บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 6

บทที่ 6


ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไบรโอเนียและทีนิสเป็นกังวลอยู่นั้นจะเป็นจริงเพราะทันทีที่โลเอล⁞ทราบว่านางได้รับบาดเจ็บจากการไปสอดแนมที่ค่ายทหารตรงชายแดน กษัตริย์ผู้ครองแคว้นดาร์ซีก็รีบรุดมาดูอาการของพระธิดาโดยทันที

“ใครกันที่มันบังอาจทำร้ายเจ้าให้ต้องบาดเจ็บถึงขนาดนี้” โลเอลตวาดก้องเอ็ดอึงไปทั่วทั้งห้อง

“ทรงเย็นพระทัยก่อนเถอะเพคะเสด็จพ่อ เดี๋ยวก็ทรงประชวรไปอีกคนหรอก” ไบรโอเนียที่แม้จะตกใจที่จู่ๆพระบิดาก็บุกเข้ามาในห้องของนางอย่างกะทันหันแต่นางก็พยายามที่จะพูดให้โลเอลใจเย็นลง “แล้วหม่อมฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย”

“ถ้าเจ้าไม่เป็นอะไรจริงๆเจ้าก็น่าจะลุกจากเตียงและเดินไปเดินมาในปราสาทได้อย่างที่เคยสิ แต่สิ่งที่พ่อเห็นในตอนนี้ก็คือเจ้านอนหน้าซีดอยู่บนเตียงต่างหาก” โลเอลมองสภาพของบุตรสาวแล้วก็ถอนใจ “พ่อบอกเจ้าแล้วว่าความประมาทเป็นหนทางแห่งหายนะแล้วดูสภาพเจ้าตอนนี้สินอนหน้าเซียวอยู่บนเตียงแบบนี้ก็เป็นเพราะว่าเจ้าประมาทฝีมือของศัตรูใช่ไหม”

“เป็นเพราะความอ่อนหัดของลูกเองเพคะที่ไม่ระมัดระวังมากพอ” นางก้มหน้ารับคำตักเตือนของโลเอลอย่างยอมจำนน

“พ่อพยายามสวดภาวนาทุกๆ วันว่าขอให้เจ้าปลอดภัยแต่แล้วเจ้าก็บาดเจ็บเข้าจนได้” ราชาแห่งดาร์ซีทรุดตัวนั่งลงข้างๆกายนางแล้วรั้งนางเข้ามาใกล้ “หลังจากที่แม่ของเจ้าได้จากพวกเราไปพ่อไม่อยากจะสูญเสียเจ้าไปอีกคนหรอกนะไบรโอเนีย เจ้าอย่าทำให้พ่อเป็นห่วงเจ้านักเลย”

“เสด็จพ่อก็ทรงทราบว่าหน้าที่อย่างหม่อมฉันมันก็ต้องเสี่ยงอันตรายอยู่แล้วนี่เพคะ”

“มันก็ใช่...” โลเอลรับคำแล้วถอนใจ “ถ้าหากว่าพ่อรู้ว่าเจ้าจะต้องทำอะไรแบบนี้ พ่อจะเก็บดาบให้ไกลจากมือเจ้าตั้งแต่เล็กๆเลยเชียว”

ไบรโอเนียหัวเราะหึกับสิ่งที่โลเอลพูดออกมา “เสด็จพ่อคงไม่ทรงกริ้วที่หม่อมฉันถูกทำร้ายจนบาดเจ็บจนคิดจะนำทหารไปบุกชายแดนคิเรบัสใช่ไหมเพคะ”

“เจ้าคิดว่าพ่อจะทำเช่นนั้นหรือไบรโอเนีย”โลเอลเลิกคิ้วมองนาง

“หม่อมฉันก็ทูลถามเผื่อเอาไว้น่ะเพคะ”นางตอบรับอุบอิบ

“ถึงแม้จะโกรธที่มีคนทำร้ายเจ้าแต่พ่อก็ไม่ผลีผลามทำอะไรโดยไม่คิดหรือหารือกับพวกแม่ทัพหรอก” โลเอลตำหนินางแบบไม่จริงจังนักพร้อมกับโยกศีรษะพระธิดาเล่นก่อนจะลุกขึ้นยืน “เจ้าพักผ่อนไปเถอะนะ แล้วก็สบายใจได้พ่อจะคอยดูว่าเจ้าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”

“หมายความว่าเสด็จพ่อจะไม่มีรับสั่งให้ทหารเดินทัพไปคิเรบัสใช่ไหมเพคะ”

โลเอลพยักหน้า “ก็ถ้าหากเจ้าบาดเจ็บถึงขนาดนี้แล้วยังมาห้ามไม่ให้พ่อจัดการเรื่องนี้เองก็แสดงว่าเจ้ามีวิธีจัดการในแบบของเจ้าอยู่ใช่ไหม?”

“ลูกก็แค่อยากจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่องค์ชายทีนิสว่ามาถ้าหากไม่มีการสูญเสียชีวิตก็เป็นการดีไม่ใช่เหรอเพคะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรีบพักฟื้นให้หายเร็วๆ แต่ในระหว่างนี้พ่อไม่อนุญาตให้เจ้าทำอะไรที่โลดโผนหรือหักโหมจนกว่าเจ้าจะหายดีและถ้าหากว่าเจ้าไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของพ่อ ทั้งเอ็ดการ์ ทหารในหน่วยหมาป่าดำและนางกำนัลทั้งหมดของเจ้าจะต้องโดนลงโทษอย่างหนักเข้าใจไหม”

“ลูกเข้าใจแล้วเพคะ” ไบรโอเนียพยักหน้ารับแม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจกับรับสั่งของโลเอลก็ตาม

“ดีแล้วละ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พักผ่อนเถอะ จะได้หายไวๆ” แล้วโลเอลก็ก้มลงไปจุมพิตหน้าผากของนางอย่างอ่อนโยน “พ่อรักเจ้านะ ยอดดวงใจของพ่อ”

นางส่งยิ้มเซียวๆ ให้กับพระบิดาที่เดินออกจากห้องไป แต่หลังจากนั้นนางก็ตีหน้ามุ่ยก่อนที่จะบ่นกับตัวเองด้วยความเคืองขุ่น

“ถ้าหากไม่มัวแต่คิดเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ล่ะก็ไม่มีวันซะหรอกที่ข้าจะพลาดแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะเขาคนเดียวแท้ๆ”


**************************


พอออกมาจากห้องของไบรโอเนียแล้วโลเอลก็พบกับทีนิสที่กำลังเดินมาพอดีทีนิสโค้งแสดงความเคารพกับโลเอลก่อนจะกล่าวทักทายโลเอลตามมารยาทซึ่งโลเอลก็พยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยถามเขา“จะมาหาไบรโอเนียหรือ”

“หม่อมฉันว่าจะเข้ามาดูว่านางเป็นเช่นไรบ้างน่ะพ่ะย่ะค่ะ” แล้วเขาก็ถอนหายใจยาวก่อนจะกล่าวต่อ “หม่อมฉันขอประทานอภัยที่เป็นต้นเหตุทำให้องค์หญิงไบรโอเนียต้องบาดเจ็บ”

โลเอลส่ายหน้ากับคำขออภัยของเขา “ข้าไม่ได้นึกถือโทษต่อท่านหรอกองค์ชายทีนิสเรื่องนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัย ท่านอย่าได้คิดโทษตัวเองเลย”

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าเช่นนั้นก็ตามสบายเถอะนะ ถ้าหากมีอะไรที่อยากจะให้ข้าช่วยเหลือนอกจากนี้ก็เข้ามาหารือกับข้าได้ตลอดนะเพราะไบรโอเนียก็มาบาดเจ็บเช่นนี้คงช่วยอะไรท่านไม่ได้มาก”

ทีนิสโค้งให้กับโลเอลก่อนจะกล่าวขอบคุณ “ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ”

โลเอลยิ้มด้วยความพึงพอใจ “เชิญท่านเถอะข้าไม่กวนเวลาท่านแล้วล่ะ”

ทีนิสลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อโลเอลเดินจากไปทีแรกเขาคิดว่ากษัตริย์แห่งดาร์ซีจะทรงกริ้วที่เขาเป็นสาเหตุที่ทำให้พระธิดาของตนต้องบาดเจ็บแบบนั้นเสียอีกเขาโคลงศีรษะกับเรื่องน่าแปลกใจนั้นก่อนจะเดินไปที่ห้องของไบรโอเนียเขาพยักหน้าให้กับพวกทหารองครักษ์ที่ยืนเฝ้ายามอยู่หน้าห้องของนางก่อนจะเดินเข้าไปแต่ก็พอดีที่ตาของเขาเหลือบไปเห็นเลโอเดินตรงมาหาเขาพอดี

“หม่อมฉันไปหาองค์ชายที่ห้องแล้วไม่พบก็เลยตามมาที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มพูดกับเขา

“เจ้ามีธุระอะไรกับข้าหรือ”

“ก็วันนี้หม่อมฉันจะต้องมาเรียนหนังสือกับองค์ชายนี่พ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อ... จริงด้วยสินะ ข้าลืมไปเสียสนิทเลย” ทีนิสว่าพลางหัวเราะเก้อๆเพราะตั้งแต่กลับมาจากการไปสอดแนมตั้งแต่เมื่อคืนวานเขาก็มัวแต่วุ่นวายกับเรื่องอาการบาดเจ็บของไบรโอเนียเสียจนลืมไปว่าเขายังจะต้องสอนหนังสือให้กับเลโอด้วย

“แล้วที่เจ้าตามหาข้านี่ก็เพียงเพราะเรื่องการให้ข้าสอนหนังสือเท่านั้นน่ะหรือ”

“หม่อมฉันได้ยินจากท่านหัวหน้าข้ารับใช้มาว่าองค์หญิงทรงบาดเจ็บจากการเดินทางหรือพ่ะย่ะค่ะ” ทีนิสพยักหน้า “เจ้าก็เลยอยากจะถามข้าว่านางเป็นอะไรมากหรือเปล่าสินะ”

เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างจำนนในข้อสังเกตของเขา “หม่อมฉันเป็นห่วงองค์หญิงน่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเจ้าอยากจะเจอกับนางไหมล่ะ” เขาถามพลางเลิกคิ้วให้กับอีกฝ่าย

“หม่อมฉันเข้าเฝ้าองค์หญิงได้หรือพ่ะย่ะค่ะ” เลโอทำตาเป็นประกายขึ้นมาโดยทันที

ทีนิสมองทหารองครักษ์ที่หันมามองหน้าเขาโดยทันทีอย่างลำบากใจเพราะเรื่องอาการบาดเจ็บของไบรโอเนียนั้นถูกปิดให้รู้กันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น

“ไม่เป็นไรหรอก ข้ารับรองว่าเด็กคนนี้เชื่อใจได้” เขาแก่พวกทหารนั้นให้เบาใจก่อนที่จะเปิดประตูห้องของไบรโอเนียแล้วเดินเข้าไปข้างในพร้อมกับเลโอ


***********************


เป็นครั้งแรกที่ทีนิสได้เข้าไปในห้องส่วนตัวขององค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีห้องของนางนั้นถูกตกแต่งอย่างสวยงามสมฐานะที่นางเป็นอยู่แต่นอกเหนือไปจากนั้นเขายังเห็นชั้นหนังสือขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือนานาชนิดยาวไปตลอดแนวผนังห้องและที่ดูขัดแย้งกันเหลือเกินก็คืออีกด้านหนึ่งนั้นมีอาวุธจำพวกดาบสั้นและมีดดาบแขวนอย่างเป็นระเบียบอยู่บนผนังซึ่งเขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีเจ้าหญิงของแคว้นไหนจะมีของประดับตกแต่งเหมือนอย่างนางแน่

“ท่านได้เจอเสด็จพ่อหรือเปล่า”เสียงของคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าผู้เข้ามานั้นคือทีนิสและเลโอก่อนจะพยักเพยิดให้ข้ารับใช้หญิงที่คอยอยู่ดูแลนางออกไปก่อน

ทีนิสพยักหน้าก่อนจะตอบนาง “ได้เจอโดยบังเอิญน่ะน่าแปลกที่ไม่ทรงกริ้วอย่างที่ข้าคิดไว้”

“ทำไมจะไม่กริ้วเล่า” นางว่าพลางย่นคิ้วเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่“เพียงแค่ทรงอาละวาดกับข้าเรียบร้อยแล้วต่างหากถึงได้อารมณ์ดี”

“ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะทรงเป็นห่วงเจ้าหรอกนะไบรโอเนีย ถ้าหากข้าเป็นพระบิดาของเจ้าข้าก็คงไม่ชอบใจนักหรอกที่เจ้าต้องเสี่ยงตายจนบาดเจ็บเช่นนี้เหมือนกัน”

“ท่านเลิกพูดเหมือนเสด็จพ่อสักทีได้ไหม ข้าฟังคำพูดแบบนี้มาตลอดตั้งแต่บาดเจ็บจนเบื่อจะแย่อยู่แล้ว” นางว่าพลางทำหน้าง้ำเมื่อทีนิสจะตั้งท่าบ่นนางอีกคน

พอเห็นใบหน้างามที่แม้จะอิดโรยไปบ้างด้วยอาการบาดเจ็บนั้นงอง้ำเหมือนเช่นเคยเวลาเขาเย้าแหย่นางแล้วก็ทำให้ทีนิสอดยิ้มขันไม่ได้

“แล้วอาการของเจ้าล่ะเป็นเช่นไรบ้าง”

นางยักไหล่ก่อนจะตอบเขา “ก็อย่างที่ท่านเห็นนี่แหละหมอสั่งให้ข้านอนอยู่เฉยๆ จนกว่าแผลจะหายดี แล้วก็กำชับให้พวกข้ารับใช้เฝ้าไม่ให้ข้าทำอะไรเองด้วย”

“บ่นได้ขนาดนี้แสดงว่าอาการดีขึ้นแล้วสินะ” เขาว่าพลางหัวเราะด้วยความชอบใจเมื่อเห็นนางตวัดค้อนใส่เขาด้วยความเคืองขุ่นก่อนที่เขาจะเลิกแหย่ให้นางโกรธแล้วหันมาเข้าเรื่องจริงจังบ้าง “เจ้าต้องพักผ่อนให้มากจะได้หายไวๆ ยังไงเล่า”

ไบรโอเนียได้แต่กลอกตาด้วยความเบื่อหน่ายแล้วก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเลโอก็อยู่ในห้องของนางด้วย“พวกทหารหน้าห้องอนุญาตให้เจ้าเข้ามาได้ด้วยหรือเลโอ”

เลโอที่เอาแต่ก้มหน้างุดตั้งแต่เริ่มต้นก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อถูกไบรโอเนียทัก“หม่อมฉันตกใจมากที่ได้ยินข่าวว่าองค์หญิงทรงประชวรก็เลยอยากจะรู้ว่าทรงเป็นอะไรมากไหมน่ะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าไม่เป็นอะไรมากนักหรอก ขอบใจเจ้าที่เป็นห่วง” นางตอบอีกฝ่ายพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้แก่เด็กหนุ่ม

เสียงเคาะประตูห้องของนางดังขึ้นเลโอรีบเดินไปเปิดประตูโดยไม่ต้องรอให้ใครบอกผู้ที่เดินเข้ามาใหม่นั้นคือหมอและข้ารับใช้ที่เป็นผู้ช่วยอีกสองคนเมื่อเข้ามาในห้องแล้วคนพวกนั้นโค้งคำนับนางอย่างนบนอบก่อนจะเอ่ย

“หม่อมฉันมาถวายตรวจพระอาการขององค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

ไบรโอเนียทำหน้าเหม็นเบื่อกับกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่เหลือเกิน “นี่ข้ายังเจอเรื่องน่าเบื่อไม่มากพออีกหรือไง”

ทีนิสพอเห็นพวกหมอที่เข้ามาในห้องแล้วก็คิดว่าคงไม่เหมาะที่เขาจะอยู่ต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าไม่อยู่เกะกะพวกเขาแล้วล่ะนะ”

“เดี๋ยวก่อนสิ” นางรีบเรียกเขาเอาไว้เมื่อทีนิสและเลโอกำลังจะเดินออกจากห้องไป

“มีอะไรหรือ”

ไบรโอเนียทำท่าอึกอักกับเพราะไม่รู้จะพูดว่าเช่นไรดี นางไม่อยากให้ชายคนไหนมาเปิดเสื้อของนางเพื่อดูแผลที่สีข้างของนางอีกและนางไม่ค่อยชอบใจเท่าไรที่ได้เห็นปฏิกิริยาของคนที่ได้เห็นบาดแผลของนาง

“ข้ามีสิทธิ์เลือกคนรักษาได้ไม่ใช่หรือไง”

ทีนิสเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เจ้าน่าจะให้หมอเป็นคนดูแลเจ้าจะดีกว่านะเพราะข้าเองก็ไม่ใช่หมอจริงๆ สักหน่อย”

“องค์หญิงอย่าทรงทำให้องค์ชายทีนิสลำบากพระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ” คนที่เป็นหมอกล่าวด้วยสีหน้าปั้นยากเพราะไม่คิดว่าจะถูกปฏิเสธการรักษาจากนาง

“เจ้าเจ้าทิ้งพวกเครื่องมือไว้ที่นี่แล้วออกไปได้”

“แต่ว่าองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ...”

“เจ้าไม่ต้องมาขัดอะไรข้าแล้ว และถ้าหากใครสงสัยก็บอกว่าเป็นคำสั่งของข้าเข้าใจไหม”

พอไบรโอเนียยืนกรานเช่นนั้นหมอก็จำใจที่จะต้องยอมทำตามคำสั่งของนางด้วยการทิ้งอุปกรณ์การรักษาเอาไว้แล้วก็เดินออกไปจากห้องของนางแต่โดยดี

พอคนพวกนั้นออกไปแล้วทีนิสก็หรี่ตามองไบรโอเนียที่นั่งทำหน้าบึ้งอยู่บนเตียง

“ทำไมเจ้าถึงอยากให้หมอเถื่อนแบบข้ารักษาเจ้าทั้งที่หมอหลวงประจำพระราชวังของเจ้าน่าจะเก่งกว่าข้านะ”

นางแกล้งทำเป็นมองออกไปยังหน้าต่างเพื่อหลบสายตาที่ของเขาที่กำลังจับพิรุธนางอยู่“ข้ามีเหตุผลของข้า”

ทีนิสโคลงศีรษะก่อนจะหันไปทางเลโอที่ยืนตัวลีบอยู่มุมห้อง “เจ้าคอยอยู่ช่วยข้าทำแผลให้องค์หญิงไบรโอเนียก็แล้วกันนะเลโอ”

“หม่อมฉันหรือพ่ะย่ะค่ะ” เด็กหนุ่มทำหน้าตื่นขึ้นมาทันทีและแน่นอนว่าอาการนี้ไบรโอเนียก็เป็นไปกับเขาด้วย

“ท่านเพี้ยนไปแล้วหรือไงที่ข้ายอมให้ท่านรักษาก็เพราะข้าไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นมาเห็นร่างกายข้าหรอกนะไม่เช่นนั้นข้าไม่ไล่หมอออกไปแบบนั้นหรอก”

“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”เขาว่าพลางปรายตาไปทางเลโอ “เพราะเลโอเป็นผู้หญิง”

ไบรโอเนียอ้าปากค้างกับคำพูดของเขา แล้วนางก็มองเลโอที่หน้าถอดสีซึ่งเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่นางพูดนั้นทีนิสไม่ได้ล้อเล่นแน่ๆ

“นี่มันเรื่องอะไรกัน แล้วเจ้ากลายเป็นผู้หญิงไปได้เช่นไร”

“องค์ชายทรงทราบได้อย่างไรว่าข้าเป็นผู้หญิง”เลโอเอ่ยถามทีนิสเสียงแผ่วหวิว เพราะไม่คิดว่าความลับที่สู้อุตส่าห์เก็บงำมาตลอดและไม่คิดว่ามีใครรู้จะถูกเปิดเผยขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเช่นนี้

“ร่างกายของชายหญิงแตกต่างกัน ถ้าหากสังเกตอย่างตั้งใจก็จะแยกออกได้ข้าเรียนเรื่องการแพทย์มาก็ต้องรู้ความแตกต่างระหว่างร่างกายของผู้ชายกับผู้หญิงอยู่แล้ว” แล้วเขาก็ยิ้มให้กับเลโอ “ข้ารู้ตั้งแต่วันที่ข้าช่วยไม่ให้เจ้าสะดุดล้มหน้าคะมำในห้องของข้านั่นแหละ”

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกความจริงกับข้าว่าเจ้าเป็นผู้หญิง เลโอ... ไม่สิชื่อจริงๆ ของเจ้าคืออะไรกันแน่” ไบรโอเนียถามพลางจ้องเขม็งไปที่เลโอซึ่งยืนหน้าซีดราวกับกระดาษ

เลโอก้มหน้างุดหลบสายตาคมปลาบของไบรโอเนียด้วยความกริ่งเกรง “ชื่อจริงของหม่อมฉันคือเลโอน่า”

“เลโอน่างั้นหรือ แล้วทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าตั้งแต่แรกว่าเจ้าเป็นผู้หญิง”แล้วนางก็หรี่ตาพร้อมกับเอ่ยเสียงต่ำจนทำให้คนที่ได้ยินถึงกับขนลุกด้วยความหวาดกลัว“หรือว่าเจ้าเป็นคนของศัตรูปลอมตัวเข้ามา”

“หามิได้เพคะ หม่อมฉันจำเป็นต้องโกหกเพราะมีเหตุจำเป็น ไม่ได้มีประสงค์ร้ายอย่างที่ทรงเข้าใจหรอกเพคะ”

“เจ้ามีเหตุผลอะไรถึงได้โกหกข้าและทุกๆ คนเช่นนี้ เสียแรงที่ข้าคิดว่าเจ้าเป็นเด็กดีนะเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก” นางพูดตามที่รู้สึกจริงๆเพราะไม่คิดว่าเลโอ หรือ เลโอน่าจะกล้าโกหกนางเช่นนี้

“หม่อมฉันจำเป็นต้องทำตัวให้เป็นเหมือนเด็กผู้ชายนับตั้งแต่ท่านพ่อได้จากไปเพราะในพวกพ่อค้าในตลาดไม่มีใครยอมรับเด็กผู้หญิงเข้าทำงานแล้วหม่อมฉันเคยเห็นเด็กผู้หญิงหลายๆ คนถูกพวกพ่อค้าหลอกพาไปขายให้เป็นโสเภณีในซ่องหรือไม่ก็เป็นทาสถ้าหากหม่อมฉันไม่ทำแบบนี้ หม่อมฉันก็คงจะหาเงินมาดูแลเลร่าที่ป่วยไม่ได้”

“แล้วอย่างนั้นทำไมตอนที่ข้าพาเจ้าเข้ามาอยู่ในปราสาทถึงไม่ยอมบอกความจริงให้ข้ารู้ล่ะ”

“หม่อมฉันกลัวว่าถ้าหากพวกฝ่าบาทรู้ว่าหม่อมฉันเป็นผู้หญิงจะทรงกริ้วแล้วก็ขับไล่หม่อมฉันออกไปจากปราสาทและต้องไปเป็นเด็กขอทานเหมือนอย่างเดิม” เลโอน่าพูดพลางพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่สะอื้นไห้ออกมา

“หม่อมฉันจะไม่กลัวที่จะบอกความจริงเลยถ้าหากไม่คิดว่าอยากจะให้เลร่าหายจากอาการป่วยเรื้อรังนั่นและมีชีวิตที่ดีกว่าเมื่อก่อน...องค์หญิงจะทรงลงโทษหม่อมฉันอย่างไรก็ได้แต่หม่อมฉันขอร้ององค์หญิงทรงอย่าขับไล่เลร่าออกจากปราสาทเลยนะเพคะน้องสาวของหม่อมฉันไม่เคยรับรู้ว่าโลกภายนอกมันโหดร้ายแค่ไหนได้โปรดทรงเมตตาเด็กคนนั้นด้วยส่วนตัวหม่อมฉันจะทรงจับขังคุกหรืออะไรก็แล้วแต่พระประสงค์เถอะเพคะ หม่อมฉันขอร้อง”

ไบรโอเนียมองเลโอน่าที่อ้อนวอนนางอย่างสิ้นหวังด้วยสีหน้าเรียบเฉยหากภายในใจนั้นก็นึกสงสารอยู่เป็นกำลังนางรู้ว่าเป็นเพราะภาวะตึงเครียดระหว่างแคว้นที่ทำให้ประชาชนที่อาศัยการค้าขายระหว่างแคว้นนั้นใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนเกิดเป็นปัญหาความยากจนและเด็กกำพร้าที่เกลื่อนกลาดไปหมด

“ไบรโอเนีย เลโอน่าก็แค่ทำเพื่อปกป้องน้องสาวของนางเท่านั้นเองคงไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายอะไรหรอก”ทีนิสกล่าวขึ้นหลังจากที่เห็นไบรโอเนียเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาและเขาเองก็รู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ไม่น่าบอกความจริงนั้นมาเปิดเผยแทนเจ้าตัว

“เจ้าจะลงโทษเด็กคนที่ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งโกหกคนที่มีอำนาจเหนือชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องน้องได้ลงคอเชียวหรือ”

“ข้าไม่มีเวลามาคิดอะไรไร้สาระพรรค์นั้นหรอก”ไบรโอเนียกล่าวพลางถอนใจออกมาคล้ายกับจะรำคาญกับเรื่องนี้เหลือเกิน

ทีนิสกลั้นยิ้มกับคนปากไม่ตรงกับใจ ก่อนจะแตะไหล่เลโอน่าก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“เจ้าไปล้างมือให้สะอาดแล้วมาช่วยข้าทำแผลให้องค์หญิงเถอะ”

เลโอน่าพยักหน้าพลางปาดน้ำตาป้อยๆแล้วเดินไปล้างมือที่อ่างน้ำตรงมุมห้องจนสะอาดและกลับมาหาทีนิสเพื่อช่วยเป็นลูกมือให้กับเขาในการทำแผลให้ไบรโอเนีย

เมื่อเลโอน่าค่อยๆ แกะผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบๆ เอวของนางออกแล้วเด็กสาวก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นบาดแผลของนางพร้อมกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“คุณพระช่วย! ไหนทรงบอกหม่อมฉันว่าไม่เป็นอะไรมากยังไงล่ะเพคะ”

ทีนิสหัวเราะหึก่อนจะใช้คีมหยิบผ้าสะอาดที่จุ่มยาฆ่าเชื้อเอาไว้จนชุ่มแล้วเดินมายังที่เตียง“องค์หญิงของเจ้าชอบพูดอะไรไม่ค่อยตรงกับความจริงเท่าไรหรอกเลโอน่า”

“ข้าไม่ชอบเวลาเห็นคนอื่นทำท่าทางนี้ใส่ข้าต่างหากและข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆ”

คำแก้ตัวของนางทำให้ทีนิสที่เข้ามาดูบาดแผลให้แก่นางต้องโคลงศีรษะด้วยความระอากับความรั้นของนาง

“ถ้าหากเจ้าเจ็บหรือป่วย เจ้าควรจะยอมรับมันนะถ้าหากว่าเจ้ายังทำเป็นเหมือนกับเจ้าไม่เป็นอะไรมันจะทำให้เจ้าต้องเจ็บหนักกว่าเดิมเหมือนอย่างที่เจ้าเป็นอยู่ตอนนี้ไง”

“ข้าไม่ได้หลอกตัวเองสักหน่อย” นางว่าพลางทำหน้าง้ำ

“อย่าเพิ่งเถียงข้าเลยดีกว่า ถ้าเจ้าอยากหายไวๆ ก็ต้องพักผ่อนให้มากและอย่าหักโหมตัวเองอย่างที่เสด็จพ่อของเจ้าทรงรับสั่งเอาไว้”

นางเบ้ปากพลางบ่นอุบอิบเมื่อดูเหมือนว่าพักนี้ทีนิสชักจะทำตัวคล้ายๆกับเสด็จพ่อของนางและเอ็ดการ์เข้าไปทุกที

“ยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องรีบจัดการ ข้าคงนอนอยู่เฉยๆแบบนี้นานไม่ได้หรอก”

“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกในระหว่างนี้ข้าจะเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ให้เรียบร้อยเอง”

นางหรี่ตามองทีนิสอย่างไม่เชื่อในคำพูดของเขานัก “ท่านคิดจะทำอะไร”

“แผลของเจ้าเริ่มสมานตัวกันแล้ว ถ้าหากนอนพักเฉยๆโดยไม่ทำให้แผลฉีกขาดข้าว่าเจ้าน่าจะหายเร็วกว่าที่คิดเอาไว้นะ” เขาพูดถึงอาการของนางโดยทำเป็นไม่สนใจต่อคำถามเมื่อครู่

“ท่านอย่าห่วงเรื่องนั้นเลยเสด็จพ่อส่งคนมาคุมข้าเสียขนาดนั้นข้าคงทำอะไรไม่ได้หรอก”

ทีนิสหัวเราะหึแล้วหันมากล่าวกับเลโอน่า “วันนี้เจ้าไม่ต้องไปเรียนหนังสือกับข้าหรอกคอยอยู่ถวายการรับใช้กับองค์หญิงอยู่ที่นี่เถอะนะ”

“ข้าอยู่ของข้าได้ ท่านไม่ต้องให้ใครมาอยู่เป็นเพื่อนข้าหรอก” นางปฏิเสธพลางเชิดปลายคางอย่างทะนงตัว

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ควรนอนพักผ่อนมากๆมาเถอะเลโอน่าเราควรปล่อยให้องค์หญิงของเจ้าได้พักคนเดียวเงียบๆ ดีกว่านะ” แล้วเขาก็แตะบ่าเลโอน่าที่คอยเก็บเครื่องมือทำแผลให้เขาแล้วเดินออกไป

เลโอน่ามองทีนิสที่เดินออกไปอย่างลังเลว่าจะออกไปดีไหมแต่แล้วก็ต้องยอมออกไปแต่โดยดีเมื่อไบรโอเนียพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ตนออกไป


***************************


“แล้วทีนี้เจ้าจะทำยังไงต่อไปล่ะเลโอน่าโรงเรียนฝึกทหารเขารับแต่ผู้ชายเท่านั้นเสียด้วย” ทีนิสถามเลโอน่าหลังจากที่ออกมาจากห้องของไบรโอเนียแล้ว

เลโอน่ามีสีหน้าเสียใจเล็กน้อยกับคำพูดของเขา “แล้วแต่พระประสงค์ขององค์ชายและองค์หญิงเถอะเพคะ”

“แล้วเจ้าคิดว่าสามารถทำงานเป็นข้ารับใช้ภายในปราสาทได้หรือเปล่าล่ะ”

เด็กสาวนิ่งคิดไปครู่ใหญ่อย่างลังเลก่อนจะตอบ “คิดว่าน่าจะได้เพคะแต่ว่าหม่อมฉันอาจจะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อเรียนรู้”

“ดูท่าทางเจ้าจะไม่ค่อยถนัดเรื่องงานแบบผู้หญิงๆ สินะ น่าเสียดายความสามารถของเจ้านะถ้าหากว่าจะให้ไปทำงานในส่วนของข้ารับใช้ทั่วๆ ไป” เขาว่าพลางมองเด็กสาวอย่างพิจารณา

“แต่ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถ แต่เจ้าก็น่าจะรู้ว่าเจ้าปลอมตัวเป็นผู้ชายอย่างนี้ตลอดไปไม่ได้ตอนนี้อาจจะยังไม่มีใครรู้เพราะเจ้ายังไม่เติบโตเต็มที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆเจ้าก็จะรู้ว่าเจ้าไม่สามารถซ่อนความจริงนี้ไม่ได้อีกต่อไป”

เลโอน่าพยักหน้าอย่างจำนนต่อคำพูดของทีนิส “ที่องค์ชายตรัสมาถูกต้องทั้งหมดเพคะ”

“ยังมีอีกอย่างหนึ่งที่เจ้าน่าจะทำได้”

“อะไรหรือเพคะ” เด็กสาวมองหน้าเขาด้วยความสงสัย

“เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถทำงานสายลับหรือพวกกองสอดแนมได้ไหมล่ะ”

“แต่องค์หญิงจะทรงยอมหรือเพคะ”

“ข้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้นางต้องมาอยู่ที่นี่ ข้าก็ควรจะต้องรับผิดชอบจริงไหมล่ะ” ทีนิสพูดพร้อมกับส่งยิ้มเพื่อให้เด็กสาวคลายความกังวล

“ข้าจะพูดกับไบรโอเนียเอง เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะ ข้าจะช่วยสนับสนุนเจ้าเต็มที่แต่เจ้าเองก็ต้องตั้งใจให้มากขึ้นด้วยเข้าใจไหม”

“เพคะ” เลโอน่าพยักหน้าอย่างแข็งขัน

“ข้านึกไม่ออกเลยว่าเอ็ดการ์จะทำหน้ายังไง” เขาว่าพลางตีหน้ายุ่งเมื่อนึกว่าเอ็ดการ์เองก็ยังไม่รู้ความจริง

พอพูดถึงเอ็ดการ์ เลโอน่าก็ทำหน้าสลดอีกรอบ “ท่านอาจารย์จะต้องโกรธหม่อมฉันมากแน่ๆ”

“ก็คงจะต้องเป็นอย่างนั้น แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นมาจากตัวเจ้าเจ้าก็ต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยตัวเอง จะรอให้คนอื่นมาช่วยตลอดไม่ได้หรอกนะ”

เด็กสาวพยักหน้าที่ก้มงุดก่อนจะรับคำเสียงอ่อย “เพคะ”

“ถือว่าเป็นการทดสอบของข้าก็แล้วกันว่าเจ้าจะทำได้หรือไม่ถ้าหากเจ้าทำให้เอ็ดการ์ยอมรับเจ้าเกี่ยวกับความจริงในข้อนี้ได้ ข้าก็จะไม่บอกให้ไบรโอเนียส่งเจ้าไปทำงานในโรงครัวหรือดีไหมล่ะ”

“หม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเพคะ”เลโอน่าพูดพร้อมกับเงยหน้าสบตากับทีนิสอย่างแน่วแน่ “ขอบพระทัยองค์ชายที่ทรงกรุณา”

ทีนิสยกมุมปากยิ้มก่อนจะแตะบ่าเด็กสาวพร้อมกับพูดออกมาอย่างอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าเจ้าจะทำให้ข้าภูมิใจ อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังในตัวเจ้าก็แล้วกัน”


************************


หลังจากนั้นเลโอน่าก็ขอตัวไปจัดการเรื่องที่ตนเองควรจะต้องทำซึ่งทีนิสก็ถือโอกาสในเวลาว่างคิดอะไรเพียงลำพังบ้าง

การที่ไบรโอเนียถูกทำร้ายจนบาดเจ็บกลับมานั้นดูเป็นเรื่องแปลกเพราะจากที่เห็นไบรโอเนียเป็นคนที่เก่งกาจในเรื่องการต่อสู้มากและคงยากที่จะหาคนที่มีฝีมือเหนือกว่านางจนทำให้นางบาดเจ็บได้ถึงขนาดนี้ถึงแม้ว่าไบรโอเนียจะบอกว่ามันเป็นเพราะความผิดพลาดของนางเองก็เถอะ

ความสงสัยนั้นทำให้ทีนิสต้องคิดหนักคนที่ทำร้ายนางนั้นจะต้องเป็นคนจากแคว้นคิเรบัสแน่ๆ และใครกันที่มีฝีมือสูงขนาดที่ทำให้หัวหน้าหน่วยหมาป่าดำแห่งดาร์ซีบาดเจ็บได้ถึงขนาดนี้และคนที่มีฝีมือถึงขนาดนั้นเท่าที่ทีนิสรู้ก็มีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น...

หรือว่าจะเป็น...

ดวงตาของอดีตรัชทายาทแห่งคิเรบัสเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจมีความเป็นไปได้ที่ว่าไบรโอเนียจะประมือกับกีเธอร์จนบาดเจ็บกลับมาเขารีบเดินไปยังห้องของไบรโอเนียโดยทันใดเพื่อหาความกระจ่างให้กับข้อสงสัยของตนแต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ว่านางควรจะพักผ่อนโดยไม่มีคนรบกวน

ทีนิสสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดตัวเอง ถ้าหากเป็นกีเธอร์จริงเขาก็ค่อนข้างแน่ใจว่ากีเธอร์จะไม่อยู่นิ่งเฉยอีกต่อไปแน่คิดได้เช่นนั้นเขาก็หันหลังกลับไปที่ห้องของตนและหยิบกระดาษกับปากกาขนนกมาเขียนจดหมายฉบับหนึ่งและปิดผนึกด้วยครั่งอย่างแน่นหนาก่อนจะสอดมันเก็บไว้ในอกเสื้ออย่างระมัดระวังเพื่อรอเวลาที่จะฝากให้ใครบางคนจะนำจดหมายฉบับนี้ไปส่งให้ซึ่งทีนิสเดาว่าถ้าหากเขาบอกชื่อของผู้รับให้ได้รู้คงจะต้องงงเป็นไก่ตาแตกกันแน่อดีตรัชทายาทหัวเราะเสียงขื่นกับสิ่งที่เขาคาดเดาก่อนจะทำสีหน้าเครียดขึง

ถือว่าเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ของเขาในคราวนี้ก็ว่าได้...ถ้าหากว่ามันสำเร็จละนะ

เขาได้แต่หวังว่าจดหมายฉบับนี้จะทำให้ผู้ที่ได้อ่านมันจะยอมทำตามความประสงค์ที่ได้ระบุในจดหมายนั้นจริงๆ


****************************


ทีนิสเดินไปตามโถงทางเดินเพื่อหาคนที่จะพอช่วยส่งจดหมายให้กับเขาแต่ก็พอดีที่เอ็ดการ์เดินตรงมาทางเขาพอดีราชองครักษ์หยุดโค้งคำนับเขาก่อนจะเดินหลบไปอีกทางหากทีนิสก็เรียกเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวก่อน เอ็ดการ์”

“องค์ชายทีนิสมีพระประสงค์อะไรจะให้หม่อมฉันถวายการรับใช้หรือพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสมองซ้ายมองขวาเผื่อว่าจะมีใครเดินผ่านมาอีก ก่อนจะเอ่ย “เจ้ามีคนรู้จักที่จะเดินทางผ่านชายแดนในช่วงนี้บ้างหรือเปล่า”

“เกรงว่าไม่พ่ะย่ะค่ะ สถานการณ์ตรงชายแดนตอนนี้ค่อนข้างตึงเครียดกันมากทางแคว้นเราเองก็มีการเข้มงวดในเรื่องคนที่เดินทางข้ามแคว้นมาเพราะกลัวว่าอาจจะมีการส่งสายลับเข้ามาแทรกซึมเอาได้”แล้วเอ็ดการ์ก็ขมวดคิ้ว “ทรงถามถึงเรื่องนี้ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสหยิบแผ่นกระดาษจดหมายออกมาจากเสื้อ “ข้าอยากให้เจ้าช่วยส่งจดหมายฉบับนี้ให้หน่อย”

เอ็ดการ์มองแผ่นกระดาษที่ห่อด้วยซองหนังกวางเป็นอย่างดีแล้วนึกสงสัย “ฝ่าบาทจะส่งไปให้ใครหรือพ่ะย่ะค่ะ”

ริมฝีปากบางได้รูปของอดีตรัชทายาทแห่งคิเรบัสเหยียดยิ้มเครียดก่อนจะตอบ “ข้าอยากให้จดหมายฉบับนี้ส่งถึงมือกีเธอร์ แม่ทัพกองทหารหลวงของแคว้นคิเรบัส”


Be Continued




Create Date : 14 มีนาคม 2558
Last Update : 14 มีนาคม 2558 0:43:17 น.
Counter : 618 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


มีนาคม 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
15
16
17
18
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend