ขอคารวะคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มแกนนำมวลชนอภิวัฒน์
ขอคารวะคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มแกนนำมวลชนอภิวัฒน์ ขอคารวะเป็นอย่างยิ่งต่อพลตรีจำลอง ศรีเมือง คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ส.ส.สมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์ คุณสุริยะใส กตะศิลา ผู้กล้ากลุ่มแรก ที่มีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหัวหอก เป็นผู้นำในการลุกขึ้นท้าทายอำนาจรัฐฐะตำรวจ อำนาจรัฐสภาทักษิณาธิปไตย ระบบเผด็จการทุนทักษิณาสามานย์ ทุนจักรวรรดิ์เสรีนิยมสามานย์
ผู้จุดไฟแห่งปัญญา จนดวงตาประชาเห็นธรรม ผู้ปลุกจิตสำนึกในบุญคุณขององค์พระมหากษัตริย์ ในหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดินของปวงชน ผู้ขจัดความขลาดกลัวและลัทธิยอมจำนนต่ออำนาจรัฐเผด็จการทุกรูปแบบที่ฝังลึกในก้นบึ้งของจิตใจให้สูญสิ้นไปอย่างมหัศจรรย์
ผู้ทำให้เกิดสามัคคีธรรมขึ้นในหมู่มวลชนผู้รักความเป็นธรรม จนเกิดเป็นกองทัพมวลมหาชนอภิวัฒน์ขึ้นได้อย่างไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของประเทศและของโลก ที่สร้างขึ้นโดยธรรมนำหน้า โดยบุญ (กองทัพธรรม) ตามหลัง ด้วยอหิงสาธรรมแบบมหาจำลอง
เพื่อล้มระบอบการปกครองอภิชนาธิปไตย (Aristocracy or Plutocracy) อำนาจรัฐสภาทักษิณาธิปไตย รัฐฐะตำรวจ และระบบเศรษฐกิจทุนจักรวรรดิ์เสรีนิยมสามานย์
เพื่อสร้างระบอบปกครองใหม่, ระบอบเสมอภาพธิปไตย (Equallicracy) โดยมวลมหาประชาชน โดยประชาชนพลตำรวจ โดยประชาชนพลทหาร อันเป็นลูกหลานของประชาชนพลเรือนผู้ยากไร้และถูกกดขี่ขูดรีดนานาประการ
เพื่ออิสรภาพ เสรีภาพ ในชีวิต และเพื่อความเสมอภาพในการเป็นเจ้าของทรัพยากรของประเทศ ในการมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ เพื่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยบุพกาลอันเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่สูญเสียไปจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติเป็นเวลาถึงแปดพันกว่าปี ได้หวนกลับคืนมาใหม่ในระบอบเสมอภาพธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข
เพื่อปวงมหาชนจะได้มีความสุขอย่างแท้จริง จากการเป็นคนดีได้อย่างแท้จริง ด้วยระบบที่ทำให้เป็นผู้มีความมักน้อย เป็นผู้มีความซื่อสัตย์ เป็นผู้รักชาติสยามอันรวมไว้ซึ่งมวลมหาชนที่ต่างเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ แต่เขาได้ชื่อว่าเป็นคนสยาม เป็นประชาชาติสยามสายพันธุ์ต่างๆ ที่ต่างมีความภูมิใจในเชื้อสายแห่งตนและการได้เป็นคนสยาม ที่อยู่รวมกันในแผ่นดินสยาม อันเป็นอู่แอ่งแห่งเบ้าหลอมวัฒนธรรมคนเมืองมาห้าหกพันปีแล้ว เป็นชาติแรกที่ทำนาปลูกข้าว เป็นชาติแรกที่กินชา (เมี่ยง) เป็นชาติแรกที่ประดิษฐ์จรวด (บ้องไฟ) เป็นชาติแรกที่สร้างจักราศี ฯลฯ
ด้วยคารวะอย่างสูง แด่คุณสนธิฯ แกนนำทุกท่าน วิทยากรมหาวิทยาลัยราชดำเนิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ภูวดลฯ พิธีกร ผู้ดำเนินรายการ นักข่าว และเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวที่น่ารักทุกท่านของ ASTV 1
จาก ลุงกฤช ลุงกฤช' Blog - Pantip วันนี้ลุงกฤชมีความสุขมาก เพราะเป็นวันที่ประชามหาชนชาวพธม. เคลื่อนไหว กดดันจนนายกรัฐมนตรีหญิงติดคุกได้ ซึ่งทำให้เห็นว่าในไม่ช้าสามีของนายกรัฐมนตรีหญิงก็คงต้องติดคุกตาม (นอกจากเสียว่าพากันหนีไปก่อน) ทำให้ลุงกฤชไม่เสียชาติเกิด เพราะลุงกฤชคาดไม่ถึงว่าปรากฏการณ์จะเกิดภายในอายุของลุงกฤชได้
นี่เกิดจากคุณูปการ 2 ประการ ประการที่ 1 คือ รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 และ ประการที่ 2 รัฐบุรุษสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นผู้จุดประกายให้พลังอภิวัฒน์ลุกโชนขึ้น เริ่มจากปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9. ในเรื่องรัฐธรรมนูญนั้นคงต้องให้การคารวะแด่สมาชิกร่างรัฐธรรมนูญทุกคน
ปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้ลุงกฤชเป็นคนจนที่มีโชคดีมหาศาล อีกประการหนึ่งคือการที่ลุงกฤชได้พบงานเขียนของท่านอาจารย์สมัคร บุราวาศ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 (คำบรรยายวิชาปรัชญาพิมพ์ที่ ร.พ.มหามกุฎ) และงานที่เล่มที่ท่านเขียนในปีต่อๆมา
วิชาปรัชญาเป็นวิชาค้นหาความจริง และความจริงที่ท่านค้นพบนั้นเป็นหลักชี้นำให้แก่การดำเนินชีวิตและงานของลุงกฤช ปรัชญาของท่านทำให้ลุงกฤชใช้ชีวิตด้วยความคิดวิทยาศาสตร์ ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ชีวิตไม่รวย แต่ก็ไม่จน ไม่มีหนี้ มีชาติ (แผ่นดิน) เป็นของตนเอง มีครอบครัวที่มีความรัก การมีสิ่งเหล่านี้ก็ด้วยผลจากปรัชญาของท่านจริงๆ
ในครั้งแรกที่ยังศึกษาไม่รู้แจ้งแทงตลอดอย่างเป็นระบบ ก็ทำให้ชีวิตมีความผิดพลาดขึ้นได้ ลุงกฤชกลับมาศึกษาใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อพบกับอาจารย์วินิจฉัย ฯ ผู้เขียนหนังสือเรื่องทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ ที่ลุงกฤชเอาเรื่องของท่านมาลงให้อ่านกันนั้น (ลุงกฤชอายุเท่ากับอาจารย์วินิจฉัย ฯ)
ลุงกฤชจึงขอให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่สนใจศึกษางานของท่านอย่างจริงจัง เพราะปรัชญาของท่านพิสูจน์ให้เห็นแล้ว แม้ลุงกฤชเรียนไม่จบมหาลัย ก็ยังนำปรัชญาของท่านมาดำเนินชีวิตอย่างสอดคล้องกับพัฒนาการและการอภิวัฒน์ของสังคม ลุงกฤชยังได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษไปสอนนักศึกษาปริญญาตรีและโทเป็นครั้งเป็นคราว
แต่วันพรุ่งนี้ผมจะไปรับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยราชดำเนิน สะพานมัฆวานครับ
Create Date : 11 กรกฎาคม 2551 |
|
9 comments |
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 13:09:12 น. |
Counter : 1046 Pageviews. |
|
|
|
แต่เพราะอายุ 79 ก็เลยป่วยมากระทั่งบัดนี้ ยังไม่ฟื้นเลย
แต่ก็ยังต้องไปสอน ม.มหิดลทุกวันศุกร์