บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทนำ


บทนำ

หนาวและมืดมิด...

เป็นสิ่งแรกที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาได้รับรู้ ประสาททั่วทั้งร่างกายกรีดร้องให้ตระหนักถึงความเจ็บปวด เป็นเวลานานเท่าใดไม่รู้แล้วที่ต้องตื่นขึ้นมาพบกับสภาพแวดล้อมเหล่านี้ เขาค่อยๆ ยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งพิงผนังหินสกปรกแล้วก็ระบายลมหายใจเพื่อขับไล่ความเจ็บปวดที่กำลังประสบ คิดว่าซี่โครงบางซี่และแขนข้างขวาคงหัก เพราะมันไม่สามารถขยับได้อีกทั้งยังเจ็บตรงชายโครงจนเขาแทบไม่อยากจะหายใจ

แต่ทว่าความเจ็บปวดทางกายนั้นยังไม่เทียบเท่ากับการที่เขาต้องรับรู้ว่าตนเองถูกใครบางคนจัดฉากสร้างสถานการณ์บางอย่างเพื่อใส่ความเขาด้วยข้อหาร้ายแรงที่สุดจนทำให้เขาต้องถูกคุมขังรอวันประหารในสถานที่แห่งนี้อย่างไร้เกียรติ และโชคร้ายเหลือเกินที่เขาไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้แก้ต่างให้กับตัวเองเลยและต้องมานั่งรอความตายอยู่ในห้องขังที่ทั้งแคบและสกปรกเช่นนี้

ทันใดนั้นทีนิสก็ต้องหันขวับไปที่ประตูห้องขังเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับเสียงพูดคุยของทหารที่เป็นผู้คุมห้องขังที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้าเพราะรู้ว่าถึงเวลาที่เขาจะต้องถูกคนพวกนี้จับไปทรมานอีกครั้งซึ่งเขาไม่คิดว่าตนเองจะทนความเจ็บปวดอะไรได้อีก

หรือว่าจะยอมรับข้อหาที่พวกมันป้ายสีแล้วตายไปให้พ้นๆ เสียก็คงจะดี...

แต่พลันก็มีเสียงเอะอะดังขึ้นพร้อมกับเสียงอาวุธกระทบกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนทุกอย่างจะเงียบลงอีกครั้ง

ทีนิสขยับตัวชิดผนังห้องขังที่สกปรกด้วยตะไคร่น้ำอย่างระมัดระวังเมื่อประตูถูกเปิดออกพร้อมกับความสว่างจากคบไฟที่ทำให้เขาต้องหรี่ตาลงเพราะปรับสายตาไม่ทัน

“เจ้าเป็นใคร” เขาเอ่ยถามผู้ที่เดินเข้ามาด้วยน้ำเสียงแหบแห้งผู้ที่เดินเข้ามาหาเขานั้นไม่ยอมตอบคำถาม และปราดเข้ามาดึงตัวเขาให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวดจากทีนิส

“แขนข้าคงหักเพราะมันขยับไม่ได้เลย”

“รีบไปเถอะ” บุคคลในชุดดำปิดบังหน้าตาบอกกับเขาสั้นๆ ก่อนจะประคองร่างเขาออกมาจากห้องขัง พอออกมาทีนิสก็พบร่างของทหารซึ่งคงจะเป็นยามเฝ้าหน้าห้องขังสองคนนอนกองอยู่กับพื้น เขาหลับตาเพราะไม่อยากให้ภาพนั้นติดตา

“แค่ทำให้สลบน่ะ ไม่ตายหรอก”

ทีนิสถอนใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนที่จะกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทุกย่างก้าว แม้ว่าคนในชุดดำจะตัวเล็กกว่าเขามากและฟังจากน้ำเสียงแล้วก็ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิงเสียด้วย แต่นางกลับสามารถพาเขาลัดเลาะออกมาจากคุกใต้ดินอย่างรวดเร็วราว แล้วเลี่ยงพาเขาไปทางป่าทึบด้วยความชำนาญจนกระทั่งมีเสียงคนตะโกนดังมาจากในคุก พร้อมกับเสียงระฆังสัญญาณเตือนดังขึ้น

นางสบถออกมาเบาๆ ก่อนจะหันมาทางเขา “พวกมันมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ ยังไงก็แข็งใจทนเจ็บหน่อยก็แล้วกัน”

พูดจบก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยไม่นำพาว่าทีนิสนั้นบาดเจ็บจนแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว และน่าแปลกใจที่ดูไปแล้วคนชุดดำจะรูปร่างเล็กกว่าทีนิสมากแต่กลับสามารถประคองทีนิสลัดเลาะต้นไม้ในป่าได้เหมือนกับเขาไม่มีน้ำหนัก จนในที่สุดคนนางก็หยุดเมื่อพวกเขามาหยุดตรงทุ่งหญ้าโล่งกว้างซึ่งมีม้าสองตัวกำลังเล็มหญ้าอยู่ แล้วผิวปากเป็นสัญญาณสั้นๆ สามครั้ง พลันก็มีชายอีกคนโผล่ออกมาจากดงไม้อย่างระมัดระวัง

คนร่างเล็กในชุดดำกับคนที่ตัวโตกว่าคุยกันสองสามประโยคก่อนที่จะลากตัวทีนิสให้ขึ้นบนหลังม้าและควบตะบึงออกไปจากบริเวณนั้นไปโดยไม่รอช้าอีกต่อไป เขาไม่รู้ว่าคนพวกนี้มาช่วยเขาเพราะอะไร หากทว่าด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอดนั้นก็สั่งให้เขาเกาะอานม้าเอาไว้แน่นแม้ว่าแรงกระแทกจากการที่ม้าวิ่งเต็มฝีเท้าแบบนั้นจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดมากเพียงใดก็ตาม

พวกเขาควบม้าเต็มฝีเท้าติดต่อกันเป็นเวลานานจนเกือบรุ่งสางก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง และชะลอฝีเท้าม้าจนหยุดยืนอยู่นิ่งๆ เมื่อมีชายวัยกลางคนที่คงจะเป็นหัวหน้าหมู่บ้านถือคบเพลิงเดินตรงมายังพวกเขา

“พวกท่านมาถึงเร็วกว่าที่บอกไว้”

“เรื่องที่ไปจัดการน่ะเสร็จเร็วกว่าที่คิดเอาไว้และมีคนบาดเจ็บหนักที่จะต้องรีบทำการรักษา... ท่านพอจะมีที่พักให้กับพวกข้าไหม”

หัวหน้าหมู่บ้านมองทีนิสที่ห่อตัวเองเอาไว้ด้วยเสื้อคลุมเนื้อหยาบเพื่อป้องกันลมหนาวอย่างพิจารณา ก่อนจะพยักหน้า “เชิญตามข้ามาทางนี้”

หัวหน้าหมู่บ้านพาพวกทีนิสไปพักที่บ้านของหญิงม่ายคนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านมากนัก ชายชุดดำทั้งสองประคองทีนิสที่แทบจะยืนไม่ไหวเข้ามาในบ้าน ซึ่งหญิงม่ายที่เป็นเจ้าของบ้านเห็นสภาพของทีนิสแล้วก็อุทานด้วยความตกใจ และรีบบอกให้พวกเขาพาทีนิสไปนอนที่เตียงทันที

ทีนิสแทบจะถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อหลังได้พบกับความหนานุ่มของฟูกนอน ความอ่อนล้าการเดินทางอันแสนยาวนานและความเจ็บปวดที่ลุกลามไปทั่วทั้งร่างก็ทำให้เขาสติของเขาดับวูบไปอย่างรวดเร็ว

***********************



หญิงในชุดดำแตะนิ้วที่ลำคอของคนที่นอนหลับบนเตียงเพื่อตรวจหาชีพจรแล้วก็ถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก “เขาแค่สลบไป”

“ข้าไม่คิดว่าเขาจะสามารถเดินทางไปถึงดาร์ซีในวันพรุ่งนี้ได้” ชายชุดดำที่ตัวโตกว่ากล่าวออกมาอย่างเป็นกังวล

“เราคงต้องพักที่นี่สักสองวัน ข้าคิดว่าเขาอาจจะดีขึ้นจนเดินทางได้” คนตัวเล็กกว่าบอกแล้วก็หันไปทางหญิงม่ายเจ้าของบ้าน “ข้าขอทราบชื่อท่านได้ไหม”

หญิงม่ายเจ้าของบ้านสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบแบบตะกุกตะกัก “ข้าชื่อมาเรียน... ชายคนนี้บาดเจ็บหนักมาก เขาต้องได้รับการรักษาทันทีไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นคนพิการ”

“ท่านรู้ได้อย่างไร” ชายชุดดำตัวโตเอ่ยถามพลางยกมือขึ้นกอดอกซึ่งแม้จะดูเหมือนไม่มีท่าทีคุกคามแต่สายตาของเขาที่มองมานั้นก็ทำให้มาเรียนหน้าซีดเผือดได้ในทันใด

“สามีของข้าเป็นหมอประจำหมู่บ้านนี้มาก่อน ข้าจึงเรียนรู้วิชาการแพทย์จากเขาและหลังจากที่เขาตายไปข้าก็เป็นหมอประจำหมู่บ้านนี้แทน” นางตอบก่อนจะมองทั้งสองคนด้วยความหวาดระแวงว่าคนทั้งสองอาจจะทำร้ายตนเองได้

“อย่าเสียมารยาทสิเอ็ดการ์” หญิงชุดดำเอ่ยปรามคนที่มาด้วยก่อนจะถอดผ้าคลุมหน้าออกเปิดเผยให้เห็นใบหน้างามที่ประดับด้วยดวงตาสีเขียวมรกต จมูกโด่งสวยได้รูป ริมฝีปากอิ่มสีสดและผมสีน้ำตาลแดงยาวสยายลงถึงกลางหลัง

“ข้าชื่อเบรล... ส่วนนั่นเพื่อนของข้าชื่อเอ็ดการ์ ขออภัยแทนเพื่อนของข้าด้วยถ้าหากท่าทางของเขาทำให้ท่านกลัว” นางกล่าวแนะนำตัวกับอีกฝ่ายด้วยความสุภาพ ไร้ท่าทีคุกคามเหมือนอย่างที่เอ็ดการ์กำลังทำ

มาเรียนอ้าปากค้างมองคนตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง มิน่าเล่านางถึงนึกสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมคนชุดดำร่างเล็กคนนี้ถึงได้มีเสียงแหลมเสียเหลือเกิน “ท่าน... เป็นผู้หญิง”

หญิงสาวในชุดดำยกมุมปากยิ้มเล็กน้อยอย่างไม่ถือสากับคำพูดของอีกฝ่าย “ถ้าไม่ถือว่าเป็นการรบกวนท่านจนเกินไป ข้าขอร้องให้ท่านช่วยรักษาชายคนนี้ให้หายดีพอที่จะเดินทางไปดาร์ซีในอีกสองวันได้หรือไม่”

หญิงเจ้าของบ้านมองชายที่นอนสลบอยู่บนเตียงอย่างลังเล “ข้าต้องตรวจร่างกายเขาดูก่อนว่าเขาบาดเจ็บตรงไหนบ้าง แต่จากที่ดูแล้วข้าไม่แน่ใจว่าเขาจะหายดีภายในสองวันได้หรือไม่”

“แค่ทำให้เขาแข็งแรงพอจะเดินทางได้ก็พอ แล้วเราจะให้เขาพักผ่อนอย่างเต็มที่เมื่อถึงเมืองดาร์ซี” แล้วนางก็ยื่นถุงใส่เหรียญเงินใบย่อมให้แก่มาเรียน “ถือว่าแทนคำขอร้องของพวกข้าที่มารบกวนท่านนะมาเรียน”

มาเรียนรับถุงเงินด้วยความยินดีผิดกับท่าทางอิดออดเมื่อครู่ลิบลับก่อนจะเดินไปที่เตียง “ตัวเขาสกปรกมาก ข้าจะต้องทำความสะอาดตัวเขาก่อนที่จะทำการรักษาได้”

“เอ็ดการ์จะช่วยท่าน” ว่าพลางหันไปพยักหน้าให้กับเอ็ดการ์ที่ยืนกอดอกอยู่กลางห้อง

“ท่านใช้ห้องนอนของข้าได้นะ ถ้าท่านต้องการ”

เบรลยิ้มขอบคุณก่อนจะเดินไปที่ประตู “ข้าจะออกไปให้อาหารม้าสักหน่อย เจ้าอยู่ช่วยนางจนกว่าจะเรียบร้อยก็แล้วกันนะเอ็ดการ์”

“แต่ว่า...” เอ็ดการ์คำโต้แย้งทันทีที่เบรลตวัดสายตาคมกริบมาทางเขา

“ข้าจะไปคุยกับท่านหัวหน้าหมู่บ้านด้วย เจ้าอยู่ที่นี่คอยดูแลทางนี้เถอะ เดี๋ยวข้ากลับมา”

เอ็ดการ์พยักหน้า ก่อนที่จะขยับไปช่วยมาเรียนที่กำลังเช็ดตัวคนที่สลบอยู่บนเตียงอย่างไม่มีทางเลือก

***********************



แสงแดดที่ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาแยงตาเสียจนทีนิสต้องลืมตาขึ้นมามองแล้วก็พยายามจะพลิกตัวเพื่อหลบแสงแดดนั้น แต่เขาก็ต้องร้องครางออกมาเมื่อความเจ็บปวดร้าวแล่นไปทั่วทั้งร่างซึ่งมันทำให้เขาตื่นและระลึกได้ว่าอยู่ที่ไหน เขาถูกคนชุดดำสองคนที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อนำตัวหลบหนีมาจากคุกใต้ดินและมาหยุดพักอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงส่วนไหนของคิเรบัสและเขาก็หมดสติไป

“ท่านฟื้นแล้วหรือ”

ทีนิสหันไปตามเสียงที่ได้ยินแล้วก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาหาเขาที่นอนอยู่บนเตียง นางรินน้ำจากเหยือกที่วางอยู่ข้างเตียงใส่แก้วแล้วยื่นให้กับเขาที่รับมาดื่มอย่างกระหาย

“ข้าอยู่ที่ไหน” เขาถามหลังจากที่ดื่มน้ำจนหมดแก้ว

“หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งตรงชายแดนระหว่างคิเรบัสและดาร์ซี” นางตอบเขาก่อนจะดึงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ มานั่ง “ท่านหลับไปเกือบสองวัน จนข้ากำลังกลุ้มว่าจะพาท่านไปดาร์ซีได้อย่างไรถ้าหากท่านไม่ฟื้น”

“ทำไมต้องพาข้าไปดาร์ซี” ทีนิสขมวดคิ้ว เมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่านางแต่งกายเหมือนกับคนชุดดำที่พาเขาหนีออกมาไม่มีผิด “นี่อย่าบอกนะว่าคนที่พาข้าหนีออกมาจากคุกนั่นคือเจ้า”

นางยิ้มกับท่าทางตกใจของเขาก่อนจะลุกขึ้นยืน “ข้าจะไปตามหมอมาดูอาการท่าน”

“เดี๋ยวก่อนสิ เจ้าชื่ออะไร”

นางปรายตามองเขาก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ทีนิสขยับตัวจะลุกขึ้นตามนางไปแต่ก็ต้องล้มตัวลงนอนอย่างเดิมด้วยความบอบช้ำในร่างกายที่ยังมีอยู่ เขาสบถออกมาด้วยความขัดใจเพราะไม่เคยมีใครแสดงท่าทางที่ไร้มารยาทกับเขาแบบนี้มาก่อน แต่สักพักนางก็กลับมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนที่นางแนะนำตัวกับเขาว่าชื่อมาเรียน เป็นทั้งหมอและเจ้าของบ้านที่เขานอนพักอยู่

“กระดูกแขนและซี่โครงของท่านหัก แต่ข้าดามเฝือกเพื่อยึดกระดูกของท่านให้เข้าที่แล้วไว้แล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นเพียงแค่แผลแตกและฟกช้ำจากการทุบตี ข้าไม่แนะนำให้ท่านขี่ม้าหรือทำอะไรที่ต้องขยับร่างกายหนักๆ ไปสักพักจนกว่ากระดูกจะสมานกันดี”

“แต่เรารอไม่ได้” หญิงสาวในชุดดำเอ่ยขัดขึ้นมา

“ถ้าหากเขาขยับตัวมาก กระดูกที่หักจะไม่มีทางสมานกันและอาจจะทำให้เขาพิการหรืออย่างร้ายแรงที่สุดก็คือตายได้”

“ไม่มีทางที่จะทำให้เขาเดินทางได้เลยหรือ”

มาเรียนนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “ถ้าหากเดินทางด้วยเกวียน มันจะไม่เกิดการกระทบกระเทือนต่อร่างกายมากเหมือนอย่างการขี่ม้า”

หญิงชุดดำทำหน้านิ่วอย่างไม่ชอบใจ “เกวียนจะทำให้เราเดินทางได้ช้าลง”

“ถ้าอย่างนั้นท่านก็ต้องรอจนกว่าเขาจะดีขึ้นกว่านี้”

“เรารอไม่ได้แล้ว” แล้วนางก็ตะโกนเรียกชื่อเอ็ดการ์ แล้วชายชุดดำอีกคนที่ทีนิสเห็นเมื่อคืนก่อนก็ปรากฏตัวขึ้นแทบจะในทันที

“มีอะไรหรือองค์... เอ้อ...เบรล”

“มาเรียนบอกข้าว่าเขาขี่ม้าไม่ได้ เห็นทีว่าเราคงต้องหาเกวียนมาใช้เทียมม้าเสียแล้วล่ะ”

“เข้าใจแล้ว ข้าจะไปลองถามดูว่าคนในหมู่บ้านคนไหนมีเกวียนให้เรายืมได้บ้าง” แล้วเอ็ดการ์ก็เดินจากไปได้อย่างรวดเร็วพอๆ กับตอนที่ปรากฏตัว

มาเรียนตรวจร่างกายของทีนิสเสร็จแล้วก็ถอยห่างออกมา “ข้าอุ่นซุปเนื้อเอาไว้ในครัว ท่านต้องทานอะไรเสียบ้างหลังจากที่สลบมานานขนาดนี้ รู้สึกหิวบ้างไหม”

พอพูดถึงของกิน ร่างกายของทีนิสก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาในทันใด เพราะตอนที่ถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินเขาก็แทบจะไม่ได้แตะต้องอาหารอะไรเลยเนื่องจากไม่มีให้นั่นเอง

“ข้าหิวแล้ว เจ้าช่วยไปเตรียมอาหารมาให้ข้าได้ไหม”

มาเรียนขมวดคิ้วกับวิธีการพูดของทีนิสเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปที่ครัวโดยไม่ได้ไต่ถามอะไรอีก ซึ่งก็ทำให้เหลือเพียงแต่ไบรโอเนียและทีนิสอยู่ในห้องเพียงลำพัง

ทีนิสมองร่างสูงเพรียวที่เดินไปปิดประตูห้องให้มิดชิดและสำรวจตรงหน้าต่างจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วจึงเดินกลับมาหาเขา “ข้าขออภัยที่ต้องเสียมารยาทกับท่าน แต่เพื่อความปลอดภัยแล้วข้าจำเป็นจะต้องทำแบบนี้เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าท่านคือใคร”

“เจ้าเป็นใครกัน” ทีนิสมองอีกฝ่ายอย่างพิจารณา ด้วยลักษณะและท่าทางของนางแล้วไม่น่าจะใช่คนสามัญธรรมดาทั่วไป “ข้าได้ยินชายคนนั้นเรียกเจ้าว่าเบรล แต่ว่านั่นคงจะไม่ใช่ชื่อจริงของเจ้าแน่ และท่าทางของเจ้าก็ไม่ใช่สามัญชนทั่วไปด้วย”

“ท่านเดาได้ไม่เลวเลย... ข้าคือไบรโอเนีย รัชทายาทเพียงคนเดียวของแคว้นดาร์ซี” นางยิ้มอย่างแฝงความนัยบางอย่างเอาไว้ก่อนจะกล่าวต่อ

“พวกเรามาช่วยท่าน องค์ชายทีนิส”


Be Continued




Create Date : 10 มีนาคม 2558
Last Update : 10 มีนาคม 2558 18:55:23 น.
Counter : 874 Pageviews.

1 comments
  
รอตอนต่อไปค่ะ
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 12 มีนาคม 2558 เวลา:19:26:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


มีนาคม 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
15
16
17
18
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend