ทาน คือการทำกุศลที่ได้บุญ การให้อภัย คือการทำกุศลที่ได้บุญมากกว่า
Group Blog
 
All blogs
 

มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

ขออานิสงส์ บังเกิดแก่ผู้อ่าน และ ผู้ส่งต่อ



มาสร้างบุญบารมีกันเถอะ

1. นั่งสมาธิ อย่างน้อยวันละ 15 นาที(หรือเดินจงกรมก็ได้)
อานิสงส์ --- เพื่อสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดขึ้นทั้งภพนี้และภพหน้า
เพื่อจิตใจที่สว่างผ่อนปรนจากกิเลส ปล่อยวางได้ง่าย
จิตจะรู้วิธีแก้ปัญหาชีวิตโดยอัตโนมัติ
ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันอับจน
ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพกายและจิตแข็งแรง
เจ้ากรรมนายเวรและญาติมิตรที่ล่วงลับจะได้บุญกุศล

2. สวดมนต์ ด้วยพระคาถาต่างๆอย่างน้อยวันละครั้งก่อนนอน
อานิสงส์ --- เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
ชีวิตหน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า
เงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง จิตจะเป็นสมาธิได้เร็ว
แนะนำพระคาถาพาหุงมหากา , พระคาถาชินบัญชร ,
พระคาถายอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น
เมื่อสวดเสร็จต้องแผ่เมตตาทุกครั้ง

3. ถวายยารักษาโรค ให้วัด , ออกเงินค่ารักษาให้พระตามโรงพยาบาลสงฆ์
อานิสงส์ - -- ก่อให้เกิดสุขภาพร่มเย็นทั้งครอบครัว โรคที่ไม่หายจะทุเลา
สุขภาพกายจิตแข็งแรง อายุยืนทั้งภพนี้และภพหน้า
ถ้าป่วยก็จะไม่ขาดแคลนการรักษา

4. ทำบุญตักบาตร ทุกเช้า
อานิสงส์ --- ได้ช่วยเหลือศาสนาต่อไปทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ขาดแคลนอาหาร
ตายไปไม่หิวโหย อยู่ในภพที่ไม่ขาดแคลน ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์

5. ทำหนังสือหรือสื่อต่างๆ เกี่ยวกับธรรมะแจกฟรีแก่ผู้คนเป็นธรรมทาน
อานิสงส์ --- เพราะธรรมทานชนะการให้ทานทั้งปวง ผู้ให้ธรรมจึงสว่างไปด้วยลาถยศ
สรรเสริญ ปัญญา และบุญบารมีอย่างท่วมท้น เจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้
ชีวิตจะเจริญรุ่งเรืองอย่างไม่คาดฝัน

6. สร้างพระถวายวัด
อานิสงส์ --- ผ่อนปรนหนี้กรรมให้บางเบา ให้ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แคล้วคลาดจากอุปสรรคทั้งปวง ครอบครัวเป็นสุข
ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนาตลอดไป

7. แบ่งเวลาชีวิตไปบวชชีพรามณ์ หรือบวชพระอย่างน้อย 9 วันขึ้นไป
อานิสงส์ --- ได้ตอบแทนคุณพ่อแม่อย่างเต็มที่
ผ่อนปรนหนี้กรรมอุทิศผลบุญให้ญาติมิตรและเจ้ากรรมนายเวร
สร้างปัจจัยไปสู่นิพพานในภพต่อๆไป ได้เกิดมาอยู่ในร่มโพธิ์ของพุทธศาสนา
จิตเป็นกุศล

8. บริจาคเลือดหรือร่างกาย
อานิสงส์ --- ผิวพรรณผ่องใส สุขภาพแข็งแรง ช่วยต่ออายุ
ต่อไปจะมีผู้คอยช่วยเหลือไม่ให้ตกทุกข์ได้ยาก เทพยดาปกปักรักษา
ได้เกิดมามีร่างกายที่งดงามในภพหน้า ส่วนภพนี้ก็จะมีราศีผุดผ่อง

9. ปล่อยปลา ที่ซื้อมาจากตลาดรวมทั้งปล่อยสัตว์ไถ่ชีวิตสัตว์ต่างๆ
อานิสงส์ --- ช่วยต่ออายุ ขจัดอุปสรรคในชีวิต
ชดใช้หนี้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวรที่เคยกินเข้าไป ให้ทำมาค้าขึ้น
หน้าที่การงานคล่องตัวไม่ติดขัด ชีวิตที่ผิดหวังจะค่อยๆฟื้นคืนสภาพที่สดใส
เป็นอิสระ

10. ให้ทุนการศึกษา , บริจาคหนังสือหรือสื่อการเรียนต่างๆ , อาสาสอนหนังสือ
อานิสงส์ --- ทำให้มีสติปัญญาดี ในภพต่อๆไปจะฉลาดเฉลียวมีปัญญา
ได้มีโอกาสศึกษาเล่าเรียนอย่างรอบรู้ สติปัญญาสมบูรณ์พร้อม

11. ให้เงินขอทาน , ให้เงินคนที่เดือดร้อน(ไม่ใช่การให้ยืม)
อานิสงส์ --- ทำให้เกิดลาภไม่ขาดสายทั้งภพนี้และภพหน้า ไม่ตกทุกข์ได้ยาก
เกิดมาชาติหน้าจะร่ำรวยและไม่มีหนี้สิน ความยากจนในชาตินี้จะทุเลาลง
จะได้เงินทองกลับมาอย่างไม่คาดฝัน

12. รักษาศีล 5 หรือศีล 8
อานิสงส์ --- ไม่ต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์นรก
ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐครบบริบูรณ์ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง
กรรมเวรจะไม่ถ่าโถม ภัยอันตรายไม่ย่างกราย เทวดานางฟ้าปกปักรักษ


อานิสงส์ 10 ข้อของการไม่กินเนื้อสัตว์

1. เป็นที่รักของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิดขึ้น
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหดเครียดแค้นในใจลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเทพทั้งปวง
7. ยามหลับนิมิตเห็นแต่สิ่งที่ดีงามเป็นสิริมงคล
8. ย่อมระงับการจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสูอบายภูมิ
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตจะมุ่งสู่สุคติภพ
อานิสงส์การจัดสร้างพระพุทธรูปหรือสิ่งพิมพ์อันเกี่ยวกับพระธรรมคำสอนเป็นกุศลดังนี้
1. อกุศลกรรมในอดีตชาติแต่ปางก่อน จะเปลี่ยนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นสูญ
2. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง สรรพภยันตรายสลาย ปวงภัยไม่มีคนคิดร้ายไม่สำเร็จ
3. เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติแต่ปางก่อน เมื่อได้รับส่วนบุญไปแล้วก็จะเลิกจองเวรจองกรรม
4. เหล่ายักษ์ผีรากษส งูพิษเสือร้าย ไม่อาจเป็นภัยอยู่ในที่ใดก็แคล้วคลาดจากภัย
5. จิตใจสงบ ราศีผ่องใส สุขภาพแข็งแรง กิจการงานเป็นมงคล รุ่งเรืองก้าวหน้าผู้คนนับถือ
6. มั่นคงในคุณธรรม ความอุดมสมบูรณ์ปรากฏ ( เกินความคาดฝัน) ครอบครัวสุขสันต์ วาสนายั่งยืน
7. คำกล่าวเป็นสัจจ์ ฟ้าดินปราณี ทวยเทพยินดี มิตรสหายปรีดา หนี้สินจะหมดไป
8. คนโง่สิ้นเขลา คนเจ็บหายได้ คนป่วยหายดี ความทุกข์หายเข็ญ สตรีจะได้เกิดเป็นชายเพื่อบวช
9. พ้นจากมวลอกุศล เกิดใหม่บุญเกื้อหนุน มีปัญญาล้ำเลิศ บุญกุศลเรืองรอง
10. สิ่งที่สร้างจะบังเกิดเป็นกุศลจิตแก่ทุกคนที่ได้พบเห็นเป็นเนื้อนาบุญอย่างเอนกทุกชาติของผู้สร้างที่เกิดจะได้ฟังธรรมจากพระอริยเจ้าปัญญาในธรรมแก่กล้าสามารถได้อภิญญาหก สำเร็จโพธิญาณ

อานิสงส์การบวชพระบวชชีพรามณ์ ( บวชชั่วคราวเพื่อสร้างบุญ , อุทิศให้พ่อแม่เจ้ากรรมนายเวร )
1. หน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง ได้ลาภ ยศ สรรเสริญตามปรารถนา
2. เจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรม หนี้กรรมในอดีตจะคลี่คลาย
3. สุขภาพแข็งแรง สติปัญญาแจ่มใส ปัญหาชีวิตคลี่คลาย
4. เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในภพต่อๆไป
5. สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง โพยภัยอันตรายผ่อนหนักเป็นเบา
6. จิตใจสงบ ปล่อยวางได้ง่าย มองเห็นสัจธรรมแห่งชีวิต
7. เป็นที่รักที่เมตตามหานิยมของมวลมนุษย์มวลสัตว์และเหล่าเทวดา
8. ทำมาค้าขึ้น ไม่อับจน การเงินไม่ขาดสายไม่ขาดมือ
9. โรคภัยของตนเอง ของพ่อแม่ และของคนใกล้ชิดจะเบาบางและรักษาหาย
10. ตอบแทนพระคุณของพ่อแม่ได้เต็มที่สำหรับผู้ที่บวชไม่ได้เพราะติดภาระกิจต่างๆ ก็สามารถได้รับอานิสงส์เหล่านี้ได้ด้วยการสร้างคนให้ได้บวชสนับสนุนส่งเสริมอาสาการ ให้คนได้บวช

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างบุญที่ยกขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงอานิสงส์ที่ท่านพึงจะได้รับจงเร่งทำบุญเสียแต่วันนี้ เพราะเมื่อท่านล่วงลับท่านไม่สามารถสร้างบุญได้อีกจนกว่าจะได้เกิด หากท่านไม่มีบุญมาหนุนนำแรงกรรมอาจดึงให้ท่านไปสู่ภพเดรัจฉาน ภพเปรต ภพสัตว์นรกที่ไม่อาจสร้างบุญสร้างกุศลได้ต่อให้ญาติโยมทำบุญอุทิศให้ก็อาจไม่ได้รับบุญดังนั้นท่านจงพึ่งตนเองด้วยการสร้างสมบุญบารมีซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ท่านจะนำติดตัวไปได้ทุกภพทุกชาติเสียแต่วันนี้ด้วยเทอญ






 

Create Date : 26 ตุลาคม 2551    
Last Update : 26 ตุลาคม 2551 14:40:35 น.
Counter : 511 Pageviews.  

ร้านขายสามี



ณ ร้านขายสามี (อยากให้มีบนโลกนี้จริงๆ)


มีร้านขายสามีแห่งหนึ่งเพิ่งเปิดตัวที่...

นิวยอร์กซิตี้แอนเดอร์เจ็คสันเพลโตลรี่ชอป

ที่ซึ่งผู้หญิงสามารถเข้าไปเลือกซื้อสามีได้

ที่ทางเข้ามีคำอธิบายว่าห้างนี้ทำงานยังไง



แต่!!คุณจะมาที่ร้านแห่งนี้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น

ร้านนี้มี 6 ชั้นและคุณค่าของสินค่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ตามชั้นที่คุณขึ้นไปคุณสามารถจะเลือกซื้อสินค้าใดก็ได้ในแต่ละชั้น

หรือจะเลือกขึ้นไปยังชั้นถัดไป แต่คุณไม่สามารถลงมาได้อีก


นอกจากจะออกจากร้านไปเลย!



ผู้หญิงคนหนึ่งจึงไปที่ร้านนี้เพื่อหาสามี

ที่ชั้นแรก มีป้ายเขียนว่า ชั้น1 : ชายเหล่านี้มีงานทำ

ที่ชั้นสอง มีป้ายเขียนว่า ชั้น 2 : ชายเหล่านี้มีงานทำและรักเด็ก

ที่ชั้นสาม มีป้ายเขียนว่า ชั้น 3 : ชายเหล่านี้มีงานทำ รักเด็ก และหน้าตาดีสุดๆ

หญิงคนนั้นคิด "ว้าว" แต่ก็ยังขึ้นไปยังชั้นต่อไป

ที่ชั้นสี่ มีป้ายเขียนว่า ชั้น 4 : ชายเหล่านี้มีงานทำ รักเด็ก หน้าตาดีสุดๆ และช่วยทำงานบ้าน

"โอ้ พระเจ้าช่วย" หญิงคนนั้นอุทาน "ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว" แต่เธอก็ยังไปยังชั้นห้า

ที่ชั้นห้า มีป้ายเขียนว่า ชั้น 5 : ชายเหล่านี้มีงานทำ รักเด็ก หน้าตาดีสุดๆ ช่วยทำงานบ้าน และโรแมนติกมาก



แต่เธอก็ยังขึ้นไปชั้นหกที่ชั้นนี้ไม่มีผู้ชายเลย

...ชั้นนี้ถูกสร้างแยกออกมาเพื่อพิสูจน์ว่าผู้หญิงไม่มีวันพอใจอะไรง่ายๆขอบคุณที่มาใช้บริการ (ติ๊งต่อง........)



เพื่อไม่ให้เกิดความครหาว่าลำเอียงเจ้าของร้านจึงเปิดร้านใหม่อีกร้านนึง

เป็นร้านขายภรรยา ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ชั้นแรก มีภรรยาทีชอบมีเซ็กส์

ชั้นสอง มีภรรยาที่ชอบมีเซ็กส์ และมีเงิน

ที่ชั้นสามจนถึงชั้นหก ไม่เคยมีใครขึ้นมาถึงเลย.................

เพราะแค่ชั้นแรกมันก็ อยู่กันเกือบหมดแล้ว ............




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 19:39:39 น.
Counter : 603 Pageviews.  

"ทำบุญ...อย่าเหนียว ซี้เลี้ยว...อดบุญ"

กาลครั้งหนึ่ง ในปัจจุบันกาลนี่เอง ธนบัตรแบงค์ ๑๐๐๐ ได้ถูกพิมพ์ออกมาสู่ท้องตลาด
หลังจากนั้นก็ได้สถิตย์อยู่ในกระเป๋าของนักธุรกิจ ประชาชนผู้มีอันจะกินทั้งหลาย
ด้วยความภาคภูมิใจอย่างยิ่งจนอดเก็บไว้ไม่อยู่



แบ๊งค์ ๑๐๐๐ จึงพูดกับแบงค์อื่นๆออกมาว่า
"นี่พวกเธอ ดูสิ ฉันได้เดินทางไปที่ต่างๆกับบรรดาเศรษฐีทั้งหลาย ฉันไปมาแล้วทั่วโลก ทั่วทุกทวีปก็ว่าได้"



แบงค์ ๕๐๐ จึงพูดว่า .....
"เธอนี่โชคดีจังที่ได้เดินทางไปทั่วโลก แต่ฉันก็ได้เดินทางไปตามห้างสรรพสินค้า ทั้งขึ้นเหนือล่องใต้ทั่วประเทศเหมือนกันนะ"



แล้วแบงค์ ๑๐๐๐ กับ แบงค์ ๕๐๐ ก็หันมามอง แบงค์ ๒๐ ซึ่งฟังอยู่อย่างสงบ
"แล้วเธอล่ะ แบงค์ ๒๐ เธอไปไหนมาบ้าง เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิ"



แบงค์ ๒๐ ที่ฟังอย่างเงียบๆ เมื่อถูกขยั้นขยอให้เล่า จึงพูดขึ้น
"ฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศหรือตามห้างสรรพสินค้าหรอก

ส่วนใหญ่ฉันจะอยู่ตามวัด เขาทำบุญวัด อยู่ในตู้บริจาค และติดอยู่ตามต้นกฐิน

ถึงฉันจะไม่ใหญ่โตอะไร แต่งานบุญทุกงานก็มีพวกฉันมากที่สุดนะจะบอกให้"



เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ...
คนเราเวลาใช้จ่ายเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จ่ายเป็นพันเป็นหมื่นไม่มีความมัธยัสต์เสียดายเลย

แต่เวลาทำบุญกลับมัธยัสต์เหลือเกิน ทำแค่ ๒๐ บาทก็พอ
"ทำบุญ...อย่าเหนียว ซี้เลี้ยว...อดบุญ"




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 19:27:25 น.
Counter : 499 Pageviews.  

fwd mail 14 สิงหาคม 2669 โลกแตก

ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ
//www.ipst.ac.th/ThaiVersion/pu..._sci/14aug.pdf

-1-
14 สิงหาคม 2669 : วันโลกาวินาศ ?
คนโบราณเชื่อว่าทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ สงครามจะเกิด ภูเขาไฟจะระเบิด และโรคร้ายจะระบาด
ฯลฯ ปราชญ์ Aristotle ได้เคยกล่าวไว้ว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ที่ได้ท่วมทํ าลายมหานคร
Helice และ Bura ของกรีกโบราณนั้นเกิดขึ้นเมื่อดาวหางปรากฏ คัมภีร์ไบเบิลก็ได้บันทึกว่า ก่อนที่นคร
Sodom และ Gomorah จะถูกพระเจ้าทํ าลาย ผู้คนในเมืองได้เห็นดาวหางปรากฏบนฟ้าเช่นกัน และเมื่อดาว
หางโผล่ในปีที่จักรพรรดิ Attila Valerian และ Caesar เสด็จสวรรคต ชาวบ้านก็ยิ่งปักใจเชื่อว่า ดาวหางกับ
การสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์เป็นของคู่กัน
ส่วนในประเทศญี่ปุ่น องค์จักรพรรดิ์จะทรงมีพระราชบัญชาให้นักบวชประจํ าราชสํ านักทํ าพิธีบวง
สรวงขอความปรานจี ากพระผเู้ ปน็ เจา้ เวลาดาวหางโผล  และทรงหา้ มประชาชนมใิ หฆ้ า่ สตั วต์ ดั ชวี ติ จนกวา่ ดาว
หางจะลบั หายไป จกั รพรรดญ์ิ ปี่ ่นุ พระองคห์ นงึ่ ไดท้ รงหวาดกลวั ดาวหางมาก ถึงกับทรงสละราชบัลลังก์ เมื่อ
มีดาวหางปรากฏในรัชสมัยของพระองค์
เมอื่ วทิ ยาศาสตรเ์ จรญิ กา้ วหนา้ ขนึ้ ผคู้ นกช็ กั จะเรมิ่ สงสยั ในความเชอื่ ทวี่ า่ ดาวหางเปน็ ดาวอปั มงคล
จักรพรรดิ์ Napoleon ผู้ทรงประสูติในปีที่ดาวหางปรากฏ ได้ทรงประกาศว่า ดาวหางคือสัญญาณจากพระ
เจ้าที่ทรงกํ าหนดมาให้พระองค์ได้เป็นกษัตริย์ปกครองประเทศรัสเซีย (พระองค์ไม่ได้เป็น)
ถงึ แมว้ า่ คนสว่ นมากจะรสู้ กึ ผวากลัวเมอื่ เหน็ ดาวหาง แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่รู้สึกยินดีเป็นที่ยิ่งเมื่อ
เห็นดาวหาง เขาเหล่านั้นคือบุคคลที่เห็นดาวหางเป็นคนแรก ประเพณีกํ าหนดไว้ว่า ใครที่เห็นดาวหางดวงที่
ยังไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ชื่อของเขาจะเป็นชื่อของดาวหางดวงนั้นทันที ดาวหางจึงมีชื่อต่างๆ นานา เช่น
Alcock , Asaki, Kohoutek และ Austin เป็นต้น
ในปี พ.ศ. 2371 นักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ W. Olbers ได้คํ านวณว่าดาวหาง Biela จะ
โคจรผ่านโลกในระยะใกล้มาก ฝุ่นละอองจากดาวจะทํ าให้อากาศบนโลกเป็นพิษ คนทั่วไปเมื่อได้ยิน ได้ฟัง
คํ าพยากรณ์นี้ได้รู้สึกตื่นกลัวว่า ดาวหาง Biela จะชนโลก แต่เมื่อ D. Arago นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้
คํ านวณทางโคจรของ Biela ใหม่ และพบว่าระยะใกล้ที่ว่านั้นคือ 80 ล้านกิโลเมตร ผู้คนที่เคยใจหายก็เริ่ม
หายใจเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง
-2-
เมอื่ วนั ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2405 นกั ดาราศาสตรช์ าวอเมรกิ นั สองทา่ นคอื L. Swift และ H.
Tuttle ได้เห็นดาวหางดวงใหม่ และขณะนี้ดาวหาง Swift-Tuttle กํ าลังจะผ่านใกล้โลกอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่
15 ตุลาคม พ.ศ. 2541 B. Marsden แห่ง Haward-Smithsonian Center for Astrophysics ได้พยากรณ์
ว่า Swift-Tuttle ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 10 กิโลเมตร อาจจะชนโลก ในวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2669 ซึ่ง
เป็นเวลาที่ Swift-Tuttle จะโคจรกลับมาใกล้โลกอีกครั้ง และโอกาสการตูมกันกลางอวกาศเท่ากับ 0.01%
หาก Swift-Tuttle ชนโลกจริงๆ แรงปะทะ
จะทํ าให้เกิดการระเบิดที่รุนแรงเท่ากับการระเบิด
พร้อมๆ กันของการระเบิดปรมาณู 1 ล้านลูก ฝุ่น
ละออง และควันจะฟุ้งกระจายบดบังแสงอาทิตย์
จากเบื้องบนนานเป็นปี พืชและสัตว์จะพากันล้ม
ตาย และสูญพันธุ์ไปถึงไม่หมดก็เกือบหมด
Marsden ไดเ้ รยี กรอ้ งใหน้ กั ดาราศาสตร์
ทั่วโลก จับตาดูดาวหางดวงนี้แบบตาอย่ากระพริบ เพื่อตรวจดูตํ าแหน่งและทิศทางการโคจรของมัน หากคํ า
พยากรณ์ของเขาถูก เราก็จะต้องยิงจรวดนํ าปรมาณูไปถล่มทลายดาวหางดวงนี้ ก่อนที่มันจะถล่มเรา
แตผ่ มวา่ เขาจะคํ านวณผิดเสียมากกวา่ เพราะการท าํ นายเหตกุ ารณต์ า่ งๆ ล่วงหนา้ ตงั้ 134 ปี ให้
ถูก โดยที่ข้อมูล และรายละเอียดต่างๆ ของปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ไว้วางใจไม่ได้นั้น เป็นเรื่องที่ทํ าได้ถูก
ต้องยาก ไม่เชื่อ คุณก็คอยดู




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 19:13:54 น.
Counter : 697 Pageviews.  

30 ปี 6 ตุลาฯ’นักวิชาการ’แนะชำระประวัติศาสตร์ทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

30 ปี 6 ตุลาฯ’นักวิชาการ’แนะชำระประวัติศาสตร์ทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

6 ตุลาคม 2549 18:56 น.
“นักวิชาการ”แนะ ควรชำระหลายส่วน โดยผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ระบุกลุ่มทหารแตกแถวกัน และฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายกระทำกับนักศึกษา เสนอทางออกสัมภาษณ์ทหารและบุคคลในขณะนั้น เพราะกลุ่มนักศึกษา ไม่ได้มีปัญหา แต่กลุ่ม กระทิงแดง นวพล ลูกเสือชาวบ้าน ที่ถูกกลุ่มทหารจัดตั้งมาเป็นตัวการที่สำคัญ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :

การเสวนาเรื่อง “ประวัติศาสตร์ที่ยังไม่ได้ชำระ” ผู้เข้าร่วมเสวนาประกอบด้วย รศ.ดร.ไชยยันต์ ไชยพร หัวหน้าภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ อดีตนายกองค์การนักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ (อมธ.) เมื่อเดือนต.ค. 2519 ศ.พิเศษ ดร.ชลธิรา สัตยาวัฒนา จาคณะศิลปศาสตร์ ม.รังสิต รศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ จากคณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย นายกฤษฎางค์ นุตจรัส มีประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะยุคตุลาฯ 19 เข้าร่วมกว่า 200 คน

ดร.ธเนศ กล่าวถึงคำจำกัดความของเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 ว่า หลังการเปลี่ยนแปลงเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่เป็นฝ่ายก้าวหน้าผลักดันประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง แต่ 3 ปีต่อมากลุ่มอำนาจเก่ากำลังจะฟื้นคืนชีพ เป็นกลุ่มอำนาจที่ประกอบด้วยทหาร นายทุน และคนชั้นสูง ซึ่งเมื่อจอมพลถนอม กิตติขจร และจอมพลประภาส จารุเสถียร จะกลับเข้าประเทศและมีการต่อต้านเกิดขึ้น จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มอำนาจเก่านี้ ใช้สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ใส่ร้ายกลุ่มก้าวหน้า และอ้างเหตุกวาดล้าง ไล่ฆ่าในที่สุด

นายพิเชียร กล่าวว่า การต่อสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน ในเหตุการณ์ 6 ต.ค. 19 ไม่ได้รับการจดจารึกในประวัติศาสตร์เท่าที่ควร เราขอเรียกร้องให้เขียนให้ถูกต้อง เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ โดยเสนอให้บรรจุเข้าไปเป็นหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ แม้ว่าได้เรียกร้องมา 30 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้ทำ หรือทำก็มีรายละเอียดที่น้อยมาก นอกจากนี้ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ หรือที่กำลังจะเกิดขึ้นขอโทษต่อนักเรียน นักศึกษา ประชาชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ต.ค. ซึ่งรัฐได้ใช้กำลังความรุนแรงต่อเขา และควรชดเชยความเสียหายต่อบุตร ภรรยา ลูกๆ ของผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ 6 ต.ค.ด้วย เพราะที่ผ่านมามีการชดใช้ให้ผู้สูญเสียในเหตุการณ์ 14 ต.ค. 16 และพฤษภาทมิฬมาบ้างแล้ว

นอกจากนี้นายพิเชียร ยังเรียกร้องไปยังรัฐบาลสหรัฐอเมริกาด้วยว่า สหรัฐฯควรชำระประวัติศาสตร์ 6 ตุลาของประเทศไทยด้วยเช่นกัน เพราะมีข้อกล่าวหามาจากนักศึกษาที่ตนรู้จักที่ไปทราบเรื่องราวมาว่า มีการให้เงินผ่านทหารไทยบางกลุ่มจากสหรัฐ เพื่อให้จัดตั้งกลุ่มกระทิงแดง นวพล ลูกเสือชาวบ้าน ส่วนนี้ขอตั้งคำถามไปยังรัฐบาลสหรัฐด้วย เพราะมีการกล่าวหากันมากจริงๆ อีกทั้งในอดีตเมื่อมีนักศึกษาเคลื่อนไหว ในกรณีใดที่ไปกระทบสหรัฐ เป็นที่น่าสังเกตว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นมากกว่าปกติ เช่นการเดินขบวนไล่ฐานทัพสหรัฐออกไปจากไทย ก็โดนปาระเบิดที่สยามสแควร์ เสียชีวิตหลายคน

อดีตนายก อมธ. ระบุในตอนท้ายว่า ได้พิมพ์หนังสือ “ 3 ปีหลัง 14 ตุลาฯ 16 ถึง 6 ตุลาฯ 19” วางขายแล้ว รายได้จะนำมาช่วยเหลือผู้สูญเสียในเหตุการณ์ครั้งนั้น

ด้าน ดร.ไชยยันต์ กล่าวว่า มีประวัติศาสตร์ 6 ตุลาฯ 19 ที่ควรชำระหลายส่วน เช่น ใครคือไพ่ใบสำคัญของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทหารแตกแถวกันอย่างไร และฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายกระทำกับนักศึกษาและประชาชน ควรมีการไปศึกษา สัมภาษณ์ทหารและบุคคลในขณะนั้น เพราะกลุ่มนักศึกษา ไม่ได้มีปัญหากับรัฐบาลเลย แต่เป็นพวกกระทิงแดง นวพล ลูกเสือชาวบ้าน ที่ถูกกลุ่มทหารจัดตั้งมา

ดร.ไชยยันต์ กล่าวอีกว่า เปรียบเทียบการเปิดเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ กับ19กันยาฯ มีความเหมือนและต่างคือ มีการเผชิญหน้าของ 2 ฝ่ายเหมือนกัน แต่ 6 ตุลาฯเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง นักศึกษา กับ กลุ่มขวาจัด ส่วน 19 กันยาฯเป็นการเผชิญหน้าของกลุ่มคนหลายอาชีพ หลากชนชั้น ที่รวมกันเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมีคู่กรณีคือ รัฐบาลทักษิณ ดังนั้นหากจะปฏิเสธและทุรนทุรายกับการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. บอกว่ารับไม่ได้ และวิเคราะห์ต่อไปอีกว่า หากพันธมิตรฯกับฝ่ายที่หนุนทักษิณถอยก็จะไม่มีเงื่อนไขที่คณะทหารจะยึดอำนาจ

พูดอย่างนี้เหมือนกับว่าการที่ทหารเข้ามายึดอำนาจเป็นความผิดของพันธมิตรฯ ต้องเรียนว่าไม่ใช่ หากพันธมิตรฯถอยก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะหยุด เพราะนักวิชาการหลายคนวิเคราะห์ว่าขาลงของรัฐบาลทักษิณไม่ได้หมายความว่าจะลงไปสู่ความพ่ายแพ้ แต่อาจเป็นการจนตรอก แล้วเททุกอย่างจนหมดหน้าตัก ตรงนี้ยิ่งอันตราย

“แม้ว่าเราไม่มีการชุมนุมใหญ่ 20 ก.ย. แต่การปลุกระดมของรัฐบาลโดย สถานีวิทยุ 93.25 เอ็มวี ทีวี 1 ก็ยังคงมีอยู่ต่อไป แต่มีคนมหาศาลที่ไม่ได้ดูสถานีเหล่านี้ อาจไม่เห็นการเคลื่อนไหวนี้และเมื่อเทียบกับ 6 ตุลาฯที่เรามีเฉพาะฟรีทีวีเท่านั้น รับรู้รับฟัง นายสมัคร - นายดุสิตพูดเหมือนกัน ก่อนวันที่ 19 ก.ย.หลายคนจึงไม่รู้ว่ามีการปลุกระดมกันรุนแรงอย่างไร แม้ไม่มีการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่เมื่อถึงวันยุบพรรคไทยรักไทยก็ระดมประชาชนกันมาอยู่ดี ผมขอถามว่า รู้ทั้งรู้ว่าเหตุการณ์รุนแรง 6 ตุลาฯจะต้องเกิด ตอนนั้นยังจะเคลื่อนไหวต่อไปหรือไม่ ทำไมไม่ถอย ก่อนที่จะเกิดความรุนแรงและทหารเข้ามายึดอำนาจ เพราะฉะนั้นขอให้หยุดเอาประวัติศาสตร์ 2 ยุค มาเหมารวมกัน” รศ.ดร.ไชยยันต์ กล่าวถึงกรณีมีผู้เปรียบเทียบการยึดอำนาจ 2 ยุคว่าไม่ต่างกัน

ขณะที่ ศ.พิเศษ ดร.ชลธิรา กล่าวว่า ความเจ็บปวดสูญเสียที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวัน 6 ต.ค. 19 ทำให้รู้สึกว่ายังดีที่การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา พี่น้องของเราไม่ต้องเสียเลือดเนื้อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จนถึงช่วงเย็นก็ยังไม่เห็นการปรากฏกายของอดีตคนเดือนตุลาที่เคยอยู่กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งนักการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านเข้าร่วมงาน

ต่อมา บริเวณลานปรีดี มีกิจกรรมการแสดงจากนักเรียน นักศึกษา ต่อเนื่องด้วยการแสดงดนตรีรำลึกบทเพลง 14 ตุลา 2516 - 6 ตุลา 2519 โดยศิลปินเพลงเพื่อชีวิตหลายกลุ่ม เช่น คาราวาน โฮป คีตาญชลี มาลีฮวนน่า เป็นต้น




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2550    
Last Update : 6 ตุลาคม 2550 15:52:43 น.
Counter : 682 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

drunkcat
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




กตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประสูติจากพระครรภ์พระมารดาแล้ว ในที่สุดองค์สมเด็จพระประทีปแก้วใกล้จะถึงวาระที่จะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะองค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงบำเพ็ญบารมีมาครบ ๔ อสงไขยกับแสนกัป ควรจะได้เป็นพระพุทธเจ้า

ในวันหนึ่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเสด็จประพาสพระราชอุทยาน ก็ทรงพบเด็กเกิดใหม่ วันต่อมาทรงพบคนแก่ คนป่วย แล้วก็คนตาย วันสุดท้ายทรงพบสมณะ

ความจริงเวลานั้นพระที่แต่งตัวแบบนี้ ไม่มีในโลก แต่ว่าเทวทูตทั้ง ๕ ที่เรียกกว่า เทวทูต คือ เด็กก็ดี คนแก่ก็ดี คนป่วยก็ดี คนตายก็ดี พระก็ดี ที่ปรากฏกับสายพระเนตรขององค์สมเด็จพระชินสีห์ เมื่อยังเป็นสิทธัตถะราชกุมาร ท่านบอกว่า เวลานั้นเทวดาแสดงขึ้นให้ปรากฏ ครั้นเมื่อองค์สมเด็จพระบรมสุคตเห็นคนเกิดยังเด็กเล็ก แล้วต่อมาพบคนแก่ แล้วก็พบคนป่วย แล้วก็พบคนตาย น้ำพระทัยขององค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาตรัสว่า

"โลกนี้ทุกข์หนอ ไม่มีอะไรเป็นสุข หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้"

ต่อมาวันสุดท้าย องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาทรงเห็นสมณะวิสัยก็เข้าใจว่าทางนิพพานมีอยู่ ทางนี้เป็นทางสิ้นทุกข์ เหตุฉะนั้นองค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตัดสินพระทัยออกบวช นี่ขอเล่าลัดๆ นะ แต่ความจริงเรื่องนี้ยาวมาก
Friends' blogs
[Add drunkcat's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.