แม่บุญมาอยู่ที่เบลเยียม...ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้นานเข้าปีที่แปด...หากคิดถึงแผนผัง..นึกถึงตัวยู..ในภาษาอังกฤษเราอยู่ที่ตรงฐานพอดี เพราะรอบ ๆ ขวามือ ซ้ายมือ มีตึกสามชั้นอยู่ขนาบข้างตรงกลางเป็นลานจอดรถขนาดใหญ่ ถัดไปด้านหน้าเป็นตึกสูงสี่ชั้นอีกหลังไม่ใช่ตัวยูแล้วตอนนี้ เพราะสี่ทิศพอดี
เมื่อปีที่สาม..ที่มาอยู่ หลังกลับจากโรงเรียน ๆภาษา..ในวันหนึ่ง แม่บุญกำลังนั่งกินข้าวเที่ยง ด้านหน้าระเบียงบ้านมองไปที่ลานจอดรถ ฝั่งตรงกันข้าม มีคุณยายคนหนึ่งกำลังเดินข้ามถนนตรงมายังด้านที่แม่บุญอยู่นั่งมองอยู่นานว่าคุณยายจะทำอะไร ที่แท้ก็จะมาซื้อของที่ร้านขายของด้านล่าง
ขากลับ...คุณยายพยายามเดินพยุงตัวขึ้นบันได....ไปจนถึงขั้นสุดท้ายแต่พักกลางทางเพราะความเหนื่อย...ดูเหมือนจะเดินต่อไปไม่ไหวแม่บุญเห็นตั้งแต่ต้นเลยบอกมิเชลว่า...ฉันจะไปพาคุณยายข้ามถนนไปส่งที่บ้านว่าแล้วก็เผ่นลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ...ไปถึงตัวคุณยายบอกแกว่าจะพาไปส่งคุณยายยิ้มแล้วก็ให้พยุงพาไปจนถึงลิฟท์ ...แม่บุญบอกว่าวันหน้าหากอยากจะซื้อของให้โทรบอก จะมาซื้อให้ว่าแล้วก็ให้นามบัตรพร้อมเบอร์โทร...คุณยายรับไว้ ยิ้มแล้วก็บอกขอบใจที่มาช่วยเหลือ
เวลาผ่านไปนานหลายวัน...มัวแต่ไปโรงเรียนไม่ได้สังเกตุว่าคุณยายหายไป อีกวันโดยไม่ตั้งใจ บ่ายกว่า ๆเห็นคุณยายเดินลงมาซื้อของ คนเดียวอีกตามเคยแกเดินช้ามากจนมิเชลตั้งชื่อให้ว่า...คุณยายช้า ๆ เป็นอันรู้กัน มิเชลบอกว่า...อย่าไปยุ่งกับเขาเลย แกคงมีลูกเต้าดูแลและไม่อยากให้แม่บุญไปยุ่ง..เลยไม่โทรเรียก เลยได้แต่ทำใจคิดอยากจะช่วยเพราะความสงสาร แต่เมือ่ไม่โทร..ก็ไม่เป็นไร เป็นอันว่าตั้งแต่นั้นมา ก็ได้แต่แอบมองคุณยาย แอบลุ้นว่าแกจะเดินข้ามถนนมาซื้ออะไรได้อีก...
หลายปีผ่านไป...เวลาหน้าร้อน...อากาศดีจะเห็นคุณยายแต่งชุดสีสด เดินถือไม้เท้า ค่อย ๆเดินข้ามถนนมานั่งตากแดด..เป็นนานจึงเดินกลับไปอีกฝั่งหน้าหนาว...หากหิมะไม่ตกจนท่วม คุณยาย...จะพยายามเดินมานั่งรับแสงแดดที่เก้าอี้ที่เขาจัดไว้สองแห่ง หน้าลานจอดรถ
ปีที่แล้ว...ขากลับจากวิ่งรอบทะเลสาบ กำลังจะขึ้นบ้านตาเหลือบเห็นคุณยายนั่งอยู่คนเดียว...ได้โอกาสเลยเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ยิ้มให้คุณยายเพราะรู้ว่าแกจำไม่ได้แน่นอน เปิดคำสนทนาด้วยดินฟ้าอากาศ ว่าวันนี้อากาศดีมีแสงแดด คุณยายสบายดีไหม ? คุณยายยิ้ม..และตอบคำถามจากนั้นก็ได้คุยกันยาว...เป็นครั้งแรก
ปีนี้คุณยายอายุแปดสิบกว่าแล้ว...สามีตายตั้งแต่อายุสามสิบ...เลี้ยงลุกสาวลูกชายด้วยความลำบากเพียงลำพัง ...จนลูกเต้าเรียนจบ ทำงาน และแต่งงาน...ในที่สุดแต่...คุณยายอยู่เพียงลำพังในอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ ที่ลูก ๆ เช่าให้แม่อยู่ส่วนลูกสาวอยู่อพาร์เม้นท์อีกห้องที่ติดกัน...เช้า ออกไปทำงาน เย็น..กลับบ้านค่ำไม่มีเวลาดูแล คุณยายเลยอยู่คนเดียวทั้งวันเวลาอากาศดีเลยหาโอกาสออกมาเดินรับแสงแดดบ้าง ถามคุณยายว่ากินข้าวพร้อมกันมั่งหรือเปล่า...คุณยาย...นั่งตาลอยมองที่ท้องฟ้า...ก่อนจะบอกเบา ๆว่า ยายกินข้าวคนเดียวมาตั้งแต่ลูก ๆ ออกไปอยู่ที่อื่น แม้จะมาดูแลบ้างแต่ไม่เคยได้กินข้าวด้วยกันเลย แม้แต่วันสำคัญ ๆ เช่น วันเกิด วันคริสมาตร์ที่คนในครอบครัวต่างมารวมกัน ฉลองปีใหม่กัน แต่...คุณยายได้แต่กินซุป..เพียงลำพังแม่บุญอดไม่ได้ที่จะจับมือแกไว้ บอกว่า ...หากคุณยายอยากไปเดินที่ทะเลสาบ จะพาไป..คุณยายยิ้มอีกครั้ง ก่อนจะบอกว่า แกไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะเดินไปไกลได้ขนาดนั้นแม่บุญคิดในใจว่า จะขอให้มิเชลขับรถพาไปส่ง แล้วพาแกเดินแล้วก็นั่งรถกลับ...แต่ความคิดนั้นต้องหยุดชะงักลง เพราะ....หากคุณยายเป็นอะไรไปใคร ? จะรับผิดชอบ ..แม่บุญไม่สามารถรับประกันได้ว่าคุณยายจะยังแข็งแรงพอที่จะเดินไหวหากเกิดอะไรขึ้น ลูก ๆ เขาคงเอาเรื่อง ดีไม่ดีจะหาว่าเราเสือก...ทำให้แม่เขาเป็นอะไรไป...
หลังจากนั้นคุณยายก็กลับแม่บุญเดินไปส่งที่ลิฟท์...แล้วเดินกลับมาบ้าน...เวลาอยู่บ้านไม่ได้ไปไหนแม่บุญอดจะเหลือบมองไปที่ถนน...หวังว่าจะเห็นคุณยายเดินออกมารับแสงแดดเหมือนเช่นทุกวันที่อากาศดี ...ภาวนาให้คุณยาย แข็งแรงทั้งกายและใจ...ในใจอดคิดถึงแม่...ที่จากไปเกือบสิบปีแล้วสินะหากแม่ยังอยู่ก็คงอายุพอ ๆ กับคุณยาย...แต่ที่ไม่เหมือนกันก็คือ ลูก ๆดูแลแม่ด้วยความเคารพรักอย่างที่สุด และกินข้าวกับแม่ทุกวัน ...
แม้คุณยายจะเดินอย่างช้า ๆ เป็นคุณยายช้า ๆ ของเราสองคนแม่บุญก็ยังอยากเห็นคุณยายออกมาเดินรับแสงแดด..หากสักวัน..เมื่อถึงเวลา..ใจคงหายที่จะไม่ได้เห็นคุณยายช้าๆ มานั่งรับแสงแดด...เหมือนเช่นทุกวัน...ขอให้คุณพระคุัมครอง ให้คุณยายแข็งแรง อายุยืนหลาย ๆ ปีค่ะ
ยิ่งสมัยนี้มีแต่คนไม่มีเวลา ต้องทำงานหาเงินให้พอใช้จ่าย
ปล่อยให้คนแก่ที่เคยเลี้ยงดูมาเหงา ไม่อยากคิดถึงอนาคตเลยค่ะ
ถ้าไม่ตายกลางทางซะก่อน ต้องได้พบเหตุการณ์แบบคุณยายช้า ๆ แน่เลย