เรือมรณะ
"ชาวกรุง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นเรือส่งวิญญาณ เพราะ น้ำท่วมใหญ่เกือบทั้งประเทศปีนี้เอง ที่ทำให้ผมได้เจอะเจอกับเรื่องราวน่าขนลุกขนพอง นึกถึงแล้วบีบคั้นหัวใจเหลือหลาย เพราะมันมีทั้งความหวาดสยอง ประหวั่นพรั่นพรึง รวมทั้งสลดหดหู่ใจเบ็ดเสร็จ
ข้อสำคัญก็คือ ความเชื่อถือเก่าแก่มาแต่ครั้งโบร่ำโบราณ ว่าเมื่อวิญญาณออกจากร่างแล้วจะมียมทูตมารอรับไปสู่ดินแดนเรียกว่าเป็นสถาน พิพากษา ความสงสัยที่ว่าสวรรค์ นรก มีจริงหรือ? อาจจะเป็นคำตอบให้คนที่ไม่เชื่อถือเรื่องโลกหน้าได้ตามสมควรนะครับ
บ้านผมอยู่ในกรุงเทพมหานครนี่เอง!
ก่อน หน้านั้น ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบหรอกว่าชาวกรุงเทพฯ ต้องประสบเคราะห์กรรมน้ำท่วมเหมือนเพื่อนร่วมชาติทางเหนือๆ ขึ้นไป โดยเฉพาะภาคกลางที่เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่เป็นเส้นเลือดของชาวไร่ชาวนา
ปิง วัง ยม น่าน สี่สายไหลมารวมกันที่นคร สวรรค์เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ล่องมาถึงสิงห์บุรี อ่างทอง อยุธยา...มีแม่น้ำลพบุรีกับป่าสักมาสมทบกันเข้าอีก ฝนตกใหญ่ ไม่ได้พร่องน้ำไว้ก่อน เขื่อนน้อยใหญ่ก็ต้องปล่อยน้ำลงมาเป็นจำนวนมากมายมหาศาล จังหวัดตอนล่างๆ เหล่านั้นก็ย่อมกลายเป็นทะเลเวิ้งว้าง แทบไม่เห็นหลังคาบ้านเรือนและต้นไม้ต้นไร่ด้วยซ้ำไป
กรุงเทพฯ ก็ต้องพลอยรับกรรมไปด้วยโดยหลีกเลี่ยงไม่พ้น!
ป่วย การไปโทษรัฐบาลหรือกทม.ที่เคยออกมาประกาศยืนยันแข็งแรงและขึงขังว่ากรุงเทพฯ จะไม่มีวันโดนน้ำท่วมเด็ดขาด มีมาตรการอย่างนั้น มีอุโมงค์ยักษ์อย่างนี้ แต่เอาจริงเข้าคนกรุงเทพฯ ณ รอบนอกก็โดนน้ำท่วม จนหวิดจะทะลักเข้าไปถึงใจกลางเมืองอยู่รอมร่อ
จะ บิดพลิ้วแก้ตัวจนลิ้นพันยังไงก็ตาม แต่เป็นที่รู้กันว่าทำงานไม่เป็น ไร้กึ๋นถนัดทางคร่ำครวญขอความเห็นอกเห็นใจ เข้าตำรา...ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา
พวกผมหนักที่สุดเพราะเป็นผู้อยู่ริมฝั่งเจ้าพระยา!
จาก พระรามหกลงมาทั้งสองฝั่ง จนถึงบางกระบือ สามเสน สะพานพุทธ ฯลฯ ฝั่งตรงข้ามก็คือบางอ้อ บางพลัด บางกอกน้อย พรานนก ฯลฯ ระเรื่อยไปจนกว่าจะออกปากอ่าว ล้วนแต่ประสบเคราะห์กรรมซ้ำๆ ซากๆ มาแทบทุกปีก็ว่าได้ เพียงแต่ปีนี้มันหนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 100 ปี
บ้าน ใกล้เรือนเคียงต้องอพยพหนี อุ้มลูกจูงหลานลุยน้ำกันจ้าละหวั่น พวกที่ปากแข็งหลายๆ คนเจอน้ำท่วมบ้านจนไม่รู้จะกินอยู่หลับนอนได้ยังไง ลงท้ายก็ต้องซมซานไปตายดาบหน้ากันแทบหมดสิ้น!
พวกผมมีบ้านสองชั้น ช่วยกันหอบข้าวของที่มีค่าและจำเป็นขึ้นชั้นสอง...ปล่อยให้พระแม่คงคามาสิงสู่อยู่อาศัยชั้นล่างแทนเป็นเดือนๆ อาหาร การกินนั้น ถ้าไม่มีถุงยังชีพ ถุงพระราชทาน กับน้ำใจของพี่น้องทหารหาญนำลงเรือมาช่วยเหลือ มีหวังอดตายไปตามๆ กัน... จะโทษใครก็ไม่เต็มปาก เพราะเขาบอกให้หลบหนีแต่แรกแล้ว พวกเรายังห่วงบ้านช่อง ไหนจะพ่อแก่แม่เฒ่า คนป่วยกับลูกเล็กเด็กแดงจนใจจริงๆ ครับ เลยต้องทู่ซี้ เกาะหน้าต่างมองสายน้ำขุ่นข้นนับวันมีแต่จะสูงขึ้นทุกที
กอสวะกับขยะ อะไรช่างมากมายก่ายกองนักหนา ไหลลิ่วๆ ผ่านไปต่อหน้าต่อตา บ้านช่อง ข้าวของ รถรา ไหนจะเรือกสวนไร่นาที่ต้องพินาศวอดวาย สูญเสียยับเยินไม่รู้ว่ากี่แสนล้านบาทกันแน่? โดยเฉพาะชีวิตของเพื่อนร่วมชาติที่ต้องล้มหายตายจากไปเกือบจะถึงพันคน
ยาม ราตรีที่มืดมน อาศัยแสงเทียนวอมแวมเป็นเพื่อน หวาดระแวงงูเงี้ยวเขี้ยวขอ ตะขาบ แมงป่อง ที่มันมากับน้ำจะจู่ลู่เข้า มาในบ้าน ฉกกัดเอายามใด คลื่นลูกโตๆ กระฉอกฉานอยู่ใต้แสงดาว สายลมคร่ำ ครวญวู่หวิวคล้ายเสียงสะอื้นไห้ เสียงปลาร้องอยู่ในบ้านชั้นล่าง...เมื่อไหร่หนอความทุกข์ทรมานของผู้คนจะจบ สิ้นลงเสียที
คืนหนึ่ง จากหน้าต่างชั้นบนที่ผมเหม่อมองเจ้าพระยาด้วยความสิ้นหวัง
เรือ แพที่เคยขึ้นล่องหนาตาตอนเย็นๆ ค่อยลดน้อยลง ความเปล่าเปลี่ยวเยือกเย็นเข้ามาครอบครองแทนที่ ลมครวญกับเกลียวคลื่น... เสียงจ๋อมๆ เหมือนใครท่องน้ำดังแว่วขึ้นมา!
น้ำสูงท่วมหัวขนาดนี้จะมีใครลุยมา...แต่มันดังมาจากแม่น้ำที่เพ่งมองอยู่นี่นา
นั่น ปะไร! เสียงจ๋อมๆ นั่นคือเสียงพายกระทบน้ำต่างหาก เรือยาวคล้ายเรือจ้างแต่ใหญ่กว่าราวเท่าตัวกำลังแหวกสายน้ำผ่านหน้าผมไปไม่ ถึงสิบวา...มีฝีพายสองคนที่หัวกับท้าย ในลำเรือมีร่างผู้โดยสารราว 20 คนนั่งตัวแข็งทื่อเป็นรูปปั้น...เขาจะไปไหนกันนะพวกนี้?
ทันใดนั้นคน พายเรือก็หันมา...นรกเป็นพยาน! ใบหน้าคล้ายผีตายซากในแสงดาว เห็นชัดเจนยิ้มเหมือนแสยะเห็นฟันขาววับไปถึงกรามทั้งสองข้าง เล่นเอาผมผงะหน้าทันใด
มองอีกทีก็ เห็นเรือมรณะลำนั้นกำลังเลือนหายไปช้าๆ คล้ายจะเป็นคำตอบอยู่ในที ว่าผู้โดยสารทั้งหมดคือใคร? จุดหมายปลายทางไกลโพ้นอยู่ที่ดินแดนเร้นลับแห่งไหนกัน?!
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
Create Date : 20 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 20 ธันวาคม 2554 8:27:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2043 Pageviews. |
|
|
|
| |