เรื่องที่ 30 ทำท้องทำแท้ง
จากทางเลือกใหม่ของชีวิตฯพิมพ์ครั้งที่ 4 โดย วินิจฉัย แสงสว่างวัฒนะ เมื่อเร็ว ๆ นี้ การทำแท้งของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตกเป็นข่าวใหญ่ทำให้นึกถึงคำสัมภาษณ์ของผมเมื่อปี พ.ศ. 2523 เกือบ 20 ปีมาแล้ว ผมก็คงยังยืนยันทรรศนะอย่างนั้นอยู่ มีนักข่าวคนหนึ่งเขาถามผมว่า เอสเอ็ม มีความเห็นอย่างไร ในปัญหาการ คุมกำเนิด และ การทำแท้ง ? ผมก็ตอบเขาไปว่า เมื่อพิจารณาจากทรรศนะของสูติเวชแล้ว มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้วระหว่างการคุมกำเนิด กับ การทำแท้ง การคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นอย่างชั่วคราวหรือถาวร ก็เป็นเพียง การตัดวงจรปัจจัยแห่งการก่อกำเนิดชีวิต เท่านั้น ไม่มีการทำลายชีวิต เป็นเพียงการชะลอการเกิดเพื่อให้การเกิดดำเนินไปอย่างมีแผนตามเงื่อนไขของเศรษฐกิจแห่งครอบครัวของเขา และรวมไปถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจของสังคมการคุมกำเนิดจึงเป็นการกระทำที่ถูกต้อง ทั้งทางด้านจริยธรรมและเศรษฐกิจ งานของสมาคมวางแผนครอบครัว จึงเป็นงานที่น่าสรรเสริญ ควรแก่การสนับสนุน เป็นงานที่สอดคล้องกับ วิถีชีวิตของเอสเอ็ม คือการใช้ วิทยาศาสตร์ ควบคุมให้ธรรมชาติ (ทุกด้าน) อำนวยผลประโยชน์สุขให้แก่มวลมนุษย์แต่การทำแท้ง เป็นการทำลายจุลชีวิต จึงเป็นความผิดมหันต์เพราะ มนุษย์ เป็นสิ่งมีค่าสูงสุดของโลก มนุษย์ มิได้เป็นชีวิตที่เพียงสร้างขึ้น หรือสะสมความจัดเจนเพียงชั่วชีวิตหนึ่ง ๆ แล้วปล่อยให้สูญไปกับการตายของตัว เช่นสัตว์โลกอื่นๆ หากมนุษย์แต่ละคน สามารถถ่ายทอด หรือ รับเอาประวัติศาสตร์แห่งความจัดเจนทั้งมวลในอดีต แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนาน นับถึงหนึ่งหมื่นห้าพันล้านปี มาพิมพ์ไว้เป็นความทรงจำในสมองของตนได้มนุษย์เป็นสัตว์โลกชนิดเดียวที่รู้จักใช้มือ ยืนได้ตัวตรง เดินได้ด้วยเท้าทั้งสอง รู้จักหัวเราะและร้องไห้ มนุษย์เท่านั้นที่รู้สึกในความมีอยู่ของตนเอง รู้ว่าเขาเป็นอะไร เขามีกำเนิดมาจากไหนและรู้ตัวว่าวันหนึ่งเขาจะต้องตายมนุษย์เป็นอินทรียสารชนิดเดียว ที่เพียรสร้างสมองของเขาให้ใหญ่โตขึ้น ด้วยตัวของเขาเอง จากมือทั้งสองที่ทำงาน (เริ่มด้วยพยายามปีนต้นไม้ จับโหนกิ่งไม้ เพื่อหนีศัตรู หรือไล่จับสัตว์กินเป็นอาหาร ทำเครื่องมือหิน ฯลฯ) ประกอบกับได้กินเนื้อสัตว์อันมีธาตุฟอสฟอรัสมากขึ้น สมองของเขาจึงใหญ่ขึ้นๆเพื่อให้เก็บความทรงจำ มีความรู้สึกนึกคิด รู้จักเปรียบเทียบ และสามารถสร้างกฎเกณฑ์หรือถอดนัยนามธรรม ออกมาจากสรรพสิ่งสรรพปรากฏการณ์ ที่รอบล้อมตัวของเขาอยู่ได้ เพื่อดัดแปลงตนเอง และสิ่งแวดล้อมให้อำนวยประโยชน์แก่ตนและสังคมได้มนุษย์เท่านั้น ที่สามารถ สร้างเสียง สร้างสัญลักษณ์ต่างๆขึ้นมาแทน สรรพสิ่งสรรพปรากฏการณ์ต่างๆเหล่านั้นได้ เพื่อเป็น สื่อ ถ่ายทอดข่าวสาร ความจัดเจนอันถูกต้องทั้งมวล จากบรรพบุรุษมาสู่ปัจจุบัน เพื่อสืบสานต่อไปถึงลูกหลานของเขาในอนาคตที่ดียิ่งไปกว่าตัวเขาได้ มนุษย์เท่านั้นที่เป็นดังกวียิ่งใหญ่ท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า งานชิ้นวิเศษสุด คือมนุษย์ มีความประเสริฐสุด ด้วยเหตุผล มีความสามารถไม่รู้จบสิ้น ด้วยรูปร่าง และ อิริยาบถ ยากที่จะเอ่ยและกล่าวคำชม ด้วยการเคลื่อนไหว ราวกับเทพยดา ด้วยความรอบรู้ ช่างเหมือนกับเทพเจ้า ก็ปานกัน ด้วยเหตุนี้การทำแท้งจึงเป็นบาปอนันต์ ทั้งๆที่การฆ่าสัตว์ เอสเอ็ม ไม่ถือเป็นบาป เมื่อฆ่าเพื่อเป็นอาหาร ฆ่าไม่ทรมาน ไม่เป็นสัตว์ป่า หรือ เป็นสัตว์พันธุ์ สงวน แต่สำหรับมนุษย์แล้ว แม้นว่าเขาเป็นเพียงจุลชีพ เป็นเด็ก เป็นคนชรา หรือ เป็นคนพิการ ที่ไม่อาจให้อะไรแก่สังคมได้ อย่าว่าแต่ฆ่าเขา เพียงปล่อยให้เขาหิวโหย เจ็บป่วยไม่รักษา ก็เป็นบาปมหันต์แล้ว อย่างไรก็ตาม เอสเอ็ม ก็เป็นวิถีชีวิตที่เดินได้ด้วยปรากฏการณ์ของปัจจุบัน ควบคู่ไปกับหลักของวิทยาศาสตร์อย่างทั่วถ้วนเพื่อมุ่งไปสู่ อุดมการณ์อันสูงส่งทางจริยธรรม ที่พยายามให้เกิดมีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในปัจจุบัน และ อนาคต ดังนั้น เอสเอ็ม จึงไม่ปฏิเสธความเป็นจริงที่บัดซบในชีวิต อันเกิดจากผลิต ผลของประวัติศาสตร์ที่เกิดจากการกระทำอันเลวร้ายของมนุษย์และระบบเผด็จการในอดีต อันผลิตผลนั้นยังคงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง และพอกพูนมากขึ้นจนถึงปัจจุบัน เอสเอ็ม จึงมองปรากฏการณ์ทำแท้งอย่างให้อภัย เช่นเดียวกับปรากฏการณ์ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นในสังคม ดัง เอสเอ็ม ได้ยืนยันไว้ใน หลัก อนัตตธรรม แล้ว ตราบใดที่เงื่อนไขของความรู้ ของเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยแก่เขา การกระทำผิดบาปมหันต์นี้ หรือ สิ่งบัดสีร้อยแปดพันประการในสังคม ทุกคน มีส่วนที่ต้องรับเฉลี่ยบาป และ ต้องยอมรับบาป ให้การทำแท้งเป็นการ กระทำที่ถูกกฎหมายขึ้น เพื่อช่วยลดบาปที่ไปสุมอยู่กับแม่ ที่ไม่อาจช่วยตัวเองได้ หรือเลี้ยงได้แม้แต่ตัวเอง รวมทั้งแพทย์พยาบาล ให้ปลอดจากภัยของกฎหมาย ที่แสดงรูปแบบแห่งนักบุญ แต่มือถือสาก เรา (ทุกคน) ต้องเลิกโกหกตัวเองเสียทีว่า ที่เรามิได้ทำอะไรผิดนั้น เราดีแล้ว ทุกวันนี้ มีใครดี ไม่มีเลว หรือเลว จนไม่มีดี พูดกันตรงๆให้ถึงแก่น ระบบที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ เป็นระบบที่ทำให้ทุกคนเป็นโจร ด้วยกันทั้งนั้น เพียงต่างกันที่ รูปแบบของการปล้นสะดม เอสเอ็ม เป็นวิธีเห็นความจริงนี้ จึงมี มรรควิธีดำเนินชีวิต (ชีวทรรศน์) เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ในป่าคอนกรีต นี้ ไปพร้อม ๆ กับ ทฤษฎีแห่งการต่อสู้ที่ถูกต้อง เพื่อมิให้สภาวะนั้นดำรงอยู่ เพื่อชีวิตในอนาคตลูกหลานของเรา ซึ่งก็คือชาติหน้าของเรา ที่ดียิ่งไปกว่าเรา ให้เกิดเป็นผล อย่างเป็นรูปธรรมขึ้นมา อย่างแท้จริงโดยการแก้ไขด้วยวิธี วิทยาศาสตร์สังคม มิใช่ด้วยวิธีเพ้อฝันจอมปลอม มิใช่ด้วย ศาสนา ซึ่งแก้ไขมาเกือบสามพันปีแล้ว ก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล คน หรือ สถาบัน ที่เอาศาสนามาแก้ ล้วนแต่สุขสบายขึ้น ร่ำรวยขึ้น แต่คนที่ถูกแก้ด้วยศาสนา กลับยากจน ลำบากยากเข็ญขึ้น การแก้ความจน ความทุกข์ยากนั้น มันต้องแก้ที่ระบบเศรษฐกิจ ระบบการเมือง การปกครองครับ อย่าแกล้งโง่ ทางใครทางมันกันอยู่เลยเพราะบ้านเมืองที่มันเคยรุ่งเรืองได้ มันก็พังได้จริงๆ แหกตาดูมรดกแห่งอนาคตกาล (การล่มสลายของวัฒนธรรมคนเมือง) ที่ผลิตโดยสถานีวิทยุ และ โทรทัศน์เอ็นเอชเค (NHK) ซึ่งทางไทยสกายทีวี หรือ ทางช่อง 11 เอามานำเสนอบ้างซิ(สถานีวิทยุและโทรทัศน์เอ็นเอชเคนี้ สร้างสารคดีแต่ละเรื่อง ผมเห็นว่ายอดเยี่ยมทั้งนั้น คงเพราะอย่างนี้กระมัง ที่ประชาชาติญี่ปุ่นเขาจึงกลายเป็นชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ผมดูทีวีของสยามประเทศแล้วผมอายจริงๆ) จะได้ไม่มาเถียงคอเป็นเอ็นกันอยู่ว่า ศาสนาไม่เสื่อม แต่คนเสื่อมหรือ บ้านเมืองอยู่ยงคงกระพันชาตรีได้ ล่มสลายไม่ได้ผมว่า เมื่อแผ่นดินเหลือแต่หิน หมดทรัพย์ในดินหมดสินในน้ำ ในอากาศมีแต่มลพิษ หิดมีเต็มเมือง เหลือแต่คนจนๆทำอะไรขึ้นมาขาย ก็ไม่มีเงินจะซื้อแล้วคนที่เขากอบโกยเอา ทรัพยากรของชาติ เข้าไปอัดอยู่ในโคตรเพชร โคตรพลอย ในพันธบัตร (Bond บ็อนดฺ) ในธนาคารนอกแผ่นดินสยาม ในที่ดิน ในปราสาท (Chateau แฌโท) ในวัง (Palace แพล-อิซ) ซื้อสัญชาติเตรียมไว้ แล้วเหินฟ้าไปกับสายลมเมื่อไรนั่นแหละ จึงจะรู้สึกกันกระนั้นหรือ และแม้นเขาจะไปนอนตากพุงอยู่ที่หาดวิเวียนร่าก็ตาม ไปพำนักพักนอนหรือเดินช้อบปิ้งอยู่ ณ ที่ใดๆ ของโลกก็ตาม เขาก็ยังมีกรรมสิทธิ์ถือครองแผ่นดินสยามอยู่ ซึ่งก็ไม่ผิดอะไรกับการที่บ้านเมือง แม้นจะถูกทำลายลงด้วยลูกระเบิดในยามสงคราม เปลี่ยนจากแหล่งสลัม กลายไปเป็นบ้านเมืองอันทันสมัยด้วยตึกราม โดยไม่ต้องไปจ้างใครมาวางเพลิงเผาขับไล่ ในที่สุด นายทุนเจ้าที่ดิน ก็ได้ตึกใหม่ๆ มาฟรีๆ ผมเจอคนที่ต้องสร้างห้องเก็บโฉนดไว้เป็นชั้น ๆ จนนึกไม่ออกว่ามีที่ดินอยู่ที่ใดบ้างมาแล้ว แล้วคุณๆผมๆน่ะ จะเอาแรงที่ไหนเดินไปกันล่ะ จะไปที่ไหนกันล่ะ ดูการอพยพย้ายถิ่น (ไมกเร-ฌัน Migration) จากข่าวซีเอ็นเอ็น (CNN) บ้างซิ
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [
