เว้-ฮอยอัน-ดานัง #2








เว้-ฮอยอัน-ดานัง #2




บล็อกวันนี้ เป็นตอนที่ 2 ของการบันทึกเหตุการณ์ของตนเองเอาไว้

เมื่อครั้งที่ไปเที่ยวประเทศเวียดนามตอนกลาง คือไปเมืองเว้ เมืองฮอยอัน และเมืองดานัง

ผมไปเมื่อช่วงวันหยุดยาว 5 วัน คือ ช่วงวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา





ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามองออกไปนอกหน้าต่างเมืองเว้ก็เห็นภาพนี้

เวลาตอนนั้น เพิ่ง 06.30 น.เอง ทำไมแดดมาเร็วจัง







อาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็เดินลงมาข้างล่าง ลงมาแล้วจึงทราบว่ามีพวกเราบางคนออกไปเดินตลาดเช้า

เห็นตกลงกันว่า จะเดินวนซ้ายไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้ไม่หลง กลับโรงแรมได้ถูก อุ อุ ช่างคิดกันดี






เป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว เห็นเขาติดดาวไว้ที่ป้ายชื่อโรงแรม ได้ถ่ายเอาไว้เหมือนกัน

ชื่อโรงแรมว่า Hue Heritage Hotel ..คำว่า Hue (เว้) คนเวียดนามจะออกเสียงว่า เว๋







ผมได้ยินเรื่องเล่าบนรถให้หัวเราะพอหอมปากหอมคอว่า ทางโรงแรมนี้ห้องเต็ม

ก็เลยยกห้องสูทอย่างดีที่สุดของโรงแรม ให้กับหนุ่มสาม ส. คือ หมอสรรเสริญ เภสัชกรศิริชัย

และวิศวกรสมเกียรติ ผู้มีชื่อเล่นว่า กวางดำ ให้พักอยู่ห้องพักเดียวกัน




ในห้องนั้นทุกอย่างเลิศเลอเพอเฟ็คเป็นระบบอีเล็กทรอนิคส์ทั้งหมด รวมทั้งอ่างจากุสซี่ด้วย

แต่หนุ่มทั้งสามคนใช้ไม่เป็น ได้ยินเสียงแซว บนรถว่า ทำไมไม่ย้ายห้อง กะห้องช้าน

ปัทธ่อ เวรกรรม พวกเธอเหมือนลิงได้แก้วแท้ๆ





อันที่จริงมีเรื่องเล่าล้วงลึกเข้าไปได้อีกสักนิด ที่คนจัดเขาจัดให้สามหนุ่มสามหน่อนี้นอนรวมกัน

เพราะจะได้ชี้เป็นชี้ตายว่า ใครกรนดังกว่ากัน คนที่ออกมาบ่นตอนเช้า ย่อมแสดงว่ากรนน้อยที่สุด

แต่ผลออกมาในวันรุ่งขึ้นปรากฏว่า ไม่มีใครสักคน บ่นว่ามีใครกรน





และอีกเรื่องที่ได้ยินคนเล่าบนรถ แล้วก็ขำเอิ๊กเอิ๊กแทบตกเก้าอี้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า




เมื่อคืนสามหนุ่มที่ไม่ใช่สามมุม เพราะมีหัวใจตรงกัน สองหนุ่มคือจากห้องสูท ยกเว้นหมอสรรเสริญ

และอีกหนุ่มเป็นหนุ่มจากอีกห้อง ทั้งสามกระซิบกันเป็นมั่นเป็นเหมาะก่อนจะเข้าห้องพักว่า

เดี๋ยวไปท่องราตรีเมืองเว้กันนะโว๊ย แล้วแต่ละคนก็เข้าไปอาบน้ำ




คุณกวางดำสมเกียรติ คงจะเพลียหนักจากการเดินทาง ก็เลยโด๊ปกาแฟเวียดนามเข้าไปแก้วใหญ่ๆ

กะว่าจะได้กระชุ่มกระชวยสดชื่นตอนออกไปท่องราตรี

ระหว่างที่รอเพื่อนในห้องอาบน้ำอยู่ ตอนนั้นเป็นเวลาสองทุ่ม ก็นอนเอนหลังเพลินๆบนฟูกนิ่มๆ

พักเอาแรง กะว่า เดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาอาบน้ำ




ทีนี้ กาแฟก็เริ่มออกฤทธิ์ละซิ แต่ฤทธิ์ที่ออก มันกลับด้าน

เสียงหวูดเรือกลไฟ เริ่มออกสู่มหาสมุทร เพื่อนที่ออกมาจากห้องน้ำก็ไม่กล้าปลุก

ปล่อยให้คุณกวางดำนอนหลับไปอย่างนั้น แล้วก็คิดในใจว่า 'กาแฟอะไรกันฟระ'




คุณกวางดำตื่นขึ้นมาอีกที ตาย Haa ....นี่มันใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว

รีบขอโทษขอโพยเพื่อนอีกสองหนุ่มเป็นการใหญ่ แล้วก็ไม่ยอมอาบน้ำ

ออกไปท่องราตรีข้างนอกโรงแรม บัดเดี๋ยวนั้น




แต่ โอ้ อนิจจา กวางดำ และสองหนุ่ม เขาทั้งสามไม่ได้ถามคุณบิวไกด์เวียดนามไว้ก่อน

เพราะที่เมืองเว้แห่งนี้ ผู้คนจะตื่นนอนกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อเริ่มต้นการทำงาน

เวลาสี่ทุ่มนั่น จึงเป็นเวลาที่แต่ละร้านและแต่ละบ้านจะเริ่มทยอยปิดไฟเข้านอน




หนุ่มทั้งสามพยายามเดินมองหาแสงไฟในเมือง เดินไปทางนี้เขาก็ปิดไฟ

เดินไปที่แสงไฟข้างหน้า ไปถึงเขาก็ปิดไฟ เปลี่ยนใจเดินไปที่ซอยอื่น ซอยอื่นเขาก็ปิดไฟอีก

เดินไปสักครู่ เอาละซิ ก็เริ่มกระซิบกันว่า เฮ้ย เขาไม่ต้อนรับพวกเรา ฟร่ะ

ที่สุดก็เลยเรียกแท็กซี่กลับมาโรงแรม และกว่าจะพูดคุยกับแท็กซี่รู้เรื่อง ว่าโรงแรมไหน

ก็ต้องชี้โบ้ชี้เบ้ อย่างทุลักทุเล อีกนาน




กลับมาถึงโรงแรม โห โรงแรมปิดไฟมืดอีก เวรกรรม

ก็ต้องเดินคลำขึ้นบันได ไปที่ห้องพักชั้นสี่

คุณกวางดำสมเกียรติ กับเพื่อนซี๊ ศิริชัย ไปถึงห้อง ก็อยากจะอาบน้ำในอ่างจากุซี่ให้ชุ่มอุรา

อ้าว เปิดปุ่มน้ำใช้งานไม่เป็น

ทั้งสองคนปล้ำอยู่กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดของโรงแรม จนเหงื่อโชก

แต่ก็ไม่สามารถจะใช้งานได้

กลายเป็นว่าของดีทันสมัยที่สุดของห้องสูทที่มีไว้ให้ใช้ แต่เสียของไปเปล่าๆ

แม้ล่วงเข้าสู่เช้าของวันใหม่แล้ว ตื่นขึ้นมาก็ยังใช้งานไม่เป็นอยู่ดี ฮ่า ฮ่า ฮ่า




อาคารเก่า อยู่หน้าโรงแรม ไม่รู้ว่าสถาปัตยกรรมแบบผสมหรือเปล่า?

พอดีว่าวันนั้น เป็นวันอาทิตย์เขาปิดทำการ







อาหารเช้า







หม้อนี้ ไม่ได้ตัก ปกติผมจะทานกาแฟเป็นมื้อหลัก ในตอนเช้า

ทานกาแฟแบบไร้น้ำตาลด้วย







คล้ายๆสาคูไส้หมู แต่ที่นี่มีน้ำจิ้มให้ราด

ทางขวามือคล้ายๆกับ ขนมเทียนบ้านเรา แต่ไม่มีพริกไทยในไส้







อาหารมื้อเช้าในวันนั้น ..เยอะไป มั๊ยเนี่ย?







ตบท้ายด้วย ผลไม้ …มีขนุน ด้วย








แผนการทัวร์ของพวกเรา ตอนเช้าไปที่พระราชวังไทฮวา มรดกโลกแห่งหนึ่งของเมืองเว้

พระราชวังไทฮวาเป็นพระราชวังโบราณ ทางเข้าต้องเดินข้ามสะพานที่ข้ามคูเมือง

และกำแพงพระราชวัง ก็สูงไม่น้อย สูงสักสามคนยืนต่อกัน













พระราชวังไทฮวา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2348 (ประมาณ 204 ปีมาแล้ว)


















ตั๋วเข้าชมพระราชวัง รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์








เมืองเว้แห่งนี้ เดิมทีเป็นเพียงเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่อยู่กลางประเทศเวียดนาม

อยู่ในการปกครองของขุนนางเหวียนฮวาง หรือ องเชียงสือ ซึ่งปกครองดูแลทางตอนใต้ของเวียดนาม

ส่วนทางตอนเหนือของเวียดนาม อยู่ในความปกครองดูแลของขุนนางตระกูลตริงห์




แต่ต่อมาเกิดสงคราม พี่น้องตระกูลเตยเซิน รบชนะจึงยึดครองเวียดนามได้ทั้งตอนใต้และตอนเหนือ

เหวียนฮวาง หรือ องเชียงสือ ซึ่งปกครองเวียดนามใต้

ได้หนีมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารต่อรัชกาลที่1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และอยู่เมืองไทยนานกว่า 4 ปี

เมื่อรวบรวมสมัครพรรคพวกได้จำนวนมากพอ จึงลงเรือหนีไป พร้อมอาวุธ กลับไปเวียดนาม

โดยไม่ยอมกราบทูลให้รัชกาลที่ 1 ทรงทราบ

องเชียงสือ สามารถปราบดาภิเษก สถาปนาตนเองขึ้นเป็น จักรพรรดิ์ยาลอง หรือ Gia Long

ต้นราชวงศ์เหวียน ได้ในปี พ.ศ. 2345 ปกครองประเทศเวียดนามนานถึง 33 ปี

จนต่อมาถูกกองทัพฝรั่งเศส บุกเข้าคุกคามเวียดนาม





พระราชวังไทฮวา ถูกสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิ์ยาลอง

และมีจักรพรรดิ์องค์ต่อๆมาอีกจำนวน 13 องค์ พำนักอยู่ในพระราชวังแห่งนี้

แม้กองทัพฝรั่งเศสจะบุกเข้าปกครองเวียดนาม แต่ชาวเวียดนามส่วนใหญ่ก็ต่อต้านฝรั่งเศสมาโดยตลอด

จนกระทั่งกองทัพญี่ปุ่น ยกพลบุกเข้าประเทศเวียดนามในมหาสงครามเอเชียบูรพา ในปี พ.ศ. 2488

และในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2488 นั้นเอง ที่พระเจ้าบ๋าวได่ จักรพรรดิ์ องค์ที่ 13 ของเวียดนามก็สละราชสมบัติ

เป็นการสิ้นสุดการปกครองในระบอบกษัตริย์ของเวียดนาม

โดยการประกาศสละราชสมบัติเกิดขึ้นที่พระราชวังไทฮวา เมืองเว้นี่เอง





ถ่ายรูปกันใหญ่ ช่างภาพคือไกด์สาวทั้งสาม แต่ไกด์ลาว ‘ตุ้ยนุ้ย’ เธอไม่ได้เข้ามาในเวียดนาม






















เสื้อน้ำเงิน คือ ตุ้ย เรียนพาณิชยศาสตร์และการบัญชี







ขอถ่ายรูปช่างภาพบ้าง







อ้าว... ถ่ายรูปคนอ่านบล็อก







ราวบันไดค่อนข้างเตี้ย ทำเป็นรูปมังกร







ตรงนี้เป็นราวระเบียง







มองไปที่พื้นระเบียง อ้อ สมัยโบราณ มันเป็น ฉะนี้








ผู้คนที่มาเที่ยวพระราชวังมากันเยอะ

ตรงสุดลูกหูลูกตานู้น น่านละ ที่ที่ซึ่งเมื่อตะกี้พวกเราถ่ายรูปหมู่








ดอกบัวในสระมีหลายสระและมีเยอะทีเดียว นับพันดอก ปลาในสระก็เป็นปลาคาร์ฟตัวใหญ่ๆ








เสาประตู ก็มีดอกบัว








พระราชวังหลังที่อยู่ข้างใน มีคูน้ำกั้นอยู่ ต้องเดินข้ามสะพานไปอีก







มีกลองใหญ่







มีระฆังใบใหญ่ ขออภัย จขบ. มีความจำสั้น ลืมที่เขาเล่าหมดแล้ว








ฮ่า ฮ่า ฮ่า ถ่ายเพื่อน

เขาชื่อ ประทาน เรียนเภสัช เดินถือกระเป๋าให้แฟน








ซีกนี้เป็นพระตำหนักของฝ่ายใน สมัยก่อนซีกนี้ ผู้ชายห้ามเข้า นะก๊ะ







ดูช่อฟ้า ซิ ไม่มีมังกร







ก็มีอยู่หลายชั้น ไม่รู้ว่าจักรพรรดิ์องค์หนึ่งๆ จะมีสักกี่พระสนม







บริเวณนี้ จัดให้มีต้นไม้ดัด

ซึ่งก็เป็นต้นรุ่นโบ...แล้ว เดาว่าน่าจะเป็นรุ่นเดียวกันกับ ย่านาก.. ย่านากพระโขนง








เดินเข้ามาในเขตที่มีมังกรที่กระถาง








นี่ ก็อีก






มังกรตัวนี้ ม้วนหางได้ด้วย วู้ยย








ใช่แล้ว ที่นี่เป็นพระตำหนักเก็บพระอัฐิของจักรพรรดิทั้ง 13 องค์







อาคารนี้ วัสดุส่วนใหญ่ทำด้วยไม้







พื้นลงครั่งสีแดง เดินลายเส้นสีทองแทบทั้งหลัง







พระอัฐิของพระเจ้ายาลอง อยู่ในพระโกศเล็กรูปมังกร

จักรพรรดิ์องค์อื่นๆ ก็มีพระโกศรูปมังกรเช่นเดียวกัน







นี่เป็นพระตั่งรองรับสิ่งของข้างบน สังเกตว่ามีตัวอักษร LONG

พระตั่งทุกตัว ในพระตำหนักนี้จะมีรูปมังกรฉลุไว้







แม้แต่พระกลด ก็ปักรูปมังกร








มีกระถางใบยักษ์ข้างนอกพระตำหนัก จำนวน 3 ใบ ไม่ทราบว่ามีไว้เพื่อทำอะไร







ที่จริง ยังมีอีกหลายอย่างให้ได้ชมกัน

หากเดินชมแบบละเอียดในพระราชวังแห่งนี้ คิดว่าคงจะใช้เวลาหนึ่งวัน

แต่ทางไกด์บอกว่า พวกเราจะไปชมที่อื่นกันต่อ








รถสามล้อถีบของเวียดนาม ผู้โดยสารจะนั่งอยู่ด้านหน้าของคนถีบ ...อุ๊บ

อ้อ มีทะเบียนรถสามล้อด้วย








คุณกวางดำ เรียนวิศวะ ต้องการจะชิมของเปรี้ยว

แม่ค้าบอก แบ๊งค์ น้าน ค่า 10,000 ด็อง!! (มะม่วงราคาใบละ 20 บาท)







หาบเร่นั่งยิ้มให้กล้อง

ตะกร้าหาบของเขาแปลกตา ไม่เหมือนกับตะกร้าหาบบ้านเรา







ขายตุ๊กตาพลาสติก สวยดีครับ น่าซื้อหามาเก็บเป็นคอลเล็คชั่น







หมวกดาวเหลืองราคาใบละ 10,000 ด็อง โห เท่ากัน กะ มะม่วงเปรี้ยวเลย

ในรูปนั่นคือ หลิว เรียนเภสัช เขาซื้อหมวกใบนี้ ผมเห็นแปลกดีก็เลยซื้อตาม

แต่จนป่านนี้ หมวกก็ยังเวอร์จิ้นไม่ถูกสวมใส่ ใครอยากจะได้บ้าง?







สถานที่ที่จะไปชมต่อไป คือวัดเทียนหมุ เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายเซน

ตั้งอยู่บนเนินเขา ริมฝั่งแม่น้ำหอม มีเจดีย์แปดเหลี่ยมเป็นเอกลักษณ์ สูงลดหลั่นกัน 7 ชั้น

เมื่อเข้าวัดไปทางด้านซ้ายมือจะมีระฆังสำริดขนาดใหญ่ น้ำหนักประมาณ 2 ตัน

หากตีแล้วอธิษฐาน จะมีโชคดีชื่อเสียงโด่งดัง ที่แน่ๆคือเมื่อตีแล้ว เสียงระฆังดังกังวานมาก

ส่วนทางด้านขวามือ จะมีรูปปั้นเต่าขนาดใหญ่ ซึ่งผู้คนที่ไปลูบหัวเต่า ต่างอธิษฐานขอพร ขอให้มีอายุยืน







เพราะวัดอยู่บนเนินเขา ทางเข้าวัดจึงต้องขึ้นบันได

ตรงเชิงบันได บังเอิญมีเด็กหญิงสวมชุดสีจุมพูนั่งอยู่ น้องคนนี้เป็นเด็กหญิงเวียดนาม ผมไม่รู้ว่ามากับใคร

คุณผู้หญิงเสื้อสีฟ้าเป็นคนไทย เธอพูดกับเด็กหญิงว่า “น่ารักเหลือเกิน พูดไทยได้ไหมคะ?”

ผมถ่ายรูปเด็กหญิงไว้เพียงสองรูป รูปแรกเคยลงในบล็อกตอนที่ 1

เมื่อเดินขึ้นบันไดไปแล้ว ยังรู้สึกเสียดายว่า น่าจะถ่ายรูปไว้เยอะๆ







ตรงทางเข้าไปที่เจดีย์เทียนหมุ จะมีทวารบาล (เทพเฝ้าประตู)

ประตูละ 2 องค์ อยู่ด้านซ้ายและขวาของประตู

และมีประตูทางเข้าเป็นแถวหน้ากระดานถึง 3 ประตู จึงมีเทพเฝ้าประตูทางเข้ารวม 6 องค์







เทพทั้ง 6 องค์ แต่ละองค์จะมีใบหน้า เสื้อผ้า และท่าทางไม่ซ้ำกัน







องค์เจดีย์เทียนหมุ เป็นเจดีย์รูปทรงแปดเหลี่ยม สูงลดหลั่นกัน 7 ชั้น

แต่ละชั้นหมายถึงชาติภพต่างๆของพระพุทธเจ้า

การถ่ายภาพต้องแหงนแบบคอตั้งบ่า ท่ามกลางแดดจ้า ..โอ หน้าจะมืดเอา

เลยเลี่ยงเดินออกมาไกลๆ แล้วค่อยกดแช๊ะ







ระฆังสำริด หนัก 2 ตัน หรือ 2,000 กิโลกรัม







หลายคนอธิษฐาน แล้วลูบหัว น่าสงสารเนาะ







มีข้อน่าสังเกตว่า วัดทุกวัดหรือสถานที่ท่องเที่ยวของชาวเวียดนาม

จะไม่มีการใช้เครื่องขยายเสียงแบบบ้านเรา ชนิดที่จะประกาศเชิญชวนให้ทำบุญโน่นทำบุญนี่

ซื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์ สร้างห้องสุขาในวัด ช่วยค่าไฟค่าน้ำในวัด

ที่เวียดนามคนเขาจะทำบุญกันเอง แบบเงียบๆ แต่ควันธูปก็ฟุ้งกระจายพอดู








ถ่ายดอกไม้เล่นๆ ระหว่างรอให้คนน้อย เพื่อจะเข้าไปถ่ายรูป ‘รถออสติน’








‘รถออสติน’ ที่ผมเอ่ย เป็นรถประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

เป็นรถเก่าแล้ว ถูกไฟไหม้แล้ว และจอดให้ผู้คนได้ถ่ายรูปฟรี อยู่ทางด้านหลังของวัด

รถคันนี้เป็นสิ่งที่ชาวเวียดนามและพุทธศาสนิกชนจากหลายประเทศ อยากจะมาดู อยากจะมาถ่ายรูป





เหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ครั้งนั้น ก็คือ เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ซึ่งอยู่ในช่วงวันวิสาขบูชา

พระภิกษุ ดิ๊ก กวางดึก เจ้าอาวาสวัดเทียนหมุในขณะนั้น ได้ขับรถเก๋งออสติน สีฟ้าคันนี้ ทะเบียน DBA 599

ซึ่งเป็นรถของอดีตเจ้าอาวาสวัดเทียนหมุองค์ก่อน ขับไปยังกรุงไซ่ง่อน หรือกรุงโฮจิมินห์ซิตี (ชื่อปัจจุบัน)

ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่เหล่าพระภิกษุและพุทธศาสนิกชนของเวียดนามกำลังประท้วงรัฐบาลของโงดินห์เดียม

ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก

ที่ออกกฎห้ามชาวพุทธบำเพ็ญศาสนกิจและชุมนุมกันตามวัด

ด้วยกลัวว่าจะปกครองชาวเวียดนามไม่ได้ และรัฐบาลของโงดินห์เดียม ต้องการจะสลายฝูงชนชาวพุทธ

ทำให้ผู้คนชาวเวียดนามล้มตายและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก

จนชาวเวียดนามล้วนเจ็บใจและโกรธรัฐบาลของโงดินห์เดียม

จึงร่วมกันประท้วงติดต่อกันเป็นเวลานาน









โดยที่ไม่มีใครคาดคิด เจ้าอาวาส ดิ๊ก กวางดึก ขับรถยนต์ออสตินคันนี้

มาถึงย่านใจกลางเมืองไซ่ง่อนในช่วงสายๆ หน้าสถานที่ที่มีการชุมนุมประท้วงของชาวพุทธ

จากนั้นท่านก็เปิดฝากระโปรงรถด้านหน้าขึ้น ท่านถ่ายน้ำมันจากในรถ มาราดตัวท่าน

แล้วท่านก็จุดไฟเผาตัวท่านในท่านั่งนิ่งแบบนั่งวิปัสสนา ท่ามกลางกล้องถ่ายรูปและกล้องโทรทัศน์

อาการนิ่งของท่านคล้ายกับท่านไม่รู้สึกเจ็บปวดต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

ไฟจากน้ำมันได้โหมไหม้ร่างกายของท่านต่อหน้ากล้องทีวี กล้องถ่ายรูป และต่อหน้าผู้ชมที่ตกตะลึงกัน





จนที่สุด ท่านก็มรณภาพ ณ ตรงจุดนั้นอย่างสงบ

และที่น่าแปลกก็คือ หัวใจของท่านไม่ได้มอดไหม้เป็นจุล หากแต่ยังคงเหลือเป็นซาก

ให้มีคนช่วยเก็บรักษาไว้ จนถึงปัจจุบัน

รวมทั้งรถยนต์ออสตินคันนี้ ก็ได้มีการบูรณะให้มีลักษณะใกล้เคียงกับวันก่อนที่จะถูกเผา

และได้นำมาเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ที่วัดเทียนหมุ ตลอดไป










เมื่อเดินออกมาจากวัดเทียนหมุ บางคนก็มานั่งทานเต้าฮวยบนม้านั่งเตี้ยๆริมถนน

บางคนก็มานั่งทานเฉาก๊วย ของกินทุกอย่างราคาถ้วยละ 10 บาท

แม่ค้าฟังภาษาไทยออก และยินดีรับเงินบาทด้วย

มีอีกอย่างหนึ่ง ที่พวกเราหลายคนสนใจมอง และทำ คือ

จ้างให้ช่างเวียดนามตัดกระดาษด้วยกรรไกรเล็ก เป็นรูปทรงใบหน้าของพวกเรา

ช่างเขาตัดรวดเร็วมาก นับเวลาได้ประมาณ 5 - 6 นาทีก็เสร็จ ราคาค่าตัด 40 บาท

ดูเหมือนว่าทุกคนจะได้รับรูปตนเองที่ตัดแล้ว คนละ 2 ใบ เพราะช่างจะตัดควบในเวลาเดียวกัน

การตัดจะไม่มีการร่างไว้ก่อน ยืนตัดรวดเร็วทันทีตรงนั้น ตัดเสร็จก็มอบให้เลย และก็เต็มใจรับเงินบาทไทยด้วย

เพื่อนๆบางคนบอกว่า มาทัวร์ครั้งก่อน ช่างคิดค่าตัดเพียงคนละ 20 บาท เอ๊งงง















จากนั้น พวกเราก็ไปรับประทานอาหารเที่ยงกันที่ภัตตาคาร นั่งรับประทานกัน 4 คน ต่ออาหาร 1 ชุด

นี่เป็น ปลาทะเลทอด







ผัดเต้าหู้ปรุงรส







หมูพันตะไคร้ บ้านเรารู้สึกจะเป็น หมูพันอ้อย

ที่จริงอาหารมื้อเที่ยงยังมีอีกหลายอย่าง แต่เกรงว่าจะรบกวนเพื่อนร่วมโต๊ะ ก็เลยไม่กล้าถ่ายต่อ







สาวเสิร์ฟ ยิ้มใสซื่อ







หะ แอ้ม .....หะ แอ้ม







แน๊ ... ห่างคนที่บ้าน ละ ซิ ถ้า








บล็อกงวดหน้า จะเป็นตอนที่ 3 แต่อาจจะมาช้า สักนิด เพราะจะไปเที่ยวกับเพื่อนชาวบล็อกแก๊งค์

ไปที่เจ็ดเสมียน จ.ราชบุรี ไปขี่จักรยาน ไปปลูกผักออร์กานิค ไปเดินตลาดนัดบ้านโบราณ

ไปนอนบ้านดิน และไปฟังคอนเสิร์ตบนลานดิน.. คอนเสิร์ตของ ศุ บุญเลี้ยง




หากใครรอไหว บล็อกงวดหน้าจะชวนไปเที่ยวตลาดของเวียดนาม

ซึ่งแต่ละคน ช๊อปของก๊อป กันกระจาย








yyswim


yyswim@hotmail.com





 

Create Date : 28 สิงหาคม 2552
13 comments
Last Update : 28 สิงหาคม 2552 17:24:23 น.
Counter : 1491 Pageviews.

 

เจิม ๆ

 

โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 29 สิงหาคม 2552 6:55:19 น.  

 

เดี๊ยวตามมาอ่านใหม่นะ เรื่องมันยาวค่ะ

 

โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) 29 สิงหาคม 2552 6:58:03 น.  

 

อ่านเรื่องราวที่คุณสินเขียนเล่าไว้แล้วเหมือนได้ไปกับคณะด้วย เวียตนามนี่เป็นอีกแห่งที่ตั้งใจอยากไปเที่ยวมากๆ
น่าสนใจสถานที่ท่องเที่ยว และอาหารการกิน(ดูน่ากินมาก)
แล้วก็ที่เขาบอกกันเสมอว่าสาวเวียตนามผิวสวย คงเป็นจริง

 

โดย: ลุงแอ๊ด 29 สิงหาคม 2552 9:05:05 น.  

 

โรงแรมสวยดีนะคะ บริเวณที่ถ่ายภายใน สภาพก็สวย

เวลาเข้าพระราชวังโบราณ ชอบจินตนาการค่ะว่าสมัยนั้นเขาอยู่กันยังไง ที่ไกด์เล่าว่าตรงนั้นตรงนี้เป็นตำหนักสนม

ไกด์นี่จะเป็นอย่างนี้ประจำนะคะ ถือสารพัดกล้องของลูกทัวร์ เวลาถ่ายรูปหมู่

ได้ซื้อเสื้อยืดดาวแดงมาหรือเปล่า ซื้อมา 1 ตัว ปัจจุบันอยู่ไหนแล้วไม่รู้

เด็กผู้หญิงในชุดสีชมน่ารักจัง ชอบรูปเด็กที่เขาใส่ชุดประจำชาติ

ทำไมรัชชี่ไม่เห็นเจอช่างตัดกระดาษแบบนี้นะ

เมื่อตอนไปคุนหมิง ก่อนไปอ่านหนังสือเขาบอกมีช่างตัดกระดาษ กะเต็มที่ค่ะว่าจะใช้บริการ แต่ในที่สุดแล้วก็ไม่เห็นมี

 

โดย: รัชชี (รัชชี่ ) 29 สิงหาคม 2552 9:36:10 น.  

 

ชอบที่เวียดนามเค้ารักษารูปทรงของตึกรามบ้านช่องไว้ได้

สีสันอาคารของเค้าก็เลยกลมกลืน พวกสีไข่ไก่อะไรเหล่านี้

ดูเป็นเอกลักษณ์ดีค่ะ

เคยไปแต่ฮานอย ไม่เคยไปเว้ ฮอยอัน

มาเที่ยวที่บล็อกนี้ เหมือนได้ไปจรงๆเลยค่ะ ขอบคุณ...

 

โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.67.205.75 29 สิงหาคม 2552 10:12:26 น.  

 

อัพเร็วเป็นว่าเล่นเชียว

ภาพสวยเล่าเรื่องแนวท่องเที่ยวได้สนุกดีอ่านไปพลอยขำตามไปด้วย

อัพตอนต่อไปจะตามมาอ่านอีกค่ะ

 

โดย: ร่มไม้เย็น 29 สิงหาคม 2552 13:28:14 น.  

 

แวะมาตามไปเที่ยวครับ

เป็นอีกประเทศที่สนใจ แต่ทั้งที่อยู่ใกล้ก็กลับ
ไม่ได้ไปสักที ขอบคุณที่นำมาเล่าอย่างหลาก
หลายมาก

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 29 สิงหาคม 2552 21:40:11 น.  

 

หนูปุ๊เพิ่งกลับจากทำงานค่ะ
มาเจอตอนที่สองเข้าตาสว่างเลยคะ

สนุกมากๆยังกะใด้เดินทางด้วยตัวเองอีกแล้ว
หนูปุ๊จะรอตอนต่อไปนะค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ

 

โดย: หนูปุ๊ (ดอกฝิ่นสีคราม ) 29 สิงหาคม 2552 23:39:26 น.  

 

ก่อนอื่นขอขำก่อนเลย หะแรก ขำเพื่อนพี่สินที่ชื่อเล่น กวางดำ ชื่อเล่นนี่พ่อแม่ตั้งให้ หรือว่าเพื่อนตั้งให้ทีหลัง หรือยังไง วานพี่สินถามเพื่อนคนนี้ให้หน่อยนะครับ

แล้วเรื่องที่ว่ากำแพงสูงสามคนต่อนะ มันจะกะยังไงอะ ถ้าเอาคนเตี้ยมากะ กำแพงก็คงสูงไม่มาก แต่ถ้าเอาคนสูง ๆ มากะ มันกูจะสูงมากอยู่นา พี่สินเอาให้เคลียสิ บอกมาให้พอนึกได้พอดี ๆ สิ อย่าให้นึกแบบกว้าง ๆ พลชอบนึกไปเรื่อยเปื่อยนะ

มะม่วงเค้าทำน่ารักอะ เห็นไม่ชัด แต่ทำไม่เหมือนบ้านเรา แต่เห็นแล้วเปรี้ยวปาก อยากกินบ้างอะ ตอนมาปักกิ่งหิ้วมะม่วงมันมาฝากสักโลได้ปะ

พระราชวังกะวัดเค้าสวยน้อ อยากไปเที่ยวบ้างจัง พี่สินเป็นบ้างปะ เวลาไปเที่ยวสถานที่เก่า ๆ แล้วใจมันคัน อยากจะรู้อยากจะเห็นบ้างอะ ว่าในสมัยโบราณมันจะเป็นยังไง อยากเห็นตอนที่เค้ายังใช้กันแบบเดิม ๆ ยังรุ่งเรืองเหมือนเดิมนะ มันคงขลัง ๆ น้อ อย่างตำหนักในเงี้ย สมัยโบราณผู้ชายเข้าไม่ได้ แต่ตอนนี้ เดินกันให้ควั่ก อยากเห๊นอยากเห็นอะ อยากนั่งไทม์แมชชีนกลับไปแอบดูคนโบราณ

 

โดย: พล (aoigata ) 30 สิงหาคม 2552 0:14:36 น.  

 

รูปสุดท้ายคือเจ้าของบล็อกใช่ไหม๊คะ เที่ยวน่าสนุกจังเลยค่ะ

 

โดย: pantipngon 30 สิงหาคม 2552 20:38:09 น.  

 

โห...ภาพสวยงามคมชัดลึกมากเลยทีเดียวค่ะ...ชอบรถออสติสคันสีฟ้าจังเลยค่ะ...อ่านประวัติรถแล้วได้อารมณ์มากเลยค่ะ....ชุดประจำชาติก็สวยงามมากค่ะ....คุณพี่ที่ถ่ายภาพกับเด็กน้อยเป็นธรรมชาติมากเลยชอบจังค่ะ...

ปล.รถคล้ายกับรถเอ็มจีที่ แมงปอขับเลย....

 

โดย: ไหมพรมสีสวย 1 กันยายน 2552 18:20:54 น.  

 

พี่สิน หวัดดีค่า

โอย คิดถึง คิดถึง แน่ะ ป้าเดซี่มาถึงก็เลียมือเลยเนอะ ช่วงนี้งานยุ่งมาก ถึงมากที่สุดค่ะ กอปรกับอินเตอร์เน็ตที่บ้านโดนตัด ไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ไปหลายวันอยู่ เลยไม่ได้แวะมาซักที กะแล้วหละว่า ภาคสองของเว้น่าจะอัพแล้วน้า

บล็อกนี้ตื่นตาตื่นใจกับภาพมาก ๆ พี่ พี่สินถ่ายรูปสวยอ่ะ เอ...หรือว่ากล้องเทพ ถ้าให้เดิ้น เค้าต้องบอก กล้องเมพ เนอะ ภาษาบ้าอะไรก็ไม่รู้ วัยรุ่นสมัยนี้เค้าพูดกัน

ชอบอะไรหลายอย่างเลยพี่ แน่นอนที่สุดคือภาพอาหาร ตัดกระดาษเป็นรูปคนนี่ก็เจ๋งนะพี่นะ เก่งจัง

เรื่องรถออสติน อ่านแล้วสยองอ่ะค่ะพี่

แน่ะ แล้วมาแอบถ่ายรูปคนอ่านบล็อก ได้ภาพป้าเดซี่นั่งเกาพุงไปล่ะสิ ชิส์

ป้าเดซี่อาจจะหายไปอีกหลายวันนะคะ แต่ถ้ามีเวลา จะมาเยี่ยมแน่ ๆ ค่า

 

โดย: Oops! a daisy 1 กันยายน 2552 21:50:43 น.  

 



ลุงแอ๊ดครับ.... สาวไทย สวยกว่าสาวญวนครับ

อย่างคนข้างกาย ลุงแอ๊ด ไง.... ห้ามบอกนะว่า ไม่ สวย


คุณรัชชี่... ขอบคุณคุณรัชชี่ ด้วยอะไรดีครับ ช่วยแวะเข้ามาบ่อยๆ

ผมซื้อของน้อยครับ คุณแม่ และเจ๊ ย้ำเสมอว่า อย่าซื้อมาอีกนะ เก็บตังค์ไว้บ้าง

ของเจ๊ รู้สึก จะเป็น กาแฟ ของคุณแม่ เป็นกระเป๋าใส่เศษกะตังค์

ดูเหมือนน้อง และหลานๆจะได้ของดีๆไป อย่างน้องสาวเธอหยิบสร้อยคอไข่มุก หลานๆก็หยิบกระเป๋าลูกปัด กระเป๋าผ้าต่อผ้าหลายสี เป็นต้น

ผมเอง ไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองมาก มีหมวก ราคา 20 บาท แล้วก็กาแฟ เหมือนของเจ๊ ครับ


คุณอัยย์.... ห้องแถวของเวียดนามด้านหน้าจะแคบ แต่จะลึก

ใช่ บ้านเขาสีสวย สีแปลกดีครับ

ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมบ่อยๆ


เจ๊.... เพิ่งอัพ เมื่อตะกี้ นี้เองครับ

ตอนที่ 4 คงจะรอ ให้กลับจากจีน

แล้วหลังจากนั้น ตั้งใจจะเขียนถึง เจ็ดเสมียน จ.ราชบุรี



ขอบคุณครับ คุณหนูหล่อ.... ผมยังไม่ว่าง ไปเยี่ยมบล็อกท่านใดเลย ต้องขออภัยนะครับ



หนูปุ๊..... สวัสดีครับ ที่อยากอ่าน อยากอ่านจริงๆเหรอ????

บล็อกเขียนยาวๆ ไม่ค่อยมีคนอยากอ่านหรอกครับ หนูปุ๊



พล..... ฮ่า ฮ่า ฮ่า กวางดำ ชื่อนี้ เพื่อนๆตั้งให้ นาย สมเกียรติ ครับ

ตั้งตามผิวน่ะ ตอนไปเที่ยวเขาใหญ่ สมัยเรียน

ทีนี้ตอนอาบน้ำตก ไม่ได้เตรียมผ้าขะม้าไป

เพื่อนๆและกวางดำก็ต้องลงไปว่าย และกระโดดลงน้ำจากโขดหิน ด้วย ก ก น

กระโดด แล้ว ก็ขึ้นมากระโดดอีก นึกออกไหม กกน มันยืดลงเพราะน้ำหนักน้ำถ่วงเอาไว้

ก็เลยเห็น เบื้องหลัง

คนอื่น สีขาว ดิ แต่ ซัมวัน ขนาดอยู่ข้างใน พอ กกน ร่นลง ก็ ยังดำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า

ร้ายกว่านั้น ไปทริปนี้ กวางดำ ถูกไกด์เวียดนามแซว เข้าไปอีก ว่า จู๋ดำ

จู๋ ภาษาเวียดนาม แปลว่า พี่ หรือแปลว่า นาย

อย่างผม บางคนก็แซวผมว่า จู๋สิน

ดี เนาะ ไม่มีใครชื่อว่า เล็ก

ผมเตรียม ของฝากไปนิดหน่อย นำไปนิดหน่อยเท่านั้น เพราะยังไม่รู้ว่าจะเจอ พล หรอเปล่า?

เรื่อง หมุนโทร.ที่ปักกิ่ง ก็ยังไม่รู้ขั้นตอนการใช้โทร.สาธารณะครับ

และ วันนี้ ก็จะเดินทางแล้วครับ



คุณpantipngon..... ไม่ค่อยเห็นคุณ นานแล้วนะครับ

ช่าย รูปนั้น รูปของผม

ผมเป็นคนเปิดเผย จริงใจ ยินดีคบกับคนที่นิสัยคล้ายๆกัน

ผมเป็นคนต่างจังหวัดครับ เป็นคนซื่อๆ ไม่มีลูกเล่นอะไร กับใคร

ยินดีคบกับทุกคน ไม่ว่าเพศใด รสนิยมทางเพศแบบใด อายุ หรือ ฐานะ หรือ การศึกษา ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

หน้าตา รูปร่าง ผมคิดว่าไม่สำคัญเลยสำหรับผม ผมไม่ได้คบเพราะจะจีบเป็นแฟนหรือหวังยกระดับตนเอง

แต่หวังคบเพื่อเป็น เพื่อน หรือเป็นพี่ เป็นน้อง


ผมมักไม่ชอบบางคนในบล็อก ที่จะปิดบังตนเองไปซะทุกอย่าง

ยังกะผม จะเป็นคนไปทำร้ายเขา หรือจะไปจีบเขา

แบบนี้ ผมขอไม่ไปเยี่ยมบล็อกเขาหรือเธอคนนั้นดีกว่า

เล่นตัวมาก ผมไม่อยากจะสังสรรค์และไปเยี่ยมครับ


ผมหวังว่า คนที่หวังจะคบคนที่หน้าตา เขาหรือเธอจะได้ออกห่างๆจากบล็อกนี้ นะครับ

เพราะผม หน้าตา ไม่ใช่ดูดีอะไรเลย มีก็แต่ ยิ้ม และจริงใจ




สวัสดีครับคุณแมงปอ.... คุณขับรถอเมริกันหรือครับ โอ เท่

เรื่องถ่ายรูป ผมยังไม่ค่อยกล้านำผลงาน ลงบล็อกตัวเองครับ

นานมากๆ ผมจึงจะนำลงสักครั้งครับ

แม้แต่ multiply ของตัวเอง ผมยังไม่กล้านำลงเลยครับ



ป้าเดซี่.... ผมยังใช้โหมดอะไร ในกล้อง ไม่ค่อยเป็นหรอกครับ ถ่ายออโต้เป็นหลัก

Photoshop ก็ยังไม่รู้เรื่อง อยากเรียนครับ

เจอกัน ป้า ยังไม่ต้องถามผมเรื่องกล้อง นะก๊ะ เพราะผมจะเป็น งง

เรื่อง เพลง เรื่องปรุงอาหารก็ไม่ต้องถาม เพราะไม่เป็นเอาเลย

เรื่องสุรา เรื่อง ไวน์ อีก ก็ ม่ายรู้

นู่น นาย ฐ น่ะ พอจะคุยได้ ม้าง ผมคงจะขอนั่งยิ้ม เงียบๆ



 

โดย: yyswim 2 กันยายน 2552 2:07:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


yyswim
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 40 คน [?]





บล็อกสรรสาระนี้ จขบ.ไม่ได้เขียน-ไม่ได้ถ่ายภาพ-ไม่ได้อัพโหลดคลิปเอง หากแต่ทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการบล็อก เสาะหาเรื่องดีๆ รูปสวยๆ คลิปแปลกๆ มาไว้ในบล็อก


ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม ขอเชิญชมหรืออ่านตามสบาย ไม่ต้องคอมเมนต์ก็ได้ จขบ.ชอบการเข้ามาเยี่ยม แบบกันเอง ง่ายๆ สบายๆ




เริ่มเขียนBlog เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2548


เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2550 เวลา 23.30 น.


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชม




Latest Blogs

New Comments
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
28 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add yyswim's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.