สมมติว่าคุณเป็นครูที่สุภาพ เรียบร้อย ไม่ศรัทธาในไม้เรียวแต่ต้องมาคุมชั้นเรียนที่เต็มไปด้วยนักเรียนเหลือขอที่ไร้ระเบียบวินัยและไม่สนใจการเรียนเลยคุณจะพูดอะไร พวกเขาก็ไม่สนใจฟังแถมยังคุยเล่นและกินขนมแข่งกับคุณอีกเจอแบบนี้คุณจะทำอย่างไร ?ครูผู้หนึ่งตกอยู่ในสภาพดังกล่าวมานานนับเดือนจะพูดจะสอนอย่างไรก็ไม่เป็นผลจนรู้สึกท้อแท้เป็นกำลัง เกือบจะวางมืออยู่แล้วแต่วันหนึ่งเธอได้ความคิดขึ้นมาว่า น่าจะลองเปลี่ยนวิธีการเธอขอให้นักเรียนทุกคนเขียนชื่อนักเรียนทั้งชั้นลงในกระดาษชื่อละบรรทัด จากนั้นให้เขียนสิ่งดี ๆหรือลักษณะที่น่าประทับใจของเพื่อนแต่ละคนต่อท้ายชื่อของเขาโดยมีเงื่อนไขว่า ให้เขียนอย่างซื่อตรงจริงใจครูนำกระดาษเหล่านั้นกลับไปบ้านแล้วรวบรวมคุณสมบัติดี ๆ ที่เพื่อน ๆ เขียนถึงแต่ละคนมาใส่ลงในกระดาษแผ่นใหม่ แผ่นละหนึ่งคนวันรุ่งขึ้นก็นำกระดาษเหล่านั้นแจกให้นักเรียนทุกคนตามรายชื่อปรากฏว่าหลายคนอ่านแล้วไม่เชื่อว่า ตนจะมีสิ่งดี ๆ อยู่ในตัวนับแต่นั้นมาบรรยากาศในห้องเรียนก็เริ่มเปลี่ยนไปนักเรียนตั้งใจเรียนและมีระเบียบมากขึ้นครูพูดอะไรนักเรียนก็สนใจฟังทั้งหมดนี้เกิดขึ้นหลังจากที่พวกเขาตระหนักว่าตนเองไม่ได้แย่อย่างที่เคยคิดผ่านไปหลายปี นักเรียนเหล่านี้สำเร็จการศึกษาแล้วก็แยกย้ายกันไปตามวิถีทางของตัวจนกระทั่งได้ข่าวว่า เพื่อนร่วมชั้นเรียนคนหนึ่งเสียชีวิตลงเพื่อนเก่า ๆ มาพบกันใหม่ในงานศพของผู้จากไปแม่ของเขาจำเพื่อนของลูกได้ จึงเรียกให้มาหาและสนทนากันสักพักก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเยินและคร่ำคร่ามาให้ดูแม่บอกว่านี่เป็นกระดาษที่ลูกของเธอพกติดตัวตลอดเวลาเป็นกระดาษที่ครูได้รวบรวมสิ่งดี ๆ เกี่ยวกับตัวเขาที่เพื่อน ๆ ได้ช่วยกันเขียนแม่เล่าว่าข้อความในกระดาษแผ่นนั้นเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ลูกของเธอตลอดมาเขามักจะหยิบมาอ่านอยู่เสมอในยามที่มีปัญหาหรือเกิดความท้อแท้และแล้วเพื่อนหลายคนก็หยิบแผ่นกระดาษออกมาจากกระเป๋าของตนโดยมิได้นัดหมายเป็นกระดาษที่ครูได้มอบให้พวกเขาในวันเดียวกันนั้นเองพวกเขาพกติดตัวตลอดเวลาเช่นกันเพราะมันมีความหมายต่อชีวิตของพวกเขามากกระดาษเพียงแผ่นเดียวสามารถเปลี่ยนชีวิตของคนหลายคนได้ก็เพราะมันเป็นทั้งสิ่งเตือนใจและให้กำลังใจแก่พวกเขาว่าพวกเขามีสิ่งดี ๆ อยู่ในตัวกำลังใจดังกล่าวมีความหมายมากเพราะช่วยให้เขามีพลังที่จะต่อสู้กับอกุศลภายในใจหรือสิ่งไม่ดีที่สั่งสมจนเป็นนิสัยอาทิ ความเกียจคร้าน ความเกเรความไม่ซื่อตรง และความเห็นแก่ตัวเป็นเวลาหลายปีที่นิสัยไม่ดีเหล่านี้สั่งสมและเจริญงอกงามจนหล่อหลอมเป็นบุคลิกที่ชวนระอาและน่ารังเกียจโดยไม่มีแรงต้านทานจากภายในที่จะต่อสู้เลยก็จะต่อสู้ต้านทานไปทำไม ในเมื่อฉันเป็นคนที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างยิ่งคิดเช่นนี้จิตใจที่ใฝ่ดีก็ยิ่งอ่อนแรงและต้องพ่ายแพ้แก่นิสัยที่ไม่ดีจะว่าแล้วในเมื่อเด่นในทางดีไม่ได้ก็ต้องหาทางเด่นในทางไม่ดีก็เลยมีแรงหนุนให้ทำสิ่งเลวร้ายมากขึ้นการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนนั้น ทำได้สองแนวทางแนวทางแรก คือ ควบคุมจิตใจใฝ่ต่ำหรือพฤติกรรมด้านลบ ไม่ให้เติบใหญ่วิธีที่นิยมใช้ คือ การห้ามหรือบังคับมิให้ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งควบคู่กับการขู่ว่าจะลงโทษ หรือการทำให้กลัวนอกจากนั้นได้แก่การทำให้ละอายเช่น ตำหนิ ต่อว่า ประจาน หรือประณามแนวทางที่สอง คือ การสนับสนุนจิตใจใฝ่ดีให้เจริญงอกงามและมีกำลังเพื่อกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ดีงามอาทิ การชื่นชมความดีที่เขามีหรือส่งเสริมให้เขาเห็นสิ่งดี ๆ ในตัว รวมไปถึงการชมเชยใช่หรือไม่ว่าทุกวันนี้ผู้คนมักจะนึกถึงแนวทางแรกจนบ่อยครั้งลืมใช้แนวทางที่สองเราจึงมักถนัดในการตำหนิมากกว่าการชื่นชมคุ้นกับการลงโทษมากกว่าการส่งเสริมคุ้นกับการขู่ให้กลัวมากกว่าการสร้างแรงบันดาลใจผู้บริหารปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งให้ความสำคัญกับนโยบายห้องน้ำสะอาดมากคราวหนึ่งพบว่าห้องน้ำในปั๊มน้ำมันจังหวัดแห่งหนึ่งไม่สะอาดเท่าที่ควรเขาจึงเดินไปหาพนักงานทำความสะอาดแต่แทนที่จะต่อว่า เขากลับบอกว่าตอนที่เข้าห้องน้ำได้ยินลูกค้าหนึ่งชมว่า ห้องน้ำปั๊มนี้สะอาดมากแล้วเขาก็ถามว่า พนักงานผู้นั้นทำความสะอาดอย่างไรเมื่อรู้ว่าเธอทำความสะอาดตามขั้นตอนที่ได้อบรมเขาก็ชมว่า "ป้าเก่งจัง"ทันทีที่ชมเสร็จ พนักงานผู้นั้นก็ขอตัวสิ่งแรกที่เธอทำ คือ ไปห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดอีกครั้งหนึ่งคำชมเชยนั้นใช่ว่าควรใช้เมื่อผู้อื่นทำความดีเท่านั้น ก็หาไม่แม้เขายังทำได้ไม่ดี แต่หากได้รับคำชมก็อาจเกิดกำลังใจที่จะทำให้ดียิ่งขึ้นก็ได้น้ำเสียนั้นเราไม่จำเป็นต้องวิดดอกเพียงแค่ทดน้ำดีเข้าไปมาก ๆ มันก็จะไปไล่น้ำเสียเองนิสัยไม่ดีก็เช่นกัน เพียงแต่เพิ่มกำลังให้จิตใจใฝ่ดีเท่านั้นมันก็จะไปกำจัดนิสัยไม่ดีเอง