VI. ผีเด็กสึนามิ (ครึ่งหลัง)




รสาและก้องภพพากันนั่งรถแท็กซี่เข้าไปในหมู่บ้าน ระหว่างทาง ก้องภพไม่มีอาการหายใจหอบหรือปวดแน่นหน้าอกใดๆอีก


“พี่ให้ผมรีบกลับบ้าน มีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อผมเหรอครับ”

“ไม่รู้เหมือนกัน พี่เองก็ยังอธิบายให้คุณฟังไม่ได้ แต่ถ้าลางสังหรณ์ของพี่เป็นเรื่องจริง รีบไปดูคุณพ่อของคุณก่อนดีกว่า ถือว่าพี่ขอร้อง”

น้ำเสียงของหญิงสาวแสดงออกถึงความเป็นห่วงจากน้ำใสใจจริง ในยุคสมัยที่ผู้คนหาความไว้ใจกันได้ยาก เรื่องอยู่ดีๆจะให้พาคนเพิ่งเคยพบหน้าค่าตาไปถึงบ้าน ไม่มีใครอยากทำกัน แต่ก้องภพพยักหน้า

“ฮะ โชเฟอร์เลี้ยวขวาข้างหน้าไปอีก 3 หลังก็ถึงแล้วครับ”
ชายหนุ่มหันไปบอกทาง เมื่อถึงที่หมายและลงจากรถ รสาจึงมองเห็นร่างของอนัลยานีและเด็กชายคนเดิมยืนรออยู่ ก้องภพกดออดและตะโกนเรียกพ่อก็ไม่มีเสียงตอบรับ เด็กชายชี้นิ้วไปทางสวนหลังบ้าน รสามองลอดประตูรั้วเข้าไปแล้วรีบบอกก้องภพ

“มีคนล้มอยู่ที่สวนหลังบ้านค่ะ”


ก้องภพตะโกนเรียกพ่อผู้กำลังนอนกุมหน้าอกอยู่ที่พุ่มไม้ในสวนหลังบ้าน ชายสูงอายุยังนอนนิ่งไม่ไหวติง ชายหนุ่มใช้เท้าถีบประตูรั้วอย่างแรงและกระโดดเข้าไปพยุงพ่อออกมาหน้าบ้าน รสาเขย่าตัวเรียกชายสูงวัยแล้วให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมกับบอกให้ก้องภพเรียกรถพยาบาล เมื่อเสียงไซเรนดังใกล้เข้ามา ผู้คนในละแวกใกล้เคียงจึงค่อยแตกตื่นกันมามุงดู ก้องภพร่ำไห้และเรียกชื่อพ่อไปตลอดทาง


ผิดกับเด็กหนุ่มที่เป็นวิญญาณไร้ตัวตนไม่มีคนสนใจ กลับมีสีหน้าสงบและยินดีขึ้นอย่างประหลาด...


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


“เชิญญาติคุณก่อเกียรติค่ะ”


ผู้ช่วยพยาบาลโผล่ออกมาจากห้องไอซียูและมองหาผู้ขานรับ ก้องภพหันรีหันขวาง เมื่อนึกได้ว่าด้วยอารามตกใจจึงยังไม่ได้โทรบอกแม่หรือญาติคนอื่นๆ ตนจึงเป็นเพียงผู้เดียวที่เป็นญาติในเวลานี้

“ครับ ผมเป็นลูกชายครับ”
หันไปมองข้างๆ ยังเห็นรสาที่นั่งเป็นกำลังใจ

“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่นั่งรออยู่ข้างนอก”
รสาบุ้ยใบ้ พอก้องภพเดินไป อนัลยานีก็ปรากฏกายขึ้นพร้อมกับวิญญาณเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาคล้ายกับผู้คนปกติขึ้นมาก


“แอนี่พาเค้ามาขอบคุณ พอหมดเรื่องคาใจแล้ว เค้าก็จะไปแล้วล่ะ”
“เรื่องคาใจ?”
รสาทวนถามไปที่วิญญาณเด็กหนุ่ม แต่อีกฝ่ายยังยืนนิ่ง หันหน้าและส่งสายตาไปยังอนัลยานีให้พูดแทน

“ให้พี่ชายได้ช่วยชีวิตพ่อและปรับความเข้าใจกันซะ เค้าอยากให้ครอบครัวกลับไปเป็นเหมือนเดิม”

“อือ... ตอนแรกพี่คิดว่าเค้าแค้นพี่ชาย คิดจะกลับมาฆ่าให้ตายตกไปตามกันเสียอีก”

“เค้าสื่อสารกับใครไม่ได้ ได้แต่ออกแรงสุดชีวิตเพื่อหยุดไม่ให้พี่ชายกลับไปที่มหา’ลัย อย่างน้อยถ้าล้มเจ็บลง ก็คงจะกลับไปที่บ้านก่อนเป็นอันดับแรก”

“เข้าใจแล้วล่ะ ว่าแต่ เพื่อนของแอนี่คนนี้ชื่ออะไรล่ะ”
“ชื่อกอล์ฟค่ะ”
“บอกเค้าด้วยนะ ว่าเค้าเป็นลูก และน้องชายที่ดีมาก”
เด็กหนุ่มยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก


“เรียบร้อยแล้วครับพี่รสา”
ก้องภพเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น
“คุณหมอบอกว่าพ่อมีอาการโรคหัวใจกำเริบบวกกับขาดยา ถ้าพวกเราพามาโรงพยาบาลช้ากว่านี้อีกนิดเดียว อาจจะไม่รอด”

“นี่แปลว่า ไม่ค่อยมีใครกำชับให้พ่อของก้องกินยา”

“พ่อผมหัวดื้อน่ะครับ เมื่อกี้โทรไปบอกแม่ แม่บอกว่า พ่อคอยบอกว่าหายแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว วันนี้แม่มีประชุมที่ต่างจังหวัด กำลังจะนั่งเครื่องบินกลับมาด่วนเลยครับ”


“งั้นก้องก็อยู่เฝ้าคุณพ่อ และอยู่รอคุณแม่ที่นี่เถอะนะ”

“ครับ ขอบคุณพี่สามากเลยครับ ให้ผมออกค่ารถแท็กซี่ไปส่งพี่ที่บ้านได้มั้ยครับ”

“อย่าเลย เรายังเรียนไม่จบ เอาไว้ให้จบมามีงานทำ ค่อยมาเลี้ยงพี่ก็แล้วกัน วันนี้พี่ขอตัวก่อนนะ”

รสาเก็บกระเป๋าและเตรียมเดินออกนอกบริเวณ


“ครับ เอ้อ พี่สาครับ”
“หืม”

“ตกลง พี่ยังไม่ได้บอกผมเลยครับ ว่าทำไม พี่ถึงรู้ว่าพ่อของผมมีอันตราย”


หญิงสาวหมุนตัวกลับมา ระหว่างกลางของคนทั้งสองมีสาวน้อยและหนุ่มน้อยยืนคั่นอยู่ตรงกลาง แต่มีเพียงรสาเท่านั้นที่มองเห็น

“พี่มีลางสังหรณ์น่ะ”
“จริงเหรอครับ”

“อื้ม ว่าแต่...จริงๆแล้ว”

รสาเดินเข้าไปใกล้ก้องภพอีกนิด


“พี่มีลางสังหรณ์อีกอย่างนึงนะ”
“อะไรครับ”

“กอล์ฟเค้าเป็นน้องชายที่น่ารักมากเลยนะ เพราะฉะนั้นอย่ามัวแต่โทษตัวเองเลย ก้องเองเป็นคนที่รอดชีวิต เป็นตัวแทนของน้อง ที่จะต้องกลับมาดูแลพ่อแม่ ถ้าก้องทำหน้าที่ของลูกที่ดีแทนเค้าได้ เค้าก็หมดห่วง”


“คะ ครับ”

เมื่อเห็นพี่ชายยิ้มได้ เด็กชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็มีเงาร่างที่เลือนรางลง ทันใดนั้นก็ค่อยสลายเป็นละอองฝุ่นทอแสงระยิบระยับลอยขึ้นไปเบื้องบน


“โชคดีนะ ไว้มีโอกาสเราค่อยพบกันใหม่”


รสาบอกลา ทั้งชายหนุ่มตรงหน้าและวิญญาณที่เพิ่งสลายตัว เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของก้องภพดังขึ้น ชายหนุ่มจึงพะวงอยู่กับโทรศัพท์ รสาเพียงยิ้มให้แล้วถอยหลังออกมา ก้องภพตอบคำถามเรื่องอาการของพ่อและที่ตั้งของโรงพยาบาลเสร็จแล้วเกาหัวแกร่กๆ


“เราไม่เคยบอกชื่อน้องชายให้พี่เค้าฟังเลยนี่นา…เรียกชื่อถูกได้ไงหว่า...”


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


“พี่ชายคนนี้ทึ่มจริงๆเลย”
อนัลยานีพูดพลางเดินตามรสาออกมาเรียกแท็กซี่นอกโรงพยาบาล

“อย่าไปว่าพี่เค้าอย่างนั้นสิ”
หญิงสาวทักท้วง

“จริงๆนะ ถ้าแอนี่เป็นผู้ชาย คงรีบขอเบอร์โทรพี่ก่อนจะออกมาแล้วล่ะ”
“แก่แดดจังเลยเรา”

“ว่าแต่ตอนนี้พี่สาเชื่อหรือยัง ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษ เห็นผีได้จริงๆ”
“ฮืม ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ เจออะไรต่อมิอะไรมาตั้งขนาดนี้”


“แย่แล้ว”
อนัลยานียกมือกุมหน้าอกตัวเอง
“เป็นอะไรไปแอนี่”
“หัวใจเต้นแรงเกินไป หมอกับพยาบาลคงพยายามปั๊มหัวใจของแอนี่ แอนี่ต้องรีบไปแล้วล่ะ”


ชั่วพริบตา ร่างของเด็กสาวก็มลายหายไป รสายืนงงอยู่ครู่หนึ่ง เสียงแตรรถยนต์ที่ไต่มาบนขอบถนนดังสองครั้ง เมื่อหญิงสาวหันไปมอง เจ้าของรถจึงเลื่อนกระจกหน้าต่างลงมาทัก

“เพิ่งเลิกงานเหรอครับ”
“คุณหมอ...”
รสาเรียกเสียงเบา

“ครับ ผมหมอไตร ที่คุณไปช่วยเข้าเฝือกคนไข้ให้เมื่อเย็น ผมได้ยินเด็กผู้ช่วยเรียกชื่อคุณ รสาใช่มั้ยครับ”

“ใช่ค่ะ ขอบคุณคุณหมอเรื่องเมื่อเย็นด้วยนะคะ”
รสายกมือพนมไหว้

“กำลังจะไปไหนล่ะครับ”
รสาเอ่ยชื่อหมู่บ้าน นายแพทย์หนุ่มร้องอ๋อว่าบังเอิญจริง กำลังจะไปบ้านเพื่อนแถวนั้นอยู่พอดี
“ไปด้วยกันสิครับ”

หญิงสาวยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ชายหนุ่มจึงลงจากรถและเดินอ้อมมาเปิดประตูให้

“เชิญครับ ขืนชักช้า เดี๋ยวมีคนมาดักปล้นเอานะครับ แถวนี้เคยมีข่าวคนเมายามาฉุดผู้หญิงไปข่มขืนในพงหญ้าด้วย”
นายแพทย์หนุ่มบอกเล่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง รสาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้ารับ

“ขอบคุณค่ะ”

หญิงสาวเข้าไปนั่งในรถแต่โดยดี ระหว่างทางคนขับหันมายิ้มให้กับผู้โดยสารเป็นพักๆ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกง่วงซึม เมื่อรถเคลื่อนออกมาจึงพบว่าทางข้างหน้ามีรถติดค่อนข้างยาว นายแพทย์หนุ่มเปิดเพลงคลอเบาๆ ส่วนหญิงสาวผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว...


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


เสียงปลดเข็มขัดนิรภัยดังกริ๊ก รสาก็ลืมตาขึ้น ความพร่าเลือนของเวลากลางคืนและสายตาที่ยังไม่คุ้นชินทำให้เห็นภาพของชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ยังพร่ามัว


“ตื่นแล้วเหรอครับ”
นายแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปแตะบนเพดาน หลอดไฟเล็กในรถติดสว่างทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

“ขะ ขอโทษค่ะ ดิฉันบอกทางได้นิดเดียวก็เผลอหลับไป”
“อย่างนี้น่ากลัวนะครับ ถ้าผมเป็นผู้ร้าย คงขับเลยไปมาเลย์แล้วล่ะ”

ประโยคข่มขู่แต่ผู้พูดกลับมีน้ำเสียงกลั้วยิ้ม รสากระพริบตาถี่ๆ หันไปมองผ่านหน้าต่างรถก็พบว่าตอนนี้ตนเองกำลังอยู่ในรถที่จอดตรงร้านข้าวต้มหน้าหมู่บ้าน


“คุณยังไม่ได้บอกว่าบ้านอยู่ซอยไหน ผมเลยกะว่าจะลงไปทานข้าวต้มก่อน ไหนๆก็ไหนๆ ลงไปทานด้วยกันมั้ยครับ”
หญิงสาวนึกได้ว่าตนเองก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเหมือนกัน

“ดีเหมือนกันค่ะ แต่เพื่อนจะไม่รอแย่เหรอคะ”
“เดี๋ยวค่อยโทรไปเลื่อนนัดก็ได้ครับ วันนี้เจอเคสหนักไปหลายเคส ผมเปลี่ยนใจไปพักเอาแรงดีกว่า”

“ขอบคุณมากค่ะ เจอกันวันแรกก็รบกวนคุณหมอเสียค่ำมืด”
“ไม่เป็นไรครับ ไปหาข้าวต้มร้อนๆทานกันดีกว่า”

ชายหนุ่มพูดแล้วรีบลงจากรถแล้วอ้อมมาเปิดประตูให้ เมื่อเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร แม่ค้าเอ่ยปากทักทายอย่างเป็นกันเอง

“หวัดดีค่า คุณหมอคุณพยาบาลเลิกงานเสียค่ำเลย”
“ขอข้าวต้มปลาที่นึงครับ อีกที่นึง เอ่อ...”

“ข้าวต้มปลาเหมือนกันค่ะ”
“ได้ค่า”


คุณป้าเจ้าของร้านบริการอย่างกระฉับกระเฉง เมื่อยกข้าวต้มมาวางยังเอ่ยทัก
“เห็นคุณหมอขับรถวนผ่านร้านป้าอยู่หลายรอบ ป้านึกว่าหลงทางเสียอีก แต่ไม่เห็นไขประตูลงมาถามทาง ก็ยังรอลุ้นว่าจะแวะมาทานข้าวต้มรึเปล่า”

รสาสะดุดใจกับคำว่า ‘ขับวน’ ของคุณป้าเจ้าของร้าน หันไปมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาตั้งคำถาม

“ขับรถชมวิวน่ะครับ”

นายแพทย์หนุ่มพูดเหมือนไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เสลงมือซดข้าวต้มทั้งที่ควันยังโขมง รสาฉุกคิดได้ว่าชายหนุ่มคงไม่กล้าปลุกจึงขับรถวนจนหิว หญิงสาวยิ้มอย่างเกรงใจ

“ขอบคุณนะคะ”
“เอาเป็นว่า ตอบแทนคำขอบคุณด้วยการให้ผมเลี้ยงนะครับ ห้ามปฏิเสธ”

ว่าแล้วก็จัดแจงตักน้ำแข็งและรินน้ำให้ รสารับแก้วน้ำมาจิบแล้วรู้สึกแสบที่ปลายนิ้วจนเผลอร้องเบาๆ

“อุ๊ย...”
พอวางแก้วลงแล้วบีบนิ้วมือ ทำให้เลือดซึมออกมา
“นิ้วมีแผลเหรอครับ อย่าบีบสิครับ โธ่ เดี๋ยวปากแผลเปิดหมด”

ชายหนุ่มคว้ามือหญิงสาวไปกุมและดึงผ้ามาซับ รสาไม่กล้าชักมือกลับ ได้แต่นั่งนิ่ง

“สงสัยคงโดนอะไรบาดโดยไม่ทันรู้สึกตัวน่ะค่ะ”

ตอนไหนกันนะ... รสาพยายามทบทวนแต่ก็นึกไม่ออก ก้มดูปลายนิ้วของตัวเองอีกทีก็พบว่าชายหนุ่มจัดการแปะพลาสเตอร์ยาให้เรียบร้อยด้วยความคล่องแคล่ว

“อย่างนี้น่าเป็นห่วงนะครับ สงสัยผอ.จะใช้งานคุณพยาบาลหนักเกินไปแล้ว พรุ่งนี้ผมต้องไปเอาความเสียหน่อย”

“ไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลยนี่คะ”
รสาตาโต นายแพทย์หนุ่มหัวเราะเบาๆ

“ล้อเล่นหรอกครับ ผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรเหมือนกัน”

“จริงสิคะ คุณหมอน่ะ เพิ่งเข้ามาทำงาน คงจะยังไม่รู้ว่าโรงพยาบาลของเราไม่ได้ถูกบริหารโดยทีมแพทย์นะคะ เจ้าของโรงพยาบาลจริงๆน่ะ เป็นนักธุรกิจ ที่เห็นว่าการรักษาพยาบาลเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งของเขา เพราะฉะนั้นถ้าจะไปเอาเรื่องกับผู้อำนวยการ ก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ต้องออกไปตามหาตัวท่านประธาน ที่นานทีปีหน จะเข้ามาในโรงพยาบาล นี่เห็นว่าปีนี้จะมีทายาทมารับช่วงต่อ ไม่รู้ว่าจะมาลงนโยบายใหม่ ปรับเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่า”

ว่าที่ประธานที่ถูกกล่าวอ้าง กำลังทานอาหารค่ำกับมารดา เกิดอาการสำลักน้ำดื่มที่เพิ่งยกขึ้นจิบ

“คงต้องเอาใจช่วยให้เขาบริหารดีๆแหละครับ ถึงยังไง ก็ต้องถือว่าพวกเราเป็นลูกจ้างของเขา พวกเกิดมาบนกองเงินกองทองนี่สบายนะครับ ปากก็บอกว่าทำธุรกิจโรงพยาบาลได้บุญ แต่มือก็โกยเอาผลกำไรโดยไม่ต้องแตะต้องตัวคนไข้เลยด้วยซ้ำ”

ไตรรัตน์ร่วมวิพากษ์อย่างออกรส


“เอ้า เบาๆตาวินทร์ ทั้งไอทั้งจาม สงสัยจะมีคนกำลังนินทาอยู่นะ”
คุณนายกรรณิการ์ทัก เมื่อเห็นลูกชายทั้งจามทั้งสำลักติดกันสองหน

บนโต๊ะอาหารในช่วงเวลาเดียวกัน มุมหนึ่งในคฤหาสน์ใต้แสงเทียนสลัว อีกมุมหนึ่งซุกตัวอยู่ในร้านอาหารข้างทางใต้แสงไฟนีออน ไตรรัตน์ออกปากชวนล่วงหน้าสำหรับมื้อถัดไป แต่รสาปฏิเสธอย่างนิ่มนวล เธอยังมีเรื่องชวนให้ตั้งข้อกังขาอีกมากมายนัก หากสานต่อความสัมพันธ์กับนายแพทย์หนุ่ม ที่ต้องเป็นที่หมายปองของเพื่อนอีกหลายคนในเวลาอันใกล้ คงนำมาซึ่งความยุ่งยากใจที่รสาอยากถอยหนีให้ห่าง


ตรงข้ามกับวินทร์ พลวานิช นักธุรกิจหนุ่มที่นั่งสนทนากับบิดาและมารดาด้วยแววตาฉาดฉาย แผนงานผุดขึ้นในสมองอีกหลายโครงการ การปฏิรูปโครงสร้าง บุคลากร รวมทั้งพยาบาลสาวใจกล้าที่สร้างความประทับใจให้กับเขาอย่างเกินความคาดหมาย

นับเป็นความท้าทายที่ชายหนุ่มต้องการรุกประชิด!



Create Date : 06 กรกฎาคม 2554
Last Update : 6 กรกฎาคม 2554 7:18:18 น. 1 comments
Counter : 624 Pageviews.

 
สนุกยิ่งอ่านยิ่งสนุก


โดย: cat__a IP: 110.168.108.126 วันที่: 22 สิงหาคม 2555 เวลา:15:46:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
6 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.