IXX. JIGSAW

ทักทายคุณผู้อ่านด้วยธรรมะดีๆ อีกเช่นเคยนะคะ ^___^

ถ้าไม่เคยรู้รสของเมตตามาก่อน ว่าให้ความชุ่มชื่นแก่จิตใจเพียงไร
ก็พึงลองให้จริงจัง ก่อนอื่นก็ลองนึกเมตตาที่เคยได้รับจากผู้อื่น แม้สักครั้งเดียว
ในยามที่ปรารถนาความช่วยเหลือจากใครสักคนเป็นที่สุด
ยิ่งเป็นในยามคับขันมากเพียงใด จะยิ่งเห็นความชุ่มชื่นของเมตตา
ที่ได้รับจากผู้เข้ามาช่วยเหลือ เมตตาให้พ้นความคับขันเพียงนั้น

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

(via Dharma@Hand Lite ธรรมะใสใส ใกล้ตัวคุณ)


“จริงๆแล้ว ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากวันนั้น วันที่พี่รสาไปบริจาคหัวใจไว้โรงพยาบาลที่พี่ไปฝึกงาน พี่รสาต้องจำได้ ว่ามีใครรู้เห็นเรื่องนี้บ้าง”

“หมอไตร...”
รสาเพิ่งนึกได้ นึกเจ็บใจว่าทำไมจำหน้าไตรรัตน์ไม่ได้ตั้งแต่แรก

“อื้อ คุณหมอคนนี้แหละค่ะ ที่ตามมาเยี่ยมแอนี่ตอนที่แอนี่ไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์ มีทั้งอาจารย์ระดับอาวุโส หมอประจำบ้าน และแพทย์ฝึกหัดหลายคน มากดโน่นนี่ คุยกัน ยืนอภิปรายด้วยภาษาที่แอนี่ฟังไม่รู้เรื่อง ส่วนคุณหมอไตร แอนี่จำได้ เพราะเขายืนนิ่งๆ สนอกสนใจ แต่ด้วยอาการเย็นชาอย่างไรพิลึก”

“แต่แอนี่ก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าเขาทำอะไร”

“ไม่แน่ใจนะคะ ถ้ามีอะไรบางอย่าง ถ่ายทอดจากฟ้าใสมาหาแอนี่ได้ ก็คงเป็นความเกลียดชังหมอคนนี้นี่แหละ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน”

“แล้วกับพี่ล่ะ?”
รสาถามอย่างไม่มั่นใจ

“พี่สาจำวันที่เราพบกันครั้งแรกได้ไหมคะ”

“อื้ม แอนี่ถามพี่ว่า เกิดอะไรขึ้น พี่บอกว่าเกิดอุบัติเหตุที่มีคนมาโรงพยาบาลพร้อมกันทีละเยอะๆ”

“ใช่ค่ะ แล้วแอนี่พูดต่อว่าอะไร”

“แอนี่ขอไปกับพี่”
คนถามพยักหน้า

“นั่นเป็นครั้งแรก ที่ตัวตนของฟ้าใสโผล่ออกมา แต่อาการที่แสดงออกมีแค่หัวใจที่เต้นแรงเวลาเห็นหน้าพี่สา และอยากจะอยู่ใกล้กับพี่สาไปเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่า มันเป็นความรัก ชอบ ชัง หรือเกลียด แต่พอได้คลุกคลีกับพี่สา ด้วยความรู้สึกนึกคิดของแอนี่เอง แอนี่สบายใจ เวลาที่คุยกับพี่ เลยไม่อยากอยู่ห่างพี่ไปไหน”

“โธ่...ตอนนั้นพี่ก็นึกว่า แอนี่อยากจะหนีคุณน้า แล้วหาเรื่องลงไปกับพี่ ตามประสาแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยงที่ไม่ค่อยถูกกัน”

“อื้อ... จริงๆก็ไม่ถูกกันค่ะ แต่แอนี่ไม่ได้จำเป็นจะต้องหนี เขาเป็นแม่เลี้ยงคนที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของแอนี่ แต่คนนี้ คุณพ่อดูจะถูกใจเขามากที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ปากโป้งที่สุด”

“ยังไง? เขาพูดไม่ดีกับแอนี่หลังจากพี่ลงไปเหรอ”

“เปล่าค่ะ เขาไม่ได้พูดกับแอนี่ เพราะแอนี่ไม่ยอมพูดกับเขา เขาเลยออกไปตรงระเบียงแล้วคุยโทรศัพท์กับเพื่อน วันนั้น เขาคุยหลายเรื่อง เสียงมันผ่านผนังห้องเข้ามาเบาๆ เขาคงหันมองแอนี่ทางกระจกกั้นหน้าต่างเป็นพักๆ แต่แอนี่แกล้งนอนเฉยๆ เขาเลยคิดว่าแอนี่ไม่ได้ยินเขา”

“เขาคุยเรื่องอะไร?”

“พูดเรื่องอาการของแอนี่ที่แย่ลง หัวใจเต้นผิดจังหวะบ่อยๆ และกินอะไรนิดอะไรหน่อยก็แพ้ ไม่ได้มาจากปฏิกิริยาในร่างกายของแอนี่เอง แต่เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากหัวใจดวงที่เอามาใส่ให้ใหม่ มาจากผู้บริจาคผิดคน”

ผิดคน...

ใช่สิ ผู้บริจาคหัวใจจริงๆเป็นรสา ไม่ใช่ฟ้าใส ถึงจะเป็นฝาแฝดกันก็เถอะ แต่พอตรวจเลือดอย่างละเอียดแล้ว รสากับฟ้าใสมีกรุ๊ปเลือดเดียวกัน แต่คนละ Rh! ในวันที่ฟ้าใสประสบอุบัติเหตุ จึงเกิดการเข้าใจผิดว่าฟ้าใสเป็นรสา มีการผ่าตัดเอาหัวใจของฟ้าใส่ไปใส่ให้อนัลยานี!!


“ตอนนั้น แอนี่รู้แค่ว่า มีความผิดพลาดทางเทคนิคเกิดขึ้น แต่ทุกฝ่ายพยายามปกปิดเอาไว้ เพราะเหตุผลอะไรบางอย่าง แต่แล้ววิญญาณก็หลุดออกจากร่างไปคอยเดินตามพี่สาต้อยๆ นานวันเข้า ถึงรู้สึกว่า ในร่างกายของแอนี่ มีจิตวิญญาณของคนถึง 2 คน และอีกคนนั้น ก็คือฟ้าใส ฝาแฝดของพี่สาที่ตายไป”

“แอนี่รู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไร... ทำไมไม่บอกพี่”

“แอนี่บอกพี่สาไม่ได้ บางครั้งบางคราว ฟ้าใสเขาก็มีอิทธิพลมากกว่าแอนี่ บางที พอนึกอยากจะบอกแอนี่ก็เหมือนถูกผลักเข้าไปอยู่ในกรงขัง เหมือนที่พี่รสาเคยอยู่ แต่ขณะเดียวกัน ฟ้าใสเขาก็ยังแสดงออกกับพี่สาว่าตัวเองเป็นแอนี่ เพราะเข้าใจว่าตัวเองเป็นแอนี่จริงๆ”

“นั่นน่ะสิ วันนั้นพี่ก็แปลกใจ ว่าต่อให้แอนี่เป็นวิญญาณที่อ่านใจคนอื่นได้ แต่ก็ไม่น่าจะรู้เรื่องกรณีเร้ดแมนซินโดรม ที่พี่เจอบนวอร์ด นอกจากจะเป็นคนที่มีความรู้เรื่องเภสัชวิทยาลึกๆ”

“เขาก็พอใจจะเป็นแอนี่อยู่อย่างนั้นค่ะ จนกระทั่ง วันที่พี่สาถูกรถชน เป็นการกระตุ้นครั้งสุดท้าย ให้ฟ้าใสรับรู้ถึงการมีตัวตนของตัวเอง และเข้าไปอยู่ในร่างของพี่สา”

“อือ...”
ยังมีอีกเงื่อนไขที่ซับซ้อน...และยากที่จะเป็นไปได้...

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อันที่จริง ก่อนที่จะมีการผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ที่พี่ได้ยินมา มันมีขั้นตอนตั้งมากมายนะ ผู้บริจาคอาจจะประสบอุบัติเหตุมา แต่กว่าจะเอาอวัยวะไปได้ แพทย์จะต้องทำการวินิจฉัยว่าสมองตายไม่ต่ำกว่า 2 คน มีผอ.โรงพยาบาลเซ็นรับ ญาติจะต้องทราบและยินยอม แล้วทีมที่ผ่าตัดก็ต้องคนละทีมอีกต่างหาก”

“แอนี่ก็เพิ่งรู้เรื่องพวกนั้น หลังจากเป็นอิสระ และแอบหายตัวไปสืบทางนั้นทีทางนี้ที ช่วงที่พี่สาอยู่ที่วัด”

“อ้อ...”
แอนี่ไม่ได้หายไปไหน แต่แค่ไม่ปรากฏตัวให้เธอเห็นเท่านั้น

“ทำไมแอนี่ไม่มาหาพี่บ้างเลยล่ะ”
“พอไม่มีพลังงานของฟ้าใสอยู่ด้วย แอนี่ก็ติดต่อกับพี่สาไม่ได้อีก เราจะเชื่อมโยงกันได้อีกที ก็เฉพาะช่วงเวลาที่พี่สาอยู่กับความเป็นความตาย แอนี่ก็ได้แต่รอเวลา ระหว่างนั้น แอนี่ก็ตามไปสืบเสาะหาที่มาเท่าที่จะทำได้”

“อือ...”
รสานิ่งฟังอย่างตั้งใจ

“แอนี่รู้อะไรบ้าง เล่าให้พี่ฟังด้วยได้ไหม”
“พี่สาลองนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนดีๆสิคะ”


รสาย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาที่เกิดเหตุ กว่าตนจะรับรู้ข่าวการตายของฟ้าใส ก็ผ่านไปไม่ต่ำกว่า 2 วัน ช่วงเวลานั้น รสาใช้เพียงบัตรนักศึกษาในการแสดงตนภายในมหาวิทยาลัยและเงินค่าอาหารกลางวันที่เหลือติดตัวเพียงเล็กน้อย ไหนจะต้องเข้าสอบและขึ้นวอร์ดต่อ ชีวิตตัดขาดจากโลกภายนอก ก่อนจะออกมาพบข่าวรายที่ว่าน้องสาวฝาแฝดตาย และแม่กลายเป็นคนเลอะๆเลือนๆ

“ตอนที่พี่โทรกลับบ้านหลังจากลงวอร์ด แม่ละล่ำละลัก ร้องไห้ เรียกพี่ว่าฟ้าใส ทำไมไม่ยอมรับสายแม่”

“เพราะตอนแรก คนจากโรงพยาบาลติดต่อไปทางแม่ของพี่สา ว่าคนที่ตายคือรสาไงคะ”

จิ๊กซอว์เติมเต็มขึ้น รสาเพิ่งจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ หลังจากแอนี่ค่อยๆให้ชิ้นส่วนทีละน้อย

“ทุกอย่างทำตามระบบ ตามขั้นตอน แม่พี่สาได้รับการแจ้งว่าพี่สาทำการบริจาคหัวใจไว้ เข้ากันได้พอดีกับแอนี่ ลูกสาวของรัฐมนตรีที่จะสร้างชื่อเสียงและนำเงินเข้าโรงพยาบาลอย่างมหาศาล แพทย์สองคนที่วินิจฉัยว่าสมองตาย หนึ่งในนั้นคือคุณหมอไตร ที่ก็ต้องการเงินไปรักษาแม่ของตัวเอง”

“ส่วนแม่ของพี่... ก็กำลังเสียใจเรื่องพ่อ ช็อกเรื่องการตายของลูกสาว แล้วพอพี่ที่เป็นรสาตัวจริงกลับไปหาแม่ ก็กลายเป็นว่า ทำให้สติและสัมปชัญญะของแม่ขาดกระจุยกระจาย กลายเป็นคนสมองเลอะเลือนไป”
แอนี่พยักหน้า

“อย่างที่บอกค่ะ แต่ละคนที่ทำงานตามขั้นตอน อยู่กันคนละภาค คนละส่วน ในเมื่อผลแล็ปก็ยืนยัน ว่ากรุ๊ปเลือดของผู้บริจาคและผู้รอรับบริจาคคือแอนี่ตรงกัน ทีมผ่าตัดก็ผ่าตัดกันไป แม้ภายหลังทีมนิติเวชจะลงชื่อผู้ตายผิดคน คนที่แก้ไขให้ก็เป็นฝ่ายเวชระเบียน และตอนแจ้ง ก็แจ้งกลับไปยังญาติอีกทางคือพ่อของพี่สา ให้ไปรับศพของฟ้าใสไปฌาปนกิจ และทำเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น”

“พี่และพ่อก็เลยได้รับรู้แค่ว่าฟ้าใสเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต ขณะที่แม่ กลายเป็นคนที่สับสนอยู่คนเดียว ว่าลูกคนไหนอยู่ คนไหนไปกันแน่”

แอนี่ถอนหายใจหนัก สบตารสาที่กำลังมีหยดน้ำรื้นขึ้นมาบนขอบตา พอกระพริบตาครั้งหนึ่งน้ำตาก็ร่วงเปาะลงกับเข่าที่ชันขึ้นมากอดไว้

“พี่สา...แอนี่ก็เสียใจ…พอรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุเคราะห์กรรมของครอบครัวพี่ แอนี่ก็เลยอยากจะไถ่โทษ”


“ไม่หรอกแอนี่”


รสารีบดึงเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา พยายามบอกด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง

“อย่าโทษตัวเองสิ ใครจะอยากเป็นคนป่วยล่ะ จริงไหม”

คราวนี้แอนี่เป็นฝ่ายน้ำตาคลอบ้าง

“ช่างมันเถอะ พี่ยกโทษให้”

เวลานั้น วิญญาณของเด็กสาวเข้าไปซบกับอกของรสา ถึงจะไม่ใช่ร่างกายแบบมนุษย์ รสาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานที่เธอพอจะโอบกอดได้

“ถ้าพี่สาเข้าร่างตัวเองไม่ได้ จะอยู่ในร่างของแอนี่ตลอดไปก็ได้นะคะ”

“ไม่ได้หรอกแอนี่ แม่ชีบอกพี่ว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของตัวเอง และเมื่อกี้หนูก็เพิ่งบอกว่า ร่างกายของหนูมีปฏิกิริยาต่อต้านหัวใจดวงนี้ แปลว่าหนูเองก็จะอยู่ได้อีกไม่นานใช่ไหม”

แอนี่พยักหน้า ผละจากอ้อมกอดและบอกรสาเสียงเศร้า

“ค่ะ... ที่จริงพี่สากับแอนี่ เรามีทั้งกรุ๊ปเลือด และ Rh ที่ตรงกัน แต่กับของฟ้าใส เป็นคนละ Rh กับแอนี่ ปฏิกิริยาต่อต้านระหว่าง Rh จะเกิดขึ้นน้อยมาก แต่มันก็มีโอกาสเกิดขึ้นเมื่อมีการผ่าตัดหรือรับเลือดครั้งใหม่ แอนี่ต้องรับเลือดใหม่อีกจนได้ ตอนเป็นไข้เลือดออกเมื่อปีที่แล้ว”

“อาการของหนูก็เลยทรุดหนักลง”

“ค่ะ... พ่อก็เลยสั่งการให้ใครบางคนไปหาหัวใจดวงใหม่มาให้แอนี่อีก”

“พ่อของแอนี่...?”

“ใช่ค่ะ พ่อเป็นคนบงการทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องติดต่อ จัดหา จัดซื้อ จ้างวาน แอนี่คงไม่มีโอกาสรู้เรื่องพวกนี้ ถ้าไม่ได้เป็นวิญญาณไปแอบดูพฤติกรรมของพ่อ ล่าสุด พ่อรู้แล้ว ว่าหัวใจที่ควรนำมาเปลี่ยนให้แอนี่จริงๆ ยังมีชีวิตอยู่”

คำว่ามีชีวิตอยู่ของแอนี่ เวลานี้ หมายถึงฟ้าใส ในร่างรสา

หญิงสาวเข้าใจได้ในทันที แต่เช่นกัน นั่นเป็นความจริงที่น่าตื่นตระหนก

“ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า... ตอนนี้ฟ้าใสก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ!”

รสาแทบจะเหวี่ยงตัวออกจากที่นอน แต่แล้วก็เซวูบ แค่จะยืนยังทำไม่ไหว

“อย่าฝืนเลย พี่สาจะไปช่วยน้องสาวได้ยังไง ในเมื่อสภาพร่างกายแอนี่เป็นอย่างนี้”
รสาค่อยๆยันตัวลุกจากเตียงและกดกริ่งเรียกพยาบาล

“พ่อหนูไง แอนี่”
รสาส่งสายตาบอกเด็กสาว

“ช่วยพี่อีกสักครั้งนะ เรามาช่วยฟ้าใสกัน”
แอนี่ขมวดคิ้วมุ่น แต่เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของพี่สาว ก็ใจอ่อน ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี

“...สวัสดีค่ะ ต้องการความช่วยเหลือจากพยาบาลหรือเปล่าคะ…”

เสียงอินเตอร์คอมบนหัวเตียงดังตอบรับ

รสากดปุ่มเพื่อติดต่อกลับ

“คุณพยาบาลช่วยติดต่อให้พ่อมารับแอนี่ให้เร็วที่สุดด้วยค่ะ”

“เอ่อ... ทางเราจะลองดูนะคะ”

“ไม่ได้ค่ะ พ่อต้องมา เดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น แอนี่จะฆ่าตัวตาย”

คราวนี้เป็นเสียงของแอนี่ตัวจริงเสียงจริง รสากับเด็กสาวใช้ร่างนี้พร้อมกันได้โดยไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน มิหนำซ้ำ ยังคิดเห็นตรงกันโดยมิได้นัดหมาย
คือพร้อมจะทิ้งร่างนี้ไปเพื่อรักษาชีวิตคนที่เหลืออยู่...


•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*



“หมอไตรรัตน์?”


ฟ้าใสเน้นเสียง ไม่ใช่คำทักทาย แต่เป็นอาการหวาดระแวง...

‘นี่น่ะเหรอ หมอไตรรัตน์? คนที่แม่ชมนักหนาว่าดีแสนดี นี่มันไอ้บ้าที่เอาหัวใจเราไปชัดๆ’

แต่ยังก่อน... ฟ้าใสบอกกับตัวเองให้ตั้งสติรับมือ ด้วยสายตาที่มองมา เขาอาจยังคิดว่าเธอเป็นรสา ไตรรัตน์รีบรุดเดินมาจนถึงระยะประชิด

“เราต้องไปด้วยกันตอนนี้เลยครับ”

ฟ้าใสมองหาทางหนีทีไล่ รถกระบะสีขาวพาดด้วยสีกรมท่ามีตราตำรวจขับผ่านมาหนึ่งคัน รถคันนั้นชะลอไปจอดอยู่ริมรั้ว เอาล่ะ อย่างน้อย เขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอตรงประตูหน้าบ้านและยังมีตำรวจอยู่ใกล้ๆ


“เอ่อ ดิฉันว่า คุณหมอมาผิดเวลาแล้วล่ะค่ะ ที่ดิฉันโทรไปนัด มันพรุ่งนี้เช้านะคะ”

พูดพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าว เอื้อมมือไปดึงประตูรั้วมาปิด ไม่เชิญแขกเข้าบ้าน
โดยไม่ทันคาดคิด ไตรรัตน์กลับคว้าข้อมือนั้นไว้ พลางกระซิบเสียงหนัก


“ฟ้าใส ถ้าคุณไม่อยากตายซ้ำสอง คุณต้องมากับผม”
ประตูรั้วถูกผลักออก ไตรรัตน์ยื้อยุดฉุดมือฟ้าใสให้ไปที่รถของตน


“ไม่ ปล่อยชั้นนะ ไอ้สารเล....”
หญิงสาวไม่ทันได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ไตรรัตน์ตรงเข้ามาเอามืออุดปากไว้ ฟ้าใสกรอกตาและโบกมือขอความช่วยเหลือ ไตรรัตน์มองไม่เห็นด้านหลัง ชายฉกรรจ์ 3 คนลงมาจากรถตำรวจ คนหนึ่งพุ่งเข้ามาดึงตัวผู้บุกรุกและปล่อยหมัดซัดเข้าไปที่ชายคาง ไตรรัตน์หงายหลังและล้มไป ผู้มาใหม่ไม่ได้ใส่ชุดสีกากี แต่ฟ้าใสเข้าใจว่าคงเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ


“คุณตำรวจคะ จับมันไปเลยค่ะ นี่มันผู้ร้ายฆ่า...”
ฟ้าใสพูดไม่ทันจบประโยค ก็ถูกกำปั้นหนักอัดเข้าไปที่ใต้กระบังลม


“อั่ก....”


ความจุกแน่นแล่นปราดไปทั่วหน้าท้องพร้อมๆกับเข่าที่ทรุดลงอย่างหมดแรง ร่างบางทรุดฮวบแต่ก็มีแขนของชายแปลกหน้ามารองรับ

จากนั้นฟ้าใสจึงมองเห็นหลังคาบ้านพลิกหงาย ในสายตาปรากฏภาพรางเลือน เธอเห็นแม่วิ่งเข้ามาช่วย แต่ออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็ถูกผู้บุกรุกใช้อาวุธฟาดเข้าที่ศีรษะ ร่างของมารดาร่วงลงไปกองกับพื้นพร้อมๆ กับการรับรู้ว่าร่างของตนกำลังลอยสูงขึ้นและถูกโยนเข้าไปในรถ

หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ...


•.,¸,.•*¯`•.,¸,.•*



“คุณพ่อมาช้าจังค่ะ”


อังกูร ลียานุวัตร เดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยด้วยรอยยิ้ม อนัลยานีรู้ดีว่าพ่อเดินเข้ามาด้วยท่าทางสบายๆ แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มาคนเดียว มีบอดี้การ์ดอีกหลายคนรออยู่ด้านนอก ด้วยชายสูงวัยผู้นี้เป็นนักการเมืองอาวุโสที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีและผลัดเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่ในหลายๆกระทรวง ไม่เว้นแม้แต่กระทรวงสาธารณสุขซึ่งตนไม่มีความชำนาญการใดๆในทางการแพทย์เลย แต่ด้วยอิทธิพลจากกิจการเบื้องหลัง คือนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมโรงงานผลิตยาและวัสดุทางการแพทย์นับร้อยเครือข่าย บวกกับบารมีที่สั่งสมมานาน ก็ทำให้ได้รับโควตาและถูกจัดสรรให้เข้าไปรับตำแหน่งแบบขึ้นหิ้ง

เป็นเรื่องธรรมดาของนักการเมืองที่ยิ่งอยู่นาน ยิ่งเต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บ อังกูรเก็บซ่อนของมีคมเหล่านั้นได้มิดชิดเสมอเมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาว

‘อนัลยานี’ เป็นชื่อที่แม่แท้ๆของเด็กสาวตรงหน้าตั้งให้ แปลว่า หญิงที่ไม่มีความอาลัย ภรรยาของเขาตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น การมีลูกในวัยสูงอายุทำให้พบปัญหาหลายอย่าง ผู้เป็นภรรยารู้ตัวว่าตนจะอยู่ดูแลลูกได้ไม่นาน อีกทั้งทราบดีตั้งแต่ก่อนหน้าว่าเด็กน้อยที่อยู่ในครรภ์ไม่สมบูรณ์นัก อาจจะต้องทำการขูดมดลูกเอาเด็กออกไปเพื่อรักษาแม่ อังกูรถูกภรรยาปฏิเสธโดยสิ้นเชิง เธอต้องการให้อนัลยานีลืมตาออกมาดูโลกและฝากฝังลูกสาวให้อังกูรเป็นแก้วตาดวงใจที่เขาต้องดูแลอย่างดีที่สุด

เมื่อกลางดึกพยาบาลโทรศัพท์มาแจ้งเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ ให้เขาเข้ามาพบลูกสาวด้วยตนเอง เช้าวันนี้แก้วตาดวงใจของเขาอยู่ในชุดสีขาวเรียบร้อย ผมหยักศกที่ฟูฟ่องถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าขาวซีดของลูกสาวถูกแต้มด้วยรอยยิ้มละไม ไม่คล้ายเด็กมีปัญหาแม้แต่น้อย อนัลยานียื่นสองแขนออกมาข้างหน้า พอพ่อเข้าใกล้ก็ดึงแขนไปกอด มือสีขาวสองมือนั้นรวมกันยังใหญ่ไม่เท่าฝ่ามือข้างเดียวของพ่อ

‘เปราะบางอย่างนี้ไงเล่า เราถึงต้องทำทุกทาง เพื่อให้ลูกได้หัวใจดวงใหม่’
อังกูรครุ่นคิดถึงความคืบหน้าที่สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาดำเนินการ

“คุณพ่อคะ”
อนัลยานีเรียกซ้ำ ผู้เป็นพ่อค่อยหลุดออกมาจากความคิด

“ว่าไงลูกพ่อ คุณหมอไม่ได้บอกหรือว่าลูกต้องเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัด รึใครมาแกล้งขู่ให้ลูกกลัว พ่อจะได้ไปจัดการให้”

“เปล่าค่ะ”

อนัลยานีส่ายหน้า จับมือพ่อแล้วมองตา ครั้งนี้อังกูรได้เห็นแววตาที่สงบนิ่ง อ่อนโยน และไร้รอยอาลัยใดๆอีก

“แอนี่อยากจะไปวัดค่ะ คุณพ่อพาแอนี่ไปหน่อยได้มั้ยคะ”

ผู้เป็นพ่อตาค้าง อุทานอย่างแปลกใจในลำคอ ก่อนจะหัวเราะเจื่อนๆ


“วันนี้เป็นอะไร พิกลจริงลูกพ่อ อยากทำบุญก็ฝากลูกน้องพ่อใส่บาตรให้ก็ได้”


“แอนี่อยากไปเองนี่คะ อยากพาคุณพ่อไปด้วย... นะคะ…พาแอนี่ไปตอนนี้เลยนะคะ”


ไม่รู้ว่าด้วยนิสัยตามใจลูกหรือแรงดึงดูดบางอย่างในสายตาคู่นั้นผลักดันให้ชายสูงวัยไม่กล้าปฏิเสธ


“อืม ก็ได้”


อนัลยานีและรสายิ้มพร้อมกัน เมื่ออังกูรรับคำในที่สุด



Create Date : 04 ตุลาคม 2554
Last Update : 4 ตุลาคม 2554 21:18:24 น. 9 comments
Counter : 922 Pageviews.

 
แวะมาอ่านรสธรรมด้วยความดื่มด่ำจริงๆ นะคะ
รสของเมตตาํธรรม ยิ่งเราได้รับตอนที่ได้รับความทุกข์ยากมากๆ ยิ่งซาบซึ้ง
และยิ่งเราให้ในตอนที่เรารู้สึกอยากช่วยเหลือ ยิ่งชุ่มชื่น...

นิยายน่ารักๆ อย่างนี้ขอเอาไปแชร์เหมือนเคยนะคะ ^ ^


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 4 ตุลาคม 2554 เวลา:21:26:53 น.  

 
G+1 ด้วยค่ะ อิอิ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 4 ตุลาคม 2554 เวลา:21:30:08 น.  

 
ขอบคุณคุณฉัตรค่ะ ^_____^


โดย: รุริกะ วันที่: 4 ตุลาคม 2554 เวลา:21:45:23 น.  

 
ฟ้าใสจะรอดหรือเปล่าหรือว่าถอดวิญญานออกจากร่างหนีภัย เเล้วหนูสาจะได้กลับเข้าร่างหรือเปล่า โอ๊ยยยตื่นเต้ลลลจริงๆ หมอตรัยจะโดนเก็บหรือเปล่า เเต่ถ้าโดนก็ดีนะเพราะเป็นหมอที่ไม่มีจรรยาบรรเล๊ย ก่อนจะเป็นหมอเขาก็ให้สาบานตัวเเล้วนี่นะ ว่าจะไม่ทำร้ายคนไข้าทั้งทางตรงหรือทางออ้ม เเต่นี่อะไรพ่อเล่นทิ้งให้คนตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ไม่ช่วยเหลืออะไรเลย


โดย: VEE IP: 66.172.227.200 วันที่: 5 ตุลาคม 2554 เวลา:8:53:15 น.  

 
สวัสดีครับ ขอบคุณมากนะครับ


โดย: kruchang tossapol วันที่: 7 ตุลาคม 2554 เวลา:8:32:48 น.  

 
สวัสดวันเสาร์ กับวันหยุดพักผ่อนนะครับ


โดย: kruchang tossapol วันที่: 15 ตุลาคม 2554 เวลา:7:54:37 น.  

 
มารอออ่านค่ะ


โดย: knan IP: 49.49.70.213 วันที่: 16 ตุลาคม 2554 เวลา:21:48:46 น.  

 
มีคนแวะมาเยี่ยมด้วย ^__^

สวัสดีค่ะครูช้าง :)

คุณ knan รออีกสักวันสองวันนะคะ
ก่อนหน้านี้คนเขียนบอกในกระทู้ว่ารอน้ำลดก่อน
แต่จริงด้วย คนที่หนีน้ำมารออ่านได้ก็ยังมี

เดี๋ยวจะปั่นมาลงที่ blog นี้ไปพลางๆค่ะ ('',)


โดย: รุริกะ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:6:54:33 น.  

 
อ้ะ วันอังคารพอดี ลงให้แล้วค่ะ ^___^


โดย: รุริกะ วันที่: 18 ตุลาคม 2554 เวลา:7:32:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

รุริกะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




users online
pageviews
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add รุริกะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.