+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!

"My Blueberry Nights" ... ความเหงากินลึก กับของหวานที่ไม่มีใครกิน

โปรโมตสักนิด ปล่าวประกาศสักหน่อย


นอกไปจากการเริงรมย์ Bloggang ตะแร๊ดแต๊ดแต๋ที่ พันทิพ แล้ว ...ตอนนี้ นาย OncE UPoN'-'a MaN คนนี้ มีสถานที่ของคนรักหนังแห่งใหม่มาชวนให้คุณๆไปเถิดเทิงด้วยกันครับ


//vreview.yarisme.com


Vreview = We review = การรวมบทความรีวิวเกี่ยวกับหนังของแต่ละคน อาทิเช่น อัพเดตรีวิวสั้นๆถึงหนังโรงที่ได้ดูพร้อมคะแนนเพื่อช่วยตัดสินใจ พร้อม link ไปอ่านฉบับเต็มของแต่ละคน หรือ รีวิวเต็มๆตามสไตล์ใครสไตล์มัน


ผม OncE UPoN'-'a MaN คนนี้ คือคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสมาอยู่ในทีม Vreview นี้อันประกอบไปด้วยสมาชิกอีก 5 คน คือ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (คุณหมอเป็นโต้โผใหญ่ในการนี้) , "บลูยอชต์" , "Nanoguy" , "renton_renton" และ "เทพบุตรตบะแตก!!" ...พวกเราทั้ง 6 มีหน้าที่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว คือ การมาร่วมอัพเดทเปิดประเด็นคุย ให้รีวิวถึงอะไรก็ได้ที่เรียกว่า "หนัง" เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้พวกเราและคุณๆคนรักหนังได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน

ก็ขอเชิญชวนคนรักหนังทุกๆท่าน มาร่วมคุยร่วมแจม ณ ที่บล็อกแห่งนี้กันครับ ...และ Toyota Yaris เจ้าของบล็อก ฝากบอกมาว่า ถ้าเราไปร่วมรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนใหญ่ๆแล้ว เขาจะจัดกิจกรรมดีๆ ให้เราได้มาสนุกกันจริงๆจังๆอีกด้วยนะ







"My Blueberry Nights" ...เรื่องราวของความสัมพันธ์อันพันผูก ที่มัดเงื่อนตายเอาไว้กับความเหงา ของตัวละคร 5 คน ที่ต่างก็มีด้านลึก เป็นคนที่มีปัญหาในเรื่องของชีวิตกับความรัก ...แต่ละคนมีวิธีการเลือกที่จะจัดการกับหัวใจของตัวเองอย่างแตกต่าง แต่สุดท้ายก็เหมือนกันที่มักจะทำอะไรไม่ได้ดีไปกว่านั้น



"เอลิซาเบธ" ...เพิ่งสูญเสียคนรักของเธอไปให้กับการนอกใจ และลอบมีชู้กับหญิงอื่น ...เธอถูกทรยศให้กับความรักที่เธอวาดหวังเอาไว้ว่าจะสามารถให้ความเชื่อใจกับมันได้ และด้วยความรวดร้าว เจ็บปวดที่ได้รับจากการโดนทรยศชนิดมิอาจลืมลงได้ เธอจึงใช้มันเป็นแรงผลักดันที่จะหนีออกไปจากความจริงเรื่องนี้ให้ไกลที่สุด และวิธีที่เธอเลือกก็คือ การเดินทางไปตามเมืองต่างๆในอเมริกา เพื่อหวังจะผลักไสความเจ็บปวดให้หมดไป ...แต่เวลา 300 วัน ที่ผ่านพ้นไปโดยเจ็บปวดน้อยลงเรื่อยๆนั้น ก็มีสิ่งที่เธอได้มากกว่าที่เธอหวังไว้ คือ การได้เรียนรู้เรื่องราวของความรักผ่านมุมมองต่างๆของคนอื่นๆที่เธอได้เดินทางมารู้จัก



"เจอเรมี่" ...เขาคือผู้ชายคนหนึ่งที่ยังตั้งความหวังดีๆเอาไว้กับความรักเสมอ แม้ในชีวิตที่ผ่านมาเขาจะต้องเจอกับความผิดหวังก็ตาม ...เขาเคยรักผู้หญิงคนหนึ่ง อย่างซื่อตรงในเวลาที่เธอยังมีรัก แต่เมื่อเธอทิ้งเขาไป เขาก็ไม่ได้หมดอะไรตายอยาก หากก็พร้อมที่จะรอคอยให้สาวเจ้ากลับมาหาเขา ...ตอนที่เธอไป เธอได้ทิ้งกุญแจ เอาไว้พวงหนึ่งกับเขา และเขาก็เลือกจะรอให้เธอกลับมาเอาอยู่ตลอด โดยที่เขาไม่เคยต้องการไปตามหาเธอ เพราะเขาเชื่อในคำสอนของแม่ที่พูดกับเขาว่า "เวลาลูกหลงให้อยู่กับที่ อย่าเดินไปไหน เพราะเดี๋ยวจะหลง" ...หมายความว่า ถ้าเขาเลือกจะเดินไปหาเธอเมื่อไหร่ เขาก็พร้อมจะหลงทางได้เมื่่อนั้น



"อาร์นี่" ...ตอนกลางวัน เขาอาจจะเป็นนายตำรวจที่เป็นที่รักของทุกคนของชุมชนเล็กๆในเมืองเมมฟิส ก็จริงอยู่ ...แต่เมื่อตกกลางคืนเมื่อไหร่ เขาก็เลือกที่พร้อมจะเปลี่ยนภาพพจน์กลายมาเป็นชายขี้เหล้าที่วันๆนั่งซึมมะทื่อ หมดหวังไปกับชีวิตที่รวดร้าว เพราะคนรักมาจากกันไปมีชายอื่น... แม้เขาอาจเคยพยายามจะเลิกเหล้ามาหลายครั้งหลายหนแล้ว ด้วยความกลัวที่มันจะทำให้เขาแย่ แต่แล้วด้วยความที่ชีวิตไม่มีอะไรจะมาทำให้เลิกคิดถึงคนรักได้ เขาจึงต้องตั้งหน้าตั้งตาดื่มมันอยู่เรื่อยไป เพราะอย่างน้อยๆ มันก็คลายกังวลให้เขาได้ ...สัญลักษณ์ที่หมายถึงการไม่สามารถเลิกเหล้าได้ มีค่าเท่ากับ ชิปสีขาว(ได้มาจากการไปประชุมกับกลุ่มเลิกเหล้า) ซึ่งอาจจะเคยพยายามย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันมีแต่จะหนักขึ้นๆไปเรื่อยๆเท่านั้น แต่สุดท้ายเขาก็กลายมาเป็นราชาแห่งชิปสีขาว ที่ต้องพ่ายใจทุกทีที่เขาต้องไปหยิบมันมาเพิ่มขึ้นๆ เพื่อเตือนใจอย่างไร้ผล



"ซู ลินน์" ...เธอคือสาเหตุที่ทำให้ อาร์นี่ ร้าวรานใจ และเธอคือคนๆเดียวที่จะสามารถกำหนดชะตาชีวิตที่ตายทั้งเป็นของ อาร์นี่ ให้อยู่ที่เดิมเพื่อเฝ้ารอเธอกลับมาหาเขา... ซู ลินน์ ได้พร่ำพูดถึงชีวิตของเธอกับความรักที่อาร์นี่มีให้กับเอลิซาเบธรับฟัง ว่าเพราะความคลั่งไคล้ตัวเดียว ที่อาร์นี่มีให้เธอ มันมากเกินไปที่เธอจะทำใจอยู่กับผู้ชายคนนี้ได้ และเธอก็เลือกจะเดินจากชีวิตเขาไปด้วยการวิ่งหนีเมมฟิสไปคบกับชายคนใหม่ที่เมืองอื่นๆ ...แต่สุดท้ายเธอก็ไม่สามารถหนีความจริงนี้ไป และไม่รอดพ้นที่จะกลับมาตายรัง เพื่อต้องมาพบหน้าผู้ชายที่เธอทิ้้งไปอยู่เสมอ



"เลสลีย์" ...สาวซ่านักพนันมือโปร ที่เก่งกาจในการอ่านใจผู้อื่นอยู่เสมอ แต่ก็เหมือนคนทั่วๆไปที่เรื่องของดวงไม่เคยเข้าใครออกใคร และเธอก็มักจะเสียที ในช่วงเวลาที่เธอโกหกคนได้ไม่เนียน ...จนเมื่อครั้งหนึ่งเธอได้ขอที่จะเดิมพันรถสุดที่รัก กับเงินทองที่เอลิซาเบธเก็บสะสมไว้หวังจะเอาไปซื้อรถ ดวงก็เข้ามาหนุนเอลิซาเบธให้ได้รถคันงามสุดหรูมาใช้ฟรีๆ โดยที่ได้เลสลีย์ มาเป็นเพื่อนร่วมทางที่ขอติดรถไปเท็กซัส เพื่อขอตังค์พ่อมาถอนทุนคืน ...แต่ด้วยความที่เธอเคยหนีพ่อมาโดยไม่รับฟังเสียงทัดทานใดๆ เธอจึงไม่กล้าสู้หน้า และเลือกที่จะโกหกตัวเองว่าพ่อสบายดี เมื่อทางโรงพยาบาลติดต่อให้มาดูใจโดยด่วน เพียงเพราะเธอเชื่อในการอ่านใจว่านี่จะเป็นอีกครั้่งที่พ่อใช้ลูกไม้เก่ามาหลอกล่อให้เธอตายใจกลับมาหาชายแก่ที่เธอทอดทื้งไปคนนี้

5 คน กับ 5 วิธี ที่เลือกจะทำให้ตัวเอง ไม่มีปัญหากับเรื่องของความรัก ล้วนแต่มีความพ้องต้องกันในกลไกปกป้องตัวเองโดยทั้งนั้น ...
เอลิซาเบธ ...เลือกจะ..เดินทางไกล เพื่อปกป้องตัวเองจากการ..อยู่ใกล้กับภาพบาดตาบาดใจของอดีตคนรัก
เจอเรมี่ ...เลือกจะ..อยู่กับที่ ทำร้านคาเฟ่ไปเรื่อยๆ ทุกวี่ทุกวัน เพื่อปกป้องตัวเองจากการ...ที่อาจจะหลงทาง แล้วไม่มีวันได้พบคนรักของเขาอีกเลย
อาร์นี่ ...เลือกจะ..ดื่มเหล้า เพื่อปกป้องตัวเองจากการ..ถอนความเศร้า คอยกังวลที่ครุ่นคิดถึงผู้หญิงคนเดียวที่เขารักเป็นที่สุด
ซู ลินน์ ...เลือกจะ..มีกิ๊ก หนีไปอยู่ที่อื่น เพื่อปกป้องตัวเองจากการ..ต้องทนอยู่กับความจริงที่เธอหมดรักผู้ชายคนแรกในชีวิตไปแล้ว
เลสลีย์ ...เลือกจะ..โกหกตัวเองในทุกเรื่องของพ่อ เพื่อปกป้องตัวเองจากการ..ที่เธอเคยทำแต่เรื่องเลวร้ายกับพ่อของเธอมาโดยตลอด

แต่ถึงพวกเขาต่างก็พยายามปกป้องตัวเองสักเพียงไหน สุดท้ายแล้วสิ่งที่พวกเขาได้กลับมา ก็มักจะเป็นสิ่งที่เรียกว่า 'ความเหงา'

เรื่องของความเหงาในหนังเรื่องนี้ มันก็คล้ายๆกับกรณีที่ พายบลูเบอรี่ ในร้านของเจอเรมี่ มักจะไม่มีใครกิน หรือถ้ากินก็ไม่เคยหมด... ถ้าจะมองว่ามันผิดที่มันไม่น่ากิน ไม่น่าอร่อย ก็อาจจะเป็นเรื่องถูกที่คนนอกเขาคิดกัน แต่ตัว เจอเรมี่ กลับเลือกจะมองในแง่ดีว่า "มันไม่ผิดหรอกที่ไม่มีใครกิน เพียงแต่คนเขามักจะเลือกอย่างอื่นทานกัน"

ด้วยความที่คนอื่นมักจะเลือกอย่างอื่นทานไปจนหมดแทบทุกอย่าง แล้วทิ้งไว้ให้พายบลูเบอรี่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว ...ก็คงจะเป็นดังที่เจอเรมี่มองมันในแง่ดีว่า เรื่องของความเหงา ไม่ใช่เราที่ผิด แต่เป็นเรื่องของรอบข้างที่เป็นตัวกำหนดให้เราต้องอยู่อย่างเหงา และถึงต่อให้เราเรียกร้องให้มีใครมาสนใจซะขนาดไหน มันก็ไม่อาจจะทำให้เราเลิกเหงาได้ ...คือ ถ้ามองในมุมของบลูเบอรี่พาย ต่อให้เจอเรมี่จะพยายามโปรโมตว่าพายที่ร้านนี้อร่อยอย่างมากมายเพียงใด แต่สุดท้ายถ้าของมันไม่ใช่ มันก็ไม่สามารถทำให้คนมาใส่ใจได้ในที่สุด

ฉะนั้นแล้ว ไม่มีใครผิดที่เกิดมาเหงา และย่อมไม่อาจจะมีวิธีการใดให้เราเลิกเหงาได้อย่างถาวร ...แต่ถ้าเราเลือกจะใช้ชีวิตที่อยู่กับความเหงาให้หมดไปกับอะไรก็ได้ที่มันเรียกว่าดี แล้วทำให้มันสุดๆจนเกิดความคุ้มค่า มันย่อมจะดีกว่าการทำอะไรก็เซฟเอาไว้ ปกป้องตัวเองให้ไม่ข้องเกี่ยว ที่ถึงจะพยายามมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหลีกปัญหาที่ตัวเองมีส่วนก่อไว้ได้เลย ทั้งยิ่งเหงาก็จะยิ่งทุกข์มากกว่าเดิมเพียงเท่านั้น

เอลิซาเบธ อาจเคยพยายามเดินทางไกลหนีจากแดนศิวิไลซ์ในนิวยอร์คไป เพียงหวังจะลืมความทุกข์เรื่องรักร้าวระบม ...แต่เมื่อสุดท้าย เธอได้หมดเวลา 300 วันไปกับสถานที่ต่างถิ่นอันห่างไกลตลอด 5000 ไมล์ แล้วก็เวียนกลับมาสู่ที่เก่าดังเดิม ...เธอก็พบว่า การหนีอาจจะไม่ใช่เรื่องดีที่เธอควรทำก็จริง แต่ถ้าในทางตรงข้าม มันจะกลับมาเกิดประโยชน์ในมุมมองความรักของเธอถึงเพียงนี้ ก็ต้องนับว่าคุ้มค่าแล้ว ที่เธอเคยได้ทุ่มเท และเลือกจะทำมันไปจนสุดๆขนาดนี้



"My Blueberry Nights" ... นับว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่ ผู้กำกับฝีมือเจ๋ง น่าภูมิใจของชาวเอเชีย อย่าง "หว่องกาไว" ได้โกอินเตอร์กันอย่างเต็มตัว... ก่อนหน้านี้ เขาอาจจะเคยส่งหนังดีๆมากมายหลายหลาก มาส่งประกวดให้เป็นที่ประจักษ์ของคอหนังอินดี้กลุ่มเล็กๆจะๆตาแล้ว แต่ในฐานะของคนทำหนังฮอลลีวู้ด นี่ก็คงจะเป็นเรื่องที่จะทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากไปกว่าเก่าในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น

ถ้ามองในมุมของคนเอเชียด้วยกันอย่างเดียว ...ก็ต้องยอมรับว่า ชื่อของ หว่องกาไว ต้องอยู่ในระดับที่จะเป็นที่นึกถึงของคอหนังอันดับต้นๆของทวีปนี้ ไม่ต่างไปกับ จางอวี้โหมว , อัง ลี หรือ จอห์น วู ...แต่สิ่งหนึ่งที่เฮียหว่องจะมีลักษณะความเด่นที่จะโดดออกมาต่างจากผู้กำกับอันดับต้นๆในกลุ่มนี้ ก็คือ ความถนัดในการสร้างหนังสเกลเล็ก ที่ค่อยๆสร้างความละมุึมละม่อมทางอารมณ์ และปล่อยให้บาดลึกด้วยเรื่องราวที่ไม่ผลีผลาม หากก็กินใจได้อย่างลึกล้ำ โดยเฉพาะ ประเด็นของความเหงา ที่เป็นตัวการ ให้เขาได้รับฉายา 'เจ้าพ่อหนังเหง้า..เหงา'

ถึงจะเห็นผมพูดเชียร์เฮียหว่อง กันเสียอย่างนี้ ก็ยังไม่ได้หมายความว่า ผมเทิดทูนหนังของเขา และสมัครรักใคร่เป็นแฟน (นั่นคือสิ่งที่ได้ไปเก็บเอามาจำจากคำคนอื่นล้วนๆ)...หากความจริงแท้ ถ้าผมจะบอกว่ารู้จักเขาผ่าน "ป๋าเบิร์ด-ธงไชย" ก็คงไม่ผิดอะไรหรอกนะ (ถ้ายังจำกันได้...ซูเปอร์สตาร์ของเราคนนี้เคยได้มีบทบาทเป็นตัวประกอบออกฉากในหนัง "2046" กับระยะเวลา 3 วินาที ที่คนไทยคุ้มค่าจะไปดู..รึเปล่า!!?)

แต่เมื่อผมได้ดูหนังโกฮอลลีวู้ดเรื่องแรกของเขา เรื่องนี้แล้วนี่เอง ผมก็ไม่จำเป็นจะต้องไปรู้จักเฮียหว่องมาจากใครคนอื่นอีกต่อไป... และผมก็ได้เห็นกับตาแล้วว่า ความเหงาบาดลึกที่เฮียหว่อง เชี่ยวชาญนั้นเป็นอย่างไร



แม้ตัวเรื่องราวของ My Blueberry Nights อาจจะเน้นย้ำเรื่องความเหงา เป็นอีกประเด็นใหญ่ในหนัง แต่ในห้วงความรู้สึกส่วนตัว ก็น่าให้คิดว่ามันคงมีสัดส่วนความเข้มข้นที่น้อยลงกว่าหนังเรื่องก่อนๆของเขา เพราะรู้สึกว่ามันล่องลอยอย่างปล่อยผ่าน มากกว่าจะขยี้อย่างชัดเจน ...แต่ถึงกระนั้นแล้ว วิธีที่เฮียหว่อง เลือกก็ย่อมส่งผลดีต่อคนดู ที่ได้ค่อยๆปล่อยอารมณ์ให้เลื่อนลอยอย่างช้าๆ ไปกับเรื่องราวที่ไม่เน้นความรุนแรงของการซัดอัดคนดูเอาให้จุกกันดื้อๆ

การนำเสนอเรื่องราว โดยเปิดทางให้คนแสดงด้นกันได้เอง ก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ เฮียหว่อง จะได้รับการพูดถึงอยู่ตลอด... และหนังเรื่องแรกของเขา ที่ผมได้ดูนี้ ก็ให้เกิดรู้สึกอยู่ตลอดว่า มันก็มีเสน่ห์อะไรบางอย่าง ที่ถึงเราไม่อาจจะมองออกว่าตรงไหนบทกำหนด ตรงไหนด้นสด แต่กระนั้นมันก็สามารถยึดคนดูให้ติดตรึงอยู่กับบทสนทนา ตรงหน้าได้ีอยู่ ให้เชื่อในความเก่งกาจทั้งตัวคนกำกับ อีกทั้งเหล่าดาราที่เกิดอารมณ์ร่วมในคาแรกเตอร์ที่เขาได้รับมาเป็นก็ด้วย

แล้วยิ่งหนัง ได้ระดับฝีมือฉกาจอย่าง "จู๊ด ลอว์" , "ราเชล ไวส์" , "เดวิด สแตรทเทิร์น" , "นาตาลี พอร์ตแมน" มาร่วมกันขึ้นจออย่างนี้ด้วย ...ความมีคุณภาพของพวกเขา เมื่อมาอยู่ในมือผู้กำกับคุณภาพ จึงเป็นอะไรที่ออกมาดูดี ...แม้บางคนอาจจะไม่ได้ถึงกับโชว์พาวสุดๆ อย่างเต็มฟอร์ม แต่ก็ล้วนมาสวมเป็นคาแรกเตอร์ที่ให้ความรู้สึกน่าพอใจกันแทบทั้งนั้น



แล้วนี่ยังต้องรวมไปถึง อีกหนึ่งนักแสดงหน้าคุ้นๆ ที่แม้เพิ่งจะมีผลงานหนังเป็นเรื่องแรก ก็สามารถโชว์เด่นได้น่าจดจำซะแล้วอย่าง "นอร่า โจนส์" ...ก่อนหน้าว่าร้องเพลงเพราะจับใจ พอได้มาเป็นใครที่ไม่คุ้นตา ก็ยังเล่นได้อินจับจิต ...ก็ถือว่ามีดวงดีนำโชคเสียจริงๆที่ได้ถูกตาต้องใจ เฮียหว่อง ซะขนาดนี้

และด้วยการกำกับระดับอ๋อง บวกกับการแสดงที่เข้าถึงบทของดาราดังทั้ง 5 ...ก็มีผลลัพธ์ออกมาเป็นค่ามากพอจะทำให้ผมเกิดความรู้สึกที่เอ่อล้นไปด้วยความซาบซึ้งอันกินลึก ก่อให้เกิดน้ำตาหลั่งไหลลงมาไม่ขาดระยะไปนานนัก มันจะคลอเบ้าพรั่งพรูไปพร้อมฉากและเรื่องราวแสนเศร้าที่แต่ละตัวละครได้มาพบเจอในชีวิต ...มันอาจไม่ใช่ความรู้สึกที่ทรมานอะไรนักหนา แต่มันก็เป็นเรื่องที่ยากจะหักห้ามไม่ให้เห็นใจในชะตากรรมของพวกเขาได้

แต่ถึงจะซาบซิ้ง อิ่มอกอิ่มใจ มากมายถึงกับอยากร้องไห้เป็นเพื่อนเหล่าตัวละครไปด้วยแล้ว... ก็ยังไม่อาจจะห้ามความรู้สึกเสียดายที่มีต่อ ความสมบูรณ์แบบ ที่ไม่ได้ให้มาครบในจุดมุ่งหมายของอารมณ์ค้างคากับตัวหนัง ...เพราะเท่าที่เป็นอยู่นั้น ดูเหมือนว่าหนังจะใส่ใจกับการเล่าเรื่อง และบทไดอะล็อก มากกว่า การทำให้บุคคลที่สามอย่างคนดูรู้สึกเกิดความใกล้ชิดกับตัวละครเหล่านี้ โดยไม่ต้องมีหน้าจอสี่เหลื่ยมเบื้องหน้ามากั้นขวาง ...ซึ่งถ้าเฮียหว่อง สามารถยึดคนดูให้ตามติดการเดินทางของเอลิซาเบธไปด้วยกัน พร้อมติดใจเรียนรู้ไปกับเรื่องของเธอ ที่ยังน่าจะใส่เรื่องของปมประเด็นความลึกซึ้งในรายละเอียดของแต่ละตัวละครมากกว่านี้ได้อีก ...ก็น่าจะทำให้ผมคิดภาพสมมติว่าได้เข้าไปนั่งอยู่ในสถานที่เดียวกับฉากที่เห็นในหนังโดยสนิทใจมากกว่านี้



"My Blueberry Nights" ...งานโกอินเตอร์ โดย หว่องกาไว กับหนังเรื่องแรกของเขาในโลกอินดี้ที่กว้างขวางขึ้นกว่าเก่า ...นี่ต้องถือเป็นนิมิตรหมายอันดีมากๆที่ทำให้คนในวงการหนังที่ใหญ่กว่า จะได้ดูหนังจากฝีมืออันเยี่ยมยุทธ์ของอีกหนึ่งความน่าภูมิใจแห่งเอเชียคนนี้ และได้ประจักษ์ว่า ความเป็นตะวันออก ก็สามารถกลืนขนบตะวันตกได้โดยง่ายดาย (ไม่ใช่เรื่องจำเป็นใดๆเลยที่ตะวันตก จะต้องนำเอาความเป็นตะวันออกมาปู้ยี่ปู้ยำจนเสียของ อย่างเช่นที่ในวันนี้ Shutter ของไทยเรา กำลังเป็นเหยื่อของฮอลลีวู้ดอย่างน่าสงสารในตัวต้นฉบับ)

สำหรับใครที่อยากดูหนังที่ให้อารมณ์เรียบง่าย แต่ให้ความอิ่มอกอิ่มใจ ...หรือว่าจะเป็นแฟนของเฮียหว่องมาแต่ไหนแต่ไรก็ตามแต่ ...ไม่ควรพลาดครับ


ขอแนะนำ...ครับ

เกรด A- ... {}

"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน"






ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ




 

Create Date : 25 มีนาคม 2551
3 comments
Last Update : 25 มีนาคม 2551 2:15:51 น.
Counter : 4085 Pageviews.

 

จริงๆแล้ว ส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ (ในความคิดพี่) ก็คือ "ชื่อเรื่อง" และ "นาตาลี พอร์ตแมน" 555555

ชื่อเรื่องความหมายมันลึกซึ้งดี เมื่อเทียบกับพายบลูเบอรี่ ก็ว่ากันไปด้วยค่ำคืนแบบบลูเบอรี่ๆ ที่ชั้นก็เป็นของชั้นแบบนี้แหละ ไม่ได้แย่ไม่ได้เลว ก็แค่ไม่มีใครเอา 555555

ทำให้หนังเรื่องนี้อยู่ในสถานะ "บันทึกไดอารี่ของเอลิซาเบธ" ไปโดยปริยาย (เออ พอคิดแบบนี้แล้ว หนังมันดูดีขึ้นนิดนึงแฮะ 55+)

ส่วนอย่างอื่น ยังยืนยันเหมือนเดิม กร๊าก

 

โดย: nanoguy IP: 125.24.79.250 25 มีนาคม 2551 8:08:52 น.  

 

ผมคงต้องหาโอกาสชมทาง DVD

 

โดย: I will see U in the next life. 25 มีนาคม 2551 22:53:20 น.  

 

+ เรื่องนี้เป็นหนังเฮียหว่องเรื่องแรกของพี่เช่นกันครับ (ก่อนหน้านี้ พี่ไม่ค่อยได้ดูหนังเอเชียเท่าไหร่ ก็เลยพลาดหนังเฮียแกไปมากมายหลายเรื่อง ส่วน 2046 น่ะทัน แต่กลัวจะดูไม่รู้เรื่อง ก็เลยตัดสินใจยังไม่ดู กะจะไปหาหนังเก่าๆ ของเฮียแกที่ท็อปฟอร์ม อย่าง Chunking express, In the mood for love, Happy together เทือกๆ นี้มาดูก่อน)

+ นอร่า โจนส์ ดูน่ารักขึ้นกล้องและเป็นตัวของเธอเองดีนะ (เฮียหว่อง เหมือนจะทำหนังเรื่องนี้ให้เธอแสดงโดยเฉพาะ), ส่วนการแสดงพี่ชอบ นาตาลี พอร์ตแมน กับเดวิด สแตรทเธิร์น อ่ะครับ

+ ดูจบแล้วก็เหงากระจาย ใช้ได้เลยทีเดียวนะเนี่ย

 

โดย: บลูยอชท์ 27 มีนาคม 2551 20:27:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.