ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

cartoonthai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 237 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add cartoonthai's blog to your web]
Links
 

 
ปีศาจที่แสนแสบ


ดิฉันเป็นคนมีนบุรีโดยกำเนิด โดยแม่ต้องเลี้ยงลูกๆ ถึง 3 คน เพราะพ่อเสียไปแล้ว ดิฉันเป็นคนโตจึงต้องทำงานช่วยแม่ โรงเรียนเลิกต้องรีบกลับมาทำงานบ้านทุกวัน

บ้านเราอยู่ติดคลองแสนแสบ มีคูเล็กๆ ข้างบ้านด้วย แม่ปลูกผักไว้ที่แปลงข้างคลอง ส่วนในคูก็ปักเสาเลี้ยงผักบุ้งกับผักกระเฉดเอาไว้งามสะพรั่ง ทั้งได้กินและได้ขายค่ะ แต่นับวันก็ดิ้นรนมากขึ้น โดยแม่ไปรับของจากตลาดใส่เรือพายขาย เช่น ปลาทูนึ่ง ปลาเค็ม กะปิ น้ำปลา น้ำตาล และผักดองต่างๆ พอจะมีกำไรเลี้ยงลูกไม่ให้อดอยาก

แม้เราจะยากจนแต่แม่ก็สอนให้ลูกๆ เป็นคนดี ขยัน อดทน มีความกตัญญูรู้คุณคน ข้อสำคัญคือห้ามคดโกงเขาเป็นอันขาด เพราะเป็นบาปหนักมาก ชาติหน้าต้องชดใช้กรรมมากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี

แม้จะเนิ่นนานมาแล้ว แต่ดิฉันจดจำคำสอนของแม่ขึ้นใจมาจนถึงทุกวันนี้!

เมื่ออายุได้ราว 12 ปี ก็ต้องออกช่วยแม่ลงเรือขายของแล้ว ตื่นตั้งแต่ตี 5 รีบเอาของลงเรือไปขายตามคลองแสนแสบ ถ้าเป็นวันเสาร์อาทิตย์ก็ลงเรือไปขายของคนเดียว กลับมาเหนื่อยก็นอนพักได้

สมัยนั้น คลองแสนแสบยังเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ น้ำในคลองใสสะอาด ปราศจากมลพิษเจือปน ท้องทุ่งนาสองฝั่งคลองยังเขียวขจีน่ารื่นรมย์ ผิดกับทุกวันนี้มากค่ะ

บางครั้งพายเรือไปคนเดียวก็ทำให้นึกถึง "แผลเก่า" นิยายอมตะของท่าน "ไม้เมืองเดิม" มีขวัญกับเรียมเป็นพระเอกนางเอก ที่อยู่ทุ่งบางกะปิคลองแสนแสบนี้เอง

ดิฉันยอมรับละค่ะว่าเคยฝันที่จะเป็นเรียม นางเอกของเรื่องตามประสาเด็กๆ ที่คิดว่า ส่วนมากมักมีความฝันเป็นของตัวเองทั้งนั้น ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง กระทั่งอ่านพบในหนังสือเมื่อโตขึ้นว่า "ความฝันย่อมเป็นความจริงเสมอ ตราบใดที่เรายังอยู่ในฝันนั้น!"

เพราะการพายเรือขายของนี่เอง ทำให้ได้พบกับเรื่องน่าขนลุกที่สุดในชีวิต!

วันศุกร์นั้น ดิฉันลงเรือไปขายของคนเดียว เพราะแม่ต้องหุงข้าวทำกับข้าว และรีบลงคูไปเก็บผักบุ้งผักกระเฉดที่ทอดยอดอยู่ในน้ำ แม่ค้าที่ตลาดสั่งมาหลายเจ้าแล้ว แม่บอกว่าจะทำแกงส้มผักบุ้งกับผัดผักกระเฉดให้กินก่อนไปโรงเรียนอีกด้วย

คลองแสนแสบสมัยก่อนค่อนข้างเปลี่ยว บ้านคนอยู่ห่างๆ กัน ส่วนมากเป็นทุ่งนา ริมคลองมีต้นไม้ร่มครึ้มกับพงหญ้าเปล่าเปลี่ยว แม้จะรู้ว่าบางแห่งเป็นป่าช้าร้าง แต่ดิฉันคุ้นเคยจึงไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่

ขายของได้สักพักก็คิดว่าหกโมงเช้าได้แล้ว แต่ฟ้ายังมืดอยู่ พอพายเรือห่างบ้านคนก็มีเสียงลมพัดวู่หวิว คลื่นเซาะฝั่งเหมือนเสียงใครกระซิบกระซาบกัน รอบๆ ตัวดูเวิ้งว้างเยือกเย็น ทำให้รู้สึกว่าวังเวงใจยังไงบอกไม่ถูก

จู่ๆ ก็มีเสียงร้องเรียกชื่อดิฉันมาจากริมฝั่งด้านซ้าย เล่นเอาเกือบสะดุ้งแน่ะ!

"สีตาๆ" เสียงแหบๆ ทำให้ดิฉันจ้องมองก็เห็นหญิงชราคนหนึ่ง เคยซื้อของ 2-3 ครั้ง ชื่อยายแฟง...แกยืนอยู่ข้างกอพงสูงเกือบท่วมหัว ขณะนั้นเริ่มสว่างรำไรแล้ว ยายแฟงเคี้ยวหมากจับๆ ดิฉันถามว่ายายจะเอาอะไรจ๊ะ?

"อยากได้ปลาทูสักเข่งน่ะ เท่าไหร่อีหนู?"

"ห้าสิบสตางค์จ้ะ"

ดิฉันบอกแล้วก็หยิบปลาทูห่อใบตองส่งให้แก ยายแฟงบอกเสียงแหบแห้งแบบคนแก่ว่าให้รอสักครู่ แกจะขึ้นไปเอาเงินมาให้ แล้วก็เดินถือห่อปลาทูไปที่กระท่อม แต่ดิฉันรออยู่เป็นนานสองนานจนอดรนทนไม่ไหว เพราะต้องไปขายของอีกหลายแห่ง เสร็จแล้วก็ต้องกลับบ้านเพื่อรีบไปโรงเรียน

ในที่สุดจึงตะโกนบอกไปว่าคอยไม่ไหวแล้วจ้ะ พรุ่งนี้ค่อยมาเก็บเงินก็ได้!

เมื่อหันไปมองด้านหลังก็เห็นแสงเงินแสงทองฉาบขอบฟ้าแล้ว ดิฉันรีบพายเรือไปขายของจนหมด พอ กลับถึงบ้านก็เล่าเรื่องยายแฟงให้แม่ฟัง

"อะไรนะ?!" แม่ร้องลั่น "ยายแฟงแกตายไปตั้ง 3 วันแล้ว ลูกมัวแต่ไปโรงเรียนเลยไม่รู้เรื่อง วิญญาณแกแรงจริงๆ"

ดิฉันตกใจกลัวขนลุกซู่ แม่รีบปลอบว่า ยายแฟงคงอยากกินปลาทูน่ะ รีบกรวดน้ำอุทิศของที่แกเอาไปซะ แกจะได้ไปผุดไปเกิด ไม่มาปรากฏให้เห็นอีก! แล้วแม่ก็สอนคำกรวดน้ำให้ว่าตามจนจบ รู้สึกสบายใจขึ้นมากก่อนจะไปโรงเรียน

วันรุ่งขึ้น เมื่อต้องพายเรือผ่านบ้านยายแฟงก็อดหวาดไม่ได้ รีบจ้ำให้พ้นไปไวๆ ไม่กล้าหันไปมองกลัวว่าจะจ๊ะเอ๋กับแก แต่ก็ไม่เคยเจอะเจออีกเลยค่ะ!

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด


cartoonthai



Create Date : 11 มกราคม 2556
Last Update : 11 มกราคม 2556 8:17:51 น. 0 comments
Counter : 3457 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.