|
|||
บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทสุดท้าย บทสุดท้ายไบรโอเนียมองเงาสะท้อนของตนในกระจกเงาด้วยความรู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ในเมื่อวันนี้คือวันที่นางเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับทีนิส ชุดแต่งงานของนางถูกตัดเย็บด้วยความปราณีตด้วยผ้าไหมเนื้อดีย้อมเป็นสีม่วงอ่อนที่ปักลวดลายด้วยอัญมณีอย่างวิจิตรงดงามสมฐานะของผู้ที่จะมาเป็นราชินีแห่งแคว้นคิเรบัสเป็นอย่างยิ่ง ***************************** มหาวิหารของเมืองทาลีนที่ยามปกติเป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนา หากทว่าในเวลานี้ได้ถูกตกแต่งและประดับประดาอย่างงดงามเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดพิธีอภิเษกสมรสและพิธีแต่งตั้งองค์ราชินีพระองค์ใหม่ของแคว้นคิเรบัส ทีนิสซึ่งเป็นเจ้าบ่าวในงานนี้แต่งกายด้วยเสื้อทูนิคกำมะหยี่สีแดงเข้มที่ปักลายด้วยด้ายทองคำดูหรูหราและสง่างามสมกับเป็นกษัตริย์ผู้ครองแคว้นที่ยืนอยู่หน้าแท่นประกอบพิธีซึ่งมีพระสังฆราชยืนรออยู่เช่นกัน สายตาของเขามองผ่านทหารกองเกียรติยศที่ยืนตั้งแถวหน้ากระดานขนาบทางเดินกลางที่ยาวไปจนถึงประตูห้องบานใหญ่ของมหาวิหารรอคอยให้เจ้าสาวของเขาให้เดินทางมาถึง เสียงดนตรีที่ขับกล่อมแขกเหรื่อในงานซึ่งล้วนแต่เป็นเหล่าผู้ครองแคว้นต่างๆ ที่ถูกเชิญให้มาเป็นสักขีพยานไม่ได้ทำให้จิตใจของกษัตริย์หนุ่มของแคว้นคิเรบัสสงบลงเนื่องด้วยเพราะระหว่างที่เตรียมงานพิธีอภิเษกสมรสนั้น ไบรโอเนียต้องกลับไปดาร์ซีเพื่อเตรียมตัวสำหรับพิธีอภิเษกสมรสซึ่งกินเวลานานเป็นเดือน ส่วนตัวเขาเองนั้นก็ยุ่งกับงานราชกิจที่มีมากมายและนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาและนางไม่ได้พบกันเลยจนกระทั่งวันนี้ แต่แล้วความรู้สึกกระวนกระวายใจของทีนิสก็สิ้นสุดลงเมื่อวงดนตรีที่บรรเลงเพลงขับกล่อมในงานนั้นหยุดบรรเลงเพลง และกีเธอร์ที่สวมชุดทหารเกียรติยศเดินเข้ามาและหยุดยืนอยู่หน้าแท่นประกอบพิธี โค้งแสดงความเคารพแก่ทีนิสและหันหน้าไปทางแขกที่นั่งอยู่เต็มที่นั่งทั้งสองด้านของมหาวิหาร และแจ้งกับผู้ร่วมงานทราบว่าในเวลานี้ ขบวนรถม้าของผู้ครองแคว้นดาร์ซีได้มาถึงแล้ว ทีนิสสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อประตูเปิดออกพร้อมที่ผู้มาร่วมงานทุกคนยืนขึ้นจากที่นั่งและหันไปมองที่ประตูวิหารเป็นตาเดียว วงดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงต้อนรับโลเอลและไบรโอเนียในขณะที่สายตาของทีนิสนั้นจับจ้องที่เจ้าสาวของเขาซึ่งยืนอยู่ตรงประตูของมหาวิหารพร้อมกับโลเอลที่อยู่ข้างกายนางอย่างไม่วางตา แม้ว่าระยะห่างจากหน้าประตูสู่แท่นพิธีนั้นจะไม่ได้ไกลมาก หากทว่ามันกลับดูยาวเหลือเกินในความรู้สึกกว่าที่โลเอลจะพานางให้เดินมาหายืนอยู่ตรงหน้าแท่นประกอบพิธีตามประเพณี เขาโค้งให้กับโลเอลซึ่งค้อมศีรษะรับการทักทายของเขาเช่นกัน แล้วโลเอลก็จับมือของนางส่งให้กับทีนิส ก่อนที่จะถอยออกห่างกลับไปยังเก้าอี้ประจำตำแหน่งของตนที่อยู่ทางด้านขวาของแท่นประกอบพิธี ทีนิสจับมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้และจูงมือนางมาหยุดยืนอยู่หน้าแท่นพิธีซึ่งมีนักบวชระดับสูงยืนรอเพื่อที่จะเริ่มประกอบพิธี เขารู้สึกได้ว่ามือของนางเย็นเฉียบเขาจึงบีบมือของนางเบาๆ พร้อมกับกระซิบบอก ตื่นเต้นหรือ ไบรโอเนียซึ่งตามธรรมเนียมแล้วนางไม่สามารถเอื้อนเอ่ยอะไรกับเขาได้จนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธีการนั้นทำได้เพียงแต่พยักหน้ารับ และนั่นก็ทำให้ทีนิสกลั้นยิ้มเอาไว้ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับนักบวชว่าพวกตนพร้อมแล้ว นักบวชจึงจับมือของคู่บ่าวสาวคนละข้างพร้อมกับเริ่มพิธีร่ายมนต์ศักดิ์สิทธิ์และหลังจากนั้นก็นำจอกทองคำที่ใส่น้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์มาแต้มหน้าผากให้กับทั้งคู่ หลังจากนี้ขอให้ทั้งสองพระองค์กล่าวคำสาบานให้แก่กัน นักบวชกล่าวพร้อมกับหยิบกล่องไม้ที่แกะสลักอย่างสวยงามออกมาเปิดออกซึ่งก็มีแหวนแต่งงานสองวงบรรจุอยู่ข้างใน ข้าสาบานว่าข้าจะรักและให้เกียรติต่อสตรีผู้ยืนอยู่ตรงหน้าข้า นางจะอยู่เคียงข้างข้าไม่ว่ายามสุขหรือยามทุกข์ จนกว่าดวงวิญญาณของข้าจะดับสูญ แม้ว่าจะเป็นถ้อยคำสาบานที่ได้ซักซ้อมเอาไว้ก่อนแล้ว แต่ทีนิสก็ยังรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ท่วมท้นอยู่ในใจในขณะที่เขากำลังเอื้อนเอ่ยมันออกมา ซึ่งเขาก็หมายความตามสิ่งที่พูดเอาไว้ทุกคำ และเขาก็รับรู้ได้ว่าไบรโอเนียคงจะรู้สึกเช่นเดียวกับเขาเมื่อนางกล่าวคำสาบานออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย หลังจากกล่าวคำสาบานจบเขาและนางแลกแหวนให้กันก็มาถึงช่วงเวลาที่เขารอคอยมาตลอด เมื่อนักบวชบอกให้เขาเลิกผ้าคุมหน้าเจ้าสาวขึ้นได้ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นหน้านางหลังจากที่นางต้องถูกเก็บตัวไม่ให้พบเจอหน้าเขาตามธรรมเนียมมานานหลายสัปดาห์ เจ้างามเหลือเกิน ทีนิสกล่าวพึมพำออกมาเบาๆ เมื่อมองใบหน้าของนางราวกับต้องมนต์สะกด ซึ่งนั่นก็ทำให้ผู้ที่ถูกมองต้องหลบสายตาของเขาด้วยความเขินอาย ก่อนที่ทีนิสจะประคองใบหน้าของนางแล้วประทับจุมพิตเนิ่นนานเพื่อเป็นการตอกย้ำคำสาบานที่เขาและนางได้กล่าวให้แก่กันและกันตามธรรมเนียม ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องของคนในมหาวิหาร และเมื่อทีนิสละริมฝีปากออก เขาก็พบว่าไบรโอเนียกำลังยิ้มให้กับเขา ดวงตาคู่สวยของนางนั้นถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดของหัวใจนางออกมาให้เขารับรู้ว่า ณ บัดนี้นางได้เป็นคู่ครองชีวิตของเขาแล้ว หากทว่าพิธีการยังไม่เสร็จสิ้นเพียงแค่นั้นเมื่อนักบวชเดินอ้อมแทนพิธีมายืนอยู่ด้านหน้าทีนิสและไบรโอเนียพร้อมกับกล่าวกับแขกผู้มีเกียรติผู้ซึ่งมาร่วมงานนี้ ท่านทั้งหลายที่มารวมตัวกันในที่นี้เพื่อเป็นสักขีพยานต่อการหลอมรวมจิตใจของคนสองคนให้รวมเป็นหนึ่งเดียวและการเชื่อมความสัมพันธ์ของสองแผ่นดินเพื่อความสงบสุขของในมหาทวีปในอนาคต... แล้วนักบวชก็รับถาดเงินสลักลวดลายที่มีมงกุฎขององค์ราชินีวางอยู่ยื่นให้กับทีนิส ไบรโอเนียย่อเข่าลงเมื่อทีนิสยกมงกุฎขึ้นมาจากถาดในขณะที่ข้ารับใช้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นั้นกำลังช่วยแกะผ้าคลุมศีรษะของนางออกเพื่อที่ทีนิสจะได้สวมมงกุฎให้แก่นาง ด้วยอำนาจแห่งทวยเทพและความศักดิ์สิทธิ์ของราชบัลลังก์คิเรบัส ขออวยพรให้สตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยปัญญาและความดีงามผู้นี้จงประทับอยู่เคียงคู่ราชบัลลังก์คิเรบัสและองค์ราชา ดังเช่นอัญมณีอันเลอค่าที่ประดับอยู่บยอดมงกุฎ แล้วนักบวชก็เจิมหน้าผากของนางด้วยน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับกล่าวสวดมนต์ให้พรแก่นางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะผละออกห่าง หลังจากนั้นทีนิสก็ขยับมายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับบรรจงสวมมงกุฎราชินีลงบนศีรษะของนาง ตอนเจ้าคุกเข่าลงเจ้าคือเจ้าหญิงของแคว้นดาร์ซี แต่เมื่อเจ้าลุกขึ้นเจ้าจะไม่ใช่เจ้าหญิงของแคว้นดาร์ซีอีกต่อไป ทีนิสยื่นมือไปให้นางจุมพิตแหวนตราสัญลักษณ์ตำแหน่งองค์กษัตริย์ก่อนที่จะกล่าวต่อ จงยืนขึ้นเถิด ภรรยาของข้า และองค์ราชินีของคิเรบัส ไบรโอเนียคว้ามือของเขาที่ยื่นออกมาแล้วลุกขึ้นยืน และโดยพลันเสียงเสียงปรบมือแสดงความยินดีจากผู้ครองแคว้นต่างๆ และเสียงของเหล่าขุนนางและทหารต่างโห่ร้องด้วยความยินดีจนดังกึกก้องไปทั่วมหาวิหาร ข้าดูแลและทนุถนอมนางเทียบเท่ากับชีวิตของข้ามาโดยตลอด หลังจากนี้ไปข้าก็คาดหวังว่าท่านจะดูแลนางให้ดีสมกับที่นางเป็นดวงใจของท่าน โลเอลกล่าวกับทีนิสก่อนที่จะจับมือแสดงความยินดีกับเขา นางก็เหมือนกับชีวิตของข้าเช่นกัน ท่านโปรดวางใจ คำตอบของทีนิสทำให้โลเอลยกมุมปากยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนที่จะหันไปทางไบรโอเนียและสวมกอดกับนางแน่น พ่อดีใจที่ได้เห็นเจ้ามีความสุขเช่นนี้ ไบรโอเนียรู้สึกว่าดวงตาของนางกำลังร้อนผ่าวด้วยหยดน้ำตากับคำพูดของโลเอล เมื่อลูกไม่อยู่ด้วยแล้วทรงดูแลพระองค์ด้วยนะเพคะ กษัตริย์ของแคว้นดาร์ซียิ้มกับคำพูดของนางก่อนที่จะผละออกห่าง ข้าเคยหวังเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งนางคงจะได้แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกับใครสักคน แต่ก็ไม่คิดว่านางจะได้แต่งงานและมาเป็นองค์ราชินีของคิเรบัส ข้าอวยพรขอให้พวกท่านทั้งคู่จงมีแต่ความสุขและช่วยกันสร้างทายาทออกสืบทอดทั้งราชบัลลังก์คิเรบัสและดาร์ซี และอย่าลืมว่าดาร์ซีก็ยังเป็นบ้านที่พร้อมจะต้อนรับพวกท่านเสมอ แล้วโลเอลก็หัวเราะออกมาด้วยความชอบใจเมื่อเห็นใบหน้าของไบรโอเนียแดงก่ำเมื่อตนกล่าวถึงการสร้างทายาทระหว่างนางกับทีนิส ก่อนที่กษัตริย์แห่งดาร์ซีจะเบี่ยงตัวหลบให้ผู้ครองแคว้นคนอื่นๆ ได้เดินเข้ามาแสดงความยินดีกับคนทั้งคู่บ้าง ************************************ กว่าที่จะเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉลิมฉลองพิธีอภิเษกสมรสและการแต่งตั้งองค์ราชินีพระองค์ใหม่ของแคว้นคิเรบัสก็ล่วงเวลาไปเป็นเวลาดึกมากแล้ว และในที่สุดคู่บ่าวสาวก็ได้มีเวลาด้วยกันตามลำพังเสียที ไบรโอเนียที่อาบน้ำและผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเนื้อบางเบายืนนิ่งอยู่หน้าเตาผิงอันใหญ่ในห้องนอนของทีนิสด้วยไม่รู้จะทำเช่นไรดี ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนถึงตอนนี้ นางรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในความฝัน แล้วความคิดของนางก็หลุดออกจากภวังค์เมื่อมีวงแขนสอดเข้ามากอดเอวของนางจากทางด้านหลัง คิดอะไรอยู่หรือ ทีนิสเอ่ยถามพลางแตะริมฝีปากลงบนไหล่ของนาง ซึ่งไบรโอเนียก็ยกมือขึ้นแตะมือของเขาที่แตะอยู่ตรงหน้าท้องของนาง ข้ายังไม่อยากเชื่อว่าข้าจะกลายเป็นราชินีของแคว้นคิเรบัสแล้ว คงเพราะเจ้ายังไม่ชินมากกว่า แต่หลังจากนี้ไปยังมีอีกหลายอย่างที่ข้าอยากให้เจ้าช่วยดูแล และข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องทำได้ ไบรโอเนียหันกลับมามองเขา ยังไม่ทันไรท่านก็มีงานให้ข้าทำแล้วหรือ คิเรบัสยังต้องมีอะไรหลายอย่างที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ดีขึ้นกว่านี้ และที่ข้าตั้งใจไว้ไม่ใช่เพียงเฉพาะแคว้นของเราเท่านั้น หากหมายถึงการสร้างสันติสุขและความปรองดองกันในมหาทวีปอีกด้วย...ให้ตายสิ นี่วันแต่งงานของเราแท้ๆ ทำไมข้าถึงมาพูดเรื่องน่าเบื่อทำไมกัน เขาว่าพลางหัวเราะให้กับตัวเองก่อนที่จะยกมือขึ้นไล้ใบหน้าของนาง วันนี้เจ้าคงเหนื่อยมาก ทั้งงานพิธี แล้วยังงานเลี้ยงในช่วงค่ำอีก ท่านเองก็เหนื่อยเหมือนกันไม่ใช่หรือ เหนื่อยสิ แต่ข้าก็สุขใจที่ได้อยู่กับเจ้า ทีนิสกระชับวงแขนที่โอบกอดนางให้แน่นขึ้นแล้วมองนางด้วยความรักที่มีเปี่ยมล้นอยู่ในใจ ไบรโอเนียเอนร่างซบกับเขาพร้อมกับถอนหายใจยาว มีวิธีไหนที่ข้าจะทำให้ท่านหยุดพูดจาแบบนี้เสียทีเนี่ย คงจะยากเท่ากับการที่จะให้ข้าหยุดรักเจ้ากระมัง ราชินีของข้า เขาก้มหน้าลงไปกระซิบชิดริมฝีปากของนาง ไบรโอเนียหัวเราะถ้อยคำหวานชวนขนลุกของทีนิสก่อนที่เขาจะหยุดเสียงหัวเราะของนางด้วยจุมพิตอันแสนอ่อนหวานเนิ่นนนานกว่าจะละริมฝีปากออกแล้วตวัดช้อนร่างของนางขึ้นอุ้มแล้วเดินไปที่เตียงหลังใหญ่ของเขา ข้าจะเป็นลูกเขยที่ดีของพ่อเจ้า ข้ารับปากท่านไปแล้วว่าข้าจะรักและดูแลเจ้าให้ดีเปรียบเสมือนดวงใจของข้า แล้วเขาก็ผ่อนร่างของนางลงบนเตียงและตามมาด้วยตัวเขาและจัดท่าให้นางได้นอนเกยศีรษะอยู่บนหน้าอกในขณะที่แขนของเขาก็โอบกอดร่างของนางไว้แนบกาย ถ้าขืนว่าข้าไม่ดูแลเจ้าให้ดีแล้วล่ะก็ พ่อของเจ้าคงยกทัพมาทำสงครามกับข้าแน่ๆ ไบรโอเนียยิ้มขันคำพูดที่สื่อความนัยของเขาก่อนที่จะเกลี่ยนปลายนิ้วกับเชือกที่อกเสื้อของเขาเล่น เสด็จพ่อไม่ใช่คนทำอะไรบุ่มบ่ามแบบที่ท่านกลัวหรอก... เพราะถ้าหากว่าท่านทำอะไรไม่ดีต่อข้าจริงๆ คนที่จัดการกับท่านก่อนน่ะเป็นข้าต่างหาก ไม่ใช่เสด็จพ่อหรอก เจ้าไม่ต้องห่วงไปหรอก ข้ารู้ดีว่าเจ้าน่ะฝีมือการต่อสู้ร้ายกาจแค่ไหน และเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีวันทำให้เจ้าเสียใจเป็นอันขาด เขากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนที่จะพลิกกลายให้นางนอนหงายในขณะที่ร่างของเขาชะโงกค้ำอยู่เหนือร่างของนาง กว่าพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันมันลำบากเพียงใดเจ้าเองก็รู้ดี และข้าจะไม่มีวันยอมปล่อยให้เจ้าไปไกลห่างข้าอีกเป็นอันขาด ยกเว้นความตาย... คำพูดสุดท้ายของเขาถูกหยุดลงเพราะไบรโอเนียยกมือขึ้นปิดริมฝีปากของเขาเอาไว้ วันนี้เป็นวันแต่งงานของเรา ท่านอย่าพูดอะไรไม่ดีแบบนี้เลย ข้าแค่อยากให้เจ้ามั่นใจในความรักของข้าที่มีต่อเจ้า เขากล่าวก่อนจะมอบจูบที่เร่าร้อนและดื่มด่ำจนทำให้ไบรโอเนียรู้สึกเหมือนกระดูกทั้งร่างกำลังละลาย ทีนิสละริมฝีปากเคลื่อนไปกดแนบประทับไปทั่วไล่ตั้งแต่ปลายคางไปจนถึงฐานคอและเมื่อเขาขบเม้มอย่างหยอกเย้าตรงแอ่งชีพจรก็ทำให้ร่างของนางสั่นสะท้านเมื่อรู้สึกเหมือนมีไฟร้อนลุกท่วมไปทั่วทั้งร่าง ความคิดของนางพร่าเลือนไปหมดจนกระทั่งไม่รู้ว่าเขาปลดเปลื้องอาภรณ์ของทั้งเขาและนางออกจนเหลือแค่ผิวกายเปล่าเปลือยที่แนบชิดสนิทกันตั้งแต่เมื่อใด ทีนิสเคลื่อนกายจากที่กำลังซุกซบอยู่ตรงเนินอกของนางขึ้นมาจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกันและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่กำลังหรี่ปรือด้วยไฟปรารถนาที่โหมกระพือ ไบรโอเนียยิ้มเมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและเสน่หาของเขาที่มีต่อนางอย่างท่วมท้น นางยกมือขึ้นแตะใบหน้าที่ชื้นเหงื่อของเขาด้วยความรู้สึกเช่นเดียวกัน ข้ารักท่าน สัมผัสที่แสนอ่อนโยนของนางนั้นทำให้ทีนิสยิ้มก่อนจะยื่นใบหน้าจนริมฝีปากคลอเคลียกับริมฝีปากของนาง ข้าเองก็เช่นกัน ยอดรักของข้า แล้วริมฝีปากของทั้งคู่แนบสนิทเพื่อแลกเปลี่ยนจุมพิตกันราวกับเป็นการประทับสัญญาคำมั่นที่ให้ไว้ พร้อมกับบทเพลงรักแห่งบรรพกาลก็ขับขานให้คืนวิวาห์ของทั้งคู่ให้เสร็จสมบูรณ์ หัวใจสองดวงก็ได้หล่อหลอมจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกันและจะเป็นเช่นนี้ไปตราบนานเท่าที่ลมหายใจยังมีอยู่
จบแล้ว ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ติดตามกันมาอย่างยาวนานนะคะ
++ รักคนอ่านค่ะ ++ ขอบคุณค่ะ คุณตัว(z) ที่แต่งนิยายสนุกๆให้พวกเราได้อ่านกันค่ะ จะรอติดตามเรื่องต่อไปนะคะ
โดย: พี่สุ...จ้า IP: 171.96.183.165 วันที่: 15 กรกฎาคม 2558 เวลา:20:39:04 น.
|
ตัว(Z)
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี Group Blog All Blog
Friends Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
ผ้าคลุมหน้า กลายเป็นผ้าคุมหน้าซะแล้ว
ขอบคุณค่ะ ที่เขียนเรื่องที่สนุก ชวนติดตามให้อ่าน
รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ