Iceicy Blog Dhamma หน้าแรก หลักธรรม ปรัชญา ท่องเที่ยวธรรม เก็บตกธรรม บทสวดมนต์ บทเพลงธรรม เว็บบอร์ด iceicy ไอที ไดอารี่
Link to us:
Group Blog
 
All blogs
 
ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่











ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่


ครั้งหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีมาแล้วที่บ้านตาดทอง
ในฤดูฝนมีการเตรียมปักดำกล้าข้าว
ทุกครอบครัวจะออกไปไถนาเตรียมการเพราะปลูก
ครอบครัวของชายหนุ่มคนหนึ่งกำพร้าพ่อ
ไม่ปรากฏชื่อหลักฐาน ก็ออกไปปฏิบัติภารกิจเช่นเดียวกัน

วันหนึ่งเขาไถนาอยู่นานจนสาย
ตะวันขึ้นสูงแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียมากกว่าปกติ และหิวข้าวมากกว่าทุกวัน
ปกติแล้วแม่ผู้ชราจะมาส่งก่องข้าวให้ทุกวัน แต่วันนี้กลับมาช้าผิดปกติ

เขาจึงหยุดไถนาเข้าพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้
ปล่อยเจ้าทุยไปกินหญ้าสายตาเหม่อมองไปทางบ้าน
รอคอยแม่ที่จะมาส่งข้าวตามเวลาที่ควรจะมา
ด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจ
ยิ่งสายตะวันขึ้นสูงแดด ยิ่งร้อนความหิวกระหายยิ่งทวีคูณขึ้น

ทันใดนั้นเขามองเห็นแม่เดินเลียบมาตามคันนาพร้อมก่องข้าวน้อยๆ ห้อยต่องแต่งอยู่บนเสาแหรกคาน
เขารู้สึกไม่พอใจที่แม่เอาก่องข้าวน้อยนั้นมาช้ามาก
ด้วยความหิวกระหายจนตาลาย อารมณ์พลุ่งพล่าน เขาคิดว่าข้าวในก่องข้าวน้อยนั้นคงกินไม่อิ่มเป็นแน่
จึงเอ่ยต่อว่าแม่ของตนว่า

"อีแก่ มึงไปทำอะไรอยู่จึงมาส่งข้าวให้กูกินช้านัก
ก่องข้าวก็เอามาแต่ก่องน้อยๆ กูจะกินอิ่มหรือ?"

ผู้เป็นแม่เอ่ยปากตอบลูกว่า
"ถึงก่องข้าวจะน้อยก็น้อยต้อนแต้นแน่นในดอกลูกเอ๋ย ลองกินเบิ่งก่อน"

ความหิว ความเหน็ดเหนื่อย ความโมโห หูอื้อตาลาย ไม่ยอมฟังเสียงใดๆ เกิดบันดาลโทสะอย่างแรงกล้า
คว้าได้ไม้แอกน้อยเข้าตีแม่ที่แก่ชราจนล้มลงแล้วก็เดินไปกินข้าว กินข้าวจนอิ่มแล้วแต่ข้าวยังไม่หมดกล่อง
จึงรู้สึกผิดชอบชั่วดี รีบวิ่งไปดูอาการของแม่และเข้าสวมกอดแม่
อนิจจา แม่สิ้นใจไปเสียแล้ว..

ชายหนุ่มร้อยไห้โฮ สำนึกผิดที่ฆ่าแม่ของตนเองด้วยอารมณ์เพียงชั้ววูบ
ไม่รู้จะทำประการใดดี
จึงเข้ากราบ นมัสการสมภารวัดเล่าเรื่องให้ท่านฟังโดยละเอียด

สมภารสอนว่า "การฆ่าบิดามารดาผู้บังเกิดเกล้าของตนเองนั้นเป็นบาปหนัก
เป็นมาตุฆาต ต้องตกนรกอเวจีตายแล้วไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดเป็นคนอีก มีทางเดียวจะให้บาปเบาลงได้
ก็ด้วยการสร้างธาตุก่อกวมกระดูกแม่ไว้ ให้สูงเท่านกเขาเหิน จะได้เป็นการไถ่บาปหนักให้เป็นเบาลงได้บ้าง"

เมื่อชายหนุ่มปลงศพแม่แล้ว ขอร้องชักชวนญาติมิตรชาวบ้านช่วยกันปั้นอิฐก่อเป็นธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิแม่ไว้
จึงให้ชื่อว่า "ธาตุก่องข้าวน้อยฆ่าแม่" จนตราบทุกวันนี้

ทุกวันนี้มีผู้มากราบธาตุก่องข้าวน้อยฯทุกวัน
เพื่อขอขมาลาโทษเหมือนเป็นการไถ่บาปที่ทำให้พ่อแม่เสียใจ บางคนเมื่อมีลูกแล้วถึงรู้ว่าบุญคุณแม่มากสุดเหลือคณานับ
เพิ่งรู้ว่าเลี้ยงดูลูกนั้นยากหนักหนาขนาดไหน จึงมาสำนึกที่ทำให้แม่ต้องเสียใจ บ้างก็มากราบไหว้เพื่อรำลึกถึงบุญคุณแม่

คติ:ทำดีกับพ่อแม่ยามเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ดีว่า สำนึกได้เมื่อท่านจากไป



อ้างอิง :
จากเว็ปไซด์ //board.palungjit.com/showthread.php?p=1073622


Create Date : 13 กรกฎาคม 2551
Last Update : 13 กรกฎาคม 2551 0:22:31 น. 9 comments
Counter : 1078 Pageviews.

 
อ่านแล้วคิดถึงแม่จังครับ ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มีข้อคิดแบบนี้มาให้อ่านครับ


โดย: AIam วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:2:00:51 น.  

 
ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่

สะท้อนให้ทราบถึง ความโลภ โกรธหลง

โลภ อยากได้ข้าวมากๆ
โกรธ ที่เห็นว่าข้าวมีน้อย
หลง ไม่รู้จริง ว่าแท้จริงนั้นข้าวอัดแน่นมากมาย

ทำให้ก่ออนันตริยกรรม เศร้าจริงๆ
แต่ยังมีสำนึกในสิ่งที่กระทำ นับว่ายังเข้าใจในอกุศลมูล อันนำไปสู่กุศลมูล


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:11:14 น.  

 
ี้ไอซ์นั่งดูทีวี เรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ (ไม่เคยดูมาก่อนค่ะ) ดูทางทีวีสาธารณะ ช่อง(ThaiPBS) ( 12 กรกฏาคม 2551)
ใครได้ดูพร้อมกับไอซ์บ้างค่ะ....(นั่งดู.... นั่งพิมพ์ถามไปในบอร์ดด้วยน่ะเนี่ย...
เพราะสงสัยไม่ได้ดูตั้งแต่แรกค่ะ???????)
ตอนแรกดูไม่ทันค่ะ พึ่งจะมาเปิดดู.... ตอนที่แม่เอาข้าวมาส่งให้ลูกช้าอ่ะ.... แล้วลูกชายโมโหหิว เลยใช้ไม้ตีแม่ที่ศรีษะครั้งเดียวตายเลยอ่ะ
สงสัยค่ะ ทำไมถึงเขียน "ก่อง"แบบนี้หละค่ะ ทำไมไม่เขียนเป็น "กล่อง" แบบนี้หละค่ะ
ความหมายของคำว่า "ก่อง" กับ "กล่อง" เหมือนกันหรือป่าวค่ะ
ใครเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วมั่งค่ะ??? หนังเรื่อง ก่องข้าวน้อยฆ่าแม่ อ่ะ

1. หนังเรื่องนี้ที่สร้างจากเรื่องจริงหรือป่าวค่ะ ?
2. หนังเรื่องนี้มีตำนานหรือป่าวค่ะ?
"ถึงดูไม่จบ ...แต่ก็จะทำให้ ไอซ์คิดได้ว่า "อย่ารีรอ..อย่าเลือกเวลาที่จะตอบแทนบุญคุณพ่อแม่"



โดย: IceIcy (lcelcy ) วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:12:25 น.  

 
ได้ดูแว๊บๆเหมือนกันแต่ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน

ภาพยนต์เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า คิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำก่อนคิด


โดย: TaN22497 IP: 125.27.10.117 วันที่: 13 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:22:06 น.  

 
อ่านเรื่องนี้แล้วรันทดใจ สมัยนี้เห็นข่าวนสพ.แนวนี้บ่อยๆ..ลูกทำร้ายพ่อแม่...เพราะขาดสติเพียงตัวเดียว...น่าสงสาร


โดย: VICT วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:03:57 น.  

 
สร้างจากเรื่องจิงคับ
จากจ.ยโสธร


โดย: natumma IP: 202.28.51.71 วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:44:55 น.  

 




มาชวนไปเที่ยวตลาดนัดบ้านป้าค่ะ



โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 14 กรกฎาคม 2551 เวลา:21:26:51 น.  

 
โกรธ จนขาดสติ ปัญญาจึงมืดบอด
ก่อกรรมอันร้ายแรงขึ้น
ทุกข์แสนสาหัสจึงเกิด
หลังจากสติกลับมาแล้ว
ระวัง "สติ" ของตัวเองให้จงหนัก
กระทำการใดๆด้วยสติ
ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเถิด..


โดย: ผู้แสวงหา IP: 125.25.109.21 วันที่: 22 กรกฎาคม 2551 เวลา:15:16:58 น.  

 
สนุกมากครับได้ความรู้ดี อิๆๆๆๆๆ


โดย: ดีดีดีดีดีดีดีดีดีครับ IP: 118.172.51.137 วันที่: 13 กันยายน 2551 เวลา:21:53:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lcelcy
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มิถุนายน เดือนดี๊ดี " จุดกำเนิด iceicy's blog Dhamma"
ครบรอบ ๗ ปี แล้วค่ะ"

คนมาจากไหน?
เริ่มจาก เกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย
คนก็หายไป !!...แต่ความดีไม่เคยหายไปด้วย..
ทุกคนจำวันเกิดตัวเองได้ไหม... ก็คงจำได้กันหมดอะน่ะ
เคยคิดจะทำอะไรดีดี....
ให้กับตัวเองและคนอื่น..ในวันครบรอบวันเกิดของตัวเองไหมค่ะ?

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. ๒๕๔๙ (๗ ปีได้ผ่านมาแล้ว)
ฉันได้ทำสิ่งที่ชอบ และชอบในสิ่งที่ฉันได้ทำ
สิ่งนั้น คือ " บล๊อกเกี่ยวกับหลักธรรมข้อคิดต่างๆ "
เริ่มจากทำไม่เป็น ลองผิดลองถูก ทำจนสำเร็จ
ทั้งนี้ ขอขอบพระคุณ " กำลังใจ " คนรอบข้าง
และทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม iceicy's blog Dhamma น่ะค่ะ
(ซึ้งน่ะซึ้งน่ะเนี่ย!!!!)
<

วัตถุประสงค์ iceicy blog Dhamma
1. เพื่อเผยแพร่และสนับสนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับประเทศไทย
2. เพื่อนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนา
3. เพื่อแบ่งปันความรู้ทางพระพุทธศาสนา และแลกเปลี่ยนข่าวสารทั่วไป
4. สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญ ยกย่องบุคคลที่ควรยกย่อง

Google



Link to us:
ท่านสามารถนำ code ของ banner นี้
ไปติดที่เว็บของท่านได้ตามสะดวกน่ะค่ะ
ขอขอบคุณและขออนุโมทนามา ณ ที่นี้ด้วยน่ะค่ะ

Iceicy blog dhamma



New Comments
Friends' blogs
[Add lcelcy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.