XXII. เชือด

อัปฺปกญฺจิทํ ชีวิตมาหุธีรา – ปราชญ์กล่าวว่า ชีวิตนี้น้อยนัก

ชีวิตนี้น้อยนัก แต่ชีวิตนี้สำคัญนัก เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อ
เป็นทางแยก จะไปสูงไปต่ำ จะไปดีไปร้าย เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น
พึงสำนึกข้อนี้ให้จงดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด

ชีวิตนี้จักมีสวัสดี และชีวิตข้างหน้าก็จักสวัสดีได้
ถ้ามือแห่งกรรมร้ายไม่เอื้อมมาถึงเสียก่อน
มือแห่งกรรมร้ายใด ๆ ก็จะเอื้อมมาถึงไม่ได้
ถ้าชีวิตนี้วิ่งหนีได้เร็วกว่า และการจะวิ่งหนีให้เร็วกว่ามือแห่งกรรมนั้น
จะต้องอาศัยกำลังบุญกุศลคุณงามความดีเป็นอันมากและสม่ำเสมอ
กำลังความสามารถในการวิ่งหนีมือแห่งกรรมชั่วกรรมร้าย
คือการทำดีพร้อมกาย วาจา ใจ ทุกเวลา

หนังสือ “ชีวิตนี้น้อยนัก” พระธรรมเทศนา
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก



รถที่เชิดขับพาวินทร์เข้าไปในหมู่บ้าน ถึงที่หมายในเวลาไล่เลี่ยกันกับรถพยาบาลที่เชิดตามให้ระหว่างขับรถ นภานอนคว่ำอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน บุรุษพยาบาลนำเครื่องมือมาปฐมพยาบาล วินทร์กับเชิดมองหน้ากันแล้วตามไปดูอาการ

“ปลอดภัยอยู่ครับ ชีพจรยังเต้นดี แต่โดนของแข็งทุบที่ศีรษะ อาจจะต้องพากลับไปเอ็กซเรย์สมอง”

บุรุษพยาบาลคนแรกรายงาน ที่เหลือกำลังจัดผู้ป่วยนอนบนเปลและเข็นขึ้นรถ นภาลืมตาขึ้นมาอย่างงุนงง หันมองไปรอบตัวที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้า

“เดี๋ยวครับ”

วินทร์พูดคำเดียว คนแปลกหน้าทั้งหมดก็หยุดชะงัก วินทร์เข้าไปแตะบ่านภาเบาๆ

“น้านภาครับ ผมวินทร์”
“จ้ะ น้าจำได้ คุณเจ้าของโรงพยาบาล”
วินทร์เลิกคิ้ว หันไปมองเชิด เชิดก็กำลังประหลาดใจเช่นกัน

“คุณน้าโดนใครทำร้ายครับ”
“ไม่รู้เหมือนกัน มันมืดมาก รสาเค้าออกไปเปิดประตูรั้วนานเลยออกไปดู ก็โดนใครไม่รู้เอาไม้มาฟาดหัว ตอนนี้ก็ยังปวดอยู่”

“รสา...ออกไปเปิดประตู...รับใครครับ”
“หมอไตร...เจ้าไตร...โอย”

เหมือนความทรงจำไหลทวนย้อนกลับมา นภาครุ่นคิดแล้วกลับปวดตึงแน่นตรงขมับ นางพยาบาลรีบเปิดกระเป๋า เตรียมยาสำหรับระงับอาการ

“พาไปรักษาที่โรงพยาบาลเถอะ ขอบใจมาก”
เพียงนายออกปาก บุคลากรในรถพยาบาลก็ทำงานกันอย่างแข็งขัน เชิดและวินทร์พากันกลับขึ้นรถ

“ไปไหนต่อครับคุณวินทร์”
“โรงนาร้างที่หันตรา ผมโหลดแผนที่ดาวเทียมมาแล้วครับ ดูจุดที่ปลอดหมู่บ้านคน มีที่น่าจะใช่อยู่ 2-3 ที่ บอกพิกัดให้ตำรวจช่วยไปตระเวนดูแล้ว ส่วนเราสองคน... จากตรงนี้ น้าเชิดขับไปตามทางที่ผมบอก น่าจะใช้เวลาไม่เกินชั่วโมงครึ่ง”

“กลับมาจะทันเซ็นสัญญาไหมครับ”
เชิดสตาร์ทรถ ยังคงถามอย่างใจเย็น วินทร์ก็ยังยิ้มได้

“เถอะครับ ถ้าคุณแม่หักเงินเดือนน้าเชิด เดี๋ยวผมเบิกคืนให้สิบเท่าเลย”

เชิดหัวเราะในลำคอหึๆ รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง มีเจ้านายเทวดาอย่างนี้ ต่อให้ไม่ได้เงินเดือนก็เต็มใจช่วย
เส้นทางข้างหน้า ขับไปตามลางสังหรณ์ของเจ้านาย แต่ลางสังหรณ์ของเชิดเองก็ยังมีอยู่

...ถ้าคนที่มาขอความช่วยเหลือคือรสา แล้วคนที่วินทร์กำลังจะไปช่วยคือใครเล่า?

เขาไม่อยากให้เจ้านายเลือกคนผิด


•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


อังกูรกระวนกระวายอยู่หน้าห้องไอซียู พอประตูเปิดตึงออกมาครั้งหนึ่งก็หันไปดู เห็นแต่พยาบาลก้าวพรวดออกไป พอกลับมาใหม่ก็มาพร้อมแพทย์อีกคนหนึ่งที่พากันเดินขมวดคิ้วเข้าไป แพทย์คนที่มาใหม่หันมาสบตากับอังกูรวูบหนึ่ง ชายสูงวัยอ้าปากจะทัก แต่ก็ไม่ทันการประตูปิดไปอีกครั้ง อังกูรลุกขึ้น คิดจะไปดูตรงหน้าประตูทางเข้า ก้าวไปได้ไม่กี่ก้าว ประตูก็ถูกผลักออกมาอีก นายแพทย์คนเดิมสาวเท้าออกมาและบอกเบาๆ

“ทางนี้ครับ”

สองคนพากันเดินไปหลบในมุมทางเดิน

“หัวใจเต้นเบามาก ว่ากันตรงๆ มันหยุดเต้นไปแล้วครับท่าน ข้างในกำลังพยายามปั๊ม ผมไม่คิดว่าอาการแกจะทรุดไวขนาดนี้ เมื่อคืนลูกทีมผมรายงานมา ว่าไตรรัตน์ขอถอนตัว ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆ กลัวความจะแตกเลยรีบเปลี่ยนแผน จริงๆจะให้ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจกันบ่ายนี้ แต่นี่... มันฉุกละหุกมาก”

คู่สนทนาบอกเสียงเครียด อังกูรหน้าซีด พูดเสียงเบา

“ผมก็ไม่รู้ ตอนเช้าตรู่แกยังดีๆอยู่เลย แอนี่เขาระแคะระคายเรื่องนี้บ้างไหมหมอ”
“ไม่ครับ ผมไม่บอกใคร แม้แต่คุณนาย ว่าเราจะ...”
“พอเถอะหมอ...”

อังกูรก้มหน้า สูดหายใจเข้าลึก เสียงลูกสาวตัวน้อยยังดังก้อง

‘…ถ้าแอนี่ตาย คุณพ่ออย่าได้ทุกข์ร้อน อย่าได้ไปทำร้ายใครเพื่อพาแอนี่กลับมาอีก…’

“ผมเร่งให้ได้นะครับ ตอนนี้อีกทีมก็พร้อมแล้ว”
คู่สนทนาพยายามเร่งเร้า

‘…แอนี่จะไปรอคุณพ่อบนสวรรค์ พอถึงเวลา เราค่อยไปเจอกันบนฟ้านะคะ…’

ถ้าพ่อต้องสั่งฆ่าคน แล้วพ่อจะไปพบหนูบนสวรรค์ได้อย่างไรเล่า

“เอายังไงครับท่าน”


•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


เสียงของไตรรัตน์ฟังดูผิดเพี้ยนไป เหมือนคู่สนทนาพูดผ่านท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ ไม่ใช่แค่เสียง ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าก็ดูบิดเบี้ยวและหมุนวน ฟ้าใสสะบัดหน้าแรง เงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็มองเห็นชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าประตูเดินเข้ามาใกล้ เขาเดินเข้ามาช้าๆ แต่เหมือนขาที่ลากก้าวเข้ามานั้นใหญ่พอๆกับเสาต้นที่มัดร่างของเธอเอาไว้ พอชายแปลกหน้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ หน้าตาของเขากลายเป็นคนอัปลักษณ์ ผิวหนังตกสะเก็ด ตามรอยแตกของใบหน้ามีน้ำเหลืองไหลเยิ้ม ดวงตาเบิกโปนราวกับจะหลุดออกจากเบ้า
หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเอง...ไม่รู้สึกเจ็บ...ลิ้นยิ่งเหมือนจะชาคับปาก ออกแรงกัดอีกครั้งจนรู้สึกได้ว่ามีเลือดไหลซึมไหลเลาะจากริมฝีปากไปถึงคาง...เจ็บ...ความรู้สึกด้านประสาทสัมผัสกลับคืนมา สภาพเบื้องหน้าค่อยกลับมา ‘เกือบ’ เป็นภาพปกติ

“พวกแก...เอาอะไรให้ฉันกิน”

เหมือนคนขาดอากาศ ฟ้าใสหอบหายใจแรงขึ้น เหงื่อผุดพราวอยู่ตามหน้าผากและไรผม หัวใจในอกกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ

“ชู่ววว์...”

ชายแปลกหน้าห่อปากปรามเบาๆ หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อมาซับเหงื่อให้

“ฝิ่นน่ะ แรงกำลังดีใช่ไหม”

มันไม่ซับแต่เหงื่อบนหน้า มือที่จับผ้าผืนนั้นค่อยๆ ไล้ลงลูบแก้ม คาง ลงไปจนถึงต้นคอช้าๆ ขณะที่ปากค่อยๆอธิบาย

“อุปกรณ์ห้องผ่าตัดที่หมอเขาบอกน่ะ ไม่ใช่ห้องผ่าตัดปราศจากเชื้อและเครื่องมือครบครันตามมาตรฐานหรอกนะคุณพยาบาล... ที่นี่เราดัดแปลงอ่างอาบน้ำ เอาเหยื่อลงไปนอนแช่น้ำแข็งผสมน้ำยา แล้วผ่ากันในอ่างนั่นแหละ ยาระงับปวดที่ทำให้เหยื่อไม่เจ็บไม่ดิ้นมาก เราก็อัดฝิ่นเข้าไป ผ่าเสร็จไม่ต้องทำความสะอาดให้ลำบาก ปล่อยมันลงท่อระบายน้ำ คนหนึ่งแพ็คอวัยวะใส่กระติกน้ำแข็งเอาไปส่งให้ที่หมาย อีกคนหนึ่งทำลายหลักฐาน ถ้าไม่ทันก็แช่ศพทิ้งไว้ในอ่างแล้วเผาอาคารทิ้งซะ บางที...เราทำกันในบ้านเหยื่อด้วยซ้ำ”

ฟ้าใสเหลือกตามองคนพูดด้วยสายตาชิงชัง คนอัปลักษณ์กลับเชยคางพินิจพิจารณา

“ตาสวยดีนี่...คู่นี้น่าจะขายได้หลายแสน”

ทุด! อาศัยจังหวะตาจ้องตา ฟ้าใสถุยน้ำลายใส่จอมวายร้ายเต็มหน้า แทบไม่ทันเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย ฝ่ามือหนาก็สะบัดมาโดนแก้มเต็มแรงจนหน้าหัน

“อีเวรนี่...ฤทธิ์เยอะจริงๆ”

มันตบแล้วค่อยยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดรอยเปื้อนบนหน้า เห็นหญิงสาวคอพับแน่นิ่งลงไปก็เรียกลูกสมุน

“ไอ้เพ้ง ไอ้ซ้ง เสร็จรึยังวะ ชักช้าจริงพวกมึง”

เสียงขานรับว่าใกล้เสร็จมาจากด้านใน ชายอัปลักษณ์ค่อยควักบุหรี่มวนใหม่ขึ้นมาสูบ สักพักหนึ่งสมุนตัวเล็กสุดกระหืดกระหอบออกมา

“เอาไปแช่ในอ่างก่อนไป”
ไอ้เพ้งแกะเชือกและรวบเอาร่างที่อ่อนปวกเปียกอุ้มออกไป ชายอัปลักษณ์ทำท่าจะเดินตาม

“น้าเด...”
เสียงจากเสาต้นเดียวกันแต่อยู่คนละฝั่งดังขึ้น เดชาหันไปตามเสียงเรียก

“ถ้าอยากให้ไว น้าต้องให้ผมช่วย”

“เฮอะ.... ไอ้หมอ เพิ่งคิดได้เรอะ”

มันขยับตัว หันไปคุยกับไตรรัตน์ เอามือข้างหนึ่งลูบศีรษะชายหนุ่มช้าๆ แต่แล้วก็รวบผมในกำมือจับแหงนหน้าเอาหลังศีรษะไตรรัตน์โขกติดเสา มืออีกข้างยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางขึ้นจ่อหว่างคิ้วชายหนุ่ม

“เอ็งน่ะ ก็เคยช่วยน้ามาตลอด เงินทองก็แบ่งให้ไม่เคยขาด รอบนี้เกือบทำเสียงานแล้วมั้ยล่ะ คราวนี้เข็ดรึยัง ฮะ!”

“อือ... น้าเดให้ลูกน้องซ้อมผมซะน่วม จะไม่ให้เข็ดได้ยังไงล่ะครับ แก้มัดผมเถอะ น้าเด”

ไตรรัตน์พูดพร้อมพยายามสบตา เดชาเอียงหน้า ทำท่าลังเล ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น

“เดี๋ยวนะ ขอน้ารับโทรศัพท์ก่อน”
เดชาลุกขึ้นคุยโทรศัพท์ แม้จะคุยไม่ดังมากนัก แต่ไตรรัตน์ก็ได้ยินบทสนทนาชัด

“อะไรนะ ยกเลิก ให้ปล่อยตัวกลับไป?”

เดชาหัวเราะเสียงแหบพร่า

“โอ้โฮ มันไม่ง่ายอย่างนั้นสิหมอ ลักพาตัวคนนะ ไม่ใช่กระต่าย ไหนจะค่าเสียเวลา ไหนจะค่าความเสี่ยง แล้วอีกอย่าง เหยื่อก็เห็นหน้าพวกผมหมดแล้ว”

ไตรรัตน์พยายามแกะเชือกที่มัดมือมัดเท้าด้วยตัวเอง ไม่ได้ผล เดชาคุยโทรศัพท์พลาง เดินวนและกลับมาทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ชายหนุ่ม

“ค่าปิดปาก ค่าเหนื่อย? มันจะให้เราซักเท่าไหร่กัน ผมผ่าเอาอวัยวะไปขายให้คนอื่นไม่คุ้มกว่าเหรอ แล้วอีกอย่าง ขืนเหยื่อมันเอารูปพรรณสัณฐานพวกผมไปฟ้องตำรวจ ก็จะพากันซวยทั้งหมด”

เสียงคู่สนทนาเหมือนจะพรรณนาถึงความมีอิทธิพลของผู้ว่าจ้าง ว่าสามารถคุ้มกะลาหัวเดชาและพรรคพวกไปได้ตลอดชีวิต ในทางกลับกัน ถ้าไม่ปฏิบัติตาม พวกเขาจะต้องถูกไล่ล่าจนหาที่ซุกหัวนอนไม่ได้ โจรหัวโจกทำเสียง ‘เฮอะ’ ขึ้นจมูกแล้วตัดบท

“ห้าแสน ผมขอค่าแรงวันนี้ห้าแสนแล้วเราจบกัน ผมจะคืนเหยื่อให้”

ไตรรัตน์ขมวดคิ้ว ทำไมเดชาถึงยอมง่ายดายขนาดนั้น ปลายสายตอบตกลงแทบจะในทันที

“แค่คืนเหยื่อให้ในสภาพเป็นๆอวัยวะครบใช่ไหม ผมจัดให้ไม่เกินบ่ายโมง”
คู่สนทนาทางโทรศัพท์แสดงความโล่งอกและขอบใจ เดชากดวางหูโทรศัพท์แล้วแสยะยิ้ม ไตรรัตน์กลับรู้สึกถึงบรรยากาศที่น่าคลื่นเหียนไม่ต่างจากเดิม
“ลูกค้ายกเลิกเหรอน้าเด”

“อือ...”

“แล้วน้าเดจะปิดปากเหยื่อยังไง ไม่ให้เขาไปฟ้องตำรวจ”
ไตรรัตน์ถามตรงประเด็นกับสิ่งที่เดชาคิดอยู่ในใจ

“ควักลูกตา ตัดนิ้วมือ ผ่าเอากล่องเสียงออก หรือว่า...”

“เฮ่ย น้าไม่ทำอย่างนั้นหรอก ก็เขาบอกแล้วไง ว่าให้เอาเหยื่อกลับไปคืนด้วยอวัยวะครบ”

เดชาหันไปค้นกระเป๋าเดินทางที่ภายในบรรจุอุปกรณ์ ค้นอยู่ครู่เดียวก็หยิบกล้องสำหรับบันทึกวิดีโอขึ้นมาและว่าพลาง

“แต่ไม่ได้จำกัดนี่ ว่าห้ามบุบสลาย...ไอ้เพ้ง! ไอ้ซ้ง! ใครก็ได้มานี่หน่อยซิ”

“ครับเฮีย”
ไอ้ซ้งขานรับทั้งที่มือยังจับเหยื่อถอดเสื้อผ้าเตรียมแช่ลงอ่าง
“ไอ้เพ้ง มึงไป”

“โธ่...”
ได้อุ้มมาแค่ประเดี๋ยวประด๋าว คนถูกสั่งยกมือป้ายน้ำลายแล้วจำใจลุกไปหาเดชา พอสมุนที่ถูกเรียกวิ่งกลับมา เดชาก็ยื่นกล้องให้พร้อมกับแก้มัดไตรรัตน์ พอมือเป็นอิสระ ไตรรัตน์รีบขยับตัวแต่ได้ไม่ทันไร ปลายมีดก็จ่ออยู่ที่คอด้านหลัง

“อย่าตุกติกเชียวไอ้หมอ เมื่อกี้บอกว่าไงนะ อยากช่วยน้าใช่ไหม”
“ครับ...น้าเด”
ไตรรัตน์ยกมือเปล่าขึ้นชูระดับศีรษะ จากนั้นขมวดคิ้ว เมื่อพอจะคาดเดาได้ว่าเดชาจะให้ทำอะไร

“เปลี่ยนแผนว่ะ ไอ้เพ้ง ลูกค้าเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน แต่เฮียอยากมั่นใจว่า สองคนนี้พอถูกปล่อยกลับไปแล้วจะไม่เอาเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืนกับวันนี้ไปบอกใคร”

ไอ้เพ้งเปิดกล้องวิดีโอแบบขลุกขลักมือไม้สั่น
“ห่ะๆ ให้เพ้งถ่ายหนังสดเหรอเฮีย”

“เออ ถ่ายมันสองคนก็พอ อย่าให้หน้าพวกเราติดเข้าไปในกล้อง, ไป, ไอ้หมอ”
เดชาเอามือตบหลังหลานชายคนละสายเลือด

“น้าเดจะให้ผมทำอะไร”
ไตรรัตน์แกล้งถ่วงเวลาถาม ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก เดชาร้องเพ้ย

“อย่าบอกนะไตร ว่าโตมาป่านนี้ เอ็งยังขึ้นขี่ผู้หญิงไม่เป็น ...เอาน่าา... ทำให้น้าดูหน่อย ถ่ายเสร็จแล้วจะขอสำเนาเก็บเป็นที่ระลึกก็ได้นา แต่พวกน้าก็จะเก็บไว้เหมือนกัน ถ้ามันหรือแกหลุดปากบอกใครแม้แต่คำเดียว น้าจะเอาคลิปวันนี้ร่อนขึ้นเน็ตประจานให้ทั่ว”

ไตรรัตน์เจ็บแค้นจนแน่นหน้าอก พอเดินก้าวเข้าไปถึงข้างใน หญิงสาวถูกจับถอดเสื้อผ้านอนแช่อยู่ในอ่าง ไอ้ซ้งกำลังจัดวางศีรษะพาดตรงขอบอ่างให้พ้นน้ำ ใบหน้านั้นขาวซีด ดวงตาหลับพริ้มนั้นไม่มีวี่แววพยศ มองทะลุผ่านเกล็ดน้ำแข็งลงไปเห็นเรือนร่างเปลือยเปล่า...ขาวเหมือนหยวกกล้วยลอยน้ำ สรีระโค้งเว้าของวัยเจริญพันธุ์นั้นจุดอารมณ์ทางเพศได้พอๆ กับความสลดสังเวชที่เห็นภาพหญิงสาวต้องมาตกอยู่ในสภาพไร้ทางสู้ ชายหนุ่มฝืนยิ้ม แสร้งว่า

“ก็ดีเหมือนกันน้า แต่อย่าบอกนะว่า ทำกันในอ่างนั่นน่ะ”

“อ่าว ตกลงจะผ่าหรือจะทำอะไรเฮีย”
ไอ้ซ้งหันมาถาม
“เปลี่ยนแผนว่ะซ้ง เอ็งไปดูลาดเลาข้างนอกไป”

“เอ่อ... น้าเด ปล่อยไอ้เพ้งมันถ่ายผมคนเดียวได้มั้ย น้าอยู่ด้วย มัน...ลุกไม่ขึ้น”
ไตรรัตน์ว่าพลางส่งสายตาให้เดชามองลงไปใต้เข็มขัด
“ทุ้ย! ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ฮะๆๆ”
เดชาถ่มน้ำลายพลางหัวเราะร่วน
“ไอ้เพ้ง ถ่ายดีๆนะมึง เฮียจะไปสูบบุหรี่ข้างนอก”

หัวโจกและสมุนรองเดินจากไป ข้างในห้องเล็กหลังฉากกั้นเหลือเพียงสามชีวิต ไตรรัตน์ถอดเสื้อออกช้าๆ เอามือเกาะขอบอ่าง เสียงครางอือ..ออกมาจากเรียวปากซีดแต่ยังไม่ลืมตา หากอยู่ในสภาพปกติ หญิงสาวคงกำลังหนาวสั่นและทุรนทุราย

ไตรรัตน์คำนวณหมากตาถัดไปด้วยท่าทีสงบนิ่ง จากนั้นจับใบหน้างามในอ่างนั้นเอียงหงายและโน้มตัวลง...



Create Date : 06 ธันวาคม 2554
Last Update : 6 ธันวาคม 2554 19:31:31 น. 3 comments
Counter : 986 Pageviews.

 
ถึงจะช้าไปนิดแต่ก้อมาเก็บลิ้งค์ไปแชร์นะคะคุณอ้อ อิอิ

คิดถึงและมีความสุขมากๆ นะคะ


โดย: ณ ปลายฉัตรเองคร่า IP: 61.90.65.165 วันที่: 7 ธันวาคม 2554 เวลา:11:32:22 น.  

 
ระทึกดีจังค่ะ
เพิ่งอ่านนิยายผ่านหน้าคอมพ์ที่บล๊อกคุณอ้อ เรือ่งนี้เยี่ยมเลย ^ ^


โดย: ณ ปลายฉัตรเองคร่า IP: 61.90.65.165 วันที่: 7 ธันวาคม 2554 เวลา:11:38:00 น.  

 
ขอบคุณคุณฉัตรค่ะ ^___^ ดีใจๆ


โดย: รุริกะ วันที่: 7 ธันวาคม 2554 เวลา:20:20:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 ธันวาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.