สิ่งมีชีวิต..มิอาจขาดได้ ...คือ Oxygen การศึกษา ปฏิบัติธรรม ก็เช่นกัน ที่มิอาจละเลย
Group Blog
 
<<
มกราคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
17 มกราคม 2553
 
All Blogs
 
4.งานฝังลูกนิมิตวัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101




วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 จัดงานฝังลูกนิมิต ๗-๑๗ มค ได้มีโอกาสไปร่วมงานวันสุดท้ายพอดี และขอนำบุญมาฝาก เพื่อนๆ พี่-น้อง ที่เข้าชม Blog ทุกท่าน ขอให้มีความสุข สุภาพแข็งแรง การงานเจริญก้าวหน้ามีเงินเพิ่มพูนทุกท่าน...




มาดูบรรยากาศ ในวัดรวมทั้งรายละเอียดการฝังลูกนิมิต...


การฝังลูกนิมิต เรียกกันอย่างเป็นทางการว่า การผูกพัทธสีมา เป็นพิธีการกำหนดเขตแดนของสถานที่ที่ใช้ในการทำสังฆกรรม เช่น การสวดโอวาทปาติโมกข์ ปวารณากรรม และอุปสมบท เป็นต้น

ความหมาย ก็คือ การกำหนดเขตพระอุโบสถ นั่นเอง เมื่อเราเข้าในในวัด หรือบริเวณพระอุโบสถ จะเห็นใบสีมาอยู่โดยรอบ บางทีก็ประดิษฐานอยู่ในซุ้ม และบางทีก็ตั้งอยู่บนพื้นดิน แต่บางวัดอาจ ไม่มีใบสีมาปรากฏให้เห็น เช่น วัดเบญจมบพิตร และวัดสวนแก้ว จังหวัดนนทบุรี ที่ใต้ใบสีมานี้เองที่มีลูกนิมิตฝังอยู่ ธรรมเนียมการฝังลูกนิมิตนี้คงสืบเนื่องมาจากสมัยพุทธ กาล ในตอนที่พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระศาสนาใหม่ ๆ บรรดาภิกษุสาวกทั้งหลาย ยังไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นหลักแหล่ง จึงมีผู้สร้างอารามถวาย เช่น เวฬุวนาราม เขตวนาราม และบุปผาราม ซึ่งก็เป็นแบบอย่าง ของการสร้างที่อยู่ของพระสงฆ์ในเวลาต่อมา เมื่อพระพุทธศาสนาเริ่มมั่นคงขึ้น พระภิกษุสาวกมีมากขึ้น และแยกย้ายไปประกาศพระศาสนาตามที่ต่างๆ แต่การทำสังฆกรรมจะต้องทำในพระอุโบสถเท่านั้น พระพุทธองค์จึงกำหนดเขตให้พระภิกษุสงฆ์กระทำกิจของสงฆ์ร่วมกันในบริเวณที่กำหนด โดยหมายเอาวัตถุบางอย่างเป็นเครื่องกำหนดเขตแดน เรียกว่า การผูกเขต หรือผูกสีมา
คำว่า สีมา นี้แปลว่า เขตแดน และวัตถุที่บอกเขตแดนเรียกว่า นิมิต พระพุทธองค์ทรงระบุไว้ ในบาลี 8 ประการ คือ ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ และน้ำนิ่ง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่อยู่ตามธรรมชาติ แต่แนวนิมิตนี้ไม่ค่อยมีระยะที่แน่ชัด ทำให้เข้าใจกันสับสน ต่อมาจึงสร้างนิมิตขึ้นมาโดยเฉพาะเป็นคู สระและก้อนหิน ซึ่งก้อนหินนี้เป็นที่นิยมกันมาก เพราะทนทาน และเคลื่อนย้ายได้ยาก เมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น เราก็ทำให้ก้อนหินเป็นลูกกลม ๆ มีลักษณะสวยงาม จึงเรียกกันว่า "ลูกนิมิต" ปัจจุบันนี้ พระอุโบสถนอกจากจะเป็นที่ประชุมสงฆ์ เพื่อทำกิจต่าง ๆ แล้ว ยังเป็นที่ที่ชาวบ้านใช้ประกอบพิธีกรรมหลายอย่าง จึงมีการ สร้างและซ่อมแซม พระอุโบสถของเก่าให้สวยงามอยู่เสมอ และการสร้างพระอุโบสถใหม่นี้เองที่ต้องมีการผูกพัทธสีมา หรือฝังลูกนิมิต ที่ทางวัดมักเชิญชวนให้ใคร ๆ ไปทำบุญ เนื่องจากการฝังลูกนิมิตเป็นกิจของสงฆ์ เราจึงไม่ค่อยได้เห็นการประกอบพิธีนี้เท่าใดนัก หากพบว่าบริเวณที่จะกำหนดเคยเป็นสีมา หรือเป็นที่ที่มีเจ้าของมาก่อน พระสงฆ์จะต้องสวดถอน เพื่อมิให้สีมาไปทับที่เจ้าของเดิม แต่ การกำหนดเขตสีมา ว่าจะมีอาณาเขตแค่ไหน จะต้องขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เพื่อให้ที่ดินบริเวณนั้นเป็นสิทธิ์ ของสงฆ์ หรือแยกวัดออกมาจากเขตบ้าน เรียกว่า วิสุงคามสีมา เสียก่อน การสวดถอนนี้จะกระทำก่อนพิธีการผูกสีมา หรือทำในวันเดียวกันก็ได้ โดยมากนิยมใช้ลูกนิมิต 8 ลูก ฝังตามทิศต่าง ๆ รอบพระอุโบสถ 8 ทิศ ทิศละหนึ่งลูก รวมทั้งกลางพระอุโบสถอีกหนึ่งลูก รวมทั้งหมด 9 ลูก พระสงฆ์ 4 รูป จะเดินตรวจลูกนิมิตที่นำไปวางตามทิศต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่ ทิศตะวันออก เรียกว่า สวดทักสีมา เมื่อเสร็จแล้วจะเข้าไปในพระอุโบสถสวดประกาศสีมาอีกค รั้งหนึ่ง หลังจากนั้น ก็ตัดลูกนิมิตลงหลุมและกลบ ในขั้นตอนของการตัดลูกนิมิตนี้ ทางวัดมักจะเชิญบุคคลสำคัญมาเป็นประธานในพิธี หากเป็นวัดหลวงจะกราบบังคมทูลเชิญพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทรงประกอบพิธี เมื่อผัง ลูกนิมิตและกลบแล้วก็จะสร้างเป็นซุ้มหรือทำฐาน ตั้งใบสีมา เวลาปิดทองลูกนิมิตจะเริ่มปิดตั้งแต่ลูกหน้าพระอุโบส ถและวนขวาไปจนครบ 8 ลูก และปิดทองลูกที่ฝังกลางพระอุโบสถเป็นลูกสุดท้าย
มีผู้เปรียบว่าลูกนิมิตเหล่านี้ หมายถึง พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์สาวก ที่ทรงคุณธรรม .......!
ทิศตะวันออก หมายถึง พระอัญญาโกญธัญญะ ผู้รู้ราตรีกาลนาน
ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หมายถึง พระมหากัสสป ผู้ทรงธุดงค์คุณ
ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หมายถึง พระราหุลผู้เลิศในทางการศึกษา
ทิศใต้ หมายถึง พระสารีบุตร ผู้เลิศในทางปัญญา
ทิศเหนือ หมายถึง พระโมคคัลลาน์ ผู้เลิศในทางมีฤทธิ์
ทิศตะวันตก หมายถึง พระอานนท์ ผู้เลิศในทางพหูสูตร
ทิศตะวันตกเฉียงใต้ หมายถึง พระอุบาลี ผู้เลิศในทางวินัย
ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หมายถึง พระดวัมปติ ผู้เลิศในทางลาภและรูปงาม
ส่วนลูกนิมิตกลางพระอุโบสถ หมายถึงพระพุทธเจ้า ....!

ในงานปิดทองฝังลูกนิมิตนิยมใส่ สมุด ดินสอ เข็ม ด้าย ลงไปในหลุมด้วย เพราะมีความเชื่อว่า หากผู้ทำบุญเขียนข้อความที่อธิษฐานลงในสมุด จะมีความจำดี ไม่หลงลืมง่าย ส่วนเข็มมีความหมายว่าจะได้มีปัญญาเฉียบแหลม ด้าย หมายถึงความต่อเนื่องมีชีวิตที่ผาสุกยืนยาว และการปิดทองที่ลูกนิมิต เพื่อให้ผิวกายผ่องใส ในสมัยก่อน ผู้มีจิตศรัทธาจะนำของมีค่าใส่ลงในหลุมด้วย เช่น พวกเครื่องทอง นาก เงิน เพราะถือว่าเป็นการฝากไว้ในพระพุทธศาสนา แต่ปัจจุบันไม่ค่อยทำกันนัก เพราะบางครั้ง มีคนไปลักลอบขุดขึ้นมา วัดต่าง ๆ จะจัดงานผูกพัทธสีมา หรือฝังลูกนิมิตได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
เมื่อมีการสร้างพระอุโบสถ แม้ว่าจะขยายขอบเขตก็เป็นเวลานานมาก เชื่อกันว่าใครที่ทำบุญจะได้ อานิสงส์มาก ในอรรถกถาบาลีกล่าวถึงอานิสงส์ในการผูกพัทธสีมาไว้ 6 ประการ คือ ไม่มีโรคภัย ไข้เจ็บทุกชาติ ปราศจากอุปัทวะทั้งหลาย ไม่เกิดในตระกูลต่ำ หากเกิดในโลกมนุษย์จะเป็น ท้าวพระยามหากษัตริย์ หากเกิดในเทวโลกจะเป็นท้าวสักกเทวราชสมบูรณ์ด้วยทรัพ ย์สินเงินทอง มีผิวพรรณผ่องใสและอายุยืน เหล่านี้เป็นความเชื่อในเรื่องผลบุญในชาตินี้ และชาติหน้า นั่นเอง และนี่ก็คือเรื่องที่หลายคนยังไม่เคยทราบที่มาที่ไปว่าการไปปิดทองฝังลูกนิมิตนั้นมีประโยชน์และสำคัญอย่างไร (จากข้อมูล เวปพลังจิต )

























การตัดหวายไม่ใช่ว่าจะตัดได้ง่าย หวายเหนียวพอควรใช้เวลาอยู่พักใหญ่เลย














Create Date : 17 มกราคม 2553
Last Update : 26 มกราคม 2553 1:28:19 น. 26 comments
Counter : 2772 Pageviews.

 
กลับมาจากสิงห์ฯ ไม่ทันงานตัดลูกนิมิตอะ น่าเสียดาย
เห็นพี่ไปทำบุญทีไรก็รู้สึกอิ่มบุญไปด้วยทุกที อนุโมทนาสาธุด้วยคนค่ะ

วันนี้น้องก็ทำบุญเผื่อพี่ด้วยล่ะ


โดย: HeLLuiN IP: 119.31.99.241 วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:20:39:27 น.  

 
อนูโมทนาด้วยค่ะ...
ปกติก็จะไปปิดทองฝั่งลูกนิมิตทุกปีค่ะ
ก็จะดูว่ามีวัดไหนมั่งที่มีงาน
แต่ก็เพิ่งจะทราบเกี่ยวกับเข็ม ด้าย ก็วันนี้เองค่ะ
ขอบคุณนะค่ะที่เอามาฝาก


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 17 มกราคม 2553 เวลา:21:15:11 น.  

 
อนุโมทนาด้วยครับเฮีย


โดย: Mo IP: 10.1.1.99, 58.137.184.130 วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:11:25:54 น.  

 
ขออนุโมทนานะคะ เสียดายที่ตัวเองไม่ได้ไป เพิ่งรู้ข่าวแต่ไม่รู้ว่ามีงานถึงวันไหน


โดย: โจรปล้นใจ IP: 58.97.60.3 วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:11:44:03 น.  

 
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้ในด้านพุทธศาสนา


โดย: Rosy IP: 58.137.148.194 วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:17:10:32 น.  

 


สวัสดีเช้าวันอังคารค่ะ.....คุณ OxyMan
มีความสุขทั้งวันน๊า




โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:7:54:27 น.  

 
ความสุข เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา
ความทุกข์ คือสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการ

ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ ทุกคนต้องมี ต้องได้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

เมื่อมีความสุข อย่าหลงระเริงชื่นชมยินดีจน...ขาดสติ
เมื่อมีความทุกข์ อย่าปล่อยให้ชีวิตจมอยู่กับทุกข์นั้นอย่าง...ไร้สติ
จงบอกตัวเองเสมอ ๆ ว่า สุขหรือทุกข์ ไม่ช้าก็...ต้องไปจากเรา

สุข ใยต้อง...ยินดี
ทุกข์ ใยต้อง...เศร้าโศก

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป....นี้คือสัจธรรม

ขอให้ทุกท่านมีสติรู้เท่าทันกับ “ สุข-ทุกข์ “ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
และเตรียมพร้อมในการเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันอย่าง “ พุทธะ “ ตลอดไป...นะคะ




ขอบคุณสำหรับบุญที่นำมาฝากปอป้า...นะคะ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:16:34:15 น.  

 
แวะมาทักทายครับ ผมมันคนห่างวัด เรื่องวัด ๆ วา ๆ ไม่ค่อยรู้อะไรกะเค้าเลย


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:20:28:36 น.  

 
หวัดดีวันดีดี
งานยุ่งเหรอค่ะ เงียบเชียว


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:8:04:33 น.  

 
ได้ความรู้ละเอียดเลยค่ะ


ขอบคุณค่ะ ที่จะไปเยี่ยมบ้านที่เชียงใหม่ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:13:13:42 น.  

 
คิหิสุข หรือ กามโภคีสุข คือ สุขของคฤหัสถ์, สุขอันชอบธรรมที่ผู้ครองเรือนควรมี ได้แก่

๑. อัตถิสุข – สุขอันเกิดจากความมีทรัพย์ คือความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนมีโภคทรัพย์ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงความขยันหมั่นเพียรของตนและโดยชอบธรรม

๒. โภตสุข – สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์ คือความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนได้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาโดยชอบนั้น เลี้ยงชีพ เลี้ยงผู้ควรเลี้ยง และบำเพ็ญประโยชน์

๓. อนณสุข สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ คือความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนเป็นไท ไม่มีหนี้สินคิดค้างใคร

๔. อนวัชชสุข – สุขเกิดจากความประพฤติไม่มีโทษ คือความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ว่าตนมีความประพฤติสุจริต ไม่บกพร่องเสียหาย ใคร ๆ ติเตียนไม่ได้ ทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ

ในบรรดาสุขทั้ง ๔ อย่างนี้ อนวัชชสุข มีค่ามากที่สุด

ขอให้ทุกท่านมีความภูมิใจ เอิบอิ่มใจ ในคิหิสุข สมปรารถนาในสุจริตทรัพย์ทั้งปวง...นะคะ




แวะมาทักทายยามบ่าย...ค่ะ


โดย: พรหมญาณี วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:14:19:28 น.  

 
สวัสดีครับ ผมเคยไปงานบวชหลานที่วัดนี้ครับ...ภายในวัดก็สงบดีครับ ต่างจากภายนอกวัด...

ออกต่างจังหวัดบ่อยคงมีโอกาศได้เข้าวัดหลายสถานที่นะครับ...ดีจังเลย



โดย: ผัสสะ วันที่: 21 มกราคม 2553 เวลา:18:12:44 น.  

 


สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณ OxyMan
มีความสุขทั้งวันนะค่ะ
ช่วงนี้ล่องเหนือเหรอค่ะ ดีจัง
ได้ไปเที่ยวหลายที ได้เจออะไรเยอะแยะ
ผ่านทางไหนเห็นอะไรน่าสนใจ อย่าลืมเอามาฝากนะค่ะ
เดินทางปลอดภัยค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:8:47:19 น.  

 
ความสุข และความทุกข์...เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับสัตว์โลกผู้ยังเวียนว่ายตายเกิด

แต่...

ความสุข และความทุกข์....อยู่กับเราไม่นาน
ผ่านมา...แล้วก็...ผ่านไป

เมื่อทุกข์ก้าวเข้ามาในชีวิต..เราต้องตั้งสติให้ดี
พร้อมที่จะเผชิญกับทุกข์นั้น...อย่างกล้าหาญ
เรียนรู้ที่จะอยู่กับทุกข์นั้นได้...อย่างสงบ

หากเราสงบได้ด้วยความเข้าใจในทุกข์นั้น...อย่างแท้จริง
ก็เรียกได้ว่า...เราเป็น....ผู้ชนะ
ชนะ...ที่สามารถอยู่กับทุกข์...อย่างมีความสุขได้นั่นเอง

เมื่อสุขผ่านเข้ามาเยือน...จงน้อมรับด้วยความยินดีอย่างมี...สติ
อย่าคาดหวังว่าสุขนั้น...จะอยู่กับเรา...ตลอดไป
จงทำหน้าที่ รักษาสิ่งดี ๆ นั้นไว้...ให้อยู่กับเรา...นานที่สุด

บอกกับตัวเองเสมอ ๆ ว่า...ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่...ยั่งยืน
หากเราตระหนักได้แล้วถึง...ความไม่จีรังของทุกสรรพสิ่ง
วันหนึ่ง...เมื่อสุขนั้นต้องจากไป เราจะได้ไม่ต้อง...มานั่งเสียใจ
วันหนึ่ง...เมื่อทุกข์ผ่านเข้ามาในชีวิต เราจะได้ตั้งรับ...อย่างมีสติ

ทุกสิ่งล้วน..เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...ดับไป
ผ่านมา...แล้วก็...ผ่านไป

ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังผจญกับความทุกข์
เหนื่อยกาย...เหนื่อยใจ...เหนื่อยได้ แต่อย่าท้อ

ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่กำลังมีความสุข
เก็บรักษาความสุขนั้นไว้ในความทรงจำ...ตลอดไป

โชคดี มีความสุข...ค่ะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:13:39:19 น.  

 
วันอาทิตย์นี้ต้องพาน้องไปเดินถนนคนเดิน @ เชียงใหม่นะ เสียดายเนอะ น่าจะบอกล่วงหน้าจะได้อยู่รอเที่ยวเชียงรายด้วยกัน แต่ยังไงก็คงไม่ได้หรอก เพราะพรุ่งนี้มีพิธีปิดการแข่งขันกีฬาที่ทำงาน แล้วก็จะมีคอนเสิร์ตด้วย ว่าจะชวนพี่ไปด้วยนะเนี่ย


โดย: HeLLuiN IP: 110.49.182.63 วันที่: 22 มกราคม 2553 เวลา:23:09:01 น.  

 


สวัสดีวันพระค่ะ
คิดดี ทำดี พูดดี มองโลกในแง่ดี
ขอให้พบเจอแต่สิ่งที่ดีดี และมีความสุขนะค่ะ



วันนี้อยู่จังหวัดไหนเอ่ย....
กลับเข้ากรุงเมื่อไหร่ค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:9:25:16 น.  

 
ทักทายสวัสดียามบ่ายๆ วันเสาร์ครับ
แวะมาส่ง link ทริปถ่ายภาพ "คุ้มขันโตก" ตามไปแจมด้วยนะครับ และไว้จะกลับมาแจมด้วยเช่นกันครับ

https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=abird&month=01-2010&date=23&group=37&gblog=1


โดย: ถปรร วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:17:11:54 น.  

 
ช่วงส่งท้ายปี 52 วัดใกล้บ้านก็มีการฝังลูกนิมิตรเหมือนกันค่ะ
งานใหญ่เชียวค่ะ
ตัวเองก็ไม่เคยเห็นงานฝังลูกนิมิตรมาก่อนก็ไปร่วมงานบุญด้วย
แต่มาอ่านวันนี้ที่ในบลอก ได้เข้าใจมากขึ้น
และรู้สึกดี ที่ได้มีโอกาสอันดีที่ได้ไปฝังลูกนิมิตร

ขอบคุณ ในข้อมูลค่ะ


โดย: me-o วันที่: 23 มกราคม 2553 เวลา:22:21:22 น.  

 
สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ
มีความสุขกับวันแรกของอาทิตย์นะค่ะ
กลับเข้ากรุงยังค่ะเนี้ย


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:10:10:55 น.  

 
สวัสดีวันจันทร์ที่ท้องฟ้าสดใส...ค่ะ

อุตส่าห์นั่งทำภาพสวยเอาไว้ตั้งแต่วันเสาร์
ตั้งใจว่าจะนำไปฝากเพื่อนบล็อกทุกท่าน
แต่เน็ตไม่เป็นใจ ทั้งเสาร์และอาทิตย์
สงสัยเพราะบ้านปอป้า อยู่ตะเข็บกรุงเทพฯ เน็ตไม่เป็นใจ
วันนี้เลยเอาภาพค้างสต๊อกมาฝากเพื่อน ๆ ก่อน..นะคะ

ขอให้มีความสุข สนุกสนาน สำราญใจ ตลอดสัปดาห์และตลอดไป...นะคะ





โดย: พรหมญาณี วันที่: 25 มกราคม 2553 เวลา:13:44:27 น.  

 
เข้าบ้านนี้ทีไร อบอุ่นเหมือนได้อยู่วัด

สวัสดีตอนเช้าครับ


โดย: punndaddy วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:7:05:58 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ
ไปหลายจังหวัดเลยนะค่ะ เหมือนได้ท่องเที่ยวไปในตัว
ดีจังเลยค่ะ...

เดินทางปลอดภัยนะค่ะ


โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:8:19:32 น.  

 
ปญฺญา หมายถึงความมีปัญญาหยั่งรู้เหตุผล รู้จักคิดพิจารณา
เข้าใจภาวะของสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง

นาถกรณธรรมนี้ ท่านเรียกว่าเป็น พหุการธรรม หรือ ธรรมมีอุปการะมาก
เพราะเป็นกำลังหนุนในการบำเพ็ญคุณความดีทั้งหลาย
ยังประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่นให้สำเร็จได้อย่างกว้างขวางไพบูลย์

ขอให้ดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข ถึงพร้อมด้วยปญฺญา
อันจะนำไปสู้ความสำเร็จในทุกสิ่งที่ปรารถนา ตลอดไป..นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:14:53:09 น.  

 
พระประธานสวยและองค์ใหญ่มากเลยครับ


โดย: endless man วันที่: 26 มกราคม 2553 เวลา:21:31:37 น.  

 
พุทธจริยา หมายถึง พระจริยาวัตรของพระพุทธเจ้า,
การบำเพ็ญประโยชน์ของพระพุทธเจ้า มี ๓ คือ

๑. โลกัตถจริยา การบำเพ็ญประโยชน์แก่โลก
๒. ญาตัตถจริยา การบำเพ็ญประโยชน์แก่พระญาติ
๓. พุทธัตถจริยา การบำเพ็ญประโยชน์โดยฐานเป็นพระพุทธเจ้า

ขอพระบารมีแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ที่ได้ทรงบำเพ็ญแล้วทั้ง ๓ ประการ
จงอำนวยอวยพรให้ทุกท่านมีความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
ปราศจากโรคภัยใด ๆ มาเบียดเบียน มีความสุขกายสุขใจ
ตลอดกาล...นะคะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:13:06:29 น.  

 
มาทักทาย ยามบ่ายค่ะ
ง่วงป่าวเอ่ย....



โดย: นุ่มณอ่อนนุช วันที่: 27 มกราคม 2553 เวลา:15:03:31 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

OxyMan
Location :
สิงห์บุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วิถีพุทโธโลยี พอเพียง เพื่อชีวิตยั่งยืน

จบวิศวะ ระบบการวัดและควบคุม เคยทำงานภาคอุตสาหกรรม อยู่ 12 ปี และปรับเปลี่ยนมาทำด้านอุปกรณ์การแพทย์ ไม่เคยคิดว่าชีวิตในการทำงานกว่า 18 ปี (2535) จะทำให้ผมได้มีโอกาส เดินทางเกือบทั่วประเทศไทย อยู่หลังพวงมาลัยมากกว่า ห้าแสน กิโลเมตร ยังขาดอยู่ 2 จังหวัดที่หาเวลาไปเยือน นราธิวาส และ แม่ฮ่องสอน

เรื่องที่เล่าต่างๆ ที่นำมาฝาก ก็เพื่อแบ่งปันมุมมองต่างๆที่ไม่มีในหนังสือทั่วไป

Skype : oxyman.th

เพื่อนที่กำลังชมบล็อก
Friends' blogs
[Add OxyMan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.