ไปฮ่องกง & มาเก๊า ครั้งนี้......แฟมิลี่ หรือฮันนีมูนทริป???
ก็เป็นมันทั้งสองแบบสิ....ไม่เห็นจะยากเลย ช่วงก่อนคริสมาร์ตที่ผ่านมา ที่บ้านอิชั้นพากันไปเที่ยวฮ่องกง + มาเก๊า แบบเดิมที่เคยไปเมื่อปีที่แล้ว สาเหตุที่หมู่เราชอบเที่ยวฮ่องกงกัน เพราะใช้เวลาเดินทางน้อย...ราคาตั๋วไม่แพง อาหารอร่อย และมีของให้ช๊อปปิ้งกันอื้อซ่า....
แต่คราวนี้ พิเศษตรงที่มีผู้ร่วมทริปเพิ่ม คืออาม่า กะพี่ศักดิ์...สามีที่เพิ่งแต่งงานมาหมาดๆของอิชั้น ในเมื่อคราวนี้ มีทั้งบ้านเราและคนรักเราไปด้วย....ทริปนี้อิชั้นจึงขอเรียกรวมว่า ฮ่องกง & มาเก๊า....แฟมิลี่ฮันนีมูนทริปก็แล้วกันนะคะ วันที่ 22 ธค. 54 เวลา 07.30 น. พวกเราก็เดินทางจากจ.ชลบุรี ตรงดิ่งไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ คราวนี้เราไปกันเยอะค่ะ เลยเช่ารถตู้เพื่อความสะดวก ป๊าชอบมากกก เพราะไม่ต้องขับรถเอง มาถึงสนามบินแล้ว เราก็ไปโหลดกระเป๋า..หนนี้เราเดินทางด้วยสายการบินแอร์เอเชียค่ะ (ไม่เคยนั่งเลยนะ นี่หนแรกเลย) โหลดกระเป๋าเสร็จ ก็ได้เวลาอาหารเช้า หนนี้เรามีอาม่ามาด้วย ต้องทานข้าวให้ตรงเวลาหน่อย เพราะอาม่าเป็นเบาหวานค่ะ ต้องทั้งกินยาและทั้งฉีดอินซูลิน ตอนนี้ก็ได้มื้ออาหารของอาม่าแล้วด้วย....ว่าแล้วเราก็หาร้านนั่งทานกันหน่อยแล้วกัน จะบอกว่าแต่ละร้านคนเยอะมาว๊ากกก เพราะเป็นช่วงเวลาอาหารพอดี แต่ละร้านจะหาที่ว่างที่พอนั่ง 7 ที่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย... แต่พอดี ร้านบะหมี่เจ้านี้ว่างค่ะ น่าจะมีที่นั่งพอ... นาทีนี้ไม่เลือกมากแล้วค่ะ มีที่ก็เข้าไปเล้ยย เรื่องรสชาติว่ากันทีหลัง....
เข้าไปก็สั่งอาหาร ร้านนี้ท่าทางบะหมี่เป็ดย่าง + หมูแดงจะอร่อยนะ แต่เราอยากกินโจ๊กมากกว่าอ่า ก็เลยสั่งโจ๊กหมูใส่ไข่เยี่ยวม้า (ของโปรด) มากิน
รสชาติก็พอใช้ได้นะ ด้วยความที่เราหิวกันด้วย เลยซัดกะเสียเรียบ..เฮ้อสบายท้อง ส่วนคนอื่นก็ทานเป็นข้าวหน้าหมูตุ๋นบ้าง บะหมี่บ้างตามอัธยาศัย
เสร็จแล้วก็เรียกเช็คบิล....ไหนดูสิว่าราคาเท่าไหร่ มื้อนี้ปาเข้าไปสองพันกว่าบาทแน่ะ ราคาสูงหน่อย แต่ก็ต้องทำใจเนอะ ร้านอาหารในสนามบินก็อย่างนี้แหล่ะ
เสร็จแล้วผ่านด่านผู้โดยสารขาออก เดินผ่าน Duty free ก็แวะสักหน่อย....(แล้วก็ได้ติดมือมาประเภทน้ำหอมอะไรทำนองนี้ ปาเข้าไปหลายพัน...ขนาดยังไม่ออกจากประเทศเลยนะเนี่ย...)
แล้วเราก็มานั่งรอที่ประตู จนได้เวลาขึ้นเครื่อง พอเค้าเรียกให้ขึ้น พวกเราก็เข้าไปเลยค่า...
อ้อ...ลืมบอกว่า เราไปคราวนี้กับทัวร์ค่า เค้ามีงบให้ 100 บาทไว้ซื้อของกินในเครื่องบินด้วย ดูนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว เราก็เลยต้องกินอีกมื้อนึงในเครื่องกันนี่แหล่ะ
อิชั้นเลือกมาม่าคัพ ราคา 60 บาท ส่วนพี่ศักดิ์หง่ำๆแซนวิส
นั่งไม่นาน เราก็มาถึงสนามบินมาเก๊าแล้วค่ะ สนามบินนี้เป็นสนามบินเล็กๆค่ะ คนเลยไม่เยอะเท่าไหร่...
เมื่อผ่านพิธีการทางสนามบิน เราก็มาถึงตัวเมืองมาเก๊าแล้ว...เย้ (ขนาดบินไม่นาน ยังใช้เวลาปาเข้าไปตั้งสองมื้อ)
มาเก๊าถือเป็นเขตบริหารพิเศษแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน อยู่ไม่ไกลจากฮ่องกง... ที่นี่จึงมีคนที่แวะมาเที่ยวมากมายอยู่เหมือนกัน
เวลาที่นี่เร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมงนะคะ อย่าลืมตั้งเวลากันใหม่ เดี๋ยวเวลาเค้านัดจะได้มาถูก......
ก่อนอื่นไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมริมทะเลก่อนนะค้า...โดยรูปปั้นเจ้าแม่นี้มีประวัติตามนี้ค่า V V
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมริมทะเล-มาเก๊า (Kun Iam Statue-De Macau) เป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่รัฐบาลโปรตุเกสสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับรัฐบาลจีน เขตปกครองพิเศษมาเก๊า เนื่องในโอกาสที่ส่งมอบ มาเก๊าคืนให้กับจีน องค์รูปปั้นเป็นสีทองมีพระพักต์ละม้ายพระแม่มารี ซึ่งก็แน่นอนเพราะโปตุเกสเป็นประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ซึ่งมีความศรัทธาในพระแม่มารีหรือแม่พระซึ่งเป็นพระมารดาของพระเยซูเจ้า รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสีทองอร่ามประดิษฐานบนดอกบัว ภายในฐานพระรูปจะเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งแสดงถึงประวัติความเป็นมา และวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างซึ่งมี 2 ชั้น ชั้น1 เป็นห้องแสดงประวัติ ห้องสมุดและโสตทัศนศึกษา ส่วนชั้น 2 เป็นห้องภาวนาและจำหน่ายของที่ระลึก ตัวรูปปั้นยื่นลงไปในทะเลและมีวิวทิวทัศน์สวยงามมากมีเส้นทางเดินสู่องค์รูปปั้นมีความยาว 60 เมตรน้ำหนักรูปปั้น 60 ตัน ความสูง 20 เมตร ด้านหน้าเป็น ถนน ดร.ซุนยัดเซ็น ซึ่งเป็นแหลงธุรกิจของมาเก๊า นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร ภัตคาร และ ผับ บาร์ ประวัติการก่อสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิมนั้นถูกออกแบบโดยศิลปินชาวโปตุเกส Cristina Rocha Leiria เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ. 1997 และสำเร็จในเดือน มี.ค. ค.ศ. 1999
......................................................................
แต่ !! ปัญหาคือ ช่วงนี้เค้ากำลังบูรณะอยู่ ก็เลยถ่ายมาแล้วไม่เห็นอะไรเท่าไหร่ แถมเข้าไปใกล้ๆมากก็ไมได้..เราก็เลยตั้งจิตอธิษฐาน ขอไหว้เจ้าแม่จากตรงนี้ก็แล้วกัน....
ต่อไปก็ไปวัดอาม่ากันค่ะ
ประวัติ.... วัดอาม่า (A-Ma Temple) วัดอาม่า คือ วัดที่เก่าแก่ที่สุดและเก็บรักษาศิลปะวัตถุเก่าแก่ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลไว้มากมาย เป็นอาคารสถาปัตยกรรมที่คงอยู่มาได้ยาวนานที่สุดในมาเก๊า
วัดเจ้าแม่อาม่า หรือที่รู้จักกันในนามของ ศาลเจ้าแม่ทับทิม ตั้งอยู่บริเวณเขาบาร์รา สร้างขึ้นเพื่อเป็นการถวายสักการะแก่อาม่า องค์เทพธิดาแห่งท้องทะเล โดยมีตำนานเล่าว่ามีหญิงสาวชื่อ 'หลิงม่า' เป็นชาวฟูเจี้ยน ต้องการข้ามฝั่งมายังคาบสมุทรเอ้าเหมิน จึงขอโดยสารมากับเรือประมงลำเล็กๆลำหนึ่ง แต่ระหว่างที่เรือล่องอยู่ก็กลับมีพายุเกิดขึ้นทำให้เรือลำอื่นๆอับปางลง แต่ด้วยปาฏิหาริย์ก็ทำให้เรือของหลิงม่าเดินทางมาถึงฝั่งได้อย่างปลอดภัย แต่เมื่อก้าวเท้าขึ้นบนฝั่ง เธอก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายลับไป ชาวประมงทั้งหลายจึงเชื่อกันว่าเธอเป็นธิดาแห่งท้องทะเล และนับแต่นั้นดินแดนแห่งนี้ก็ได้รับการขนานนามว่า 'อ่าวของอาม่า' อ่านเป็นภาษาจีนว่า 'อามา เกา' และเพี้ยนมาเป็นมาเก๊าในปัจจุบัน โดยภายในวัดอาม่านั้นในมีก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปเรือสำเภาโบราณ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่า เป็นจุดที่เจ้าแม่อาม่าย่างเท้าก้าวขึ้นสู่ผืนดินมาเก๊าอีกด้วย
บริเวณหน้าวัดมีรูปปั้นสิงโตหินอยู่ 2 ตัว เชื่อกันว่าหากใครได้หมุนลูกแก้ว ที่อยู่ในปากสิงโตไปทางขวา 3 ครั้ง พร้อมตั้งจิตอธิษฐาน แล้วจะสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา
......................................................................
มาถึงวัดแล้วก็ไปหมุนลูกแก้วกันหน่อย อธิษฐาน.....ขอให้สมหวังนะคะ ทริปนี้ถูกใจอาม่ากะแม่จริงๆ ได้ทำบุญไหว้พระถึงถิ่นเลย...
ออกมาหน้าวัดแล้ว บรรยากาศดีมากเลย อากาศเย็นสบาย แต่ไม่ถึงกับหนาวมาก ......เรามาถ่ายรูปเล่นกันหน่อยนะ
แล้วก็แวะไปชมขนมและหมูแผ่นที่ร้านของฝากกันหน่อยจ้า..(หนักไปทางชิม ยังไม่ซื้ออ่ะ ขี้เกียจแบก...)
จากนั้น เราก็ไปเยี่ยมชมซากโบสถ์เซนต์ปอลกันนะคะ....
ประวัติค่า V V ซากโบสถ์เซนต์ปอล (Ruins of St. Pauls) ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีเรื่องราวเกี่ยวข้องที่น่าสนใจดังนี้
โบสถ์เซนต์ปอลถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1602 แล้วเสร็จในปีค.ศ. 1637 ออกแบบโดยพระนิกายเยซูอิตชาวอิตาเลียนโดยความช่วยเหลือของคริสเตียนชาวญี่ปุ่น เป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเวลานั้น ตั้งอยู่ติดกับวิทยาลัยเยซูอิตแห่งเซนต์ปอล (The Jesuit College of St. Pauls) ซึ่งเป็นสถานศึกษาแห่งแรกของชาวตะวันตกในแดนตะวันออกไกลซึ่งมิชชันนารีผู้เผยแพร่ศาสนาใช้เป็นที่เรียนภาษาจีนที่มาเก๊าก่อนที่จะเดินทางเข้าแผ่นดินใหญ่
วิทยาลัยแห่งนี้ก็ถูกใช้เป็นค่ายทหารหลังจากที่มีการขับไล่บรรดาพระนิกายเยซูอิตออกไป ต่อมาในปีค.ศ. 1835 เกิดไฟใหม้เริ่มต้นจากในห้องครัว ไฟลุกลามรุนแรงทำลายวิทยาลัยและตัวอาคารโบสถ์พังทลายจนหมด คงเหลือไว้แต่เพียงด้านหน้าของตึกที่มีรายละเอียดของสถาปัตยกรรม (Façade) ส่วนของบันไดทางขึ้น และบางส่วนของกำแพง ทุกอย่างถูกทิ้งไว้หลังเกิดไฟไหม้ใหญ๋ในครั้งนั้น จนถึงปี ค.ศ. 1991 จึงได้มีการบูรณะซ่อมแซม มีการจัดสร้างบริเวณด้านหลังของซากประตูโบสถ์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาซึ่งรวบรวมภาพเขียนและอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนาต่างๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
......................................................................
จะบอกว่า คนเยอะมากก เพราะที่นี่ถือเป็นไฮไลท์ของมาเก๊าเลย หาวิวที่ไม่มีคนยากมากกก พยายามที่สุดแล้วก็ได้แค่นี้แหล่ะ
แล้วเราก็แวะไปทานทาร์ตไข่ของขึ้นชื่อของมาเก๊าหน่อยนะคะ ทาร์ตไข่ที่นี่อร่อยมากกกอ่ะ เราชอบนะ มันจะเกรียมๆนิดๆ ส่วนครีมคัสตาร์ดจะหวานน้อยกว่า KFC จะออกมันๆมากกว่า แต่ไม่เลี่ยนนะ....ชอบอ่ะ อร่อยมากกก
เดินเล่นย่านการค้าแป๊บนึง ก็เจอป้ายโฆษณาเบอร์เกอร์ร้านนึง เห็นแล้วต๊กใจ...ทำไมหน้าเหมือนอาม่าอิชั้นจังเลยหว่า
V V
นี่ไง...เหมือนไม๊ค่ะ ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้...เดี๋ยวไปอำอาม่าดีกว่า อิอิ
วิ่งกลับมาหาอาม่า แล้วถาม "อาม่าไปกินอะไรมา เนี่ยทัวร์เค้าถ่ายรูปไว้แล้ว ตาหล๊ก ตลก กินอร่อยใหญ่เลยนะ" (เอารูปในกล้องให้อาม่าดู) อาม่า : มองรูปแล้วงงเต็ก "กินอะไร อั๊วกินอะไร...ม่ายเห็นรู้เรื่อง" อิชั้น : ก็นี่ไง อ้าปากกินคำใหญ่ แถมมองกล้องด้วย...ทำไมกินอะไรไม่เรียบร้อยเล้ย" (คริคริ) อาม่า : "เอ...แล้วอั๊วไปกินอะไรตอนไหนหว่า ทำไมอั๊วจำไม่ได้..อั๊วม่ายล่ายกินขนมปังนา" อิชั้น : (ยังอำไม่เลิกรา) "ลื้อจำไม่ได้หรือเหรอ...ว่ากินตอนไหน" อาม่า : "อั๊วจำม่ายล่ายอ่า เอ..ไปกินตอนไหนหว่า เดี๋ยวความจำไม่ค่อยดี ขี้หลงขี้ลืมแล้ว..." อิชั้น : (ปิดปากหัวเราะแล้วจากไป) ทิ้งให้อาม่างงเป็นไก่ตาแตก
ยังไม่เฉลยหรอก ปล่อยให้แกคิดต่อไปเรื่อยๆ ว่าไปกินขนมปังตอนไหน หุหุ (ถ้าแกล้งคนแก่แล้วบาปกรรม อิชั้นต้องตกนรกแน่ๆวันนี้)
เสร็จแล้ว ทางทัวร์ก็พาไปกินข้าวเย็นกัน ร้านอาหารเป็นร้านขายอาหารกวางตุ้ง รสชาติธรรมดาๆ คล้ายๆกับอาหารบ้านเราค่ะ แต่เราก็ต้องกินกันไว้ก่อน...เดี๋ยวจะหิวเอา
แถมวันนี้เราต้องกินกันเร็วด้วยค่ะ กินกัน 5 โมงเย็น เพราะทัวร์เค้าจองได้แค่เวลานี้เวลาเดียว (คนมาเที่ยวเยอะค่ะ ร้านอาหารเต็ม...) ไม่งั้นเราต้องไปกินกันตั้งสองทุ่มกว่าแน่ะ ก็เลยต้องซื้อมาม่าตุนไว้เล็กน้อย...เผื่อจะหิวตอนดึกๆ
ระหว่างมื้ออาหาร....พี่ศักดิ์เกิดอยากจะเอาใจอาม่าขึ้นมา ถามอิชั้นว่า "น้ำ" ภาษาจีนเรียกว่าอะไร อิชั้น : "จุ้ย" (น้ำ) พี่ศักดิ์ : ยื่นขวดน้ำให้ "อาม่า เอาจิ้ว (เหล้า) ไหม" (พูดผิดยังไม่รู้ตัว) อาม่า : โอ้ย...อั๊วไม่เอาเหล้าหรอก ไม่กินๆๆ พี่ศักดิ์ : ?????
ทานเสร็จแล้ว เราก็เช็คอินเข้าโรงแรมค่ะ โรงแรมวันนี้ ชื่อ "Pousada Marina Infante Hotel" อยู่ไม่ไกลจากที่ท่องเที่ยวสุดท้ายในคืนนี้คือ เดอะ เวเนเชี่ยน
และสำหรับที่มาของเดอะ เวเนเชี่ยน มีดังนี้....
เดอะ เวเนเชี่ยน มาเก๊า ผู้ออกแบบได้ออกแบบและตกแต่ให้มีลักษณะของการจำลองเอาสถานที่ที่มีชื่อเสียงทั้งหมดของเกาะเวนิสมาไว้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นจัตุรัส San Marco สะพาน Rialto พระราชวัง Dodge สะพานแห่งลมหายใจ ฯลฯ มาใช้ตกแต่งรูปด้านภายนอกที่มองเห็นได้แต่ไกล ดูยิ่งใหญ่ตระหง่านตา ราวกับได้ไปล่องเรืออยู่ที่ด้านหน้าของเกาะเวนิสจริง ๆ
ส่วนภายในนั้นก็นำเอาศิลปะในรูปแบบของเวเนเชี่ยนมาใช้ตกแต่งทุกรายละเอียดภายใน ไม่ว่าจะเป็นห้องโถงของโรงแรม ทางเดินในศูนย์การค้าที่มีลำคลองที่คดเคี้ยวไปตามทางเดิน มีสะพานโค้งทอดข้ามคลองเช่นเดียวกับในเกาะเวนิส
......................................................................
มาดูของจริงกันเถอะค่ะ....ท้องฟ้าที่บอกเนี่ย สวยมว๊ากกก ดูแทบไม่ออกว่าเป็นท้องฟ้าที่จำลองขึ้นมา เนียนสุดๆ
ความใฝ่ฝันในใจ คืออยากเป็นนางแบบ Victoria Secret มากมาย (มีมิแรนด้า เคอร์ เป็น Idol ^^ ) แม้ว่าหุ่น+หน้าจะไม่ให้ แต่ด้วยใจรัก วันนี้ขอโพสต์ท่าเป็นนางฟ้า Victoria บนรันเวย์หน่อยนะค้า...
สถาปัตยกรรมที่นี่ทำมาคล้ายๆกับที่เวนิช อิตาลี เราชอบค่ะ..โรแมนติกดีแท้...เดินชมวิวกับครอบครัวไป เดินจูงมือพี่ศักดิ์ไป....รู้สึกมีความสุขมากเลยค่ะ
ด้วยบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก....มันก็คล้ายๆกับเรามาฮันนีมูนกันเนอะ แต่เป็นการฮันนีมูนที่แฝงด้วยความอบอุ่นมากมาย ก็เรามีพ่อแม่กับน้องเดินเคียงกันอยู่ข้างๆนี่เอง สวรรค์ถ้ามีจริง......ก็คงไม่ต่างจากนี้ไปเท่าไหร่แล้วละค่ะ เป็นโมเมนต์ที่มีความสุขมากมาย...
มาถึงที่นี่แล้วไม่ล่องเรือ ก็เหมือนมาไม่ถึงใช่ไหมค่ะ ว่าแล้วเราลงเรือกันเถอะ
คนพายเรือให้เรา อารมณ์ดีมากมาย ใส่ชุดฟอร์มสวยเสียด้วย พอพายไปถึงจุดนึง พี่แกก็ปล่อยเรือลอยไปตามน้ำ แล้วร้องเพลงโอเปร่าให้พวกเราฟังเฉยเลย.....ที่สำคัญ ร้องเพราะมว๊ากกกก เล่นเอาคนแถวนั้นมายืนดู และถ่ายรูปกันใหญ่ (ถ่ายคนร้องนะ ไม่ใช่พวกอิชั้น)
แต่เราก็ชอบนะ ทำให้ได้บรรยากาศเหมือนเราล่องเรือที่เวนิชจริงๆ บิวท์อารมณ์ให้มากมาย ^_^
เราเดินเที่ยวกันจนถึงสามทุ่มกว่า ก็ได้เวลาเดินกลับโรงแรมที่เราพักแล้ว ขากลับผ่าน Galaxy ซึ่งเป็นคาสิโนอีกแหล่ง..........ใหญ่มากกกก แสงสีเนี่ยสวยงามมากมาย.....
วันนี้เราถึงที่พักเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง แล้วก็เตรียมเข้านอน เพราะวันนี้ลุยมาเยอะ...ชักเหนื่อยเหมือนกัน เลยขอชาร์ตพลังเอาไว้เที่ยวต่อในวันพรุ่งนี้ละกัน
สำหรับวันนี้ Good night ก่อนนะคะ...
บ๊ายบายค่า
Create Date : 26 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 12 กันยายน 2556 13:56:37 น. |
|
3 comments
|
Counter : 3486 Pageviews. |
|
|
ภาพโษณาเหมือนอาม่าจริงๆ ด้วยค่ะ ขำที่น้องไปอำแก ดูเธอแข็งแรงมากๆ เลยน่ะค่ะ
พี่ชอบกระโปรงชุดที่น้องใส่กับเลคกิ้ง สวยดีค่ะ น้องเป็นนางแบบวิตอเรียซีเคร็ดได้สบายค่ะ ถ้าน้องมาอเมริกาต้องชอบแน่ๆ เลยเพราะที่นี่วิตอเรียซีเคร็ดเยอะมากๆ พี่เวลาไปห้างฯ ก็ชอบไปเดินดู
สามีน้องดูท่าทางมีความสุขมากๆ เลยน่ะค่ะ ขำตอนที่จะเอาใส่อาม่าอีกค่ะ
สำหรับภาษาจีน ตอนสมัยอยู่ไทยพี่ก็พูดพอได้แต่เป็นใต้จิ๋ว มาอเมริกาเค้าพูดแมนดารินเราฟังไม่ออกเอาเลย บางทีลูกค้ามาที่ห้างฯที่พี่ำทงานก็ส่งภาษาจีนหรืออวดว่าตัวเองพูดภาษาจีนใส่พี่ พี่ฟังไม่ออกจริงๆ พี่ก็ต้องบอกไปว่าขอโทษน่ะค่ะ ดิฉันไม่ใช่คนจึน
ปีใหม่ปีนี้ขอให้น้องและสามีมีความสุขมากๆ น่ะค่ะ มีสุขภาพแข็งแรง คิดหวังสิ่งใดสมปรารถนา
ปล น้องสาวน้องน่ารัก สดใสมากๆ เลยค่ะ