IX. HOIR


เคาน์เตอร์ประจำการหอผู้ป่วยในยามสาย มีสภาพวุ่นวายคนละแบบกับพื้นที่ให้บริการผู้ป่วยนอก ผู้ช่วยพยาบาลบางส่วนกำลังเตรียมอุปกรณ์เช็ดตัวและยาประจำมื้อของผู้ป่วย พยาบาลประจำการกำลังจดบันทึกทางการพยาบาล และบางส่วนกำลังรอรับออเดอร์แพทย์


รสากวาดสายตามองผ่านๆ เห็นไตรรัตน์กำลังพลิกแฟ้มผู้ป่วยในและเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง ต่างคนต่างสบตากัน รสายกมือไหว้ทักทาย ไตรรัตน์เพียงพยักหน้ารับ พยาบาลสาวเดินผ่านนายแพทย์หนุ่มไปอีกมุมหนึ่งของเคาน์เตอร์ประจำการ ที่นั่นมีหัวหน้าฝ่ายการพยาบาลและแพทย์เจ้าของไข้รายที่เกิด Red Man Syndrome รออยู่


“สวัสดีค่ะพี่ลัดดา สวัสดีค่ะอาจารย์”
ทั้งสองคนไม่รับไหว้ หัวหน้าฝ่ายยืนกอดอก


“เกิดอะไรขึ้น เล่ามา”
รสากระพริบตางงๆ ส่งสายตาถามเพื่อนพยาบาลที่ต่างหลบสายตาและก้มหน้าทำงานของตัวเองต่อ ส่วนพยาบาลรุ่นน้องที่เป็นต้นเหตุก็ลงเวร กลับบ้านไปเสียแล้ว

“เอ่อ...”
“พยาบาลให้ยาผิด แล้วยังจะตามหมอมาแก้ปัญหาให้ นี่คุณทำงานประสาอะไร ไม่รู้เหรอว่าแวนโค่ต้องให้ช้าๆ นี่อัดเข้าไปยังไงภายในเวลาแค่ 15 นาที”

เสียงตวาดแผดดังขึ้นเรื่อยๆอย่างตั้งใจจะทำให้อาย ถ้าเจ้าของไข้เป็นแพทย์รายอื่นก็โชคดีไป แต่นี่เป็น “อาจารย์แพทย์หญิง” รุ่นใหญ่ ที่ออกจะมีปัญหาเรื่องวัยทองอยู่สักหน่อย

“แต่....”
“ไม่ต้องมีแต่ นี่จบมาจากไหน หัวหน้าฝ่ายรับเข้ามาได้ยังไง”
“เอาอย่างนี้ค่ะอาจารย์ เดี๋ยวทางฝ่ายจะออก HOIR ไว้ เราจะแก้ไขกันทั้งระบบ เป็นบทเรียนว่าแวนโค่จะต้องฉีดอย่างไร ฝึกสอนทั้งพยาบาลใหม่และเก่า แต่รอบนี้อยากให้อาจารย์ช่วยเคลียร์กับคนไข้...”


“ไม่ ฉันรับไม่ได้ พวกเธอไปเคลียร์กันเอง แล้วพยาบาลคนนี้ก็น่าจะปลดประจำการจากวอร์ดด้วย”


รสาเงยหน้ามองอย่างงุนงง เรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยความตกใจ
“แต่ อาจารย์คะ...”


“ผมว่าทำอย่างนี้ไม่ถูก”


ไตรรัตน์เดินเข้ามากลางวงสนทนาตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบได้ คว้าแฟ้มประวัติเตียง 506 ไปพลิกดูโดยที่ไม่ต้องขออนุญาตใคร


“อาจารย์ลองเช็คตารางเวรหรือยังครับ ว่า ’พยาบาลคนนี้’ ใช่คนที่ปฏิบัติงานในเวลาที่ฉีดยาคนไข้ผิดจริงหรือเปล่า”
“เอ๋....”
“แล้วนี่ Doctor’s Order ถ้ามีการรีวิวดู อาจารย์เองก็ไม่ได้ระบุ Rate การให้ยานะครับ ถ้ามีการฟ้องร้อง ผมว่า คนที่จะโดนคนแรก ไม่ใช่พยาบาลหรอก”


น้ำเสียงของนายแพทย์หนุ่มนุ่มนวลและเรียบนิ่ง ตรงข้ามกับเนื้อหาคำพูดแต่ละคำที่กัดกินคนฟังลงไปแทบทุกอวัยวะ


“เอ่อ...”
อาจารย์หมอรุ่นใหญ่กลายเป็นฝ่ายพูดไม่ออก
ไตรรัตน์หันไปหาคู่กรณีอีกคนบ้าง


“ที่จริงคุณหัวหน้าฝ่ายต้องขอบคุณพยาบาลสาวคนนี้นะครับ ผมมาตรวจชาร์ตเมื่อเกือบครึ่งชั่วโมงก่อน ถึงจะไม่ทันเหตุการณ์ตอนแรก แต่ก็ได้ยินพยาบาลส่งเวรกัน ว่าคนที่ให้ยาผิดพยายามติดต่อหมอ ติดต่อเภสัชให้ขึ้นมาประเมิน ในขณะที่รสาไปช่วยรองรับสถานการณ์คนไข้โวยวายอยู่ด้านใน ผมว่าน่าจะให้ตำแหน่งพยาบาลดีเด่นให้เธอเสียด้วยซ้ำ”


“ขะ.... ค่ะ”


หัวหน้าฝ่ายการพยาบาลกระพริบตาสองสามหน ด้วยเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน และไม่ทันได้ทวนสอบเหตุการณ์ใดๆ จึงได้รู้ว่าตนฟังความเพียงข้างเดียวมาแต่แรก


“จะให้ผมไปช่วยพูดก็ได้นะครับอาจารย์ ที่จริงเคสนี้ดูแลไม่ยาก รีเฟอร์เคสมาให้ผมก็ได้”


ตอกย้ำคำรบสามด้วยใบหน้าเจือยิ้ม หวังดีก็ไม่ใช่ แดกดันก็ไม่เชิง สงครามประสาทกลับเทไปหาฝ่ายคุกคามในตอนเริ่มต้น


“ไม่ต้องย่ะ”


แพทย์เจ้าของไข้คว้าแฟ้มประวัติในมือนายแพทย์หนุ่ม ก่อนสะบัดหน้าแล้วเดินหนีไป รสาเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะคิกมาจากมุมใดมุมหนึ่งของห้อง แต่เมื่อหัวหน้าฝ่ายตวัดสายตาหันไปดู ทุกคนก็เงียบกริบ


“ไปทำงานต่อเถอะ”


พยาบาลอาวุโสออกปากบอก มีน้ำเสียงเหมือนอยากขอโทษอยู่ในนั้นแต่ไม่ได้พูดมันออกมา


นึกเสียว่ายังดีกว่าถูกปลดประจำการไปทำหน้าที่อื่นล่ะนะ...


รสาปลอบใจตัวเองเช่นนั้นและขอตัวกลับไปยังเคาน์เตอร์ประจำการ ก่อนจะก้าวออกมายังหันมองนายแพทย์หนุ่มด้วยสายตาขอบคุณอยู่อึดใจหนึ่ง


ไตรรัตน์ยิ้มบางๆ และขยับตัวเดินจากไป


พยาบาลสาวตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อด้วยสถานการณ์ที่วุ่นวายและกดดัน


จนเย็นย่ำ อาหารสักคำก็ไม่ได้ตกถึงท้อง...


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


เลขานุการสาวเคาะประตูห้องเบาๆ เมื่อพบว่าบานประตูไม่ได้ล็อกจึงเปิดแง้มเข้าไปช้าๆ และพบว่าเจ้านายของตนยังขลุกอยู่กับกองเอกสารประวัติพนักงานหลายร้อยคนที่เรียกมาจากฝ่ายบุคคลตั้งแต่ครึ่งวันบ่าย หญิงสาวเทียวเข้าเทียวออกเพื่อจัดเก็บเอกสารที่ผ่านการอ่านและพิจารณาแล้วกลับไปส่งฝ่ายบุคคลและนำแฟ้มประวัติใหม่มาวางให้เป็นระยะจนตกเย็นและใกล้เวลากลับ เมื่อเห็นว่าเจ้านายยังไม่ขยับออกจากกองเอกสารดังกล่าวก็รู้สึกทึ่งกึ่งประหลาดใจ ชายหนุ่มผู้มีประวัติการศึกษาดีเลิศ เพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติและบริวารแวดล้อมมากมาย เมื่อแรกพบเขาฉายแววงามสง่าแต่ประกายตานั้นโลดโผนและแจ่มจรัส บางสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในอิริยาบถเยือกเย็นตามแบบผู้นำที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี คือท่วงทีกระฉับกระเฉง และเอาการเอางานอย่างที่เธอแอบเห็นในเวลานี้


รจเรจ ลักขณา จบการศึกษาด้านเลขานุการและการบัญชีจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง สามารถหางานได้ในบริษัทชั้นนำอย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ด้วยความผูกพันทางเครือญาติ เธอได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคุณนายกรรณิการ์ ผู้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจอุตสาหกรรมหลายแห่งในภาคตะวันออก


รจเรจศึกษาประวัติบริษัทและเจ้าของมาอย่างดีก่อนเข้าทำงาน คุณนายกรรณิการ์เป็นทายาทผู้สานต่อปณิธานของบิดาผู้เป็นเจ้าสัวใหญ่ ที่ประกอบธุรกิจให้เช่าพื้นที่ทำโรงงานอุตสาหกรรมจนร่ำรวย จุดเริ่มต้น เจ้าสัวใหญ่ตั้งใจเปิดโรงพยาบาลขึ้นภายในเขตนิคมอุตสาหกรรม เพื่อรองรับและเป็นสวัสดิการในการรักษาพยาบาลพนักงานที่ป่วยไข้ ปณิธานนั้นทำให้เจ้าสัวใหญ่ได้พบกับเพื่อนร่วมรุ่นซึ่งมีบุตรชายเป็นนายแพทย์หนุ่มไฟแรง เพื่อนเก่าแนะนำลูกชายให้มาพบรักกับทายาทสาวที่บิดาส่งเสริมให้เรียนการบริหารบัญชี เมื่อสองครอบครัวหลอมรวมกัน การมีบุคคลากรเปี่ยมคุณภาพบวกกับชั้นเชิงการบริหารที่ดีเยี่ยม ทำให้ธุรกิจโรงพยาบาลที่ตั้งใจเปิดให้เป็นสาธารณะกุศล ก็กลับสามารถทำกำไรและเพิ่มเครือข่ายขยายสาขาได้มากกว่า 3 แห่งภายในเวลาไม่ถึงยี่สิบปี


เมื่อกาลเวลาผลัดเปลี่ยน รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก รุ่นลูกสู่รุ่นหลาน ชีวประวัติที่รุ่งเรืองของตระกูลนี้ยั่วใจให้หลายตระกูลเข้ามาพันผูก ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของเธอเองที่แทบจะถูกจับใส่พานให้มาเข้าทำงานทันทีที่คุณนายเอ่ยปากเชื้อเชิญกับมารดาว่าอยากได้ตัวลูกสาวเข้าไปช่วยงาน


“ไหว้ขอบคุณคุณนายกรรณิการ์เสียสิ ยัยแป้ง ดูซิ บริษัทเขามั่นคงใหญ่โต ยังอุตส่าห์มาชักชวนแกไปทำงาน ถ้ายังไง ฝากฝังลูกแป้งให้คุณนายช่วยสั่งสอนดูแลหน่อยนะคะ”


“แหม... อย่าเกรงใจเลยค่ะคุณน้อง พี่ก็เห็นเด็กเขามีแวว แถมจบมาด้านนี้โดยตรง แถมเครือญาติเราก็ไม่ห่างกัน พี่น่ะ ไม่กล้าไว้ใจพวกเลขาตามท้องตลาด ที่มาทำงานพลาง เที่ยวสอดส่ายหาผู้ชายพลาง พี่ล่ะเป็นห่วงลูกชายพี่ กลัวจะเสียผู้เสียคน หนูแป้งก็ช่วยงานพี่เค้านะลูก อย่าชักชวนกันออกนอกลู่นอกทาง”


ฟังถ้อยคำบอกเป็นนัยๆ ก็พอจะรู้ว่าหญิงสูงวัยตั้งใจกันท่าไว้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน พอลับสายตาคุณหญิงคุณนายที่จีบปากจีบคอโอภาปราศรัยกัน รจเรจเบะปากอย่างเบื่อหน่าย ด้วยลำพังตนก็มีชายหนุ่มเรียงหน้ามาให้เลือกมากมาย ไม่จำเป็นต้องง้อผู้ชายที่มีแม่เรื่องมากขนาดนี้


แต่เมื่อได้พบกับตัวจริง รจเรจนึกอยากกลับไปขอบคุณมารดาอีกร้อยหนที่รีบตกปากรับคำในวันนั้น ชายหนุ่มตรงหน้าเป็นเสียยิ่งกว่า “ชายในฝัน” ที่เด็กสาวหลายคนพร่ำเพ้อหา เข้าตำรา ‘สูง ขาว หล่อล่ำ ความรู้ดี มีฐานะ มีชาติตระกูล’ ชนิดไม่ตกหล่น อีกทั้งยังไร้คู่หมั้นหมายเพราะแม่หวงลูกชายยิ่งกว่าไข่ในหิน หญิงสาวเก็บอาการสิเน่หาในตัวประธานคนใหม่ด้วยกิริยาแช่มช้อยและรู้งาน ส่วนชายหนุ่มกลับมีปราการเข้มแข็ง ปรายตามองเธอเพียงไม่กี่วินาทีก็ตัดบท


“กลับก่อนก็ได้นะครับ ผมว่าจะดูงานต่ออีกสักหน่อย”


ประธานหนุ่มกล่าวราบเรียบ สายตายังไม่ละจากกองเอกสาร เลขาสาวยังพยายามทำคะแนน
“ให้แป้งรอก็ได้นะคะ คุณวินทร์กลับเมื่อไหร่แป้งจะได้เรียกคนรถมารับ”


หญิงสาวพยายามตีสนิทด้วยการเรียกชื่อเล่นแทนตัว ชายหนุ่มละสายตาจากแฟ้มงานแล้วขยับเนคไทพร้อมตอบเรียบ


“คนรถไม่ต้องครับ ขอบคุณ พอดีผมนัดเพื่อนเอาไว้ด้วย ว่าจะไปเฮฮาตามประสา... ผู้ชายน่ะครับ”


วินทร์ทิ้งคำสุดท้ายในประโยคชนิดพลิกมาดนักบริหารไปเป็นหนุ่มเสเพล เลขาสาวยิ่งทึ่งในบุคลิกที่สับเปลี่ยนได้ไวกว่ารถไฟฟ้าเปลี่ยนราง หญิงสาวต้องเป็นฝ่ายถอยไปตั้งหลัก


“ค่ะ ถ้าอย่างนั้น แป้งขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ในใจคิดว่า ‘โธ่ ชอบเที่ยวก็ไม่บอก แล้วนี่จะไปกับผู้หญิงหรือผู้ชายก็ไม่รู้’


“ครับ ตามสบายครับ”


ชายหนุ่มพยักหน้ารับ เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูดังกริ๊กจึงถอนลมหายใจเฮือกใหญ่ เลื่อนแฟ้มประวัติพนักงานทั้งหมดไปกองริมโต๊ะ เหลือเพียงไม่กี่แฟ้มในมือที่เขาเลือกอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์และหย่อนเก็บไว้ในลิ้นชัก


ภารกิจสำหรับหนึ่งวันที่วางแผนเอาไว้ใกล้หมด วินทร์ พลวานิช ปลดเนคไทออกจากคอและถอดสูทพาดไว้บนเก้าอี้หนัง เดินเข้าห้องน้ำส่วนตัวเพื่อล้างหน้าและสะบัดศีรษะจนทรงผมยุ่งเหยิง เมื่อเปิดประตูห้องทำงานจึงพบว่าไฟในตึกสำนักงานถูกดับไว้ เหลือแต่ไฟตามทางเดินที่เชื่อมไปยังตึกผู้ป่วยซึ่งยังคงสว่างไสว

“บรรยากาศอย่างนี้สิ ค่อยน่าเดินทัวร์หน่อย”

ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนก้าวเท้าออกจากตึกสำนักงาน ตั้งใจจะเดินสำรวจอาณาจักรของตนใหม่โดยไร้ผู้ติดตามที่เกะกะและน่ารำคาญใจ


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


รสาเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยห้องริมสุดก่อนกลับเคาน์เตอร์ จึงพบชายหนุ่มในชุดกึ่งทางการ ยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้อง 506 มองซ้ำแล้วจำได้ว่าเป็นนักข่าวเจ้าปัญหาเมื่อวันก่อน


“จะมาทำอะไรของเขาอีกนะ...”


วินทร์ชะโงกหน้าเข้าไปดูภายในห้องพักผู้ป่วย เขาได้รับรายงานสถานการณ์เมื่อตอนบ่ายว่าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติจากการได้รับยาฉีดแต่พยาบาลหน้างานสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ประธานบริษัทคนใหม่เปลี่ยนใจจากการเรียก ‘พยาบาลหน้างาน’ คนดังกล่าวไปพบ เป็นการเดินสุ่มมาหาด้วยตัวเอง


“ต้องการพบใครหรือเปล่าคะ”


พยาบาลสาวเข้ามาประชิดตัวขณะที่ชายหนุ่มกำลังกอดอกครุ่นคิด วินทร์ออกอาการสะดุ้งเมื่อพบเป้าหมายเร็วกว่าที่คาด แต่รสามองผาดเห็นว่าเป็นท่าทางที่มีพิรุธ


“คุณคิดจะมาทำอะไร อย่าบอกนะคะว่าญาติหรือเพื่อนคนไข้ในห้องนี้เรียกมา”
“เอ่อ...”


หญิงสาวรัวมาเป็นชุด ยากจะตอบและยากจะอธิบาย ชายหนุ่มก้มดูเครื่องแบบและผมเผ้าของตน ที่มีสภาพเหมือนกรรมกรข่าวเพิ่งเลิกงานและแวะมาเก็บตกข่าวในสถานที่เกิดเหตุ


“ดิฉันคิดว่าคุณเพ่นพ่านอยู่ในโรงพยาบาลของเรานานเกินไปแล้วนะคะ”
รสากอดอก


“คุณนักข่าว”


“ครับ?”


ชายหนุ่มมองทั่วแล้วไม่เห็นใคร จึงแน่ใจในสถานการณ์ หญิงสาวตรงหน้ายังไม่รู้แน่ว่าเขาคือใคร แต่ปักใจเชื่อจากเหตุการณ์เมื่อวานว่าเขามาเป็นนักข่าวของสถานีข่าวที่ใดที่หนึ่ง


“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”


วินทร์นึกสนุกและเริ่มสวมรอยไปตามน้ำ แปลกดีที่รู้สึกว่าหัวใจเต้นด้วยจังหวะแปลก ขณะที่ในเวลาปรกติ มีหญิงสาวมากมายเรียงรายเข้ามาห้อมล้อมเขาด้วยความหลงใหลในชื่อเสียงและรูปลักษณ์ภายนอก ไม่เคยมีแรงดึงดูดให้ต้องหันไปชายตามองมาก่อน แต่เมื่อได้พบกับหญิงสาวที่ดูจะรังเกียจและผลักไสเขาดีนัก กลับทำให้อยากเข้าใกล้และทำความรู้จักให้คุ้นเคยกันมากขึ้น ชายหนุ่มคิดแผนการพลางเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อเปะปะ เจอสมุดโน้ตเล่มเล็กเล่มหนึ่งจึงหยิบขึ้นชู


“จริงๆข้อมูลแค่นี้ก็คงพอแล้วล่ะครับ ผมกลับก็ได้”
ว่าแล้วก็หันหลังกลับ แต่ไม่วายชำเลืองสายตามอง


“เดี๋ยวค่ะ”
ได้ผลจริงดังคาด หญิงสาวเสียงเบาลง


“คุณมี... ข้อมูลอะไรคะ”


อย่างระวังตัว รสาจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ก่อนว่าอีกฝ่ายมีข้อมูลชนิดไหน และต้องแก้ไขอย่างไร ชายหนุ่มสูดลมหายใจแรงแล้วหันมาพลิกสมุดโน้ตเล่มเล็กอ่านออกเสียง


“ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ พยาบาลฉีดยาให้ผู้ป่วยในอัตราเร็วที่สูงเกินไป เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเกิดอาการ…”


“หยุดค่ะ พอแล้ว”


แม้ในหน้ากระดาษจะไม่ได้จดอะไรไว้เลยก็ตาม วินทร์นึกและพูดออกมาตามความจำที่เพิ่งได้อ่านรายงานเมื่อบ่าย แต่นั่นก็เป็นข้อมูลจริงซึ่งได้ผลกับหญิงสาวชะงัด


“คุณบอกดิฉันมาดีกว่า ว่าต้องการอะไร คิดจะแบล็คเมล์เจ้าของโรงพยาบาลหรือคะ”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากและส่ายหน้านึกในใจว่า ‘ใครมันจะกล้าแบล็คเมล์ตัวเองครับ’ ก่อนบอกปัด


“นี่คุณจะมองผมในแง่ร้ายไปถึงไหน ต่อให้ผมจะแบล็คเมล์จริง คุณจะไปห่วงอะไรกับเจ้าของโรงพยาบาลล่ะครับ เค้ามีเงินออกเยอะแยะ ที่น่าเป็นห่วงกว่าคือหมอที่สั่ง กับพยาบาลที่ให้ยาต่างหาก ดีไม่ดีอาจจะต้องระเห็จไปหางานทำที่อื่น”


‘..ยัยจ๋า..’ รสานึกตามแล้วใจหาย


“เอาอย่างนี้ดีกว่าไหมครับ จริงๆ ข่าวนี้จะขายมันก็คงไม่ได้ราคาซักเท่าไหร่หรอก”


นักข่าวปลอมเริ่มถือไพ่เหนือกว่า


“ผมชักชอบคุณแล้วล่ะ...”


วินทร์ยิ้มยั่ว ขณะที่พยาบาลสาวนึกฉุน
“เราไปหาที่นั่งคุยเดินคุยกันสักวันไหมครับ เผื่อผมเห็นใจคุณแล้วจะได้เลิกทำข่าวนี้”


`•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*


รสาขมวดคิ้วจ้องหน้าชายหนุ่ม ที่ยังจับสมุดโน้ตเล่มเล็กกระดิกเบาๆ เขายักคิ้วเป็นเชิงรอคำตอบ


“ไม่ได้”
รสาส่ายหน้า พึมพำ ที่จริงเธอนึกอะไรไม่ออกทั้งนั้น รู้แต่ว่าต้องปฏิเสธไว้ก่อน


“ว่าไงนะครับ...”


นักข่าวปลอมค่อนข้างผิดหวัง รสาพยายามเค้นหาเหตุผลมาเจรจา ให้เรื่องต่างๆจบลงเสียโดยเร็วที่สุด ยิ่งคิดยิ่งเหมือนสมองถูกบีบอัดด้วยแรงกดบางอย่าง พื้นอาคารเหมือนเอียงไปวูบหนึ่งจนพยาบาลสาวต้องหาผนังพิงไว้ ก่อนบอกออกไปยากเย็น


“ดิฉันหมายถึง ดิฉันจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าคุณมาคุยกับดิฉันเพื่อปรับความเข้าใจ และรับปากว่าจะไม่ทำข่าว หรือจริงๆ แล้วคุณจะมาหลอกล้วงความลับเอาข้อมูลเพิ่ม”


“ด้วยเกียรติของลูกเสือ ผมไม่หลอกคุณหรอกครับ”


รสาถอนหายใจ ใบหน้ามีหยดเหงื่อเล็กๆ ผุดพรายเต็มหน้าผากและไรผม มือไม้เย็นลงอย่างกะทันหัน ระหว่างนั้นชายหนุ่มเองก็สังเกตได้เช่นกันว่าใบหน้าของอีกฝ่ายค่อยๆ ซีดลงจนแทบไม่มีสีเลือด


“คุณครับ เป็นอะไรไปหรือเปล่าครับ”
“ฉันไม่เป็นไร...”

วินทร์เริ่มมองอย่างเห็นใจ หญิงสาวตรงหน้าทำเป็นเข้มแข็งทั้งที่แค่ยืนยังจะไม่ไหว

“ให้ผมช่วยดีกว่าไหมครับ?”
“ไม่ค่ะ...ฉันแค่... รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร อาจจะต้องออกไปหาที่โล่งๆ”

สัญญาณร่างกายบอกว่าไม่ไหว แต่สัญชาตญาณบอกให้ปฏิเสธทุกทาง จะเป็นลมต่อหน้าเขาได้อย่างไร สูดลมหายใจลึกๆเข้าไว้ หญิงสาวบอกตัวเองและยังคิดว่าพอจะมีแรงปฐมพยาบาลตนเองอย่างง่ายๆ นั่นคือการปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนของชุดพยาบาลที่ใส่อยู่ หรือควรจะบอกให้ชายหนุ่มตรงหน้าช่วยหาแอมโมเนียหรือยาดมมาให้

แต่จะไว้ใจนักข่าวแปลกหน้ากวนๆ คนนี้ได้อย่างไร…

คำถามสุดท้ายผุดขึ้นในใจ
ส่วนคำตอบที่ได้รับ คืออ้อมแขนแข็งแรงที่มารองรับก่อนสติจะดับวูบ





Create Date : 29 กรกฎาคม 2554
Last Update : 29 กรกฎาคม 2554 10:43:49 น. 0 comments
Counter : 1008 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.