IV. อนัลยานี



บนดาดฟ้า...



รสาตามไปดูอนัลยานีห้องไอซียู เพื่อนพยาบาลวิชาชีพเดียวกันให้การต้อนรับและบอกข้อมูลอย่างละเอียด บอกว่าผู้ป่วยถูกนำตัวมาล้างท้องอีกรอบเนื่องจากอาการทรุดหนักเหมือนรับสารพิษเข้าไปอีก คราวนี้เหมือนจะไม่ใช่แค่ยาพาราที่แพทย์ระบุเอาไว้ในกระดานผู้ป่วย

“ไม่น่าเชื่อเลย”
รสารำพึงเบาๆ
“ไม่น่าเชื่ออะไรเหรอสา”
“ก็คนไข้รายนี้ เราดูแลอยู่ ก่อนหน้าที่จะลงมาดูอุบัติเหตุหมู่ ยังดีๆอยู่เลยนะ”

“ก็ไม่แน่หรอก เห็นผู้ช่วยติดต่อไปหาญาติแล้วกลับมาบอกว่า เป็นคนไข้ที่มีปัญหาเยอะน่าดู เข้าๆออกๆมาหลายโรงพยาบาลแล้ว”

“เรื่องกินยาฆ่าตัวตายเหรอ”

“เปล่า คนไข้เป็นโลว์อิมมูน(ภูมิต้านทานในร่างกายต่ำ) จากการเปลี่ยนอวัยวะนะ ต้องระวังการให้ยาทุกชนิด แม้แต่ยาพาราแค่สี่ห้าเม็ดยังกลายเป็นโอเวอร์โดสเลย”

“ถ้าอย่างนั้น คนไข้ก็ไม่ได้ฆ่าตัวตายมาน่ะสิ เป็นโอเว่อร์โดสจริงๆ ตอนนี้ยังใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อใช่มั้ย”

“อื้อ คนไข้ยังไม่รู้สึกตัวเลย”


รสาเอ่ยขอบคุณเพื่อนขอยืมกระดานและเดินเข้าไปดูอาการของผู้ป่วยจากนอกห้องกระจก ระหว่างที่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างหนัก ประติดประต่อแล้วถึงกับคิดว่าตัวเองฟั่นเฟือนไปเสียแล้ว

“พี่ไม่ได้บ้าหรอก ก็พี่เห็นหนูจริงๆ”

รสาหันขวับไปตามเสียง เห็นภาพตรงหน้าแล้วมือไม้อ่อน กระดานผู้ป่วยร่วงจากมือตกลงบนพื้นห้อง เพื่อนพยาบาลชะโงกหน้าออกมาถามด้วยความเป็นห่วง

“เป็นอะไรหรือเปล่ารสา”
รสากลอกตาดูเพื่อนสลับกับมองเด็กสาวที่มาปรากฏตัวอยู่ข้างๆ

“ใช่ พี่เห็นหนูคนเดียว คนอื่นไม่เห็น”


เพื่อนสาววางมือจากการบันทึกประวัติผู้ป่วยแล้วเดินมาช่วยเก็บข้าวของ
“เหนื่อยมากแล้วนะแก ดูสิ เหงื่อชุ่มเลย ไปพักบ้างเถอะไป เลิกเวรแล้วไม่ใช่เหรอ”
“อะ อือ”
รสายกมือขึ้นปาดเหงื่อและลูบหน้าลูบตาตัวเอง มือหนึ่งแตะกระจกห้องผู้ป่วยแล้วถามเพื่อน

“แกเห็นอย่างที่ฉันเห็นใช่มั้ย มีคนไข้นอนอยู่บนเตียง”
“อื้อ คนไข้นอนอยู่บนเตียง มีทั้งหมดสามเตียง แล้วก็มีชั้น ผู้ช่วยพยาบาล แล้วก็แก ที่ยืนอยู่ในห้องนี้”
เพื่อนสาวตอบเสียงเนิบนาบแต่เมื่อจ้องไปในดวงตาเพื่อนที่มีแววไหวระทึก

“นี่สา แกอย่ามาอำว่ามีผีมายืนอยู่ข้างแกหรือข้างชั้นนะ ไม่เล่นด้วยเด็ดขาด วันนี้ชั้นขึ้นเวรถึงเช้าซะด้วย”

รสาแค่นหัวเราะแก้เก้อ
“อือ ล้อเล่นหรอกน่า”
...พูดไปใครจะเชื่อ...

“ใช่ เค้าทั้งไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียง แต่พี่รับได้หมดทุกอย่างเลย”
เด็กน้อยที่อยู่ข้างๆยังพูดเจื้อยแจ้ว

“ออกไปข้างนอกกันเถอะนะพี่ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลย”

เด็กสาวกระตุกชายกระโปรงของรสาเบาๆ พยาบาลสาวแปลกใจที่ตัวเองยังมีเรี่ยวแรงเดินออกไปอย่างง่ายดาย ไม่เป็นลมล้มพับไปอย่างคนปรกติควรจะเป็นกันเวลาเห็นผี


“ก็หนูไม่ใช่ผีนี่”

อนัลยานียิ้มและหลิ่วตาให้

*•.,¸,.•*•.,¸,.•*•.,¸,.•*•.,¸,.•*


รสาเดินกลับออกมาตามทางเดิน มีเด็กสาวเดินตาม รสาเหลือบดูเท้าของเด็กน้อยก็เห็นว่าเท้าสองข้างนั้นไม่ได้ติดพื้น และเมื่อผ่านกระจกบานไหนๆ ก็ไม่มีเงาสะท้อน แม้จะสับสนกับปรากฏการณ์หลายอย่าง รสาก็เริ่มต้นคำถามด้วยหัวข้อที่คลางแคลงใจที่สุด


“ถ้าไม่ใช่ผี แล้วหนูเป็นอะไร”

“เรียกหนูว่าแอนี่ก็ได้ค่ะ เรารู้จักกันแล้ว”
“ฮื่อ แอนี่ หนูเป็นใคร ฮึ”

รสาไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เธอสามารถพูดคุยกับสสารตรงหน้า ที่ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นตัวอะไร แต่กลับไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด ราวกับเป็นคนสนิทที่รู้จักกันมาหลายปีดีดัก

“หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ตอนนี้ร่างกายหนูอยู่บนเตียงนั่น แต่วิญญาณหนูออกมาอยู่ข้างนอก ติดต่อกับใครก็ไม่ได้ หยิบจับอะไรก็ไม่ได้เลย หนูเดินซมซานไปทั่วโรงพยาบาลจนขึ้นไปบนดาดฟ้า แล้วพี่ก็วิ่งขึ้นมา ตอนที่เห็นหน้าพี่ หัวใจหนูเต้นโครมคราม พี่เป็นคนแรก คนเดียว ที่เห็นหนู และตอนนี้ก็ยังสามารถพูดคุยกับหนูได้”

เด็กสาวหยุดนิ่งจากสภาพที่กำลังเดิน... ‘หรือกำลังลอยกันนะ’... รสาจำกัดความได้ไม่ชัดเจนนัก

“พี่ไม่กลัวหนูใช่มั้ยคะ”
“อะ อื้ม ก็หนูไม่ได้ทำอะไรพี่นี่”

“แต่พี่ก็มองไม่เห็นวิญญาณของคนอื่นๆอีกใช่มั้ยคะ”
“เอ๋...”

“ก็วิญญาณของพี่พี่ชายหัวแบะคนนั้นบ้าง พี่ผู้หญิงท้องโตคนโน้นบ้าง”


แอนี่พูดพลางเอามือมาคล้องแขนรสา มืออีกข้างชี้ชวนให้ดูตามมุมต่างๆของโรงพยาบาล วูบนั้น รสารู้สึกได้ถึงมวลสารเย็บเฉียบมาแตะที่ท่อนแขน ทันใดนั้นม่านตาที่ฉายภาพตรงหน้าก็เหมือนกระตุกวูบ เลนส์ตาพร่าเลือนไปครู่หนึ่งแล้วจึงปรับการมองเห็นให้ชัดเจนขึ้น เป็นอาการเดียวกับเมื่อใครสักคนเขม้นมองภาพสามมิติ ต่างกันที่ขณะนี้ หญิงสาวกำลังมองภาพในมิติที่ลึกกว่านั้น


มุมหน้าห้องน้ำ หญิงสาวท้องแก่คนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้ หญิงสาวคนนั้นเป็นคนเดียวกับผู้ป่วยเมื่อหลายเดือนก่อนที่มาด้วยอาการตกเลือด แพทย์วินิจฉัยว่าทารกตายในครรภ์ไปแล้วตั้งแต่สามสัปดาห์ก่อนเข้าโรงพยาบาล สิ่งที่อยู่ภายในท้องเป็นเพียงก้อนเนื้อที่ไร้ชีวิต ร่างกายจึงพยายามขับเลือดและก้อนเนื้อออกมาให้หมดในคราวเดียว แต่สามสัปดาห์นานเกินไปกว่าจะมาถึงมือแพทย์ หญิงสาวเสียชีวิตในห้องไอซียูที่รสาเพิ่งจะเดินจากมา

มุมปากทางเข้าโรงพยาบาล เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งมีเลือดอาบศีรษะ แต่ดูเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับบาดแผล มุ่งหน้าจะเดินออกจากโรงพยาบาล แต่เมื่อเดินผ่านพ้นไปแล้วร่างนั้นก็กลับเข้ามาใหม่ วนอยู่อย่างเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า รสาจำได้ว่าชายวัยรุ่นคนนี้คือผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์ชนกับรถสิบล้อ ถูกนำตัวมากู้ชีพที่โรงพยาบาล เกือบจะช่วยชีวิตได้ เพราะสัญญาณชีพกระเตื้องขึ้นมาวูบหนึ่งแต่แล้วก็ขาดหายไป วิญญาณของคนตายคงงุนงงว่าตนเข้ามาในนี้ได้อย่างไรและจะหาทางกลับบ้านได้ทางไหน และดูเหมือนเป็นวิญญาณที่มีความรู้สึกค่อนข้างไว ใบหน้าส่วนที่เลือดอาบค่อยๆเอี้ยวคอมามองตรงจุดที่รสากับอนัลยานีมองอยู่

รสาสลัดมือของเด็กสาวด้วยปฏิกิริยาตกใจกลัว ภาพทั้งหมดจึงหายไปภายในเสี้ยววินาที อนัลยานีตบมือแปะอย่างพึงพอใจเหมือนเด็กน้อยเพิ่งได้ของเล่นใหม่

“ถ้าเราแตะตัวกัน พี่จะเห็นอย่างที่หนูเห็นด้วย!!”

“สนุกตายล่ะ”
รสาเริ่มกุมขมับ เหวแกมดุ

“ถ้าพี่ตกใจกลัวจนหัวใจวายไป จะทำยังไงฮึ”
เด็กสาวหน้าจ๋อย พูดเสียงอ่อย
“ขอโทษค่ะ แอนี่แค่รู้สึกดีใจ ที่ไม่ต้องอยู่ตัวคนเดียวแล้ว”

เด็กสาวหดแขนเข้าไปกอดตัวเอง รสาเห็นบ่าเล็กๆกับร่างที่บอบบางแล้วใจอ่อนวาบ
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ พี่จะเป็นเพื่อนกับหนูไปจนกว่าหนูจะเข้าร่างได้ก็แล้วกัน”

“ไชโย!”
อนัลยานีดีใจ โผเข้ากอดรสา พยาบาลสาวโอบมวลสารความหนาแน่นต่ำนั้นไว้แล้วหลับตาปี๋ ไม่อยากรับรู้อะไรอีก หยิกแขนตัวเองซ้ำ

ถ้านี่เป็นความฝัน เธอก็อยากตื่นให้เร็วที่สุด!


Create Date : 26 มิถุนายน 2554
Last Update : 26 มิถุนายน 2554 11:12:38 น. 1 comments
Counter : 751 Pageviews.

 
55สนุกมาก...ขอบคุณนะจ๊ะ


โดย: cat__a IP: 110.168.108.126 วันที่: 22 สิงหาคม 2555 เวลา:14:53:32 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
26 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.