นายช่างไม้เห็นเช่นนั้นแล้ว ก็เอามือตบต้นไม้นั้นแล้วตำหนิว่า " ต้นไม้นี้ มีโพรง ไร้แก่น เมื่อวานไม่ทันได้ตรวจดูถ้วนถี่ หลงทำพลีกรรมกันเสียแล้ว " ก็พากันหนีกลับไป

เทวราชพอเห็นวิมานของตนไม่ถูกทำลาย ก็ยกย่องพระโพธิสัตว์ ท่ามกลางหมู่รุกขเทวดา ด้วยคาถาว่า

" บุคคลผู้เสมอกัน ประเสริฐกว่ากันหรือเลวกว่ากัน ก็ควรคบกันไว้
เพราะมิตรเหล่านั้น เมื่อความเสื่อมเกิดขึ้น ก็พึงทำประโยชน์อันอุดมให้ได้
เหมือนเราผู้เป็นเทวดาสถิตอยู่ที่ต้นรุจา กับเทวดาผู้สถิตที่กอหญ้าคาคบกัน "

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
ผู้คนควรมีมิตรทุกชั้นวรรณะ เมื่อคราวลำบากจะมีผู้ช่วยเหลือ

ที่มา :
หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๑ โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม
เว็บไซด์ธรรมะไทย dhammathai.org
เว็บไซด์ arkanarak.igetweb.com


Create Date : 18 มีนาคม 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:17:10 น.
Counter : 943 Pageviews.  

นิทานชาดก เต่าชอบโอ้อวด








 





เต่าชอบโอ้อวด



ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุสหายกันสองรูปที่มักเถียงกันว่า ใครรูปหล่อกว่ากัน ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นรุกขเทวดาประจำอยู่ต้นไม้ อยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา สมัยนั้นมีปลาอยู่ ๒ ตัว ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในแม่น้ำคงคา อีกตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในแม่น้ำยมุนา ปลาทั้ง ๒ ตัวเมื่อว่ายมาเจอกันที่แม่น้ำทั้ง ๒ สายมาบรรจบกันตรงที่ต้นไม้นั้นอยู่ก็มักจะทุ่มเถียงกันว่าใครงามกว่ากันเสมอ ต่างก็ว่าตัวเองนั้นงามกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ตกลงกันไม่ได้สักที จึงพากันไปหาเต่าตัวหนึ่งเป็นผู้ตัดสินให้ว่าใครงามกว่ากัน

"ท่านเต่าผู้น่ารัก ขอท่านช่วยตัดสินให้พวกข้าพเจ้าเสียทีว่าใครงามกว่ากัน"
เต่าตัดสินว่า "ท่านปลาทั้งสอง ท่านที่มีอยู่แม่น้ำคงคาก็งามดีไม่มีที่ติ ท่านที่อยู่แม่น้ำยมุนาก็งามดีไม่มีที่ติ แต่โดยรวมแล้วเรางามกว่าพวกท่านทั้งสองอยู่ดี"
ปลาทั้ง ๒ ตัวฟังคำตัดสินของเต่าแล้วก็ด่ามันกว่า "เจ้าเต่าชั่ว เจ้าไม่ตอบคำถามของพวกเรากลับตอบไปอย่างอื่น" แล้วก็กล่าวเป็นคาถาว่า

"ท่านไม่ตอบเรื่องที่เราถาม เราถามอย่างหนึ่ง ท่านกลับตอบเสียงอีกอย่างหนึ่ง คนที่ยกย่องตนอง พวกเราไม่ชอบใจเลย"

ว่าแล้วปลาทั้ง ๒ ตัวก็พ่นน้ำใส่เต่านั้น เต่ากลับไปที่อยู่ของตนตามเดิม เทวดาโพธิสัตว์เห็นเหตุการณ์นั้นโดยตลอดได้แต่ให้เสียงสาธุการ

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
ผู้มักโอ้อวดตนเอง ยกตนข่มท่าน มักจะไม่มีเพื่อนและขาดคนเชื่อถือ

ที่มา :
เว็บไซด์ arkanarak.igetweb.com
เว็บไซด์ธรรมะไทย dhammathai.org
หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๒ โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม (เสนาซุย)


Create Date : 06 มีนาคม 2551    
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 23:17:57 น.
Counter : 1709 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  

lcelcy
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มิถุนายน เดือนดี๊ดี " จุดกำเนิด iceicy's blog Dhamma"
ครบรอบ ๗ ปี แล้วค่ะ"

คนมาจากไหน?
เริ่มจาก เกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย
คนก็หายไป !!...แต่ความดีไม่เคยหายไปด้วย..
ทุกคนจำวันเกิดตัวเองได้ไหม... ก็คงจำได้กันหมดอะน่ะ
เคยคิดจะทำอะไรดีดี....
ให้กับตัวเองและคนอื่น..ในวันครบรอบวันเกิดของตัวเองไหมค่ะ?

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. ๒๕๔๙ (๗ ปีได้ผ่านมาแล้ว)
ฉันได้ทำสิ่งที่ชอบ และชอบในสิ่งที่ฉันได้ทำ
สิ่งนั้น คือ " บล๊อกเกี่ยวกับหลักธรรมข้อคิดต่างๆ "
เริ่มจากทำไม่เป็น ลองผิดลองถูก ทำจนสำเร็จ
ทั้งนี้ ขอขอบพระคุณ " กำลังใจ " คนรอบข้าง
และทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม iceicy's blog Dhamma น่ะค่ะ
(ซึ้งน่ะซึ้งน่ะเนี่ย!!!!)
<

วัตถุประสงค์ iceicy blog Dhamma
1. เพื่อเผยแพร่และสนับสนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับประเทศไทย
2. เพื่อนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนา
3. เพื่อแบ่งปันความรู้ทางพระพุทธศาสนา และแลกเปลี่ยนข่าวสารทั่วไป
4. สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญ ยกย่องบุคคลที่ควรยกย่อง

Google



Link to us:
ท่านสามารถนำ code ของ banner นี้
ไปติดที่เว็บของท่านได้ตามสะดวกน่ะค่ะ
ขอขอบคุณและขออนุโมทนามา ณ ที่นี้ด้วยน่ะค่ะ

Iceicy blog dhamma



New Comments
Friends' blogs
[Add lcelcy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.