XVIII. ผิดคน

ทักทายคนอ่าน ด้วย Quote ยาวๆอีกเช่นเคยค่ะ ^^

เรารักตัวเรา คนอื่นทุกคนก็รักตัวเขา
เราไม่อยากให้ใครทำอะไรตัวเรา
คนอื่นทุกคนก็ไม่อยากให้เราทำเช่นนั้นแก่ตัวเขาเหมือนกัน
เราอยากให้ใครทำดีกับตัวเราอย่างไร
คนอื่นทุกคนก็อยากให้เราทำดีกับตัวเขาอย่างนั้น
ผู้ใดสามารถรักษาจิตใจ รักษาวาจา รักษาการกระทำ
ให้เป็นไปเพื่อไม่เป็นการให้ทุกข์ให้ร้อนแก่ผู้อื่นนั้น
ไม่เรียกว่าเป็นการทำเพื่อผู้อื่น แต่เป็นการทำเพื่อตนเอง
เป็นการถือว่าตนเป็นที่รักของตนอย่างยิ่ง ไม่มีความรักอื่นเสมอด้วยความรักตน

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

(via Dharma@Hand Lite ธรรมะใสใส ใกล้ตัวคุณ)


ท่ามกลางความมืดและเงียบสงัด รสาได้ยินเสียงหัวใจเต้นอยู่ภายในอก แรงเต้นเหมือนหน้ากลองที่ถูกไม้กลองซัดเหวี่ยงลงซ้ำๆ เริ่มจากช้าและหนักแล้วเพิ่มความเร็วขึ้น พอตื่นลืมตาและขยับตัว เหงื่อที่หยดพราวบนหน้าผากก็ไหลกลิ้งไปที่หมอน เสียงปี๊บของ infusion pump แสดงการทำงานในเงามืด รสาหันไปมอง

50 หยดต่อนาที...
เร็วไปสำหรับผู้ใหญ่ด้วยซ้ำ…


รสาขยับตัวลุกขึ้น ปวดหัวตุบๆ ปุ่มปรับอัตราเร็วบน infusion pump อยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง หัวใจเต้นแรงขึ้น รสาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึก มองหาอุปกรณ์ช่วย กริ่งเรียกพยาบาลอยู่ตรงหัวเตียง

“อย่าไปเรียกเขาเลยพี่สา...”
เสียงหนึ่งดังขึ้นที่ข้างเตียง

“ถ้าเขามา ก็ต้องตามหมอวุ่นวาย พี่แค่ถอดสายน้ำเกลือออกแล้วนั่งคุยกับแอนี่ดีกว่า”

เด็กสาวผมหยักศกในชุดสีฟ้า หน้าตาน่ารัก นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้ พอรสาขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ภาพของอีกฝ่ายในม่านตาเหมือนกำลังมองตัวเองสะท้อนในเงากระจก หัวใจเต้นแรงขึ้นอีก สายตาเริ่มพร่ามัว ขณะที่หัวหมุนติ้ว รสาตัดสินใจดึงสายน้ำเกลือออกตามคำแนะนำของผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ แทนที่จะกดกริ่งและต้องปล่อยให้พยาบาลและแพทย์หาสาเหตุของอาการผิดปกตินี้อีกนาน ทันทีที่น้ำเกลือถูกปลดออกไป หัวใจค่อยคลายการบีบตัวลง สภาพภายในห้องตรงหน้าเริ่มกลับมาปกติ แต่อนัลยานียังนั่งอยู่

“เชื่อหรือยังล่ะ ว่าเรียกหาที่ปรึกษาผิดคน”

เด็กสาวในชุดสีฟ้านั่งพิงพนักเก้าอี้ กอดอกและยกขาขึ้นไขว่ห้าง รสาถอนหายใจแรงและเอนหลังพิงหมอน จับตามองคู่สนทนาด้วยสายตาเหนื่อยล้า กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นก่อนเอ่ยปาก

“แอนี่...”
“ฮืม.. แอนี่จริงๆ ไม่ใช่ฟ้าใสที่หลอกใครต่อใครว่าตัวเองเป็นแอนี่ด้วย”
รสาเอามือกุมขมับข้างขวาที่ยังปวดร้าวไปถึงต้นคอ

“พี่ไม่เข้าใจ... ไม่เข้าใจว่า ทำไมพวกเธอต้องมาทำร้ายพี่”
อนัลยานีส่ายหน้า

“เปล่าเลย... แอนี่ช่วยพี่ต่างหาก ตั้งใจจะช่วย ยังคงช่วย และจะช่วยถัดไปหลังจากนี้...แต่พี่สาต้องสัญญาว่า ฟังแล้วจะไม่ทำอะไรโง่ๆ เช่นปล่อยตัวเองจมลงไปในความมืดอีก”

รสานึกถึงสภาพที่จมลงไปในความหดหู่และผิดหวัง เด็กสาวตามดูเธอตลอดเวลา... แต่ว่า ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ความสงสัยทำให้ออกปากรับทั้งที่ยังไม่เข้าใจนัก

“อือ...พี่สัญญา เล่ามาได้หรือยัง”
อนัลยานีพยักหน้า ลดมือลงวางบนตัก เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ราวกับว่า เป็นอนัลยานีที่รสาไม่เคยรู้จักมาก่อน

“เราสองคน ไม่ใครคนใดก็คนหนึ่ง...ควรจะตายไปตั้งนานแล้ว...ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะ...”

เด็กสาวเริ่มเล่าความเป็นมาที่ถูกกลบฝังมานาน
ราตรีนั้นยืดยาวออกไป...ไม่ต่างจากอีกด้านหนึ่ง...

ไตรรัตน์ไปถึงก้าวลงจากรถ รอพบหน้าฟ้าใสในร่างของรสา


.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


4 ปี ก่อนหน้านั้น วันมหิดล...

เสียงเคาะประตูดังขึ้นและผลักเข้ามาแผ่วเบา นายแพทย์หนุ่มเงยหน้าขึ้นจากแฟ้มผู้ป่วยที่กำลังจะนำไปทำเป็น case study หญิงสาวที่มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าสวมชุดพยาบาลสีขาวหน้าตาผุดผาดและอ่อนเยาว์ ดวงตาคู่นั้นมีประกายสดใสแต่ก็แฝงไว้ด้วยความสุภาพอ่อนโยน เธอผลักประตูเข้ามาในเวลาพักกลางวันที่ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ต้อนรับ

“มาติดต่อเรื่องอะไรครับ”

ไตรรัตน์เองก็เพิ่งสวมเสื้อกาวน์ใหม่เอี่ยม แขวนสเต๊ทโทสโคป (stethoscope) คล้องคอ ด้วยต้องมาขึ้นเวรแทนรุ่นพี่ในช่วงเช้า และขนเอกสารมาประเมินความสมบูรณ์ของเวชระเบียนแทนอาจารย์ที่ปรึกษาในห้องติดต่อประสานงาน หญิงสาวหันมองนาฬิกาเก้อๆ

“ขอโทษค่ะ กว่าจะแวบออกมาจากวอร์ดได้ก็พักเที่ยง ถ้าจะมาติดต่อตอนนี้ได้มั้ยคะ”

“ครับ?”
มาแปลกแฮะ... แม่คนนี้…
ไตรรัตน์นึกในใจแต่ก็ไม่พูดออกมา

“เอ่อ... มาลงทะเบียน บริจาคอวัยวะน่ะค่ะ อาจารย์โสภาบอกว่าให้มาติดต่อที่ห้องนี้”

นายแพทย์หนุ่มเหลือบตาลงมองป้ายชื่อ

‘รสา อรัญวงศ์
พยาบาลฝึกงาน’

ไตรรัตน์เคาะปากกาแล้วมองซ้ายขวา เห็นตู้เอกสารมีป้ายชื่อกำกับก็พอจะนึกออก

“น่าจะแบบฟอร์มนี้นะครับ ผมก็ไม่แน่ใจว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรมาบ้าง”

ป้ายประชาสัมพันธ์หน้าห้องเชื้อเชิญล่วงหน้ามาหลายสัปดาห์ ให้ผู้สนใจเข้ามาบริจาคอวัยวะ ปรกติจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลต้อนรับ หญิงสาวมาในเวลาพักเที่ยง จึงกลายเป็นเขาที่ต้องยื่นมือออกมารับหน้าเสื่อ

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันเตรียมมาแล้ว”

หญิงสาวชูซองสีน้ำตาลแล้วยิ้มรื่นพร้อมรับแบบฟอร์มไปกรอกบนเคาน์เตอร์ ไตรรัตน์คิดผละไปทำงานต่อ แต่ขาก็กลับพาตัวหมุนไปหาหญิงสาวที่นั่งกรอกแบบฟอร์มอยู่

อวัยวะที่ท่านจะบริจาค...
.... หัวใจ

รสาจรดปากกาด้วยรอยยิ้ม ไตรรัตน์กระแอมในลำคอก่อนเอ่ยถาม

“คิดยังไงถึงมาบริจาคหัวใจเอาไว้ครับ”

รสาปรายตามองคนถามแวบนึ่งก่อนจะปรายตากลับไปที่แบบฟอร์มและเขียนชื่อกำกับอย่างบรรจง

“วันนี้วันเกิดน่ะค่ะ แต่ก็ต้องฝึกงานที่วอร์ดทั้งวัน ไม่รู้ว่าจะไปทำบุญที่ไหน พี่พยาบาลที่วอร์ดเขาแนะนำว่า บริจาคอวัยวะ ได้บุญมหาศาล ก็เลยแวะมาตอนพักเที่ยงค่ะ”

“อ้อ...”
ไตรรัตน์นึกทึ่ง พร้อมถือวิสาสะดูรายละเอียดอื่น

“กรุ๊ปเลือดก็แปลกดีนะครับ AB Rh- เสียด้วย”

รสาม้วนกระดาษพับครึ่ง ด้วยเห็นว่าถูกละเมิดข้อมูลส่วนตัวมากเกินควรแล้ว

ไตรรัตน์ขยับตัวถอยห่างอย่างเก้อๆ พอดีกันกับเจ้าหน้าที่กลับจากพักเที่ยงและผลักประตูเข้ามา
“ติดต่อเรื่องอะไรคะ”

ความสนใจของรสาเบนไปหาเจ้าของเสียงที่มาใหม่ เจ้าหน้าที่ประจำอธิบายและตอบข้อซักถามได้ชัดเจนและเป็นลำดับขั้นตอน ในเวลานั้น มีเพียงฝ่ายชายที่จำฝ่ายหญิงได้


วินาทีปัจจุบัน

ไตรรัตน์รอคอยฟ้าใสในร่างรสาด้วยความรู้สึกผิดบาปในใจลึกซึ้ง...


•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


“พี่สาจำเรื่องที่เราเคยคุยกันที่ป้ายรถเมล์ ตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆได้ไหมคะ”

รสาขมวดคิ้ว พยายามนึก เหมือนจะจำได้อย่างรางเลือน

“ที่แอนี่บอกว่า หนูเป็นโรคหัวใจโตตั้งแต่เกิด...”

“ใช่ค่ะพี่สา มันโตมากและทำงานหนักเกินไป ตั้งแต่เล็กจนโต แอนี่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ จนครั้งสุดท้าย หัวใจของแอนี่เต้นแผ่วลงๆ ต้องนอนในห้องปิดสนิท หมอต้องคอยฉีดยากระตุ้นหัวใจเข้าทางสายน้ำเกลือที่แขวนระโยงระยาง ทุกคนทำใจแล้วว่า ไม่ช้าไม่นานก็ต้องปล่อยให้แอนี่ตายไป แอนี่คิดว่าคงจะได้เวลาไปหาคุณแม่บนสวรรค์ แต่อยู่ดีๆ ก็ลืมตาตื่นมาในห้องสีขาว คุณหมอบอกว่า มีคนบริจาคหัวใจที่เข้ากับแอนี่ได้ในนาทีสุดท้ายพอดี ไม่อย่างนั้นแอนี่ก็คงตายไปแล้ว”

รสาจำได้ว่าในเวลานั้น ตนเองตอบเด็กสาวไปว่า
‘ดีแล้วล่ะ ที่คุณหมอหาหัวใจดวงใหม่มาให้หนูทัน ยังได้กลับมาใช้ชีวิตใหม่’

“พี่สารู้ไหมคะ ว่าหัวใจดวงนั้น...มาจากไหน”
“เอ๋...?”
“พี่สาจำวันที่ตัวเองไปบริจาคหัวใจเอาไว้ ในวันมหิดลได้ไหมคะ”

“จำได้... วันนั้นพี่อยากทำบุญใหญ่ในชีวิตสักครั้ง ถ้าวันหนึ่งตายไป อย่างน้อยก็ทิ้งหัวใจไว้ให้เป็นประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ แต่... มันมาเกี่ยวกับแอนี่ได้ยังไง”

“มันเป็นความเข้าใจผิดค่ะพี่สา...หลังจากการบริจาคครั้งนั้น พี่สานึกดีๆ สิคะ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น”


•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


เวลานั้นเมฆลอยลงต่ำ ฟ้าร้องครืนๆ แม่โทรเข้าโทรศัพท์มือถือของรสาว่าวันรุ่งขึ้นจะหย่ากับพ่อ ในคืนนั้น ฟ้าใสมานอนด้วยที่ห้องพัก พยายามจะเงี่ยหูฟังด้วย

“เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้ยังไงคะแม่”

รสาขยับตัว ลุกจากเตียง ฟ้าใสก็ยันตัวขึ้นนั่งประกบข้างๆ แม่เล่าลำดับเหตุการณ์และปรามว่าอย่าเพิ่งบอกฟ้าใส แต่ไม่ทันเสียแล้ว เห็นแค่สายตาของรสาที่หันมามองตนด้วยความกังวล ฟ้าใสก็คว้าโทรศัพท์ไปพูดสาย

“แล้วตอนนี้พ่ออยู่ไหนคะแม่”
ปลายสายอึกอัก ลงท้ายด้วยตอบไม่เต็มเสียงนัก

“พ่อแกกำลังขนของ จะย้ายไปอยู่กับเมียใหม่แล้ว”
“ไม่จริง! พ่อไม่มีทางทำอย่างนั้น อย่างน้อยพ่อต้องบอกฟ้าก่อน”

ฟ้าใสขึ้นเสียง รสาพยายามสะกิดเตือน

“ไม่เอาน่าฟ้า...”
“แม่อย่าเพิ่งให้พ่อออกไปจากบ้านนะคะ ฟ้าจะไปห้ามพ่อ”
พอสั่งจบก็ตัดสาย ฟ้าใสควานหากุญแจรถบนโต๊ะอ่านหนังสือ รสาดึงมือของฟ้าใสเอาไว้

“ใจเย็นๆก่อนสิฟ้า มืดแล้ว...พรุ่งนี้ค่อยไปก็ได้”
“เค้าใจเย็นไม่ไหวหรอกสา พ่อแม่มีปัญหากันมานาน ไม่ยอมบอกเรา มาบอกเอาตอนที่จะหย่ากันเนี่ยนะ”

“โอเค ก็ได้ งั้นเค้าไปด้วย”
“ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้มีสอบไม่ใช่เหรอ ถึงได้เรียกเค้ามาช่วยติวหนังสือให้”

รสาอึ้ง ก็จริง...ถ้าไปนาน...กว่าจะกลับมาถึงหอพักก็อาจไม่ได้นอน

“เค้าขี้เกียจรีบกลับมาส่งน่ะ ไม่ใช่อะไร”
ฟ้าใสตัดบท

“ถ้าอยากช่วย เอาใบขับขี่มาก็พอ”
“อะไรฟ้า ป่านนี้ยังไม่สอบใบขับขี่อีกเหรอ”

“แล้วจะให้ไม่ให้”
ฟ้าใสยื่นมือแบเฉียงๆ กระดิกนิ้วเบาๆและแค่หันมองด้วยหางตา รสาถอนหายใจเฮือกใหญ่ หยิบกระเป๋าเงินทั้งใบและดึงออกมาเฉพาะบัตรนักศึกษาสำหรับแสดงก่อนเข้าห้องสอบ ก่อนจะยื่นกระเป๋าทั้งใบให้ฟ้าใส

“เอาไปหมดนี่แหละ ตัวไม่ได้เอากระเป๋าตังมานี่”

“ขอบใจนะ เดี๋ยวเค้าไปเอาพ่อคืนมาให้”

ฟ้าใสผละไปด้วยรอยยิ้มเครียด รสาไม่ได้ตามลงไปส่ง ได้แต่เกาะหน้าต่างห้องพักมองตามฟ้าใสเลื่อนรถออกไปจนสุดสายตา เวลานั้นฟ้าเริ่มคะนองครืนๆ ถัดจากนั้นฝนก็เทลงมาอย่างไม่ขาดสาย รสาปิดประตูหน้าต่างกันฝนสาด ส่วนฟ้าใสเร่งความเร็วของรถขึ้น ก่อนที่พายุฝนจะปกคลุมพื้นที่บนถนนทั้งหมดแล้วจะถึงบ้านช้ากว่าที่ใจคิด

ฉับพลันนั้น ฟ้าใสเห็นทุกอย่างสว่างจ้าพร้อมๆกับเสียงเปรี้ยงดังใกล้หู เป็นปรากฏการณ์ฟ้าผ่าที่เกิดในระยะกระชั้นชิด วินาทีที่เหลียวดูจุดเกิดเหตุรถทางซ้ายหักหลบต้นไม้เข้ามาในเลนที่ฟ้าใสขับด้วยความเร็วสูง ปฏิกิริยาโต้ตอบอัตโนมัติในเวลานั้นคือการเหยียบเบรกอย่างแรงขณะที่มือยังหมุนพวงมาลัย โลกทั้งใบจึงหมุนคว้าง ฟ้าใสได้ยินเสียงโครมครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้งพร้อมแรงกระชากอย่างแรงเหมือนวิญญาณจะหลุดออกจากร่าง แต่ครู่หนึ่งก็สะท้อนกลับให้มาอยู่กับเบาะในรถที่พังยับ

‘ยัง...ฉันยังตายไม่ได้ ฉันจะต้องไปหาพ่อ’

หญิงสาวพยายามยื่นมือออกนอกรถเพื่อขอความช่วยเหลือ มองออกไปนอกรถเห็นเพียงภาพเลือนรางด้วยเลือดจากหนังศีรษะที่ถูกกระแทกเริ่มไหลมากลบตา

ฟ้าใสเห็นเพียงแสงสว่างจากไฟหน้ารถหลายคันขับผ่านมาแล้วผ่านไปไม่กล้าจอด บ้างเพียงชะลอแล้วชะโงกหน้ามองอย่างหวาดเสียว

สักพักใหญ่ จึงได้ยินเสียงเครื่องยนต์ชะลอลงช้าๆและจอดอยู่ข้างทาง คนแปลกหน้ารายใหม่เดินตรงมาที่ร่างของหญิงสาว สองนิ้วแตะที่ลำคอ เสียงร่ำร้องว่ายังมีชีวิตดังตุบๆจากบริเวณนั้น

ร่างของคนแปลกหน้าขยับตัวไปอีกทางอย่างใจเย็น เขาดึงกระเป๋าจากหน้ารถไปเปิดดูรายละเอียดผู้ประสบอุบัติเหตุ ฟ้าใสพยายามจะร้องบอก

“นั่นรสา...ไม่ใช่ฉัน”

เสียงที่ออกไปกลับมีเพียงเสียงอั่กๆ ในลำคอ นั่นเพราะไม่มีแรงดันลมออกจากปอด ฟ้าใสเกลือกตาสำรวจรอบกายพร้อมกับรับรู้ความรู้สึกถึงของเหลวอุ่นชโลมอก เสียงลมดังฟี้ที่ถูกระบายออกโดยตรงทางปอด มองผ่านความมืดและหยาดเลือดที่ไหลกลบตาจึงค่อยๆพบว่ามีเหล็กจากเสาไฟฟ้าปักคาอยู่ที่ใต้กระบังลมด้านขวาพอดี

คนแปลกหน้าเลื่อนมือมาเช็ดเลือดบนเปลือกตา ทัศนวิสัยต่างๆค่อยกระจ่างขึ้น ใบหน้านั้นขาวสะอาดจนเกือบซีด ดวงตาเรียบนิ่งใต้แว่นตาใสจ้องมองเธออย่างไม่กระพริบ

หญิงสาวพูดอะไรไม่ได้อีกต่อไป ได้แต่ส่งสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือ แต่ชายหนุ่มเจ้าของแววตาเย็นชาคู่นั้นกลับนั่งนิ่งเหมือนรอเวลาบางอย่าง

รอให้เธอตายเสียก่อนอย่างนั้นหรือ?
ลมหายใจของหญิงสาวค่อยๆ แผ่วเบาลงแต่ดวงตายังเบิกโพลง...

ความยุติธรรม เนื้อแท้มาจากธรรมที่ยุติ ความยุติธรรมที่แท้เป็นไปเพื่อระงับดับลงจากปัญหาและความเดือดร้อนวุ่นวายทั้งผอง แต่หากใจคนไม่ยอมยุติ ไหนเลยจะพบเจอความยุติธรรมได้

“นี่มันไม่ยุติธรรมสำหรับฉันเลยสักนิด!”

จิตวิญญาณของฟ้าใสตะโกนก้อง เพลิงโทสะขมวดเกลียวเป็นพลังที่กล้าแข็ง แม้ต้องปลิดปลงวิญญาณออกจากอวัยวะทั้งหมดไป พลังงานทั้งหมดทั้งมวลจะหลวมรวมสู่หัวใจเพื่อรอวันหวนคืนกลับ!

วินาทีปัจจุบัน...

ฟ้าใสเอามือวางทาบบนหน้าอก เกาะกุมและเงี่ยหูฟังเสียงหัวใจของรสาเต้นเบาๆ เธอเคยได้ยินเสียงนี้ในช่วงเวลาที่ไร้ร่าง แต่มันเป็นเสียงหัวใจของเธอเองที่เต้นตุบตับและถูกบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกมัดปากแน่นและแขวนลอยอยู่ในธารน้ำเย็นเฉียบและมีเสียงกร่อกแกร่กของน้ำแข็งที่ไหลมาปะทะกันตามจังหวะการเดินของผู้หิ้ว

นั่นใครกันนะ... กำลังจะเอาหัวใจของเธอไปที่ไหน...

ความเหน็บหนาวเข้าแทรกซึม ความมืดเข้าครอบงำ ฟ้าใสหลับสนิทชนิดที่ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆอีก มีงัวเงียขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังสับสนว่าตนเองคือแอนี่ เด็กสาวที่มีปัญหาเรื่องหัวใจและเพิ่งได้รับการผ่าตัดมาไม่นาน แต่แล้วก็ตาสว่างและตื่นตัวเต็มที่จากเหตุการณ์รถชนกันจนแก๊สระเบิดในวันนั้น

โอกาสของเธอมาถึงแล้ว...
ร่างนี้รอคอยการกลับมาของเธออยู่นานแล้ว...

มันต้องเป็นเพราะความคิดบ้าๆของรสาแน่ๆ ที่ไปบริจาคหัวใจเอาไว้ ดังนั้นคนที่ควรจะตายก็น่าจะเป็นรสาต่างหาก หรือจะด้วยผลแห่งกรรมใดก็ช่าง เมื่อได้ร่างของรสามา เธอจึงมีสิทธิ์ที่จะครอบครองได้อย่างไม่มีข้อกังขา ว่าแต่จะเอาร่างนี้มาใช้ทำอะไรดีนะ แก้แค้นหรือ? ก่อนอื่นต้องแก้แค้นรสานั่นล่ะ เวลาเสพสุขเช่นนี้ควรเป็นของเธอ ควรเป็นอย่างนี้มานานแล้วต่างหาก

แล้วหมอไตรจะเป็นผู้ชายแบบไหนนะ..

ฟ้าใสเองก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาของ ‘คุณหมอ’ ที่แม่พูดถึงบ่อยๆมาก่อน ป้ายกำกับชื่อที่มากับดอกไม้ ก็เพียงระบุ นพ.ไตรรัตน์ เอาไว้โดยฟ้าใสเองก็ไม่แทบเคยพบหน้า จะพบกันครั้งใด ก็มีเหตุให้คลาดคลาไปได้ทุกเวลา ที่ผ่านมาเธอได้ข้อมูลเพียงแค่

‘เขาเป็นคนดี’
‘เขามาดูแลแม่ตอนที่สาไม่อยู่’

ก็น่าจะพอตามน้ำ วานให้พาไปไหนมาไหน ถ้าลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกว่ารสาเคยทำอะไร อย่างไร ที่ไหน ก็แกล้งทำเป็นปวดหัว อย่างคนที่ศีรษะกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุจะนึกไม่ออกเป็นเรื่องปกติ

หยาดฝนโปรยเป็นสายบางๆระหว่างที่หญิงสาวเปิดประตู นายแพทย์หนุ่มเปิดประตูรถลงมายืนรอรับโดยไม่ถือร่ม ฟ้าใสก็แข็งใจเดินออกไปโดยไม่ถือร่ม ฝนยังไม่พรำลงมาจนเป็นหยดน้ำที่ทำให้เปียกจนเกินไปนัก

ฟ้าใสเปิดประตูรั้วและยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้า
แต่เมื่อเงยหน้าสบตากับนายแพทย์หนุ่มจนเต็มตา

ฟ้าใสเกิดอาการตะลึงงัน มือไม้สั่น และปวดศีรษะอย่างไม่ต้องเสแสร้ง

คนแปลกหน้าที่นั่งดูเธอขาดใจตายในวันนั้น บัดนี้มายืนอยู่ตรงหน้าแล้วในวันนี้!



Create Date : 27 กันยายน 2554
Last Update : 27 กันยายน 2554 8:49:54 น. 6 comments
Counter : 691 Pageviews.

 
แวะมาเยี่ยมชมและทักทายค่ะคุณวิลา
บล๊อกเรียบง่ายสบายตาจริงๆ ค่ะ

งิงิ ฉัตรเอาลิงค์ไปแชนะคะ ^ ^


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 27 กันยายน 2554 เวลา:18:47:20 น.  

 
ชอบอ่านนิยายครับ


โดย: panwat วันที่: 27 กันยายน 2554 เวลา:19:20:37 น.  

 
ขอบคุณทั้งสองท่านค่ะ ^^


โดย: รุริกะ วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:7:39:04 น.  

 
อ้าวเรื่องจริงๆมันเป็นไปยังไงหว่าทำไมหมอไตรปล่อยให้ฟ้ใสตายต่อหน้าต่อตาเเบบนั้นหรือว่าเเอนนี่เกี่ยวข้องอะไรกับนายเเพทย์ไตร นายไตรถึงใด้ปล่อยให้ตายเเล้วเอาหัวใจไปใส่ให้เเอนนี่


โดย: VEE IP: 66.172.227.200 วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:8:23:30 น.  

 
ต้องติดตามตอนต่อไปแล้วค่ะคุณ VEE ^____^


โดย: รุริกะ วันที่: 28 กันยายน 2554 เวลา:8:57:37 น.  

 
โอ๊ยๆๆ โหดร้ายมาก


โดย: cat__a IP: 115.87.116.98 วันที่: 23 สิงหาคม 2555 เวลา:16:21:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.