ทาน คือการทำกุศลที่ได้บุญ การให้อภัย คือการทำกุศลที่ได้บุญมากกว่า
Group Blog
 
All blogs
 

ทดสอบไอคิวว่าคุณเป็นอย่างไร

ทดสอบไอคิวว่าคุณเป็นอย่างไร


//www.iqtest.dk/main.swf






Free TextEditor




 

Create Date : 19 มกราคม 2553    
Last Update : 19 มกราคม 2553 23:00:48 น.
Counter : 1363 Pageviews.  

สู้ สู้ ไม่ท้อ

คำที่เกี่ยวกับการเมือง

 









   เป็นคำที่เกี่ยวกับการเมือง ที่บางท่านอาจยังไม่รู้ มาเล่าสู่กันฟังเผื่อจะเป็นประโยชน์

 


1.นักกวนเมือง Demagogue มาจากคำว่า เดโมส (demos) ในภาษากรีก ซึ่งมีความหมายถึงประชาชนหรือขบวนการต่อต้าน (mob) ก็ได้ ดังนั้น เดมาก็อก จึงแปลว่าผู้นำม็อบ หรือผู้นำขบวนการต่อต้านในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

 


2. นักการเมือง Politician หมายถึง ผู้ปฏิบัติงานทางการเมืองโดยทั่วไป เช่น สมาชิกพรรคการเมือง เจ้าหน้าที่หรืออาสาสมัครผู้ทำงานการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี บุคคลเหล่านี้เรียกได้มีอาชีพเป็นนักการเมืองโดยแท้

 


3. นักวิ่งเต้น Lobbyists มาจากคำว่า Lobby หมายถึง ห้องพักผ่อนหรือห้องนั่งเล่น(ของสมาชิกรัฐสภา) อันเป็นสถานที่ที่หัวคะแนนหรือผู้สนับสนุนทางการเมืองจะสามารถเข้าไปพบปะกับผู้แทนราษฎรของตนได้ คำนี้ต่อมากลายเป็นคำที่ใช้เรียกผู้หาเสียงสนับสนุนมืออาชีพที่รู้จักมักคุ้นกับบรรดาสมาชิกผู้แทนราษฎรของพรรคต่าง ๆ จำนวนมาก และสามารถที่จะขอคะแนนสนับสนุนจากสมาชิกผู่้แทนราษฎรในการลงมติเรื่องสำคัญๆ ได้ ในด้านการเมืองระหว่างประเทศ มีการจ้างคณะผู้หาเสียงสนับสนุนอย่างนี้ให้ช่วยหาเสียงสนับสนุนให้แก่ประเทศของตนก็ได้เช่น การขอไม่ให้รัฐสภาลงมติตัดความช่วยเหลือหรือตัดสิทธิพิเศษบางประการที่เคยให้ประเทศของตน เป็นต้น

 


4. นิรโทษกรรม Amnesty หมายถึง การกำหนดให้การกระทำที่เป็นโทษและมีความผิดตามกฎหมาย ให้เป็นการกระทำที่ไม่มีโทษและไม่มีความผิดตามกฎหมาย อีกทั้งยังจะไม่ต้องชดใช้ค่าทดแทนสินไหมใด ๆ และไม่ต้องรับโทษใด ๆ ทั้งสิ้น การกำหนดเรื่องที่เป็นความผิดไม่ให้เป็นความผิดทั้ง ๆ ที่เป็นความผิด ย่อมจะอธิบายไม่ได้ด้วยตรรกะใด ๆ ทั้งสิ้น ว่ากันว่า หลักนิรโทษกรรมของไทยนั้นได้เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2475 เหตุเกิดมาจากคราวที่คณะราษฎรได้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองได้เป็นผลสำเร็จแล้ว การยึดอำนาจนั้นเป็นความผิดและเป็นคดีอาญาแผ่นดิน แต่เมื่อได้กระทำสำเร็จแล้วจึงได้มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่าให้มีการออกกฏหมายนิรโทษกรรมได้ คณะปฏิวัติในยุคต่อ ๆ มา จึงได้ใช้กลไกนี้ลบล้างคววามผิดที่ได้กระทำขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ได้งดเว้นไม่กล่าวถึงแนวความคิดในเรื่องนิรโทษกรรมนี้ไว้เลย

 


5. ในพระปรมาภิไธย In the Name of the King หมายถึง การที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะดำเนินกิจการใด ๆ ในนามของพระมหากษัตริย์ อธิบายง่าย ๆ ได้ว่าทำแทนพระมหากษัตริย์นั่นเอง ตัวอย่างเช่น การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีเป็นอำนาจของศาลตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด แต่ผู้พิพากษาหรือตุลาการจะต้องดำเนินการในพระปรมาภิไธย ทั้งนี้เพราะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพระประมุขทรงใช้อำนาจตุลาการทางศาล

 


6. การเนรเทศ Deportation หมายถึง การขับไล่คนใดคนหนึ่ง หรือคณะใดคณะหนึ่งให้พ้นไปจากราชอาณาจักร หรืออาณาเขตประเทศของตน

 


7. การปฏิวัติ Revolution หมายถึง การใช้กำลังขับไล่รัฐบาลที่ครองอำนาจโดยชอบธรรมอยู่นั้นให้พ้นไป และยึดอำนาจนั้นให้กลับมาเป็นของตน การปฏิวัติมักจะเป็นไปในรูปของการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเสมอ

 


8. การยุบสภา Dissolution of Parliament หมายถึง การประกาศการสิ้นสุดอายุของสภาผู้แทนราษฎรก่อนครบวาระตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ การประกาศยุบสภานั้นเป็นมาตรการหรือเครื่องมือสำคัญของฝ่ายบริหารในการที่จะคานอำนาจกับฝ่ายนิติบัญญัติในระบบรัฐสภา (parliamentary system) เมื่อฝ่ายนิติบัญญัติมีสิทธิที่จะเสนอญัตติต่อสภาให้ลงมติไม่ไว้วางใจฝ่ายบริหารได้ ฝ่ายบริหารก็สามารถใช้วิธีการยุบสภาได้เพื่อป้องกันมิให้มีการใช้อำนาจนั้นอย่างเกินขอบเขต

 


 9. ความนิยมความเป็นกลาง (Nutralism) ได้แก่การไม่ผูกพันฝักใฝ่ในฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะในยุคสงครามเย็น เมื่อโลกได้แบ่งออกเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายที่นิยมความเป็นกลาง จึงได้สร้างกลุ่มของตนเองขึ้นมาเป็นขบวนการอีกขบวนการหนึ่ง เรียกว่า ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด

 


 10. ทรราชย์โดยเสียงส่วนใหญ่ Tyranny of the Majority เป็นแบบการปกครองที่นักการเมืองต่างพากันหวาดเกรงกันมาก นั่นคือ การปกครองโดยใช้เสียงส่วนใหญ่ไปกระทำการชั่วร้ายต่าง ๆ แล้วกลับอ้างเอาว่า เสียงส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว เรามักจะกล่าวเปรียบเทียบกันอยู่เสมอว่า ถ้าเอาพระ 500 รูป กับอันธพาล 5000 คน มาร่วมประชุมกันเพื่อหาข้อยุติในเรื่องอบายมุข เสียงนักเลงย่อมเหนือกว่าเสียงพระ การใช้เสียงส่วนใหญ่ตัดสินในลักษณะนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และไม่ควรยึดถึือรับเอาเป็นหลักการของการตัดสินโดยเสียงส่วนมาก

 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 



 






Free TextEditor




 

Create Date : 14 เมษายน 2552    
Last Update : 14 เมษายน 2552 14:34:32 น.
Counter : 604 Pageviews.  

คำนี้แปลว่าอะไร

คนไทยถามฝรั่ง :   Double Standard  มันแปลว่าอะไรวะ



ฝรั่งตอบว่า       : ง่ายมาก  ก็แปลว่า Thai Democracy ไง ภายใต้ Abhisit ชน 5555



Free TextEditor








 

Create Date : 14 เมษายน 2552    
Last Update : 14 เมษายน 2552 13:15:52 น.
Counter : 849 Pageviews.  

“ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด


อานิสงส์ของการปฏิบัติธรรม
๑. มีวินัยในตัวเอง ๓ ประการคือ

􀁺 ๑ รู้จักระวังตัว

􀁺 ๒ รู้จักควบคุมตัวได้

􀁺 ๓ รู้จักเชื่อฟังผู้ใหญ่ ถ้าเป็นเด็กจะไม่เถียงผู้ใหญ่

๒. มีกิจนิสัย ๔ ประการ

􀁺 ๑ ขยัน ไม่จับจด รักงาน สู้งาน

􀁺 ๒ ประหยัด รู้จักใช้ชีวิตและทรัพย์สินอย่างถูกต้องและคุ้มค่า

􀁺 ๓ พัฒนา รู้จักพัฒนาตัวเอง และอาชีพให้ดีขึ้น

􀁺 ๔ สามัคคี รักครอบครัว รักหมู่คณะ และรักประเทศชาติ

๓. มีลักษณะนิสัย ๔ ประการ

􀁺 ๑ มีสัมมาคารวะ

􀁺 ๒ อุตสาหะพยายาม

สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ ๘๙

􀁺 ๓ ปฏิบัติตามระเบียบวินัย

􀁺 ๔ รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่ วางตัวได้เหมาะสม

๔. มีความรู้คู่กับคุณธรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ๔ ประการได้

􀁺 ๑ รู้จักคิด

􀁺 ๒ รู้จักปรับตัว

􀁺 ๓ รู้จักแก้ปัญหา

􀁺 ๔ มีทักษะในการทำงานและค่านิยมที่ดีงามในอนาคต

เจ้านายทิ้งลูกน้องไม่ได้ ลูกน้องทิ้งเจ้านายไม่ได้ เข้าหลักที่ว่า ผู้ใหญ่

ดึง ผู้น้อยดัน คนเสมอกันจะได้อุปถัมภ์ค้ำจุนต่อไป

๕. อานิสงส์ในการเดินจงกรม

􀁺 ๑. อดทนต่อการเดินทางไกล

􀁺 ๒. อดทนต่อความเพียร

􀁺 ๓. มีอาพาธน้อย

􀁺 ๔. ย่อยอาหารได้ดี

􀁺 ๕. สมาธิที่ได้ขณะเดินตั้งอยู่ได้นาน (ในปัญจกนิบาต

อังคุตตรนิกาย เล่ม ๓๒)

จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่มที่ ๗ ภาคธรรมบรรยาย-ธรรมปฏิบัติ เรื่อง คติกรรมฐาน

โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์

//www.jarun.org/v6/th/lrule07p0601.html

๙๐ สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ

ประโยชน์ของการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น มีประโยชน์มากมายเหลือที่

จะนับประมาณได้ จะยกมาแสดงตามที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎก

สักเล็กน้อยดังนี้ คือ

􀁺 สัตตานัง วิสุทธิยา ทำกายวาจาใจ ของสรรพสัตว์ให้บริสุทธิ์

หมดจด

􀁺 โสกะปะริเทวานัง สะมะติกกะมายะ ดับความเศร้าโศก

ปริเทวนาการต่าง ๆ

􀁺 ทุกขะโทมะนัสสานัง อัตถังคะมายะ ดับความทุกข์กาย

ดับความทุกข์ใจ

􀁺 ญาณัสสะ อะธิคะมายะ เพื่อบรรลุมรรคผล

􀁺 นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เพื่อทำนิพพานให้แจ้ง

และยังมีอยู่อีกมาก เช่น

๑. ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท

๒. ชื่อว่าเป็นผู้ได้ป้องกันภัยในอบายภูมิทั้งสี่

๓. ชื่อว่าได้บำเพ็ญไตรสิกขา

๔. ชื่อว่าได้เดินทางสายกลาง คือ มรรค ๘

๕. ชื่อว่าได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยการบูชาอย่างสูงสุด

๖. ชื่อว่าได้บำเพ็ญ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้เป็นอุปนิสัยปัจจัย

ไปในภายหน้า

สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ ๙๑

๗. ชื่อว่าได้ปฏิบัติถูกต้องตามพระไตรปิฎกโดยแท้จริง

๘. ชื่อว่าเป็นผู้มีชีวิต ไม่เปล่าประโยชน์ทั้งสาม

๙. ชื่อว่าเป็นผู้เข้าถึงพระรัตนตรัย อย่างถูกต้อง

๑๐. ชื่อว่าได้ปฏิบัติเพื่อให้เกิดวิปัสสนาญาณ ๑๖

๑๑. ชื่อว่าได้สั่งสมอริยทรัพย์ไว้ในภายใน

๑๒. ชื่อว่าเป็นผู้มาดีไปดีอยู่ดีกินดีไม่เสียทีที่เกิดมาพบ

พระพุทธศาสนา

๑๓. ชื่อว่าได้รักษาอมตมรดกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้

เป็นอย่างดี

๑๔. ชื่อว่าได้ช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง

ยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก

๑๕. ชื่อว่าได้เป็นตัวอย่างอันดีงามแก่อนุชนรุ่นหลัง

๑๖. ชื่อว่าตนเองได้มีธนาคารบุญติดตัวไปทุกฝีก้าว

จากหนังสือคู่มือการฝึกอบรมพัฒนาจิต วัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี

โดย พ.ท.วิง รอดเฉย ปี ๒๕๒๙

๙๒ สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ

สติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้

ญาติโยมเอ๋ยโปรดได้ทราบไว้เถอะ บุญกรรม มีจริง บาปกรรม

มีจริง ยมบาลจดไม่มี จิตนี้เป็นผู้จด จดทุกวัน คืออารมณ์ เรื่องจริง

แน่ จดทุกกระเบียดนิ้ว บาปบุญคุณโทษบันทึกเข้าไว้ พอวิญญาณ

ออกจากร่างไป มันก็ขยายออกมาใช้กรรมไป ถ้าเราทำดี ก็ไปบังเกิด

ในสวรรค์ ทำชั่วก็ลงนรกไปแบบนี้

อาตมามาคิดดูนะว่าสวรรค์อยู่บนฟ้า นรกอยู่ใต้ดินก็คงไม่ใช่

ดูตัวอย่างที่เคยเล่าให้ญาติโยมฟัง

ตาเล่งฮ่วย ผูกคอตาย วิญญาณไปเข้ายายเภา ยายเภาเป็น

คนไทยแท้ ๆ เกิดพูดภาษาจีนได้ ตอนนั้นอาตมาอยู่วัดพรหมบุรี

มีคนมาตามอาตมาไป พอไปถึง ยายเภาพูดภาษาจีน เลยต้องให้

เรือไปตามตาแป๊ะเลี่ยงเกี๊ยกไว้ผมเปีย เป็นลุงเขยอาตมาให้มาเป็นล่าม

เขาบอกไม่ต้องไล่เขา เขาอยู่กับฮ่วยเซียเถ้า อยู่ตรงใกล้วัดพรหมบุรี

นี่เอง

“ชื่อ หลวงตามด เคยเปน็ เจา้อาวาสวัดกลางพรหมนคร อยูเ่หนือ

ตลาดปากบางนี่เอง อยู่ด้วยกัน ๒ คน ขุดดินถมถนนทุกวัน ถ้าไม่

ขุดดินเขาเฆี่ยนตี และฮ่วยเซียเถ้าก็ขุดดินด้วย”

อาตมาได้ถามคนเฒ่าคนแก่ชื่อ บัวเฮง อยู่ตลาดปากบาง บอกว่า

ฮ่วยเซียเถ้ามีจริง ชื่อสมภารมด อยู่วัดกลางเป็นสมภารวัด จะสร้าง

ถาวรวัตถุของวัด แต่เงินทองถูกมัคทายกโกงไปหมดไม่รู้จะทำอย่างไร

เสียใจเลยผูกคอตาย

สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ ๙๓

“อั๊วมาบอกให้ลื้อไปบอกหลานสาวอั๊วนะ ว่าทำบุญไปให้อั๊วไม่

ได้นะ อย่าทำเลย”

“แล้วกินที่ไหนล่ะ”

“อั๊วกับฮ่วยเซียเถ้าไปกินตามกองขยะที่เขาเอาเศษอาหารมาทิ้ง

กินกับหนอน”

“เอ้า! ที่ดี ๆ ทำไมไม่กินล่ะ”

“ไม่มีใครให้กิน มีอีกพวกหนึ่งขุดถนนเหมือนกัน แต่เขามี

ข้าวกิน พวกอั๊วไม่มีข้าวกิน ต้องไปกินที่มันเหลือๆ จึงจะกินได้

ไปบอกหลานสาวอั๊วชื่อ “เจีย” นะ บอกว่าไม่ต้องทำบุญไปอั๊วไม่ได้

ถ้าลื้ออยากทำบุญให้อั๊วนะ ฮ่วยเซียเถ้ามดบอกกับอั๊ว บอกให้ลูกหลาน

เจริญวิปัสสนานะ และอั๊วจะได้”

อาตมาถามว่า “ลื้ออยู่วัดไหนล่ะ”

“อั๊วอยู่ตรงนี้เอง อั๊วเห็นลื้อทุกวัน ลื้อเดินไปอั๊วก็ทักลื้อ

ว่าอีไปไหนนะแต่ลื้อไม่พูดกับอั๊ว”

อาตมาถามว่า “ขุดถนนไปไหน” ก็ชี้ที่ตรงนั้น แต่ไม่เห็นมี

ถนน ก็ได้ความว่าเราเดินไปตลาดบ้านเหนือบ้านใต้ เขาเห็นเราหมด

เขาทักแต่เราไม่รู้เรื่อง อาตมาถามต่อไปว่า

“ลื้อมีความเป็นอยู่อย่างไร”

เขาบอกว่า “ถ้าถึงวันโกนวันพระเขาให้หยุดงาน ที่มานี่เป็นวัน

โกนหยุดงานแล้ว เดี๋ยวอั๊วต้องรีบกลับ เดี๋ยวเขาจับได้เขาตี อั๊วหนี

มาบอกหน่อยเท่านั้นเอง”

สรุปได้ความว่า การที่ฆ่าตัวตาย ผูกคอตาย ญาติพี่น้องทำบุญ

ให้ไม่ได้ผลแน่ ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐานแผ่ส่วนกุศล จึงจะได้

รับผล เพราะผีมาบอกอย่างนี้ โยมจะเชื่อหรือไม่ ไม่เป็นไรนะ ก็นึก

๙๔ สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ

จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่มที่ ๓ ภาคกฎแห่งกรรม เรื่อง สัญญาณมรณะ

//www.jarun.org/v6/th/lrule03r0301.html

สวดมนต์ ทำกรรมฐาน ตามแบบหลวงพ่อจรัญ ๙๕

ว่าโยมทำวิปัสสนากรรมฐานไปก็จะได้รับผล ว่าบุญบาปมีจริง นรก

สวรรค์มีจริงหรือไม่ประการใด

วันนี้อาตมาก็ขออนุโมทนาสาธุการ ส่วนกุศล ท่านทั้งหลายมา

บำเพ็ญกุศล เจริญวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ด้วยการเจริญสติปัฏฐานสี่ เจริญกาย เวทนา จิต ธรรม ตั้งพิจารณา

โดยปัญญา ตลอดกระทั่ง ยืน เดิน นั่ง นอน จะคู้เขียดเหยียดขา

ทุกประการ ก็มีสติครบ

รับรองได้เลยว่า ถ้าโยมทำถึงขั้น ปิดประตูอบายได้เลย นรก

เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน โยมจะไม่ไปภูมินั้นอย่างแน่นอน

เพราะเหตุใด เพราะอำนาจกิเลสทั้งหลาย โลภะ โทสะ โมหะ

เกิดขึ้นโยมก็กำหนดได้ไม่มีโลภะ ขณะมีโลภะก็กำหนดโลภะ

ก็หายไป

จิตวิญญาณตายขณะมีโลภะตายไปเป็นเปรต กำลังมีโทสะ

ตายไปขณะนั้นลงนรก มีโมหะรวบรวมอยู่ในจิตใจไว้มากต้องไป

เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างแน่นอน

ถ้ามีสติปัฏฐานสี่ มีสติสัมปชัญญะดี อบายภูมิก็ไม่ต้องไป

ปิดนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานทางอายตนะ ธาตุอินทรีย์

ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ทุกประการ

หากท่านต้องการพิมพ์หนังสือเล่มนี้เพื่อเผยแผ่เป็นธรรมทาน หรือใช้ใน

งานบุญ งานพิธีต่าง ๆ ท่านสามารถสั่งพิมพ์ได้ที่ บริษัท รุ่งเรืองวิริยะพัฒนา

โรงพิมพ์ จำกัด โดยรายได้ส่วนหนึ่งจากการพิมพ์หนังสือเล่มนี้จะนำไปสมทบ

จัดสร้างการ์ตูนธรรมะชุด “หลวงปู่จรัญกับเณรน้อยช่างคิด” เพื่อเผยแผ่ชีวประวัติ

และคำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญต่อไป

ขออนุโมทนาและขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่มีส่วนร่วมในการจัดทำและ

จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ คงมิมีคำใดจะประเสริฐกว่าคำกล่าวอนุโมทนาที่พระเดช

พระคุณหลวงพ่อท่านได้ให้ไว้ และได้น้อมนำมาใส่ไว้ในส่วนแรกของหนังสือเล่มนี้

ท่านสามารถดูรายชื่อผู้ร่วมจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ได้จาก //www.dhammasatta.com

และสั่งพิมพ์หนังสือได้ที่ บริษัท รุ่งเรืองวิริยะพัฒนาโรงพิมพ์ จำกัด รหัสการสั่งพิมพ์ “วิริยะ ๔๒๔”

๕๘/๑๘๘ ซ.รามอินทรา ๖๘ ถ.รามอินทรา แขวง/เขต คันนายาว กทม. ๑๐๒๓๐

โทรศัพท์ ๐-๒๙๑๘-๐๑๙๒ แฟกซ์ ๐-๒๙๑๗-๙๐๗๒ อีเมลล์ viriya_999@yahoo.com

“ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งหวงยิ่งอด

หมดก็ไม่มา

เราไม่หวงกัน เราก็ไม่อด

หมดก็มาเรื่อย ๆ”

จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม ๖ เรื่อง เมื่ออาตมาไปอยู่กับหลวงปู่สด วัดปากน้ำ

โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์

//www.jarun.org/v6/th/lrule06h0501.html

//www.jarun.org/v6/th/lrule03r0301.html




 

Create Date : 26 มกราคม 2552    
Last Update : 19 มกราคม 2553 21:52:23 น.
Counter : 1084 Pageviews.  

เตรียมของไหว้ ตรุษจีน เฮง เฮง เฮง รับปีฉลู

                 ใกล้เข้ามาสำหรับวันปีใหม่จีน หรือ ตรุษจีน ปี 2552 เพื่อเสริมความเฮงรับตรุษจีน ปีฉลู เทสโก้ โลตัส เชิญ อาจารย์ วิศิษฎ์ เตชะเกษม ผู้ศึกษาค้นคว้าวัฒนธรรมจีน มาให้ความรู้และให้คำแนะนำเกี่ยวกับประเพณีตรุษจีน การจัดเตรียมของไหว้ต่างๆ ไปจนถึงพิธีการไหว้ที่ถูกต้อง


 


                อาจารย์วิศิษฎ์บอกว่า ชาวจีนจะถือวันแรกของเดือนแรก หรือวันขึ้นหนึ่งค่ำเดือน


                                                         หนึ่ง เป็น วัน ตรุษจีน ซึ่งในปีนี้ ตรงกับ วันที่ 26 มกราคม เป็นวันไหว้เพื่อต้อนรับเทพเจ้า


                                                          แห่งโชคลาภ (ไฉซิ้งเอี๊ย หรือไฉเสิน-อีเย๋) เพื่อให้บังเกิดความร่ำรวยและอำนาจบารมี 


                                             
พิธีกรรมการไหว้ตามประเพณี ดังนี้


                  วันจันทร์ที่ 19 มกราคม ดิถี 24 ค่ำ เดือน 12 จีน เป็นวันไหว้เทพเจ้ากลับสวรรค์ ของสำคัญในการไหว้ ขนม ข้าวเหนียวพร้อมน้ำตาลทรายแดง

                  วันเสาร์ที่ 24 มกราคม ดิถี 29 ค่ำ เดือน 12 จีน เป็นวันจับจ่ายซื้อของเตรียมไหว้เจ้า

                   วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม ดิถี 30 ค่ำ เดือน 12 เป็นวันไหว้บรรพบุรุษและไหว้วิญญาณไร้ญาติ สัมภเวสีทั้งหลาย เป็นการทำบุญทำทานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในวันรุ่งขึ้น

                   วันจันทร์ที่ 26 มกราคม ดิถี 1 ค่ำ เดือนหนึ่ง จีนถือเป็นวันถือ เป็นวันเทศกาลแรกของปี เป็นวันตรุษจีนจะไหว้เทพเจ้าแห่งโชคลาภไฉซิ้งเอี๊ย เพื่อความเป็นสิริมงคล ร่ำรวยเงินทอง ตลอดปีใหม่ และในวันนี้เป็นวันที่ลูกหลานได้กราบไหว้ บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย ผู้มีพระคุณเพื่อแสดงความกตัญญู และแสดงความนอบน้อม โดยของสำคัญในการไหว้ได้แก่ ส้มสีทอง หมายถึง ความสวัสดีมหามงคล จำนวน 4 ผล (ตามแบบชาวจีน แต้จิ๋ว)


วันตรุษจีน, ปีฉลู
นอกจากนี้อาจารย์วิศิษฎ์ยังอธิบายถึงความหมายของอาหาร ผลไม้ และขนม ไหว้ตรุษจีน ด้วย

เริ่มจาก ผลไม้ไหว้ "กล้วย" กวักโชคลาภ และขอให้ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง "แอปเปิ้ล" ความสันติสุข สันติภาพ "สาลี่" โชคลาภมาถึง (ควรระวัง ไม่นิยมไหว้บรรพบุรุษและวิญญาณไร้ญาติ) "ส้มทอง" ความสวัสดีมหามงคล "องุ่น" ความเพิ่มพูน

อาหารไหว้ เริ่มด้วย "ไก่" ความสง่างาม ขุนนาง ยศ และความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน "เป็ด" สิ่งบริสุทธิ์ ความสะอาด ความสามารถอันหลากหลาย "ปลา, ปลาหมึก" เหลือกินเหลือใช้ "หมู" ความอุดมสมบูรณ์

ขนมไหว้ "ขนมเข่ง" ความหวานชื่น ชีวิตมีความราบรื่น รูปลักษณ์มีความหมายของชะลอมที่เก็บของ เมื่อรวมกันกับความหวานชื่น หมายถึง ความหวานชื่นอันสมบูรณ์ "ขนมถ้วยฟู, ขนมสาลี่" ความเพิ่มพูน เฟื่องฟู

สวัสดีปีใหม่แบบจีนๆ "ซิน เจีย ยู่อี่ ซินนี้ ฮวดไช้"






Free TextEditor




 

Create Date : 22 มกราคม 2552    
Last Update : 22 มกราคม 2552 3:57:55 น.
Counter : 871 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

drunkcat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




กตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติจากพระครรภ์พระมารดาแล้ว ในที่สุดองค์สมเด็จพระประทีปแก้วใกล้จะถึงวาระที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะองค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงบำเพ็ญบารมีมาครบ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ควรจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในวันหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ก็ทรงพบเด็กเกิดใหม่ วันต่อมาทรงพบคนแก่ คนป่วย แล้วก็คนตาย วันสุดท้ายทรงพบสมณะ

ความจริงเวลานั้นพระที่แต่งตัวแบบนี้ ไม่มีในโลก แต่ว่าเทวทูตทั้ง ๕ ที่เรียกกว่า เทวทูต คือ เด็กก็ดี คนแก่ก็ดี คนป่วยก็ดี คนตายก็ดี พระก็ดี ที่ปรากฏกับสายพระเนตรขององค์สมเด็จพระชินสีห์ เมื่อยังเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ท่านบอกว่า เวลานั้นเทวดาแสดงขึ้นให้ปรากฏ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระบรมสุคตเห็นคนเกิดยังเด็กเล็ก แล้วต่อมาพบคนแก่ แล้วก็พบคนป่วย แล้วก็พบคนตาย น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า

"โลกนี้ทุกข์หนอ ไม่มีอะไรเป็นสุข หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้"

ต่อมาวันสุดท้าย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเห็นสมณะวิสัยก็เข้าใจว่าทางนิพพานมีอยู่ ทางนี้เป็นทางสิ้นทุกข์ เหตุฉะนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตัดสินพระทัยออกบวช นี่ขอเล่าลัดๆ นะ แต่ความจริงเรื่องนี้ยาวมาก
Friends' blogs
[Add drunkcat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.