1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30 31
เลี้ยงส่งท้ายปีเก่า...The Lady
..ถึง อาหารงานเลี้ยงปีใหม่
หลังจากพักยกการทำอาหารเลี้ยงแขกวันคริสต์มาสผ่านไป แม่บุญกับมิเชลก็พักยกนอนผึงพุงให้สมกับความเหนื่อยสะสมมาหลายวัน แถมอากาศไม่ดีฝนตก...หิมะไม่ตก ฝนฟ้ามันไม่ตกต้องตามฤดูกาล อากาศแปรปรวนไปหมด แต่ชอบ..เพราะไม่ต้องลุยหิมะไปไหน ๆ มิเชลให้ของขวัญคริสต์มาสเป็นรองเท้าคู่สวย สำหรับใส่เวลาหนาว ๆ เพราะข้างในมีขนนุ่ม ๆ ทำให้อุ่นด้วย ส่วนแม่บุญ...ให้กระเป๋าตังค์ใบใหม่ เพราะถ้าไม่ซื้อให้แกก็ใช้ใบเก่าจนกว่าจะตายจากกันนั่นแหละ 29 ธ.ค เราสองคนได้รับเทียบเชิญไปกินอาหารเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าที่บ้านเพื่อนของ มิเชล ๆ เตรียมอาหารว่างไปร่วมแจมด้วยหนึ่งอย่าง งานนี้เขาเชิญเพื่อนคนอื่นด้วยรวมแล้ว 7 คนพอดี เพื่อนคนนี้เรียนทำอาหารฝรั่งเศสกับมิเชลมาก่อน และทำอาหารได้ดีทีเดียว แต่คนที่ทำได้ดีกว่าคือ ภรรยา ที่ชื่อ นิโคล เพราะทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก แถมเก่งมากเรื่องอาหารจำพวกสัตว์ป่าทั้งหลาย เพราะพ่อเป็นนัำล่าสัตว์ และตอนนี้ทั้งคู่กำลังเรียนเรื่อง ไวน์ ชนิดต่าง ๆ อีกด้วย อาหารเรียกน้ำย่อยหลายอย่างที่ทั้งสองคนทำมา ล้วนแต่ได้รับเสัยงชมไม่ขาด แม่บุญชมไปกินไป บอกแล้วไงว่าชอบกิน ..แล้วยังไม่ต้องทำเองอีก อะไรมันจะสุขปานนั้น จากนั้นอาหารจานแรกก็ถูกยกมาเสริฟ เป็นฟัวร์การ์แบบดิบ เสริฟมากับขนมปังหวานปิ้ง และ ชัตนี่มะม่วงไทยที่มิเชลทำมาเอง อร่อยมาก..กับเครื่องเคียงอย่างอื่นอีกสอง สาม อย่าง ส่วนไวน์ที่ดื่ม นิยมเป็นไวน์ขาวที่มีรสหวาน จะเข้ากันยังกับฉิ่งกับฉาบ อาหารจานหลัก...เป็นเนื้อกระต่ายป่า ..เครื่องเคียงมี ชิกง..อบไอน้ำ แอปเปิ้ลอบกับผลไม้.ราดหน้าเหมือนมิเชลทำ ฟักทองหั่นชิ้นเล็กปรุงในน้ำส้มสายชูจากแอปเปิ้ลและส่วนผสมอย่างอื่นอีก ยังมีมันฝรั้งบด และมันฝรั่งทอดแบบสวิส อีกด้วย อันนี้มีไวน์แดงรสดีมาเสริมให้คล่องคอขึ้นอีก ของหวาน...อันนี้ถูกใจสุด ๆ ชื่อ บาบารม ขนมเค้กฝรั่งราดด้วยเหล้ารัม เคียงข้างด้วยครีมชีสตีจนแข็งตัว ... ตบท้ายด้วย ชา กาแฟ ตามเคย เรากลับบ้านกันเที่ยงคืน ด้วยท้องอันหนักอึ้ง ..นี่ต้องลดพุงด่วน..ไม่งั้นใส่เสื้อยืดมันคงเรียงเป็นชั้น ๆ แบบห่วงยางเลยทีเดียว 30 ธ.ค หลังจากรอมานาน หนังเรื่อง the Lady ก็เปิดฉาย เชื่อหรือเปล่าว่าตั้งแต่แต่งงานกันมา ไม่เคยไปดูหนังด้วยกันเลย นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี นี่ถ้าอยู่เมืองไทยจะเอาเลขท้ายไปแทงหวยเสียหน่อย เพราะความชอบประเทศพม่า
หลังจากไปเที่ยวแบบยาวนานแล้วท้องเสีย..อิ อิ กลับมามิเชลก็ยังพร่ำเพ้ออยากกลับไปอีก พูดแทบทุกวัน พอหนังเข้าฉาย แล้วยังเกี่ยวกับ ออง ซาน ซูจี อีกด้วยงานนี้ไม่มีพลาด
หนังเริ่มฉายบ่ายสองครึ่ง แต่เราออกบ้าน 11 โมง พากันไปเดินศูนย์การค้า ดูข้าวของที่เตรียมลดราคา..มิเชลซื้ออาหารแล้วเอากลับบ้านก่อน ให้แม่บุญเดิน Window shopping ให้หนำใจ ก่อนจะนัดเจอกันหน้าโรงหนัง ให้แกไปจองตั๋วไว้รอ โรงหนังที่นี่เป็นอาคารใหญ่ มีห้องสำหรับดูหนัง 10 กว่าห้อง ใหญ่เนาะ แต่ภายในอาจจะเล็กกว่าที่บ้านเรา ราคาตั๋ว สำหรับเด็ก 6 ยูโร นักเรียน คนแก่ 7 ยูโร ส่วนราคาปกติคือ 8 ยูโร และนี่เป็นครั้งที่สามในรอบ 7 ปี ที่แม่บุญเข้ามาดูหนัง ถ้าเป็นที่เมืองไทย..มีหรือจะพลาดหนังฮอลิวูดดี ๆ ดูกันแทบทุกเรื่อง มาอยู่ที่นี่ตอนแรกภาษาฝรั่งเศสไม่กระดิก ดูไปก็เสียดายเงิน แถมไม่มีเสียงในฟิลม์ภาษาอังกฤษ ..เลยงดไปโดยปริยาย หนังเรื่องนี้ใช้เวลาฉายสองชั่วโมง เรานั่งดูกันด้วยความตั้งใจ เพราะเป็นเรื่องราวชีวิตจริงของคุณออง ซาน ซูจี ที่ต้องต่อสู้กับความอยุติธรรม เพื่อให้ประเทศที่เธอรักได้รับประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แต่ก็อย่างที่ทุก ๆ คนรู้กันนั่นแหละ...อำนาจ และ เงินตรา...มันเข้าใครแล้ว..ออกยาก จะหาหมอผี หมออะไรต่ออะไรมาปราบ..มันก็ไม่ยอมออก จนกว่าจะดับดิ้นเหมือนผู้นำ กัดดาฟีร์ ที่ตายอย่างน่าเวทนานั่นแหละ ..เห็นภาพแล้วสยอง.. หนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้กินใจ...แม่บุญกับมิเชล...ดูไปร้องไห้ไป ด้วยความสงสาร เสียงสั่งน้ำมูก ฟืดฟาด ดังเป็นระยะ จากเก้าอี้ถัดไปรอบ ๆ ตัว เออเนาะ..ไม่ได้มีแต่เราที่ร้องไห้เอาเป็นเอาตาย คนอื่น ๆ เขาก็ร้องเหมือนกัน เพราะความเห็นใจที่แม้แต่สามี...ที่เธอรัก ลูกอีกสองคน ที่พรัดพรากจากกัน สามีเธอตายด้วยโรคมะเร็ง...โดยที่เธอเองก็ไม่ได้อยู่เคียงข้างเมื่อเขาจากไป คนที่คอยช่วยเหลือ ให้กำลังใจ ต่อสู้ผลักดัน ให้เธอได้รับรางวัลโนเบล..กับลูกชายอีกสองคน ที่รักแม่สุดหัวใจแต่..เธอมีความเด็ดเดียว เลือกประเทศที่เธอเกิด ให้ความสำคัญมากกว่าเรื่องส่วนตัว มากกว่าครอบครัว เธอ...จึงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว โดยมีแต่เพียงความทรงจำเท่านั้นที่ทำให้ยังมีกำลังใจต่อสู้ต่อไป ...จะหาใครที่มีความรักชาติได้ขนาดนี้ ??? อย่าเปรียบเทียบกับบ้านเราเลยเนาะ เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องไปอีก .. หนังจบลงด้วยความเศร้า...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ สิ่งที่ ออง ซาน ซูจี ต่อสู้จะประสบความสำเร็จ ?? เรา..นั่งอยู่อีกสักพัก ทำใจ แล้วก็ลุกจากมา เดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกต่าง ๆ ในใจ ได้แต่เอาใจช่วยว่าสักวัน...คงมีวันฟ้าใสหลังฟายุฝน..Tomorrow is another day and it might be beter than today.. เย็นนี้แม่บุญทำ ปูผัดผงกระหรี่...อาหารโปรดของเราสองคน กินกับแบบง่าย ๆ ไม่มีไวน์ขาว ไวน์แดง นอกจาก ชาเขียวร้อน ๆ ข้างจาน เราไม่มีเวลาคุยกันมากนัก ต่างคนต่างตั้งอกตั้งใจแทะกินเนื้อปู...ลืมคิดถึงหนังที่พึ่งดูจบ ลืม..ว่าร้องไห้ ข้างหน้าคือจานผัดปูจานใหญ่ กินจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่น้ำผัด...ลืมตัว จากนั้นมิเชลก็เตรียมทำมันฝรั่งอบ และของกินเล่น ไปร่วมฉลองส่งท้ายวันสิ้นปี รับปีใหม่ที่บ้านพี่ชาย แม่บุญเก็บจานล้าง...ดูทีวี 31 ธ.ค 12.00 น. เราสองคนออกจากบ้าน พร้อมมันฝรั่งอบชีส กับ อาหารว่างคือกุ้งหมักตะไคร้ รากผักชี กระเทียม กระทิ หมักทิ้งไว้ทั้งคืน...พอไปถึง..พี่สะใภ้ และพี่ชาย ที่อายุเกิน 75 ออกมาต้อนรับ พาเข้าบ้าน แม่บุญตรงดิ่งเข้าครัวเพื่อช่วยพี่สะใภ้ของมิเชลเตรียมอาหาร เพราะดูเธอจะตื่นเต้นกับการเตรียมอาหารง่าย ๆ กับจำนวนคนเพียง 7 คนไม่น้อย แถมเป็นอาหารสำเร็จรูป คือ ปลาแซลมอนนึ่ง อันนี้ฝรั่งเขากินแบบเย็น ๆ มีสลัดกับไข่ต้มผ่าซีกมาร่วมวงข้างจาน แม่บุญจัดการผ่ามะนาวเป็นซีก ๆ วางเคียง อาหารจานหลัก คือเนื้อวัว เนื้อไก่ เนื้อไก่งวง หั่นมาเรียบร้อย เวลากินเอามาย่างบนเตา กับเห็ดฝรั่ง มีมายองเนสมาเคียง ส่วนขนม เป็นเค้ก..ที่ซื้อมาเช่นกัน จะเอาอะไรกับคนแก่...จะให้มาเตรียมอาหารมากมายเหมือนที่เราทำจัดเลี้ยง เดี๋ยวได้หามส่ง ร.พ กันพอดี ส่วนเราไม่เรื่องมาก เขาเชิญมาร่วมวงก็ดีใจแล้ว ไม่งั้นนั่งกินกันสองคน ..ไม่สนุกแน่นอน ส่วนลูกสาวของมิเชล เขาจัดงานกับเพื่อน ๆ เราจะจัดฉลองกันวันที่ 6 วันนั้นแหละที่มิเชลกับแม่บุญ จะลงมือทำอาหารเลิศ ๆ มาเลี้ยงกันอีก เป็นการเลี้ยงส่งไปในตัว เพราะอีกสองวันหลังจากนั้นก็จะเผ่นกลับเมืองไทยแล้ว เราเริ่มการฉลองด้วยแชมเปญ พร้อมของวางที่พี่พี่สะใภ้เตรียมมันฝรั่งทอด ถั่วทอดไว้ นี่ถ้าเขาเห็นของว่างที่เราทำตอนคริสต์มาสคงตาโตเท่าไข่ห่าน มิเชลเอาซุปใส่ถ้วยที่ซื้อมาจากพม่า เป็นถ้วยเล็ก ๆ เรียกกว่าเครื่องเขิน ที่เอาขนหางม้ามาทากาวเรียงทีละเส้น ทาทับด้วยคลั่งเพื่อให้อยู่คงรูป และน้ำไม่รั่ว ก่อนจะนำมาลงลายอย่างสวยงาม แล้วลงทับด้วยทองคำเปลว แม่บุญซื้อมาหกใบ รักมาก จะล้างเองโดยไม่ใช้สารเคมีใด ๆ เพราะกลัวทองลอก .. จากนั้นตามด้วยกุ้ง ที่เททั้งหมดใส่กระทะ รอให้กุ้งสุก น้ำซอสที่ได้เอาใส่พร้อมกุ้งในชามใบเล็ก ตกแต่งด้วยใบพาสเล่ย์หั่นละเอียดนิดหน่อย พอกินเข้าไป สัมผัสรสของตะไคร้ หอมกลิ่นรากผักชี แล้วยังมีรสของมะนาวเขียว อร่อยลงตัว ไม่เลี่ยน อันนี้แม่บุญเสริฟคนละสองตัว เพราะพวกเขาไม่ได้กินบ่อยนัก จากนั้นก็ตามด้วยอาหารที่ว่ามา ตบท้ายด้วยชา กาแฟ งานนี้ไม่มีชีส เพราะแค่นี้ก็อิ่มมากแล้ว งานเลี้ยงฉลองของคนเบลเยียม และฝรั่งเศส ..อาหารพิเศษ ที่ขึ้นหน้าเป็นอาหารยอดนิยมในงานเลี้ยงแบบนี้คือ ฟัวร์การ์ หรือตับห่าน ที่จะมีวิธีปรุงสองอย่างคือ แบบสุก..หั่นเป็นชิ้นขนาด 150 กรัม เอาลงไปดาดกับกระทะร้อน ๆ โดยไม่ต้องใส่น้ำมันใด ๆ เพราะมีความมันในตัวสูงมากอยู่แล้ว เวลาเราทำแต่ละที ต้องเทน้ำมันที่ออกมาใส่ถ้วยไว้ทิ่งต่างหาก คนที่ไขมันในเลือดสูง ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะกิน แบบดิบ..เอาตับห่านมาดึงเส้นเลือดเล็ก ๆ ที่โยงเป็นสายออก ถึงตอนนี้มันจะเริ่มเละเล็กน้อย เพราะต้องดึงออกให้หมด จากนั้นนำไปใส่ในภาชนะสี่เหลี่ยม เติมเหล้า porto เกลือชนิดดี ๆ ราคาแพง ลงไป ตามด้วยพริกไทย แล้วอัดให้แน่น ปิดทับด้วยพลาสติคใส ใส่ตู้เย็นไว้ พอจะกินก็เอาออกมาตัดเป็นชิ้น ๆ ทีนี้เวลาตัดมีดต้องคมมาก ๆ แช่ในน้ำร้อนจัดแล้วตัด ไม่งั้นหากไม่จุมน้ำร้อน เศษเล็กเศษน้อยที่ติดมีดจะทำให้ตัดชิ้นต่อไปไม่สวย ตามภัตตาคารที่แพง ๆ เขาจะพิถีพิถันมาก และเลือกตับห่านจากแหล่งที่รู้จักดีเท่านั้น เพราะแถบ ๆ ยุโรปตะวันออก มีการเลี้ยงเป็ดแบบทรมานเพื่อผลิตฟัวร์การ์โดดยเฉพาะ และสถานที่ไม่สะอาดเลย อันนี้แม่บุญดูจากสารคดี ที่เขาถ่ายทำเรื่องนี้แล้วเอามาฉายให้ดู ส่วนวิธีการทำ เรียนมาตอนเรียนทำอาหารปีสาม และได้ลงมือทำอีกหลายครั้งสำหรับงานเลี้ยงคริสต์มาส จะขอคุยหน่อยว่าฝีมือแม่บุญทั้งนั้น...อิ อิ ส่วนอาหารจานหลัก เขาจะนิยมกินอาหารจากเนื้อสัตว์ป่า ซึ่งเป็นช่วงที่ทางการอนุญาตให้ล่าสัตว์ป่าได้พอดี ปีละครั้งจ้า ..และไม่ค่อยนิยมกินไก่เตอร์กีอบตัวใหญ่เหมือนทางแถบอเมริกาและอังกฤษ อันนี้มิเชลเป็นคนบรรยายจ้า...เจ้าของบ้าน ไม่ใช่แม่บุญ อาจจะถูกนะ หากไม่ถูกช่วยพากันแย้งมาหน่อย จะได้เป็นความรู้ .. ส่วนราคาของฟัวร์การ์ ขึ้นอยู่กับว่า มาจากที่ไหน หากจากฟาร์มในฝรั่งเศส ราคาจะสูงกว่าจากแถบยุโรปตะวันออก ส่วนเนื้อสัตว์ป่า ขึ้นอยูกับว่าจะกินอะไร เนื้อกวาง เนื้อกระต่ายป่า ที่เราพึ่งกินไปเมื่อไม่นานที่บ้านเพื่อนของมิเชล และยังมีเนื้อสัตว์ป่าอื่น ๆ อีกหลายชนิดให้เลือก แล้วแต่เงินในกระเป๋า.. เรากลับบ้านเมื่อนาฬิกาตีตอนหกโมงเย็นพอดี สามทุ่ม...แม่บุญหิวข้าว ลุกมาผัดข้าวผัด ใส่หมูสามชั้นรมควัน หั่นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ไข่ มีน้ำพริกกะปิ กับแตงกวา ของเคียง ฟาดคนเดียวหมดจานอย่างเอร็ดอร่อย มิเชลกินซุปที่เหลือถ้วยเดียว ห้าทุ่ม..พากันเข้านอน หกทุ่ม...เสียงยิงพุ สนั่นหวั่นไหว แม่บุญเขย่ามิเชล บอกว่าปีใหม่แล้ว สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุข สุขภาพดี แล้วก็ต่างคนต่างนอน นี่คือ การฉลองวันปีใหม่ของเราสองคน ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมาย อาจจะเป็นเพราะผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน เลยไม่รู้สึกว่ามันตื่นเต้นอีก ที่จะคิดกันก็คือ แก่ลงไปอีกปี ชีวิตสั้นไปอีก เวลาที่เหลืออยู่...ทำให้ดีที่สุด อะไรที่ยังไม่ได้ทำ ควรจะลงมือก่อนที่จะสายเกินไป ..แต่ทำสิ่งที่ดี ที่ถูกต้องนะ ไม่ใช่คิดจะปล้นธนาคาร แล้วต้องทำ อันนี้ไม่ใช่เป้าหมายจ้า ... ที่สำคัญ...อย่าลืมดูแล พ่อ แม่ บุพการี ที่ท่านมีพระคุณล้นฟ้า มหาสมุทร อย่าลืมตอบแทนพระคุณท่าน ที่ให้กำเนิดเรามา คนอื่น ๆ เอาไว้ทีหลัง ขอให้ทุก ๆ ท่านมีความสุขตลอดไป ด้วยความปรารถนาดี ...แม่บุญ
Create Date : 03 มกราคม 2555
23 comments
Last Update : 3 มกราคม 2555 0:22:43 น.
Counter : 2696 Pageviews.
โดย: jeeper 3 มกราคม 2555 13:05:01 น.
โดย: เนินน้ำ 3 มกราคม 2555 13:18:25 น.
โดย: ถปรร 3 มกราคม 2555 14:05:30 น.
โดย: wicsir 4 มกราคม 2555 9:26:31 น.
โดย: phunsud 4 มกราคม 2555 11:17:46 น.
โดย: เนินน้ำ 4 มกราคม 2555 16:07:03 น.
โดย: หมอโจ (preutipong ) 4 มกราคม 2555 17:13:42 น.
Location :
กรุงเทพฯ Belgium
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 87 คน [? ]
แม่บุญ..เป็นหญิงไทยอายุเลยวัยรุ่นไปไกล จับพลัดจับพลูได้สามีเป็นฝรั่งแล้วก็หอบผ้าตามกันไปอยู่เมืองนอกเมืองนา พอได้เวลาหยุดงานก็กระเตงกันไปเที่ยวตามประสาตายาย ไม่มีลูกกวนตัวกวนใจ แม่บุญนั้นชอบเขียน ชอบเล่า ชอบถ่ายรูป เป็นที่สุด จะเก็บไว้คนเดียวก็กระไรอยู่ เอามาแบ่งบันกันให้ลูก ๆ หลาน ๆ ได้อ่าน ได้ดูกันดีกว่า ส่วนฝีมือด้านอื่น ๆ นั้นก็พอจะมีอยู่บ้าง เช่น ทำอาหาร ก็เอามาแบ่งปันกันอีกนั่นแหละ ค่อย ๆ รู้จักกันไป รู้จักกันแล้วก็อย่าลืมเข้ามาคุยกันนะ ปล....รูปภาพต่าง ๆ หากต้องการนำไปใช้ช่วยบอกที่มาที่ไปด้วยนะคะ เป็นการให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งสังคมไทยเราค่อนข้างมองข้ามในเรื่องนี้ค่ะ