XXIV. ท้ายที่สุด (ตอนจบ)

ความท้าทายข้อใหญ่ที่สุดที่ฉันพบในฐานะนักเขียน
คือความท้าทายในการเขียนงานดีๆ
การมีความอดทน และพลังงานในการทำงาน...

นักศึกษาชอบถามว่า ฉันควรเขียนต่อไปหรือไม่
คำตอบคือคุณจะเขียนหนังสือต่อไป ถ้าคุณหยุดเขียนไม่ได้

ถ้าคุณทนใช้ชีวิตที่ไม่เขียนหนังสือได้... คุณก็คงเลิกเขียน

เอลิซาเบท สเตราต์
รางวัลพูลิตเซอร์ ปี ค.ศ. 2009

+ + + + + +



ชั่ววินาทีที่ถูกเหวี่ยงบ่อโคลนส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง รสาหันหน้ามาสบตากับฟ้าใส ตาต่อตาประสาน ในแววตารสาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ ส่วนแววตาของฟ้าใสเต็มไปด้วยประกายเย้ยหยันและสาสม
สิ่งหนึ่งพึงจำแต่รสาเลอะเลือนตลอดมาคือฟ้าใสต้องมาก่อน ต้องดีกว่า แล้วจู่ๆวันหนึ่งพี่สาวฝาแฝดมาปรากฏตัวเป็นนางฟ้าเรียกเธอมาลูบหน้าลูบหลังทั้งที่ไม่มีสิทธิ์

ต่อให้เป็นวิมานทิพย์ ถ้าฟ้าใสต้องการ ก็ต้องได้!!
นั่นไง อีกไม่กี่ก้าวก็ถึงเขตสวรรค์....

ฟ้าใสเชิดหน้าเดินตรงสู่ทิพยวิมาน ทั้งที่เห็นต้นมณฑาอยู่ในระยะสายตา แค่เพียงเดินอีกไม่กี่ก้าวก็ควรถึง ขอบเขตที่เนรมิตทุกสิ่งได้ตามใจต้องการ อิ่มทิพย์ กายทิพย์ ตาทิพย์ เบื้องหลังที่เดินจากมาคือบ่อโคลนสีดำเน่าเหม็น ฟ้าใสเคยหันกลับไปมองครั้งหนึ่ง กลับพบว่าบ่อโคลนนั้นขยายใหญ่ขึ้น จากหลุมเล็กๆกลายเป็นสระขนาดกลาง หันไปอีกครั้ง จากสระขนาดกลางกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ฟ้าใสไม่มีทางอื่น นอกจากเดินต่อไปยังต้นมณฑาที่ยังมีให้เห็น และจำเป็นต้องเดินไปให้ถึง

บางครั้งผู้คนเดินผ่านและเห็นภาพสมมติของสัตว์นรกที่ทุรนทุรายอยู่ในนรกภูมิแล้วพากันสลดสังเวชใจ สภาพทุกข์เวทนาที่ประสบน่าจะผลักดันให้เกิดความทุรนทุรายและดิ้นรนที่จะหนี แต่คงไม่สามารถทำได้ เพราะมีนิรยบาลคอยเข้มงวดกวดขัน

นรกภูมิที่แท้ต่างจากภาพที่เห็นลึกล้ำ นายทวารหรือผู้คุมคอยทำโทษเป็นเพียงสมมติบัญญัติที่มาแทนที่ปรมัตถ์ แท้จริงสัตว์นรกทั้งหลายต่างถูกกักขังไว้ด้วยกฎที่ทรงอำนาจที่สุดในทุกภพ

กฎแห่งกรรม...

โดยไม่รู้สึกตัว หญิงสาวยังคงเดินต่อไปจนฝ่าเท้าถลอกปอกเปิก เสื้อผ้าหลุดลุ่ย รอยช้ำจากการล้มลงบนทางขรุขระ เป็นรอยระบมจนเกิดฝีหนองไปทั่วร่างกาย

ฟ้าใสไม่อาจห้ามตัวเองให้หยุดเดินได้ แม้จุดหมายจะยิ่งห่างออกไปไกลลิบลับ!


x x x x


ไอ้ซ้งผลักประตูเข้าไปในแดนประหาร ห้องแห่งพิธีกรรมผ่าเอาอวัยวะนั้นมันเข้าออกจนแทบเดินเหินได้แม้หลับตา บัดนี้ข้าวของถูกยักย้ายถ่ายเทและเปลี่ยนที่ มีหรือมันจะไม่ผิดสังเกต เมื่อหันไปมองมุมห้องเห็นน้องร่วมสาบานถูกปาดคอเลือดรินอาบคอเอียงพับห้อยกะร่องกะแร่ง มันสะดุ้งเบิ่งตาดูภาพที่เห็นแต่ไม่ทิ้งประสาทสัมผัสที่เตือนถึงอันตรายจากวัตถุแหลมเล็กที่แหวกอากาศเข้ามาหา

ไอ้ซ้งเอี้ยวตัวหลบคมมีดที่ไตรรัตน์ถลาเข้ามาแทงได้อย่างหวุดหวิดแล้วอาศัยจังหวะถัดมาเอาตัวกระแทกอีกฝ่ายที่รูปร่างเล็กกว่าไปติดผนัง ไตรรัตน์ได้ยินเสียงซี่โครงของตัวเองหักดังกร๊อบพร้อมกับเสียงปักของวัตถุมีคมเข้าทางใต้ชายโครงด้านขวา

สวบ..!!

x x x x

ความเจ็บปวดเข้ามาแทรกทันทีที่ร่างกายปะทะกับผิวน้ำ ไม่ใช่โคลนเหนียวเหนอะหนะส่งกลิ่นเหม็นคลุ้งอีกต่อไป หากแต่เป็นน้ำใสและเย็นเฉียบ ความเย็นของน้ำคล้ายเข็มแหลมเล็กทิ่มแทงเข้าไปในทุกอณูขุมขน รสารู้สึกตัวแล้ว ว่าไม่ได้จมอยู่ในบ่อโคลน แต่กำลังจมอยู่ในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง ลืมตาเห็นเป็นความสว่างจ้าที่น้ำแข็งสะท้อนแสงจากหลอดไฟบนเพดาน ร่างกายที่จมอยู่ในน้ำไร้สิ่งปกคลุมใดๆ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สัญชาตญาณแรกของมนุษย์คือการสูดอากาศหายใจ แต่ทันทีที่รสากระทำสิ่งนั้น น้ำก็ทะลักเข้าทางปากและจมูกจนสำลัก รสาทะลึ่งตัวขึ้นพ้นน้ำ เกาะขอบอ่างได้ก็อาเจียนเอาน้ำที่สำลักเข้าไปและของเหลวในกระเพาะออกมาแทบทั้งหมด หญิงสาวหอบหายใจจนตัวโยน

ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เสียงยิงปืนปังๆๆ ดังอยู่ด้านนอก รสาเงยหน้ามองดูว่าตนโผล่มาอยู่ที่ไหน เสียงโครมก็เข้าปะทะกับผนังข้างฝา รสาสะดุ้งสุดตัวเมื่อเห็นที่มาของเสียง ไตรรัตน์ถูกอัดเข้ากับผนังห้องพร้อมกับมีดพกในมือของชายแปลกหน้าเสียบเข้าที่ชายโครงด้านขวา ชายหนุ่มทรุดลงตัวงอด้วยความเจ็บปวด ไอ้วายร้ายได้ยินเสียงผิดปกติด้านนอกเช่นกัน เป็นเสียงสตาร์ทรถแล้วบึ่งออกไปด้วยความเร็วสูง เดชาเผ่นหนีเอาตัวรอดโดยไม่สนใจลูกน้องที่อยู่เบื้องหลัง ตำรวจระดมยิงปืนตามอย่างไม่ลดละ แบ่งกำลังส่วนหนึ่งบึ่งรถติดตามไปและอีกส่วนหนึ่งโอบล้อมรอบกระท่อมไว้และค่อยๆขยับประชิดเข้ามา ไอ้ซ้งห่วงหน้าพะวงหลังจนเสียสมาธิ ใจหนึ่งก็คิดหาทางหนีทีไล่ อีกใจก็อยากซ้ำไอ้คนทรยศให้ตาย ดูจากสภาพของไอ้เพ้งคงไม่รอดแล้ว แล้วนั่น เหยื่อยังทะลึ่งฟื้นขึ้นมาอีก แต่นี่อาจเป็นจังหวะที่เหมาะที่สุด

“เอานังนี่มาเป็นตัวประกันเสียเลยดีกว่า”

ไอ้ซ้งปล่อยมีดปักคาไว้ใต้ชายโครงของไตรรัตน์และควักมีดด้ามใหม่ที่เสียบอยู่ในซองใต้เอวขึ้นมา ก้าวเท้าข้ามหัวไตรรัตน์ไปกระชากตัวรสาขึ้นมาจากน้ำ

รสากรีดร้องเมื่อวายร้ายเข้ามาใกล้แต่ไม่มีเสียงออกจากลำคอ ไอ้ซ้งรวบร่างปวกเปียกนั้นขึ้นมากอดกระหวัดก็ลื่นไม่ติดมือ มันกระชากผ้าห่อศพผืนใหญ่บนโต๊ะเครื่องมือมาพันร่างหญิงสาวไว้ก่อนจะรวบคอและเอามีดจ่อบังคับให้เดินตาม

“อย่าสะเออะดิ้นพราดเชียวนะนังตัวดี ถ้าตำรวจยิงมาก็ต้องโดนอีนี่ก่อนล่ะวะ”
ไอ้ซ้งกระซิบกระซาบ เสียงหอบหายใจของมันรินรดอยู่บนต้นคอ รสาเหลียวมองรอบตัวเห็นเลือดเจิ่งนอง หญิงสาวพยายามหันหลังไปมองหาไตรรัตน์แต่ไอ้วายร้ายล็อคคอสะบัดให้พากันเดินออกประตู ตำรวจกรูกันมาที่ทางเข้าและเล็งปืนเตรียมยิงเป้าหมาย

ปัง!!!

เสียงปืนดังลั่นแต่ไม่ได้มาจากภายนอก มันดังขึ้นแทบจะชิดติดหู รสาได้ยินเสียงเปาะแปะของของเหลวข้นหยดลงบนบ่า ตามมาด้วยเลือดสีแดงข้นทะลักออกมาจากขมับไอ้ซ้ง ชโลมลงบนผ้าสีขาวที่ปกคลุมตัวให้แดงฉานไปด้วยเลือด มือที่จับมีดจ่อคอของมันตกห้อยและร่วงลงไปพร้อมร่าง รสาเหลือกตา หันตัวมองไปด้านหลัง กระสุนปืนนั้นถูกยิงมาจากมือของไตรรัตน์ที่นั่งจมกองเลือดอยู่ข้างๆ ร่างของไอ้เพ้ง

ครั้งนี้ไตรรัตน์เป็นฝ่ายช่วยเธอเอาไว้ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มแล้วปล่อยปืนตกลงข้างลำตัว มีดยังปักคาอยู่ใต้ชายโครง เสียงถีบประตูด้านนอกและตำรวจปิดล้อมใกล้เข้ามา ไตรรัตน์เงยหน้ามองแสงสว่างผ่านช่องระบายอากาศ

“ตำรวจเรอะ... เหอะ! ผมจะไม่ยอมเข้าคุกหรอกนะ”

ว่าแล้วเลื่อนมือมาจับด้ามมีดแล้วกระชากออกสุดแรง รสาร้อง “อย่า!” แต่ไม่พ้นเสียง หญิงสาวเข่าอ่อน ทรุดตัวลงนั่งพับกับพื้นห้องที่มีเลือดเจิ่งนอง เลือดของไตรรัตน์ไหลทะลักออกมาจากกล้ามเนื้อและอวัยวะภายในจนชุ่มโชก เสียงยิงปืนต่อสู้ด้านนอกเงียบลง มีเสียงประกาศด้านนอกว่าจับตัวหัวหน้าโจรได้ วินทร์และตำรวจผลักประตูเข้ามาเมื่อทุกอย่างสงบ

“รสา!”

วินทร์ตรงเข้ามาประคองร่างที่เปียกปอน พอเห็นสภาพที่น่าอเนจอนาถภายในห้องและร่างของหญิงสาวที่มีเพียงผ้าผืนบางชุ่มเลือดคลุมไว้ ชายหนุ่มรีบถอดเสื้อคลุมมาคลุมบ่า หาผ้าสะอาดมาเช็ดหน้า ซับน้ำตาและเช็ดผมที่เปียกชุ่มให้
“ปลอดภัยแล้วรสา มา ผมจะพาคุณกลับบ้าน”
“...”

รสาส่ายหน้า เงียบเสียง มีเพียงปฏิกิริยาที่ตื่นตระหนก หญิงสาวผลักมือของวินทร์ที่มาโอบไหล่ ตั้งสติได้ก็ควานเก็บเอาเครื่องมือแพทย์ ไม่ว่าจะมีดผ่าตัด น้ำยาล้างแผล เข็มฉีดยา ถุงมือยาง และด้ายเย็บแผล รวบรวมได้ก็ขนไปกองไว้ข้างไตรรัตน์ ใส่ถุงมือยางแล้วฉีกผ้ามาซับเลือด เอาสันมือข้างหนึ่งกดปากแผลให้เลือดหยุดไหล มืออีกข้างพับผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบ

“อย่าตายนะ ไตรรัตน์ คุณอย่าตายนะ”
ไตรรัตน์เผยอเปลือกตาขึ้นมองหญิงสาว ถามเสียงเบา

“ปฐมพยาบาลเป็นด้วยเหรอ ฟ้าใส”
รสาได้ยินคำถาม น้ำตาร่วงเปาะลงมาอีก
“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ คุณไม่ใช่คนอ่อนแอแบบนี้”
“ฉันปฐมพยาบาลได้ แต่เย็บแผลไม่เป็น คุณต้องบอกฉัน บอกสิ ว่าเย็บยังไง”
รสากลั้นน้ำตาและกลั้นใจพูด หาบทสนทนาที่ทำให้ไตรรัตน์มีกำลังใจมากขึ้น แต่คู่สนทนากลับส่ายหน้า
“จะเย็บยังไงไหว นี่มันแทงโดนตับนะคุณ ยิ่งผมดึงมีดออก เลือดทะลักออกมาจะหมดตัวอยู่แล้ว ช่างมันเถอะ หึหึ หรือคุณกลัวผมตายแล้วจะตามมาหลอกหลอนคุณบ้างล่ะสิ”
รสาส่ายหน้า น้ำตาร่วง ไตรรัตน์ยกมือเปื้อนเลือดขึ้นลูบหน้าเช็ดน้ำตาให้ เขาเห็นใบหน้านี้เลือนรางเต็มที

“ฝากดูแลแม่ผม และ...ดู...แล ตัวเอง...ด้วย”
จบคำสั่งลา มือข้างนั้นตกลงไปกองกับพื้น ไตรรัตน์สิ้นใจอย่างสงบ เขาเชื่อว่า ได้แก้ไขข้อผิดพลาดของตนในอดีตจนหมดและสั่งเสียให้คนดูแลแม่ในเวลาที่เขาไม่อยู่ได้แล้ว รสาปล่อยโฮและร้องไห้คล้ายคนเสียสติ

“เขาตายแล้ว รสา ออกมาเถอะ”
วินทร์เข้าไปโอบร่างบางเอาไว้ คราวนี้ถึงรสาจะดิ้นรนแต่เขาก็ไม่ยอมปล่อย

“ปล่อย อย่ามายุ่งกับฉัน ฉันจะช่วยเค้า ฉันช่วยเค้าได้ ฮือๆ ฉัน..จะ...ช่วย...”

โดยไม่รู้เรี่ยวแรงและสภาพร่างกายตัวเอง รสาสลบซบลงกับอกของชายหนุ่มทั้งที่ยังพูดไม่จบประโยค วินทร์ตวัดร่างนั้นช้อนขึ้น ก่อนที่ผู้คนจะเข้ามามุงดู ตำรวจตามเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เชิดคอยอำนวยความสะดวกและขอทางให้วินทร์อุ้มร่างหมดสติของหญิงสาวออกไปขึ้นรถ

ขณะขับรถพาเจ้านายและหญิงสาวที่เจ้านายหลงรักออกมาจากที่เกิดเหตุ เชิดมองไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 ระยะทางที่จะไปถึงโรงพยาบาลอาจดูไม่ไกลนัก แต่อุปสรรคขวางกั้นที่มองไม่เห็นดูจะใหญ่หลวงกว่า

หญิงสาวเจออะไรมาก่อนหน้า และเจ้านายเขาจะทำใจรับได้แค่ไหน...

“คงไปเซ็นสัญญาไม่ทันแล้วนะครับ”
เชิดบอกเบาๆแต่คราวนี้เจ้านายเงียบเสียง

วินทร์กอดรสาอย่างจะให้ไออุ่นไปตลอดทาง แต่เมื่อส่งหญิงสาวถึงโรงพยาบาลแล้ว
กลับไม่เคยก้าวเข้าไปในห้องผู้ป่วยอีกเลยแม้เพียงครั้ง…

x x x x

ตื่นจากหลับฝัน ฟ้าใสไม่เคยกลับมารับ
รสายังคงได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ได้แต่ถามตัวเองซ้ำๆ ในเวลาที่ลืมตาตื่น

ที่นี่ที่ไหน...ตอนนี้เราควรต้องทำอะไร

คำตอบที่ผ่านมาแต่ละวันไม่ต่างจากเดิม รสาดึงผ้าห่มผืนบางออกจากตัว ลุกขึ้นอาบน้ำล้างหน้า ได้ยินเสียงจัดสำรับอาหารด้านนอก มารดาตื่นแต่เช้ามืดเป็นปรกติตามประสาคนสูงวัย เมื่อทำธุระของตนเสร็จเรียบร้อย รสาจึงออกไปช่วยนภาในครัว

“ตื่นแล้วเหรอลูก”
“ตื่นแล้วสิคะ แม่ก็ไม่ยอมปลุกสาให้ลุกมาทำอาหารพร้อมกัน”

“โอย จะรีบปลุกขึ้นมาทำไม แม่นอนไม่หลับเลยลุกมาทำโน่นนี่ ไหนๆก็ไหนๆต้มมะระรอไว้ มันต้องใช้เวลานาน สาตื่นมาก็พอดี หม้อนี้เตรียมไว้ถวายพระ ส่วนหม้อนี้เอาไว้สำหรับพวกเราทานกันเองสัก 3-4 มื้อ เป็นต้มจืดมะระยัดไส้ ที่ลูกๆชอบทานตั้งแต่เด็กๆไง เด็กอะไรชอบกินของขมกันตั้งแต่เล็ก”

รสายิ้มตาใสแต่ยังแฝงแววเศร้า หลังจากเกิดเหตุการณ์ นภากลับมาจำทุกอย่างได้ตามปรกติ อีกทั้งยังคอยดูแลรสา เพื่อหลบให้พ้นสายตานักข่าวที่กระหายข้อมูลของเหยื่อผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ตายหมู่ที่โรงนาร้าง รสาถูกปิดกั้นข้อมูลข่าวสารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ หรือหนังสือพิมพ์ ไม่เว้นแม้แต่โทรศัพท์ที่เริ่มมีรายการทีวีเข้ามาติดต่อขอสัมภาษณ์เพื่อนำไปออกรายการ จนกระทั่งผู้สร้างหนัง ที่คิดจะถอดเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไปทำบทภาพยนตร์

โรงพยาบาลยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ แต่บุคลากรทุกคนถูกสั่งให้งดการให้ข้อมูลข่าวสารทุกรูปแบบ วินทร์เทียวเข้าออกสถานีตำรวจและศาล เพื่อแก้ต่างการมีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท่านั้นก็เพียงพอสำหรับความเสื่อมเสียชื่อเสียง ป้ายประจำตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของโรงพยาบาลถูกปลดและเปลี่ยนใหม่เป็นคนอื่นในวงศาคณาญาติ วินทร์อาจถูกย้ายไปคุมกิจการอื่นๆภายในเครือซึ่งยังมีอีกหลายร้อยกิจการ

ระหว่างพักรักษาตัว สิ่งที่รสาได้รับมาต่างหน้าไม่ใช่ดอกไม้หรือของเยี่ยมไข้

แต่เป็นเช็คเงินสดมูลค่าหลายแสนบาท
มันเป็นค่าชดเชยในการเลิกจ้างพนักงาน...

รสารับเช็คใบนั้นและเก็บข้าวของออกจากโรงพยาบาลแต่โดยดี คุณนายกรรณิการ์ตอกย้ำความเมตตาปรานีที่บริษัทมีให้กับพนักงานด้วยการป่าวประกาศจำนวนเงินนั้นให้ทุกคนได้รับทราบ มีไม่กี่คนที่รู้ว่า หญิงสาวนำเงินทั้งหมดที่ได้รับไปมอบให้กับมารดาของไตรรัตน์ พร้อมกับฝากความดูแลไว้กับองค์กรที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยโรคไตได้ในระยะยาว

แม้จะไม่มีงานทำและรายได้หายไปทั้งหมด แต่เงินเก็บที่อยู่ในมือของรสากับเงินก้อนที่ได้จากการที่มารดาขายบ้านในย่านชุมชน ก็มากพอสำหรับการนำมาเลี้ยงชีพในหมู่บ้านห่างไกลความเจริญ

ที่นี่คือชายป่าในอำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี...

นภายังมีมรดกที่หลงลืมมานานนักหนา นั่นคือที่ดินผืนเล็กในชายป่า ซึ่งเดิมเป็นผืนใหญ่ แต่มีผู้มาขอซื้อเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับสร้างวัดป่า ตาและยายของรสาตัดใจขายแต่ขอแบ่งพื้นที่ไว้ส่วนหนึ่งสำหรับการปลูกบ้านพักหลังเล็ก เผื่อไว้สำหรับการปลีกตัวไปพักผ่อน ก่อนจะกลายมาเป็นที่พำนักอาศัยของรสาและมารดาในปัจจุบัน

“สากำลังจะได้งานทำแล้วนะคะแม่ เป็นสถานีอนามัยที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านเรา ขาดพยาบาลมาหลายปีเพราะพื้นที่กันดาร ไม่มีใครอยากมา พี่ที่เป็นหมออนามัยพากันดีใจยกใหญ่...

เมื่อวานสาก็เดินดูรอบๆบ้าน ยังมีพื้นที่เหลืออีกเยอะเลยค่ะแม่ ดินก็ดูอุดมสมบูรณ์ดี นอกรั้วก็มีต้นไม้พืชพรรณเต็มไปหมด สาว่าจะหาพวกเมล็ดหรือต้นกล้ามาปลูกผักปลูกไม้ตอนว่างจากงานด้วย แม่ว่าดีมั้ยคะ”

รสาพูดพลางหยิบเครื่องไม้เครื่องมือมาปรุงอาหารต่อ นภาขยับถอยออกไปนั่งดูลูกสาวที่ทำตัวไม่ทุกข์ร้อนใดๆ นับจากวันที่เดินออกจากโรงพยาบาล รสาไม่เคยเอ่ยปากคร่ำครวญหรือเสียใจในโชคชะตา ไม่เคยถามหาใครให้ต้องมาดูแลหรือรับผิดชอบ ใจหนึ่งนางยังนึกถึงไตรรัตน์ซึ่งเป็นคนดี เป็นคนที่คู่ควรกับลูก...และลูกเรา ‘คู่ควร’ กับเขา เสียดายกลับต้องมาสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องรสา เมื่อนึกถึงวินทร์กับบางเรื่องที่รู้มา...นภาจึงไม่คิดเอ่ยปากเล่า

“แม่คะ..?”

รสากลายเป็นฝ่ายปลุกมารดาจากภวังค์ นภามัวแต่คิดไปเรื่องอื่น ไม่ได้ฟังที่ลูกสาวพูด

“อ้อ ว่าไงนะลูก”

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร สาก็ชวนแม่คุยไปเรื่อย วันนี้วันพระใหญ่ พระท่านไม่ออกมาบิณฑบาต คงต้องเอาอาหารไปถวายที่วัดนะคะ”

“อืม ลูกไปคนเดียวได้ไหม วันนี้แม่ปวดเมื่อยเนื้อตัวยังไงก็ไม่รู้”

“โธ่... แต่ก็ยังลุกมาทำกับข้าวให้สา”

“โอ้ย อันนั้นน่ะ แม่นอนไม่หลับ ลุกมาเอง แต่จะให้เดินไปวัดกับนั่งฟังพระสวดก่อนฉันนานๆ วันนี้นั่งไม่ไหว”

“ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวสายๆ สาค่อยกลับมานวดให้แม่นะ”

“อือ อย่าไปรบกวนแม่ชีนานนักล่ะ แม่รอกินข้าว”

รสาโดนดักคอ ยิ้มเผล่ เป็นเรื่องบังเอิญเหลือแสน ที่แม่ชีน้อยได้รับนิมนต์มาพักที่วัดป่าใกล้บ้าน รสาซึ่งเดิมก็หมั่นชวนแม่ทำบุญตักบาตร ยิ่งกระตือรือร้นจะไปถวายอาหารที่วัดทุกวันพระ ตั้งใจว่าวันนี้จะไปถามถึงฟ้าใสกับไตรรัตน์ และคงได้การบ้านเป็นแนวทางปฏิบัติภาวนา ถึงแม่ห้ามไว้ อย่างไรก็คงต้องขัด

“ถ้าแม่หิวก่อนก็ทานก่อนสิคะ สากลับมาแม่ก็ทานอีกรอบ จะได้อ้วนๆ”

ว่าแล้วก็ยิ้มอ้อน มารดารับคำอย่างเสียไม่ได้ รสาหิ้วตะกร้าเดินออกจากบ้าน ระยะทางไม่ไกลนักแต่นภาก็ออกไปส่งและมองตามอย่างเป็นห่วง

x x x x

รสาเดินไปได้ครึ่งทางระหว่างบ้านกับวัด จู่ๆก็มีลมพัดกรรโชกแรงอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย ใบไม้แห้งตามกิ่งของต้นไม้ที่จวนเจียนร่วงจากต้น พอโดนลมพัดก็พากันสะบัดออกจากกิ่งและโรยตัวลงมาพร้อมกัน รสายกมือขึ้นบังเพื่อไม่ให้ฝุ่นเข้าตาและมองหาที่หลบ ลมยิ่งกรรโชกแรงขึ้น ดอกไม้ที่จัดไว้ในตะกร้าปลิวหล่น รสาต้องวางตะกร้าใส่อาหารไว้ใต้ต้นไม้และตามไปเก็บ แต่พอรวบรวมได้ครบ จะนำมาเก็บใส่ตะกร้า ก็ปรากฏมีคนช่วยหยิบขึ้นมาถือและรอยื่นให้

ลมหมุนเจ้ากรรมจู่ๆก็หยุดลงไปเฉยๆ ใบไม้ที่ปลิวสะบัดพากันพับตัวลงกับพื้นเบื้องล่างและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“สวัสดีครับ”

“คุณวินทร์?”

รสากระพริบตาถี่ หันมองไปรอบตัว...ไม่มีใคร แต่ก็แน่ใจว่านี่ไม่ใช่ฝัน ชายหนุ่มตรงข้ามยืนถือตะกร้าใส่อาหารยื่นมาให้ ยังมีที่ว่างสำหรับใส่ดอกไม้ รสากลับยืนเฉย

“งั้น ผมถือตะกร้าอาหารไปส่งให้ก็ได้ คุณถือดอกไม้ไป จริงๆก็เข้ากันดี”

รสาได้แต่ร้องเฮอะในใจ เรื่องทำเป็นเนียนและแกล้งเอาอกเอาใจ คงเป็นเรื่องถนัดที่สุดของเขา

“คุณมาที่นี่...ได้ยังไง”

พยายามควบคุมน้ำเสียงปกติ ทั้งชายหนุ่มและแม้แต่ตัวหญิงสาวเอง ต่างไม่แน่ใจว่าความรู้สึกที่เจือมากับน้ำเสียงนั้นเป็นอารมณ์ไหน โกรธ ดีใจ เสียใจ น้อยใจ หรือตัดพ้อต่อว่า

“ผมให้น้าเชิดช่วยตามดูคุณอยู่ครับ กว่าตัวเองจะสะสางเรื่องรอบตัวจนเป็นอิสระได้ คุณก็มาไกลแล้ว”

วินทร์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังขึ้น

“แต่ก็มีเวลาเซ็นเช็คให้ฉัน”
น้ำเสียงนั้นเครือสั่น อารมณ์สุดท้ายจริงๆดังคาด

“ครับ ผมตั้งใจ”

รสาแทบสะอึก สำลักออกมาเป็นน้ำตาที่ร่วงลงมาอย่างไม่ทันห้าม วินทร์เองก็รู้สึกผิดที่ใช้คำพูดตรงไปตรงมาแต่ทำร้ายจิตใจคู่สนทนาอย่างเลี่ยงไม่ได้ รสายกมือปัดแก้มและป้ายตาเหมือนแค่เขี่ยผงที่เข้าตาออก สะกดใจแล้วถามใหม่

“ถ้าอย่างนั้น คุณมีธุระอะไรคะ หรือว่าจะมาทวงเงินคืน ฉันคงไม่มีให้”
“ผมรู้ครับ...ว่าคุณเอาเงินทั้งหมดไปมอบให้กับคุณแม่ของหมอไตร ผมก็อยากจะบอกว่า คุณทำถูกแล้ว”

ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดให้กระทบกระเทือนใจ แต่การแก้ต่างเป็นเรื่องที่วินทร์ต้องขอใช้สิทธิ์

“รสา... ที่ผมบอกว่าผมตั้งใจ ผมไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่ผมทำเพื่อคุณ”

“ยังไงคะ”
รสาหรี่ตาถาม

“ผมอยากให้คุณหายดื้อ หายรั้น และก็เลิกคิดเสียทีว่าตัวเองช่วยทุกคนได้ทั้งโลก โดยที่ขนาดตัวเองยังช่วยตัวเองไม่ได้”

“นี่...คุณ”
“ผมพูดจริงๆนะ”

วินทร์พูดกลั้วยิ้ม เปลี่ยนบรรยากาศตึงเครียดให้กลับมาละมุนละไมได้ทันตาเห็น

“เอาเหตุผลข้างผมบ้างก็ได้ ผมไม่อยากขอแต่งงานกับพนักงานของตัวเอง”

“นี่...คุณ”
คราวนี้รสาร้องเสียงหลง

“ผมถามแม่คุณแล้ว ท่านบอกแล้วแต่คุณ”
วินทร์พูดไปยิ้มไป ขณะที่รสางงเป็นไก่ตาแตก

“ผมมาหาคุณตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ แม่คุณบอกว่า คุณหลับไปแล้ว ไม่อยากให้กวน วันนี้ก็เลยมาดักรอตรงนี้ แม่คุณก็ไม่ว่าอะไร”

รสาร้อง “เฮอะ” รีบหันหน้าไปทางอื่น กลัวอีกฝ่ายจะเห็นว่าตนเองซ่อนยิ้มเอาไว้ วินทร์ยังเอียงหน้าตามมาถาม

“ว่าไงครับ”
รสารีบปั้นหน้าตึง ทำเฉย

“ฉันจะรีบเอาอาหารไปถวายพระ อย่ามายืนขวาง”
“แนะ จะถวายได้ยังไง ก็ตะกร้ายังอยู่ที่ผม”

“นี่...คุณ”

“คุณวินทร์คะ เรียกสิครับ แล้วผมจะคืนตะกร้าให้”
ชายหนุ่มยังตามตอแยไม่เลิก

“คุณวินทร์คะ มันบาปค่ะ ขวางคนจะไปทำบุญ”

“โธ่...”

รสาหลุดหัวเราะคิกออกมาทีหนึ่ง บรรยากาศรอบตัวพลันสว่างขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พระอาทิตย์โผล่พ้นจากขอบภูเขาที่พาดตัวเรียงยาวสุดสายตาทางฝั่งตะวันออก สายลมพัดเอื่อยแค่พอให้ใบไม้ไหวอย่างรื่นรมย์


หญิงสาวยังไม่ตอบรับคำขอ แต่คงไม่นานเกินรอเท่าไรนัก.




จบบริบูรณ์.




 

Create Date : 04 มกราคม 2555
6 comments
Last Update : 4 มกราคม 2555 0:07:39 น.
Counter : 1592 Pageviews.

 

 

โดย: winzar2 4 มกราคม 2555 17:33:38 น.  

 

อยากอ่านต่ออีกว่าฟ้าใสเป็นยังไงต่อ รสาจะทำบุญไปให้น้องถึงหรือเปล่า

 

โดย: VEE IP: 66.172.227.200 5 มกราคม 2555 21:46:02 น.  

 

เดี๋ยวเขียนตอนพิเศษให้นะคะ ถ้าคุณ VEE จะยังรออ่าน

 

โดย: รุริกะ 6 มกราคม 2555 20:49:37 น.  

 

อ๊า มาช้าไปหน่อย
ขออภัยค่ะคุณอ้อ ดีนะมาทันตอนจบ อิอิ นึกว่าคุณอ้ออัพเรื่องใหม่ไปซะแร๊ว

ขออภัยถ้าเอาภาพประกอบไม่เป๊ะซะทีเดียว
มีแต่ภาพไม่สวย เอาไปแปะแล้วเกรงว่าจะทำให้หดหู่ไปใหญ่
เลยเอาเท่าที่เห็นอ่าค่ะ อิอิ
ขอแชร์ไปที่กลุ่มเลยนะคะ งิงิ

 

โดย: ณ ปลายฉัตร 8 มกราคม 2555 17:43:04 น.  

 

ส่วนเค้าก็กลัวคุณฉัตรจะไม่สบายหรือยุ่งหนักๆอีกรอบ
เลยยังไม่กล้าถามและยังไม่กล้าอัพอะไรใหม่นะคะ

ตอนนี้มาแล้ว เดี๋ยวจะหาเรื่องใหม่มาลงล่ะ

 

โดย: รุริกะ 8 มกราคม 2555 21:02:59 น.  

 

ขอบคุณ

 

โดย: cat__a IP: 115.87.116.98 23 สิงหาคม 2555 17:28:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
4 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.