โลกมีทางให้เดินเป็นพันพันทาง เราต่างใช้ปรัชญาแห่งชนชั้นของตน นำทางในการเดิน เราต่างเดินตาม ปรัชญาแห่งชนชั้นตน
 
กรกฏาคม 2551
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
11 กรกฏาคม 2551
 
 

ขอคารวะคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มแกนนำมวลชนอภิวัฒน์

ขอคารวะคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และกลุ่มแกนนำมวลชนอภิวัฒน์

ขอคารวะเป็นอย่างยิ่งต่อพลตรีจำลอง ศรีเมือง คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข ส.ส.สมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์ คุณสุริยะใส กตะศิลา ผู้กล้ากลุ่มแรก ที่มีคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นหัวหอก เป็นผู้นำในการลุกขึ้นท้าทายอำนาจรัฐฐะตำรวจ อำนาจรัฐสภาทักษิณาธิปไตย ระบบเผด็จการทุนทักษิณาสามานย์ ทุนจักรวรรดิ์เสรีนิยมสามานย์

ผู้จุดไฟแห่งปัญญา จนดวงตาประชาเห็นธรรม ผู้ปลุกจิตสำนึกในบุญคุณขององค์พระมหากษัตริย์ ในหน้าที่ใช้หนี้แผ่นดินของปวงชน ผู้ขจัดความขลาดกลัวและลัทธิยอมจำนนต่ออำนาจรัฐเผด็จการทุกรูปแบบที่ฝังลึกในก้นบึ้งของจิตใจให้สูญสิ้นไปอย่างมหัศจรรย์

ผู้ทำให้เกิดสามัคคีธรรมขึ้นในหมู่มวลชนผู้รักความเป็นธรรม จนเกิดเป็นกองทัพมวลมหาชนอภิวัฒน์ขึ้นได้อย่างไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ของประเทศและของโลก ที่สร้างขึ้นโดยธรรมนำหน้า โดยบุญ (กองทัพธรรม) ตามหลัง ด้วยอหิงสาธรรมแบบมหาจำลอง

เพื่อล้มระบอบการปกครองอภิชนาธิปไตย (Aristocracy or Plutocracy) อำนาจรัฐสภาทักษิณาธิปไตย – รัฐฐะตำรวจ และระบบเศรษฐกิจทุนจักรวรรดิ์เสรีนิยมสามานย์

เพื่อสร้างระบอบปกครองใหม่, ระบอบเสมอภาพธิปไตย (Equallicracy)
โดยมวลมหาประชาชน โดยประชาชนพลตำรวจ โดยประชาชนพลทหาร อันเป็นลูกหลานของประชาชนพลเรือนผู้ยากไร้และถูกกดขี่ขูดรีดนานาประการ

เพื่ออิสรภาพ เสรีภาพ ในชีวิต และเพื่อความเสมอภาพในการเป็นเจ้าของทรัพยากรของประเทศ ในการมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ เพื่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยบุพกาลอันเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่สูญเสียไปจากประวัติศาสตร์ของมนุษย์ชาติเป็นเวลาถึงแปดพันกว่าปี ได้หวนกลับคืนมาใหม่ในระบอบเสมอภาพธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข

เพื่อปวงมหาชนจะได้มีความสุขอย่างแท้จริง จากการเป็นคนดีได้อย่างแท้จริง ด้วยระบบที่ทำให้เป็นผู้มีความมักน้อย เป็นผู้มีความซื่อสัตย์ เป็นผู้รักชาติสยามอันรวมไว้ซึ่งมวลมหาชนที่ต่างเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ แต่เขาได้ชื่อว่าเป็นคนสยาม เป็นประชาชาติสยามสายพันธุ์ต่างๆ ที่ต่างมีความภูมิใจในเชื้อสายแห่งตนและการได้เป็นคนสยาม ที่อยู่รวมกันในแผ่นดินสยาม อันเป็นอู่แอ่งแห่งเบ้าหลอมวัฒนธรรมคนเมืองมาห้าหกพันปีแล้ว เป็นชาติแรกที่ทำนาปลูกข้าว เป็นชาติแรกที่กินชา (เมี่ยง) เป็นชาติแรกที่ประดิษฐ์จรวด (บ้องไฟ) เป็นชาติแรกที่สร้างจักราศี ฯลฯ

ด้วยคารวะอย่างสูง แด่คุณสนธิฯ แกนนำทุกท่าน วิทยากรมหาวิทยาลัยราชดำเนิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจารย์ภูวดลฯ พิธีกร ผู้ดำเนินรายการ นักข่าว และเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวที่น่ารักทุกท่านของ ASTV 1

จาก ลุงกฤช
ลุงกฤช' Blog - Pantip

วันนี้ลุงกฤชมีความสุขมาก เพราะเป็นวันที่ประชามหาชนชาวพธม. เคลื่อนไหว กดดันจนนายกรัฐมนตรีหญิงติดคุกได้ ซึ่งทำให้เห็นว่าในไม่ช้าสามีของนายกรัฐมนตรีหญิงก็คงต้องติดคุกตาม (นอกจากเสียว่าพากันหนีไปก่อน) ทำให้ลุงกฤชไม่เสียชาติเกิด เพราะลุงกฤชคาดไม่ถึงว่าปรากฏการณ์จะเกิดภายในอายุของลุงกฤชได้

นี่เกิดจากคุณูปการ 2 ประการ ประการที่ 1 คือ รัฐธรรมนูญฉบับ 2550 และ ประการที่ 2 รัฐบุรุษสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นผู้จุดประกายให้พลังอภิวัฒน์ลุกโชนขึ้น เริ่มจากปิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางช่อง 9. ในเรื่องรัฐธรรมนูญนั้นคงต้องให้การคารวะแด่สมาชิกร่างรัฐธรรมนูญทุกคน

ปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น ทำให้ลุงกฤชเป็นคนจนที่มีโชคดีมหาศาล อีกประการหนึ่งคือการที่ลุงกฤชได้พบงานเขียนของท่านอาจารย์สมัคร บุราวาศ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2490 (คำบรรยายวิชาปรัชญาพิมพ์ที่ ร.พ.มหามกุฎ) และงานที่เล่มที่ท่านเขียนในปีต่อๆมา

วิชาปรัชญาเป็นวิชาค้นหาความจริง และความจริงที่ท่านค้นพบนั้นเป็นหลักชี้นำให้แก่การดำเนินชีวิตและงานของลุงกฤช ปรัชญาของท่านทำให้ลุงกฤชใช้ชีวิตด้วยความคิดวิทยาศาสตร์ ดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย ชีวิตไม่รวย แต่ก็ไม่จน ไม่มีหนี้ มีชาติ (แผ่นดิน) เป็นของตนเอง มีครอบครัวที่มีความรัก การมีสิ่งเหล่านี้ก็ด้วยผลจากปรัชญาของท่านจริงๆ

ในครั้งแรกที่ยังศึกษาไม่รู้แจ้งแทงตลอดอย่างเป็นระบบ ก็ทำให้ชีวิตมีความผิดพลาดขึ้นได้ ลุงกฤชกลับมาศึกษาใหม่อีกครั้งหนึ่งเมื่อพบกับอาจารย์วินิจฉัย ฯ ผู้เขียนหนังสือเรื่องทางเลือกใหม่ของชีวิตฯ ที่ลุงกฤชเอาเรื่องของท่านมาลงให้อ่านกันนั้น (ลุงกฤชอายุเท่ากับอาจารย์วินิจฉัย ฯ)

ลุงกฤชจึงขอให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่สนใจศึกษางานของท่านอย่างจริงจัง เพราะปรัชญาของท่านพิสูจน์ให้เห็นแล้ว แม้ลุงกฤชเรียนไม่จบมหาลัย ก็ยังนำปรัชญาของท่านมาดำเนินชีวิตอย่างสอดคล้องกับพัฒนาการและการอภิวัฒน์ของสังคม ลุงกฤชยังได้รับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษไปสอนนักศึกษาปริญญาตรีและโทเป็นครั้งเป็นคราว

แต่วันพรุ่งนี้ผมจะไปรับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยราชดำเนิน สะพานมัฆวานครับ




 

Create Date : 11 กรกฎาคม 2551
9 comments
Last Update : 2 สิงหาคม 2553 13:09:12 น.
Counter : 1046 Pageviews.

 

ผมไปนอนและไปเป็นนักศึกษาอยู่ 2 คืน เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ตัวเองว่า เกิดมาไม่เสียชาติเกิดที่มีส่วนในการเขียนประวัติศาสตร์การอภิวัฒน์ของมหาชน ผมเชื่ออย่างนั้นว่าการปฏิวัติครั้งนี้ เป็นการอภิวัฒน์ของประชาชน โดยประชาฃน และเพื่อประชาชน

แต่เพราะอายุ 79 ก็เลยป่วยมากระทั่งบัดนี้ ยังไม่ฟื้นเลย
แต่ก็ยังต้องไปสอน ม.มหิดลทุกวันศุกร์

 

โดย: ลุงกฤช (ลุงกฤช ) 11 กรกฎาคม 2551 5:15:10 น.  

 

ท่าน ว.วชิรเมธี ชี้ทางสว่าง ระบุในทางพุทธ ความเป็นกลาง
ทางการเมืองคือ การยืนอยู่ข้างธรรมะและความถูกต้อง มิใช่การอยู่เฉยๆ อย่างที่คน
ส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะการอยู่เฉยๆ นั้นจะนำประเทศไทยไปสู่หายนะ สงสัยระบบการศึกษา
ยิ่งสอนยิ่งทำให้คน “เชื่อง” ส่วนพระสงฆ์ควรเป็นต้นแบบของการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง
โดยต้อง ‘ถ่ายทอดธรรม’ ให้กับนักการเมือง แต่ไม่เล่นการเมือง

นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 กรกฎาคม 2551 หน้าที่ 54 ในคอลัมน์ธรรมาภิวัฒน์
ว.วชิรเมธี หรือ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ได้เขียนบทความเรื่อง “ความเป็นกลาง = ความเป็นก้าง”
อธิบาย เหตุผลในการวิจารณ์ทางการเมืองของท่านที่ส่งผลเสียต่อรัฐบาล
ทั้งนี้ ท่าน ว.วชิรเมธี อธิบายว่า ท่านไม่เห็นด้วยกับทัศนะของคนไทยส่วนใหญ่ที่ระบุว่า
พระต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองด้วยการไม่พูดถึงการเมือง ไม่เล่นการเมือง และควร
จะปล่อยวางเรื่องทางโลก มุ่งดับกิเลสอย่างเดียว โดยให้เหตุผลว่า “ในทางพุทธศาสนา
ความเป็นกลาง ก็คือ ความเป็นธรรม ธรรมะคือความถูกต้อง ... ดังนั้น ภาวะที่เป็นกลาง
การวางตัวเป็นกลาง ก็คือ การวางตนอยู่กับธรรมและธรรมอยู่กับใคร เราก็ควรจะสังกัดอยู่
ในฝ่ายนั้น การเป็นกลางจึงไม่ได้หมายถึงการไม่เลือกฝ่าย”

นอกจากนี้ ว.วชิรเมธี ยังกล่าวด้วยว่า “ความเป็นกลาง” ที่คนส่วนใหญ่ รวมถึง
นักวิชาการ สื่อมวชนอ้างถึงนั้นเกิดจากความไม่รู้ “การอยู่เฉยๆไม่เรียกว่า การวางตนเป็นกลาง
แต่ควรเรียกว่า วางตนเป็น ‘ก้าง’ คือ คอยขวางไม่ให้สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในสังคม ... น่าเป็นห่วงมาก
ที่ในสังคมไทยของเราคิดกันตื้นๆ ว่า การวางตนเป็นกลาง คือ การอยู่เฉยๆ และก็คนกลุ่มใหญ่
พยายามขยายแนวคิดนี้ออกไปจนทำท่าจะเห็นดีเห็นงามกันทั้งประเทศ”

“ระบบการศึกษาของคนไทยนี้มันผิดปกติตรงไหนหรือเปล่าที่เมื่อศึกษากันไปๆ ทำไมคนไทย
ถึงได้ ‘เชื่อง’ มากขึ้นทุกที มหาวิทยาลัย , สื่อมวลชน, วัฒนธรรม ที่ทำให้คนมีความแกล้วกล้า
อาจหาญในการที่จะเผชิญกับความอยุติธรรม, ความเลวร้าย, ความฟอนเฟะ, ความสามานย์
ของชนชั้นนำ หรือ ของคนทั่วไป ซึ่งเต็มไปด้วยเล่ห์เพทุบายกลายเป็นจิ้งจอกของสังคม
หายไปไหนกันหมด”

“บ้านเมืองที่มากไปด้วยคนที่วางตัวเป็นกลางด้วยการอยู่เฉยๆ นั้น ไม่ต่างอะไรกับการเปิดทาง
ให้ประเทศเดินเข้าสู่ความหายนะอย่างถาวรด้วยความยินดี ความสงบสุขที่ปราศจากปัญญานั้น
เป็นความสงบสุขของป่าช้ามากกว่าของอารยชน ความนิ่งที่เกิดจากพื้นฐาน คือ ความกลัวนั้น
ไม่ต่างอะไรกับความนิ่งของสิงโตหินตามวัด”

ขณะเดียวกันบทความชิ้นดังกล่าวยังอ้างอิงถึงสมัยพุทธกาลด้วยว่า

พระพุทธเจ้าทรงเป็นนักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชน โดยหักล้างคำสอนเรื่องพระพรหม
เรื่องระบบวรรณะ นอกจากนี้พระพุทธเจ้ายังทรงแสดงธรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมืองเอาไว้มากมาย
ทรงห้ามทัพ ทรงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับสงครามระหว่างรัฐต่างๆ รวมถึงเสนอระบบเศรษฐกิจ
แบบ “ทางสายกลาง” ที่เน้นการบริโภคเพื่อความอยู่รอดมากกว่าการบริโภคเพื่อความมั่งคั่ง
อย่างไม่รู้จบด้วย

ดังนั้นคำกล่าวที่ว่าพระสงฆ์ไม่ควรจะยุ่งเกี่ยวกับการเมืองโดยสิ้นเชิงนั้น ว.วชิรเมธี จึงเห็นว่า
เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เพราะในความเป็นจริงแล้ว ตามคำสอนของพุทธศาสนา พระสงฆ์ควร ‘
ถ่ายทอดธรรม’ ให้กับนักการเมืองได้ แต่เล่นการเมืองไม่ได้และควรเป็นต้นแบบในการ
วางตนเป็นกลาง ด้วยการเลือกยืนอยู่ข้างธรรมะ ธรรมะอยู่ที่ไหน พระก็ควรอยู่ที่นั่น

 

โดย: arijinjan 17 กรกฎาคม 2551 13:27:12 น.  

 

ขอบคุณที่คุ arijijan เอาบทความของท่านว.วชิรเมธีมาลง ผมได้ฟังบทความของท่านพอดีจาก ASTV1 เป็นพระหนุ่มที่อุดมปัญญาองค์หนึ่งที่เดียว

 

โดย: ลุงกฤช IP: 118.174.182.239 18 กรกฎาคม 2551 1:04:30 น.  

 

ชอบอ่านปรัชญา ขอให้ลุง เอาแนวอื่น ๆ ลงด้วย

 

โดย: ธง IP: 58.9.189.140 2 มกราคม 2552 21:03:32 น.  

 

ขอใหปีใหม่นี้ ลุงมีอยู่กับหลาน ๆ ไปนาน ๆ อยากอ่านเรื่องราวต่าง ๆ อีก อยากให้ลุงได้ปริญญาเอกหลาย ๆ ใบ

 

โดย: ธง IP: 58.9.189.140 2 มกราคม 2552 21:06:48 น.  

 

ผมรักในหลวง ผมรักพันธมิตร

 

โดย: กานต์ IP: 58.8.110.32 15 มิถุนายน 2552 16:18:44 น.  

 

ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย บารมีพระเจ้าอยู่หัว บารมีองค์จตุคามรามเทพ บารมีหลวงพ่อทวด และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก ขอให้คุ้มครองแกนนำพันธมิตรและประชาชนที่มาร่วมชุมนุมและสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรทุกท่านครับ

 

โดย: กานต์ IP: 58.8.110.32 15 มิถุนายน 2552 16:44:10 น.  

 

ขอให้พันธมิตรเจริญลงๆ ด้วยเทอญฯ.

 

โดย: .. IP: 58.9.138.24 26 กันยายน 2553 9:52:37 น.  

 

ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่เคยเป็นแฟนเสื้อเหลืองประเภทฮาทคอร์ ติดตามคุณสนธิมาตั้งแต่เมืองไทยรายสัปดาห์ ปี ๔๘ - ๔๙ ดู เอเอสทีวีทั้งวันทั้งคืน นอน ๒-๓ ชั่วโมง
ต่อวัน แต่ตะหงิดใจสงสัยว่าทำไม? หลัง ๑๙ กันยา กลับไม่พยายามจัดตั้งมวลชน และกระจายอำนาจการตัดสินใจสู่มวลชน โดยให้มวลชนแตละพื้นที่อำเภอ จังหวัด รวมตัวประชุมประชาคมกัน และเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย ให้อำนาจตัดสินใจเป็นของคนหมู่มาก ตามหลักสังคมเจตจำนงเดิมของการก่อตั้งสังคม หนังสือพิมพ์ผู้จัดการก็ขายแพงเกินต้นทุนจริง เอเอสทีวีก็เอแต่ขอเงินบริจาค แทนที่จะขายหุ้นให้สมาชิก และให้ผู้ชื้อหุ้นมีสิทธิในการมีส่วนร่วมบริหารตามหลักสหกรณ์ ซึ่งจะได้เงินมากพอในการดำเนินงาน ผมเลยคิดหาเหตุผล ว่าทำไม ก็เลยได้เหตุผลอธิบายกับตัวเองว่า พวกแกนนำพันธมิตรทั้งหลายก็คือพวกอนุรักษ์นิยม ที่ไม่จริงใจกับประชนคนหมู่มาก หรือประเทศชาติแต่อย่างใด พวกเขาเพียงแต่คิดจะเป็นจ่าฝูงของฝูงกระบือเหลืองอย่างพวกผมเท่านั้นเอง พวกเขา คือพวกหนักแผ่นดิน ปีกด้านซ้ายของพญากาขาวก็เท่านั้นเอง

 

โดย: คนสร้างทาง IP: 118.173.244.158 6 กุมภาพันธ์ 2555 17:35:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 

ลุงกฤช
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




อดีต : พ่อค้า ผู้รับเหมาก่อสร้าง

ปัจจุบัน : อาจารย์พิเศษสอนปรัชญาเป็นประจำแก่สถาบันของรัฐแห่งหนึ่ง สอนพิเศษนักศึกษาปริญญาตรีและโทมหาลัยมหิดล

คืนกำไรให้ชีวิตหลังจากการทำงานหนักมาเกือบตลอดชีวิต ขับรถไปฮันนี่มูนต่างจังหวัดบ้าง ไปสอนต่างจังหวัดบ้าง มีความสุขกับศรีภรรยาที่อยู่กันมาเกือบ 50 ปี
เธอดูแลเราเหมือนลูก เพราะลูกๆต่างก็มีครอบครัวแยกย้ายไปทำมาหากินกันดีๆทุกคนแล้ว เราเลยอยู่กันสามพ่อแม่ลูก(คนสุดท้อง)ซึงไม่ยอมมีผัว เพื่อดูแลพ่อแม่ กับหมาอีก 8 ตัว บางวันก็ไปสอนบ้าง บางวันก็เข้ามาในบล๊อกบ้างเพื่อเอางานที่เรียนรู้มา มาคืนให้แก่สังคม ดังที่เห็นๆกันแล้ว งานส่วนใหญ่ที่คัดลอกมาให้อ่านกันเป็นงานเขียนของท่านอาจารย์สมัคร บุราวาศ และทรรศนะส่วนตัว
อยากให้คนสนใจเรื่องปรัชญา เพราะตัวเองนั้นมีความสุขอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะมีปรัชญาชี้นำการดำเนินชีวิต มีความรู้ในการปฏิบัติทำมาหากิน ภายหลังหยุดชีวิตการทำมาหากินแล้วก็ยังมีสมบัติทีมากกว่าเบี้ยบำนาญของราชการ

แม้ไม่รวย แต่ก็ไม่จน จึงอยากให้เป็นตัวอย่างแก่คนรุ่นใหม่ที่ไม่มีทุนเข้ามหาลัยได้ดูเป็นแบบอย่างบ้าง เพราะชีวิตผมเริ่มต้นจากสูญ ไม่มีมรดกจากพ่อแม่

บทความซึ่งจะนำลงตอนละประมาณหนึ่งอาทิตย์ ถ้าใครไม่สนใจอ่านจะลบทิ้ง

บทความตอนใดที่ไม่มีผู้สนใจอ่าน(ไม่ให้ความเห็น)
จะลบออกเร็วกว่านั้น
อยากบอกอยากถามก็ขอให้เขียน เรามาแลกเปลี่ยนวิถีทรรศน์ของกันและกัน เพื่อเดินทางร่วมกันฉันท์สหาย
[Add ลุงกฤช's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com