การถอยหลังเข้าคลองของศาสนาในอินเดีย
หลังสมัยพุทธกาล, ศาสนาในอินเดียก็เสื่อมคลายและประสบภาวะ ถอยหลังเข้าคลอง อะไรคือสาเหตุของปรากฏการสังคมอย่างนี้เล่า เมื่อ ชนเผ่าอารยันเอาประชาธิปไตยของชาติกุลมาใช้ในรัฐเดิม, ที่เคยปกครองด้วยระบบราชาธิปไตยนั้น ประชาธิปไตยที่ฟื้นฟูขึ้นใหม่ก็ช่วยให้ปัญญาก้าวหน้าและศาสนาก็ก้าวหน้าขึ้น นี่เป็นไประหว่าง 1,000 ปี ก่อน ค.ศ.กับสมัยพุทธกาล
แต่ต่อมาระบบราชาธิปไตยก็เกิด ขึ้นอีกในหมู่ชนเผ่าอารยันเอง ในสมัยพุทธกาลระบบประชาธิปไตยของกษัตริย์ลิจฉวีได้ถูกทำลายลง โดยระบบราชาธิปไตยของพระเจ้าอชาตศัตรู พระเจ้าอเล็กซานเด้อร์แห่ง มาซิโดเนียก็เอาระบบราชาธิปไตยครอบงำกรีซเสียทั้งหมด ภายใต้ระบบราชาธิปไตย, ประชาชนที่ไม่มีเสรีภาพก็หยุดใช้ปัญญาของเขา ความมืดมนที่เกิดขึ้นใหม่นี้ทำให้ศาสนาก้าวหน้า, ที่เกิดจากพลังประชาธิปไตย, เสื่อมความนิยมในหมู่ประชาชนลง พวกราษฎรได้กลับไปพึ่งศาสนากราบไหว้อ้อนวอนเทพเจ้ากันขึ้นอีก ศาสนาก้าวหน้า ก็เหลือแต่คัมภีร์และปลาสนาการจากอินเดียไปสู่ดินแดนอื่นซึ่งมีภาวะสังคมที่เหมาะกับมัน
เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ก็เกิดการหลงลืมคำสอนของพระองค์ขึ้น สงฆ์ผู้ใหญ่จึงเรียกประชุมภิกขุทั้งหมดและกระทำสังคายนาธรรมกัน พระอานนท์เป็นผู้สาธยายพระสุตตันตปิฎก, อันว่าด้วยจริยา นุวัตรและการเที่ยวสอนธรรมของพระพุทธองค์ พระอุบาลีเป็นผู้สาธยายพระวินัย และมหากัสสปเป็นผู้สาธยายพระอภิธรรม ภิกษุต่างก็จดจำเอาไว้และนำไปสอนสืบต่อกันมา จึงเกิดคัมภีร์ทางพุทธศาสนาขึ้นเรียกว่าพระไตรปิฎก นี่แปลว่าตะกร้าใส่พระธรรมวินัยสามใบสำหรับส่งต่อกันไป อินเดียในขณะนั้นยังไม่มีหนังสือใช้ ต่อมาในปี 230 ก่อน ค.ศ. ซึ่งพุทธศาสนาแพร่ไปถึงลังกาจึงมีการบันทึกพระไตรปิฎกไว้เป็นตัวหนังสือ
ระหว่างปี 323 ก่อน ค.ศ.ถึง ค.ศ. 117 ลัทธิสกลเทพนิยมที่ถือพรหมเป็นสากลโลกก็เสื่อมคลายลงเป็นลัทธิบูชาพระกฤษณะ, ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่ เป็นบุคคลอีก ลัทธินี้ถูกสอนไว้ในภควัทคีตาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์มหาภารตะ ในอดีตพระรามะกับพระกฤษณะเป็นเพียงวีระบุรุษของชนเผ่าอารยันในอินเดียเท่านั้น แต่ระหว่างวาระนี้เขาได้กลายเป็นเทพเจ้าสำหรับเคารพบูชาไป พวกพราหมณ์กลุ่มหนึ่งได้นับถือพระวิษณุซึ่งเป็นเทพเจ้าตรงกับพระรามะ และได้อธิบายว่าพระวิษณุอวตารลงมาเป็นวีระบุรุษในนิยายนารายณ์สิบปาง ซึ่งปางหนึ่ง คือ ปางที่ 9 เป็นพระพุทธเจ้า
ด้วยประการฉะนี้พุทธศาสนาก็ถูกศาสนาฮินดูครอบงำไว้ ระหว่างนี้ได้เกิดพวกที่นับถือพระศิวะกับศิวะลึงค์ด้วย ในอินเดียจึงเกิดฮินดู ขึ้นสองพวก คือพวกที่นับถือพระศิวะเรียกว่าพวกไศวะ กับพวกที่นับถือ พระวิษณุเรียกว่าพวกไวษณวะ ระหว่างค.ศ. 318-647 ลัทธิไศวะกับ ไวษณวะได้แยกทางกันยิ่งขึ้น และเกิดความคิดเรื่องตรีมูรติหรือเทพเจ้า 3 องค์ มี พรหม ศิวะและวิษณุขึ้นมา แต่พรหมไม่ใคร่มีคนนับถือเสียแล้ว ระหว่างนี้ได้เกิดคัมภีร์ปุราณะขึ้น ลัทธิตันตระซึ่งเป็นประเพณีศาสนาโบราณได้ฟื้นคืนมาระหว่าง ค.ศ. 657-1197
ในลัทธินี้มีการฆ่าสัตว์บูชายัญ และนำโลหิตของสัตว์ที่ฆ่าไปบูชาเทพเจ้าในเทวาลัย มีการแห่แหนเทวรูปและแสดงนิยายปรัมปรา ในเทวาลัย ก็จัดให้มีหญิงแพศยาไว้ประจำเรียกว่าเทพทาสี และมีพิธีที่ทำกันในเทวาลัยคือการเสพเมถุนธรรมเป็นพลีกรรมขึ้น ลัทธิตันตระได้เข้าไปครอบงำพุทธศาสนา กระทั่งเกิดรูปเคารพเป็นชายหญิงคู่ในท่าสมสู่กันในพุทธศาสนา ได้เกิดลัทธิศักติขึ้นด้วยในวาระนี้ คือมีการบูชาชายาของพระศิวะกับพระวิษณุคือพระอุมากับพระลักษมี คัมภีร์พระเวทของพวกทมิฬก็เกิดขึ้น หญิงตกต่ำมากทางสังคม เพราะได้เกิดประเพณีสตีเผาหญิงหม้ายให้ตาย ตามสามีไปบนเชิงตะกอนเดียวกัน
ด้วยประการฉะนี้พุทธศาสนาจึงปลาสนาการไปจากอินเดีย และเกิดลัทธิตันตระ, ศักติกับไสยศาสตร์ขึ้นแทน ในประเทศจีนศาสนาเล่าจื๊อก็เสื่อมคลายลงเหมือนกัน ไม่มีการนับถือเต๋ากันอีก แต่มีการนับถือไตรสุทธิ์หรือเทวดา 3 องค์แทน มีเล่าจื๊อ, พ่วนโกสี, และเง็กเซียนฮ่องเต้ พวกเต้าหยินได้หันไปยึดถือไสยศาสตร์และเที่ยวแสวงน้ำอมตะกัน ลัทธิสกลเทพบูชาได้ถอยหลังเข้าคลองกลาย เป็นลัทธิเทวนิยม ซึ่งอยู่ในระดับวิวัฒนาการที่ต่ำกว่า คำสอนอันแยบคายในเต๋าเต๊อะชิงก็ถูกหลงลืมหรือเฉยเมย, ไม่นำไปปฏิบัติกัน
ด้วยประการฉะนี้พวกเต้าหยิน ที่เคยอยู่ร่วมกับภิกขุในพุทธศาสนาก็เกิดขัดกันขึ้นกับสงฆ์ในพุทธศาสนา ปรากฏการณ์ทางสังคมนี้เกิดขึ้นในแผ่นดินฮั่น
Create Date : 19 กรกฎาคม 2551 |
|
0 comments |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2551 23:38:12 น. |
Counter : 1123 Pageviews. |
|
|
|