XII. สารภาพ


รสาเดินหาร้านอาหารที่อยูไม่ไกลจากโรงพยาบาล มองหาอาหารตามสั่งง่ายๆ แต่ครั้นเดินอยู่บนฟุตบาทไปได้ไม่กี่สิบเมตรก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อชายหนุ่มสาวเท้าเดินมาขวางทางดื้อๆ พอหญิงสาวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ชายหนุ่มตรงหน้าก็ยืนยิ้มขันพร้อมบุ้ยใบ้ไปทางด้านซ้าย รสาหันมองตามไปทางด้านขวาของตน ที่แท้เป็นร้านที่มีกระจกเงาบานใหญ่ วางติดกับหุ่นที่ยืนอยู่ในตู้โชว์หน้าร้าน กระจกเงาบานนั้นสะท้อนภาพหญิงสาวที่ผมเผ้ากระเซิง หน้าตาไร้สีสัน กับเสื้อผ้ายับยู่ยี่จากการลากจูงคนเจ็บมาขึ้นรถแบบฉุกละหุก

“ตายล่ะ...โทรมขนาดนี้เลยเหรอเรา”

หญิงสาวเผลออุทาน วินทร์ยิ้มกว้างขึ้นอีก พร้อมกับถือวิสาสะแตะบ่าของหญิงสาวให้บ่ายหน้าไปยังประตูร้านที่มีพนักงานสาวเดินออกมาต้อนรับ


“เชิญด้านในก่อนนะคะ”

“เอ่อ เปล่าค่ะ ดิฉันไม่ได้...”

“ขอชุดใส่สบายๆ ขนาดพอดีตัวนะครับ”
วินทร์รีบแทรก รสาหันไปมองค้อน ชายหนุ่มก็ใช้ไม้อ่อน


“เถอะครับ เปลี่ยนชุดเสียหน่อย ถึงจะไม่โดนฝนมาก แต่เสื้อผ้าชื้นๆก็ทำให้เป็นหวัดได้นะครับ”

“เชิญค่ะ”
พนักงานสาวเชื้อเชิญ หญิงสาวส่ายหน้าแต่ก็ตามเข้าไปในร้านอย่างเสียไม่ได้

“ช่วยหวีผม แต่งหน้าแต่งตาด้วยนะครับ”


ชายหนุ่มกำชับ แปลกดีที่สถานการณ์ในเวลานี้ อนัลยานีก็เปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่เร่งเร้าจะไปสวนสนุกต่อแต่ประการใด

รสาปล่อยให้พนักงานในร้านเลือกชุดให้ รายการต่างๆ ชำระลงบัตรเครดิตของวินทร์โดยเจ้าตัวไม่แม้แต่จะชำเลืองแล สายตาจับอยู่กับหญิงสาวที่เดินออกมาด้วยชุดแซคสีขาวอมชมพูคู่กับรองเท้าสีเทาประดับเงินที่เป็นสไตล์เดียวกัน ผมยาวเคลียบ่าถูกปล่อยลงมาและจัดการจัดทรงให้เรียบร้อย ใบหน้าถูกเติมแป้งฝุ่นบางๆและลิปมันที่เจ้าตัวพกมาเองโดยไม่ยอมรับบริการของร้าน พนักงานยื่นถุงกระดาษใส่ชุดเดิมคืนให้รสาโดยไม่แจ้งราคาขาย ชายหนุ่มคนเดิมนั่งรออยู่บนโซฟาด้วยท่าทางอารมณ์ดี


“คุณผู้ชายคนนี้ชำระเงินให้แล้วค่ะ”


พนักงานขายบอกอย่างนบนอบ รสามีท่าทีอ่อนลงตั้งแต่อยู่ในโรงพยาบาล แต่ก็ยังหันมาบอกชายหนุ่ม


“คราวหลังไม่ต้องนะคะ แล้วก็ของวันนี้เดี๋ยวไปเคลียร์กันอีกทีด้วย”

“ครับ”
ขานรับแต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้

“ทีนี้ก็ ไปหาอะไรทานกันต่อนะครับ”


“แต่...”


เหลือบดูนาฬิกา บ่ายสามโมงกว่าแล้ว


‘ป่านนี้ดรีมเวิลด์ก็ใกล้ปิดแล้วสิ’


รสานึกในใจ อนัลยานีเข้ามากระซิบใกล้ๆ

“ไม่เป็นไรค่ะพี่สา ไปหาอะไรกินก่อน เดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งหรอก”


“ร้านโน้นก็น่าทานนะครับ”

ชายหนุ่มชี้ไปทานร้านอาหารที่ดูร่มรื่น บริเวณรั้วรอบทางเข้าร้านมีสร้อยอินทนิลกับม่านบาหลีปกคลุมและทอรากเป็นม่านบางๆ รสาพยักหน้า รู้สึกร้อนรุมๆอยู่ที่แก้ม ไม่รู้ว่านี่เป็นระยะแรกของอาการไข้จากการถูกฝน หรือเป็นระยะต้นของการพึงใจใครสักคนหนึ่ง...


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


เสียงรถวนกลับเข้ามาใหม่ นภาคุ้นๆว่ารถคันนี้เคยมาจอดที่หน้าบ้านของเธอแล้ว และคนที่ลงมาจากรถ ก็คุ้นตายิ่งนัก เขาผลักประตูรั้วเข้ามาอย่างคุ้นเคย หญิงวัยกลางคนออกมาดูที่หน้าระเบียง

“อ้อ... คุณหมอ ใช่ไหม ฉันพอจะจำได้”

“ครับ ผม หมอไตรรัตน์ครับ ผมแวะมาหารสา หลบฝนอยู่ในบ้านพักใหญ่ พอฝนหยุดตก ผมก็ขอตัวออกไปซื้อของแล้วก็กลับมาครับ”

“อ้อ... แล้วซื้ออะไรมาล่ะ”

“ผมมีสลัดผักไฮโดรมาให้ทานเล่นครับ แล้วก็นี่ กระดานหมากรุกครับ มันจะช่วยให้คุณน้าฝึกสมอง ฝึกความจำ”

“อ้อ...ขอบใจนะ”

นางรำพึงรำพันอยู่แค่นั้น รสาย้ำเสมอว่า “ห้ามออกจากบ้านเป็นอันขาด” และหากมีเรื่องต้องการย้ำ ลูกสาวคนนี้จะคอยเขียนโน้ตใส่กระดานที่แขวนไว้ตรงหน้าต่างข้างประตู ในนั้นไม่มีข้อความ “อย่าต้อนรับคนแปลกหน้า” อันที่จริงข้อนี้นภาพอจะระลึกเองได้ แต่เมื่อทบทวนเหตุการณ์แล้ว ชายหนุ่มตรงหน้าก็ไม่มีอะไรน่าระแวงแต่อย่างใด


“ให้ผมเข้าไปได้ไหมครับ”
ไตรรัตน์ถามอย่างสุภาพ

“ได้สิ เชิญเข้ามาเลย”

นางให้การต้อนรับนายแพทย์หนุ่มกลับเข้ามาในบ้าน ขณะนำสลัดไปจัดใส่จาน ชายหนุ่มถามหาโต๊ะขนาดกลางพอสำหรับ 2 คนนั่ง นภาชี้ไปที่ริมหน้าต่าง ไตรรัตน์วางกระดานหมากรุกลงบนโต๊ะ เมื่อนภาเดินกลับมาด้านหน้าบ้าน เขาเชื้อเชิญให้เจ้าบ้านลงนั่งทานสลัดผักในจานให้พออิ่ม พลางค่อยๆอธิบายวิธีเดินหมากแต่ละตัวอย่างใจเย็น พอเริ่มเดินเป็นแล้ว ชายหนุ่มก็นั่งเล่นเป็นเพื่อน สิ่งที่เริ่มกลับคืนมาหาหญิงวัยกลางคนได้แก่สมาธิจากการจดจ่ออยู่กับกระดานหมากตรงหน้า และได้ความจดจำที่ติดตามมา เนื่องจากต้องระลึกถึงตาก่อนในการเดินหมาก


“ตาคุณน้าแล้วครับ เมื่อครู่ผมเดินม้า”
ไตรรัตน์บอกเบาๆ


“เอาล่ะ งั้นแม่ก็ต้องเอาขุนหลบสินะ... อ้อ ขอเรียกตัวเองว่าแม่เถอะ คุณไม่ติดขัดอะไรใช่ไหม”

“ไม่ครับ”
ไตรรัตน์พูดยิ้มๆ

“คุณแม่...”

ชายหนุ่มตอบรับผู้สนทนาอย่างถ่อมตน มองเห็นช่องทางรุกฆาตแต่แล้วก็เมินเสีย หันไปเดินเรือเก็บเบี้ยรายทางอย่างใจเย็น

ส่วนนภายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชื่นชมในตัวของชายหนุ่มตรงหน้า หากลูกสาวกลับมา เธอจะต้องไม่ลืมบอกกล่าวถึงความสุภาพ อ่อนโยน และแนวทางการรักษาที่ดูจะได้ผลอย่างรวดเร็ว


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


“วันนี้เราอยู่ด้วยกันมาเกือบทั้งวัน แต่ยังไม่ได้พูดเรื่องสำคัญกันเลยนะคะ”
รสาบอกกับชายหนุ่มเมื่อเดินออกมาจากร้านอาหาร

“ครับ ผมก็มีเรื่องสำคัญจะบอกคุณเหมือนกัน”
“เรื่อง...”

ชายหนุ่มและหญิงสาวพูดขึ้นมาพร้อมกัน วินทร์หัวเราะขำ แล้วเปิดโอกาส

“คุณพูดก่อนสิครับ”
“คุณก็รู้ว่าเราควรจะพูดเรื่องอะไร”

ในหัวของรสามีเรื่องประวัติของผู้ป่วยที่ชายหนุ่มสัญญาว่าหากมาพบกันในวันนี้เขาจะปิดเป็นความลับ ส่วนในหัวของวินทร์เป็นเรื่องที่หญิงสาวเข้าใจผิดว่าเขาเป็นนักข่าว ขณะเดินมาถึงถนนหน้าร้าน รถซีดานคันเดิมก็มาจอดเทียบท่า

“รถรับส่งไปดรีมเวิลด์ พร้อมตั๋วพิเศษ 2 ใบ มาแล้วครับ”

เชิดลงมาเปิดประตูรับพร้อมยื่นตั๋วให้ชายหนุ่ม

“ราชรถมาแล้ว”
อนัลยานีตบมือแปะ

“ขอบคุณครับน้าเชิด”

วินทร์เพียงก้มหัวเล็กน้อย ส่วนรสายกมือไหว้ชายสูงวัย ด้วยเข้าใจว่าคงเป็นญาติทางใดทางหนึ่งของชายหนุ่มข้างๆ

“คุณไม่น่าไปรบกวนคนแก่เลย แล้วนี่วันธรรมดา ไม่รู้เหรอคะว่าดรีมเวิลด์ปิดห้าโมง”

รสาบ่นอุบ

“คนแก่เขาเต็มใจทำน่ะครับ แล้วก็อย่างที่บอก ตั๋วพิเศษ ไม่จำกัดเวลา มาทำตามสัญญากันก่อนนะครับ แล้วผมจะไม่ผิดสัญญากับคุณแน่นอน”

วินทร์เอ่ยปากอย่างวิงวอน รสาถอนใจเมื่อเห็นอนัลยานีเข้าไปนั่งในรถเอี้ยมเฟี้ยมหน้าตารื่นเริงบันเทิงใจ หญิงสาวส่ายหน้าแต่ก็เดินขึ้นรถตามไปในที่สุด


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


เสียงนาฬิกาบอกเวลา 5 โมงเย็น นภาหันไปดูที่กระดานริมหน้าต่าง เป็นลายมือของนางเองที่เขียนกำกับไว้

17.00 น. ...ดูรายการโทรทัศน์...
นภาเห็นแล้วแต่ยังละล้าละลัง

“ผมเห็นจะต้องกลับแล้วนะครับ”
ไตรรัตน์ตัดบทให้ นภาจึงรับคำอย่างอารมณ์ดี พูดพลางเก็บกระดานหมากรุกที่เพิ่งเล่นจบเกม

“ที่จริงคุณหมอเล่นหมากกระดานเก่งมากนะ แม่แอบรู้ ว่าคุณออมมือให้แม่เสียเยอะมาก”

“โธ่ เปล่าหรอกครับ”

“ยัยสาก็ไม่กลับมาเสียที ปล่อยให้คุณหมอมารอเกือบทั้งวันแล้ว ไหนๆก็ไหนๆ อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันเถอะนะ”

“ไม่รบกวนดีกว่าครับ เพียงแต่วันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับแล้ว”

“เอาอย่างนั้นรึ ถ้าอย่างนั้นแม่ขอจดไว้หน่อยนะ กันลืม”

‘...หมอไตรรัตน์มาหารสา เป็นคนดีมาก ชวนแม่เล่นหมากกระดานสนุกๆ วันหลังเห็นจะต้องบังคับให้ลูกรอต้อนรับหมอให้ดี...’

เห็นไตรรัตน์ชะเง้อดู นางรีบเอ็ด

“ไหนว่าจะกลับแล้วไงจ๊ะ”

“ครับ”

ไตรรัตน์ยิ้มเขินแล้วลากลับไปในที่สุด


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


ประตูทางเข้านี้เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง นายเชิดไม่ได้พาชายหนุ่มและหญิงสาวเข้าประตูหน้า แต่กลับเลี้ยวไปจอดรถริมรั้ว จากนั้นก็มีพนักงานมาเลื่อนเอาตุ๊กตาพิน้อคคิโอ้ออก จึงปรากฏเป็นประตูเล็กๆ มีหญ้าญี่ปุ่นทอทาบด้วยพรมสีแดงเป็นทางเดิน วินทร์ลงจากรถเปิดประตูให้หญิงสาว ค้อมตัวให้แล้วผายมือ เชิญเธอเดินตามเข้ามาตามทางเดินนั้น บรรยากาศสลัวๆในเวลาพลบค่ำถูกดาประดับด้วยหลอดไฟดวงเล็กๆแขวนอยู่ตามพุ่มไม้ ด้านซ้ายมือตรงข้ามกับฝั่งสวนฟักทองมีม้าหมุนเลื่อนเป็นวงกลมช้าๆคลอด้วยเสียงเพลงเบาๆ อนัลยานีกระโดดแน่บไปที่เป้าหมาย ขึ้นชิงช้าแล้วร้องเพลงสบายใจอยู่คนเดียว ส่วนรสาเดินเข้าไปในฝั่งของสวนฟักทอง ผ่านบ้านของคนแคระทั้งเจ็ดที่สโนไวท์กำลังนอนหลับใหล ถัดไปเป็นบ้านขนมปังของเฮนเซลกับเกรเทล ท้ายสวนค่อยมีรถฟักทองที่มีกวางเตรียมลาก แต่คนขับไม่ขยับไปไหน รสาเดินผละจากชายหนุ่มไม่ถึงสิบก้าว ได้ยินเสียงกดชัตเตอร์ดังกริ๊ก พอหันไปมองกล้อง ก็ถูกขโมยภาพไปอีกหลายช็อต

“สวยครับ”

รสาปล่อยตัวตามสบาย เริ่มรู้สึกเป็นกันเองมากขึ้น

“ไหน ขอดูฝีมือตากล้องหน่อยค่ะ”

หญิงสาวเอามือไพล่หลังแล้วก้มดูรูปภาพวินทร์กดย้อนหลังให้ดูไม่กี่รูป รสาก็ดึงกล้องไปดูเสียเอง เธอกดซ้ำจนเลยภาพในปัจจุบัน แต่เมื่อย้อนหลังไปอีกก็ยังเจอแต่ภาพของตัวเองในชุดพยาบาล

“นี่รูปฉัน... วันนั้น”

“ครับ ผมไม่ได้ถ่ายรูปคนไข้ แต่ถ่ายรูปคุณต่างหาก”

“เอ๋...”

แต่ละภาพนั้นถูกคนหลังกล้องบรรจงถ่ายอย่างพิถีพิถัน ฉากหลังที่ดูวุ่นวายปรากฏเพียงม่านมัวๆ กลางภาพโฟกัสไปที่หญิงสาวในชุดสีขาวใส่หมวกพยาบาลเกือบทุกๆอิริยาบถ

“ผมไม่ได้มีรูปอะไรไปทำข่าวครับ”


ชายหนุ่มบอกอย่างอ่อนโยน

“แล้วก็ในสมุดโน้ตเล่มนี้ ก็ไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลย”

“เอ้อ...”
รสายังคงทำได้เพียงออกเสียงในลำคอ ยิ้มน้อยลง แต่ประกายตาหยอกล้อยังไม่หายไปเสียทีเดียวนัก

“แล้ว... คุณจะบอกอะไรคะ”

“ผมไม่ใช่นักข่าว แต่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลครับ”

รสาสูดลมหายใจเข้าแรงและลึก เมื่อรู้สึกว่ามือสั่นเทาก็รีบเกาะกุมกล้องถ่ายรูปในมือไว้แน่นก่อนจะยื่นคืนให้ชายหนุ่ม เธอถอยหลังไปก้าวหนึ่งก่อนจะถูฝ่ามือตัวเองเบาๆ กับชายกระโปรง ทำไมเธอไม่หัดสังเกตนะ บรรยากาศรอบข้างยังมีของประดับประดาสวยหรูอีกมากมาย ไหนจะรถคันโก้ คนขับรถคอยตามรับใช้ และพื้นที่ส่วนตัวที่เหมาดรีมเวิลด์ได้หลังสวนสนุกปิดทำการ...

วินทร์ก้าวเท้าตาม แต่รสายังถอยไปอีกสองก้าวแล้วยกฝ่ามือตั้งฉาก ชายหนุ่มต้องหยุดอยู่กับที่

“คุณ... ชื่ออะไรคะ”

“ผม วินทร์ พลวานิช ประธานกรรมการบริษัทคนใหม่ครับ”

“อ้อ... ทราบแล้วค่ะ”

หญิงสาวลดมือลง พยักหน้าหงึกหงักแล้วยิ้มให้ เหมือนที่เคยฝืนยิ้มคล้ายจริงใจได้ ‘ตามหน้าที่’ วินทร์พยายามจะเดินเข้าไปหาอีกครั้งแต่กลับก้าวขาไม่ออก ประกายตาของรสาเปลี่ยนไป กลายเป็นดวงตาของลูกกวางที่ตื่นตระหนกบนใบหน้าที่พยายามยิ้มให้

“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”


หญิงสาวเดินห่อไหล่ตัดไปอีกทาง วินทร์ขยับตัวเดินตามพร้อมกับที่รสาหันมาบอก

“อย่าตามมาค่ะ ขอร้องล่ะ”

อนัลยานีได้ยินเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำของรสาก็รีบตามมาแล้วร้องถาม

“เกิดอะไรขึ้นอ้ะ พี่สา”
“เปล่า ไม่มีอะไร แต่พี่ต้องกลับแล้ว”

จังหวะที่ก้าวของหญิงสาว ไม่ช้าและไม่เร็วไปนัก แต่ชายหนุ่มกลับได้แต่มองตาม อนัลยานีเองก็ไม่ถามต่อ เมื่อเห็นน้ำตาที่รื้นบนขอบตาของหญิงสาวก็ได้แต่เดินตามต้อยๆ เมื่อออกจากประตูลับมา รสาไม่ลืมคืนบัตรให้พนักงานและถามหาจุดเรียกแท็กซี่ คนเฝ้าประตูกดวิทยุเรียกสักพักแท็กซี่ก็เคลื่อนตัวมารับ นายเชิดที่เฝ้ารถอยู่ชะเง้อมองตามเมื่อเห็นหญิงสาวปลีกตัวออกมาเร็วนัก สักพักเจ้านายหนุ่มก็เดินตามออกมาบ้างอย่างหมดอาลัยตายอยาก

“สร้างบรรยากาศไม่สำเร็จหรือครับคุณวินทร์”

“เฮอ... เธอเป็นคนแปลกกว่าที่พวกเราคิดจริงๆนั่นแหละครับ น้าเชิด”

“เอาเถอะครับ คงช้อค อยากถอยไปตั้งหลักก่อน”

“ครับ ผมก็ว่าอย่างนั้น”

คนขับรถชราเปิดประตูรถให้เจ้านายหนุ่ม วินทร์เข้าไปนั่งพร้อมกับรัดเข็มขัด จังหวะนั้นได้ยินเสียงระเบิดตูมในอาณาเขตที่ไม่ห่างไปนัก แรงสะเทือนผลักให้รถไหวยวบแล้วก็กลับมาปรกติ รอบตัวไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่หลังจากนั้น สี่.. สาม.. สอง.. หนึ่ง วินาที เสียงไซเรนก็ดังก้อง พร้อมกับเสียงยามที่อยู่ประจำจุดต่างๆร้องบอกต่อกันโกลาหล


“มีรถแก๊สระเบิดที่ถนนใหญ่!”




Create Date : 20 สิงหาคม 2554
Last Update : 20 สิงหาคม 2554 14:15:26 น. 2 comments
Counter : 664 Pageviews.

 
อ้าวตายละสิจะมีใครเป็นอะไรไหมเนี่ย หรือว่าหนูสาเกิดอันตราย โอ๊ยยังไงกันเนี่ยชักสงสัย


โดย: VEE IP: 66.172.227.200 วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:8:20:42 น.  

 
มาตามอ่าน....สนุกจัง


โดย: knan IP: 223.204.43.116 วันที่: 10 กันยายน 2554 เวลา:12:41:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
20 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.