บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 19
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณพี่สุ...จ้า: ฮี่ๆ นางเอกใจแข็งเกินไปจนพ่อทนไม่ไหวน่ะค่ะ >_<

คุณgoldensun: ที่ไม่ทำอะไรเพราะสัญญากับนางเอกเอาไว้น่ะค่ะ ไม่งั้นคงตามไปเฝ้าเช้าเย็นแล้ว อิอิ



บทที่ 19

ทีนิสเดินจนแทบจะเป็นวิ่งไปยังท้องพระโรงเมื่อมีข้ารับใช้มารายงานให้เขาทราบว่าองค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีมาขอเข้าเฝ้าพร้อมกับของกำนัลจากองค์ราชาโลเอล หัวใจของเข้าเต้นโลดแรงด้วยความรู้สึกดีใจระคนตื่นเต้นที่จะได้พบเจอกับนางอีกครั้งทั้งที่คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก

กษัตริย์หนุ่มแห่งคิเรบัสหยุดหอบหายใจและปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเดินเข้าไปในท้องพระโรง และเขาก็พบกับไบรโอเนียยืนอยู่พร้อมกับเอ็ดการ์และเลโอน่า

“ไม่ได้พบกันเสียนานเลยนะ สบายดีไหม” ทีนิสกล่าวทักทายพวกนาง ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนบัลลังก์

ไบรโอเนียย่อตัวทำความเคารพเขาก่อนจะกล่าว “สบายดีเพคะ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง”

“แล้วพวกเจ้าล่ะ เอ็ดการ์ เลโอน่า คงคอยช่วยงานองค์หญิงไบรโอเนียกันให้วุ่นเลยล่ะสิท่า”

“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันก็คอยถวายงานช่วยองค์หญิงและองค์ราชา ส่วนเลโอน่าก็คอยติดตามหม่อมฉันเพื่อเรียนรู้งานเผื่อว่าหม่อมฉันติดภารกิจอื่นจะได้ช่วยแบ่งเบาภาระให้องค์หญิงได้”

“แล้วเจ้าล่ะเลโอน่า ไม่เจอกันนานดูเจ้าโตขึ้นมากนะ แล้วน้องสาวกับเพื่อนๆ ของเจ้าล่ะ สบายดีใช่ไหม”

“เพคะ องค์ราชาโลเอลและองค์หญิงไบรโอเนียทรงมีพระกรุณากับครอบครัวของหม่อมฉันและเพื่อนๆ มาก ทรงสั่งการให้เจ้าเมืองรวบรวมคนไปพัฒนาแหล่งชุมชนที่หม่อมฉันอาศัยอยู่ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บ้านทุกหลังได้รับการซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ดี พวกเด็กที่เจ็บป่วยอยู่ก็ได้รับการรักษา ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็ได้รับการจัดสรรที่ดินเพื่อใช้เลี้ยงสัตว์หรือทำการเพาะปลูกพืชผักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวโดยไม่ต้องไปเร่หางานหรือลักขโมยเหมือนอย่างแต่ก่อนแล้วเพคะ”

“ได้ยินเช่นนั้นข้าก็ดีใจกับเจ้าด้วยนะเลโอน่า”

“แต่นอกเหนือจากนั้นหม่อมฉันก็ยังคงระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่ฝ่าบาททรงช่วยเหลือฉันมาก่อนด้วยเพคะ ถ้าหากว่ามีอะไรทรงโปรดจะให้ฉันถวายงานเพื่อตอบแทนหม่อมฉันก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพคะ”

ทีนิสยิ้มให้กับเลโอน่าที่มองเขามาด้วยความซาบซึ้งก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร

“แค่เจ้าทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดอย่างที่ข้าเคยบอกเจ้าเอาไว้ก็พอแล้ว... ฟังจากที่เลโอน่าเล่ามาแล้วงานเจ้าก็คงหนักหน้าดูเลยนะ คงไม่ค่อยได้พักผ่อนมากล่ะสิถึงได้ดูผอมลงไปมากถึงขนาดนี้”

ท้ายประโยคเขาหันไปพูดกับไบรโอเนีย นางดูซูบผอมลงไปมาก ใบหน้าของนางนั้นแม้จะดูงดงามเสมอในความคิดของเขานั้นปรากฏริ้วรอยของความอ่อนล้าให้เห็นอย่างเด่นชัด และสิ่งที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกปวดหนึบนั้นก็คือดวงตาของนางที่เคยทอประกายสดใสและทระนงนั้นดูแห้งแล้งและไร้ชีวิตชีวาเหลือเกิน

“ก็ส่วนหนึ่งเพคะ ตั้งแต่ดาร์ซีเป็นเอกราชก็มีหลายอย่างที่จะต้องจัดการปรับเปลี่ยนให้เรียบร้อย และหม่อมฉันเองก็ละทิ้งหน้าที่ของตัวเองมานานก็เลยต้องทำงานหนัก แต่หม่อมฉันไม่เป็นอะไรหรอกเพคะ อย่าทรงเป็นกังวลเลย” นางตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่สุภาพแต่ฟังดูเหินห่างก่อนที่จะเบือนหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่าแท้จริงแล้วนางกำลังรู้สึกเช่นไรอยู่

ทีนิสลอบถอนหายใจกับท่าทางของไบรโอเนียและพยายามหักห้ามใจตัวเองที่อยากจะเดินเข้าไปคว้านางมากอดและพร่ำบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกทรมานเพียงใดกับการที่นางจากเขาไปกว่าปีครึ่ง เขามองสิ่งของที่เอ็ดการ์ประคองไว้ในมือด้วยความระมัดระวังด้วยความสนใจ

“แล้วนั่นคืออะไร”

“เสด็จพ่อทรงมีรับสั่งให้หม่อมฉันนำของกำนัลจากแคว้นเรามาถวายเป็นเครื่องบรรณาการให้แก่พระองค์เพคะ”

ทีนิสพยักหน้าก่อนจะสั่งให้ทหารองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นำของที่นางว่ามาให้ดู มันเป็นกล่องโลหะที่สลักลายและประดับด้วยอัญมณีอย่างงดงาม เมื่อเปิดดูภายในเขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าภายในนั้นซึ่งมีเพียงแค่จดหมายฉบับหนึ่งที่ปิดผนึกเอาไว้พร้อมกับลงครั่งประทับตราสัญลักษณ์ของกษัตริย์ผู้ครองแคว้นดาร์ซี และแนบแผ่นกระดาษขนาดเล็กที่เขียนข้อความสั้นๆ ว่าเป็นจดหมายที่เขียนถึงเขาเอาไว้ด้วย

“นี่เสด็จพ่อเจ้าส่งแค่จดหมายฉบับเดียวมาให้ข้าหรือ นึกว่าของสำคัญอะไรเสียอีก ถ้าแค่ส่งจดหมายก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องส่งเจ้ามาเลยนี่นา” ทีนิสเอ่ยถามไบรโอเนียด้วยความสงสัย

“หม่อมฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันเพคะว่า เสด็จพ่อแค่มีรับสั่งให้หม่อมฉันนำของสิ่งนี้มาถวายให้แก่พระองค์แต่ไม่ได้บอกว่าข้างในกล่องนั้นเป็นอะไรเหมือนกัน”

“งั้นหรือ แล้วนี่เสด็จพ่อของเจ้าเขียนมาด้วยว่าให้ข้าอ่านมันต่อหน้าเจ้าด้วยนะ”

“อะไรนะเพคะ” ไบรโอเนียขมวดคิ้วด้วยความงุนงงว่าพระบิดาของนางกำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่

ทีนิสไม่ปล่อยให้ความสงสัยของนางต้องรอนานนัก เขาแกะเอาผนึกจดหมายออกเพื่อเปิดอ่านโดยทันที กษัตริย์หนุ่มอ่านจดหมายสลับกับมองหน้านางอยู่เป็นช่วงๆ แล้วดวงตาของทีนิสก็เบิกกว้างคล้ายกับตกใจกับอะไรบางอย่างที่เขียนมาในจดหมายนั้น

ความสงสัยของไบรโอเนียนั้นยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าตัวของทีนิสนั้นสั่นระริกแต่แล้วไม่นานและเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นท้องพระโรง

“คุณพระช่วย! เสด็จพ่อของเจ้าช่างร้ายนัก"

“มีอะไรผิดปกติในจดหมายฉบับนั้นหรือเพคะ ทำไมถึงได้ทรงแย้มสรวลเช่นนั้น”

ทีนิสกุมท้องเมื่อรู้สึกว่าหยุดหัวเราะไม่ได้ เป็นเวลานานเท่าใดแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะอย่างเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ หากเขาก็พยายามกลั้นหัวเราะก่อนจะตอบนางด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น

“เจ้าต้องโมโหแน่ๆ ถ้าหากรู้ว่านั่นมันไม่ใช่จดหมายแต่เป็นราชโองการจากเสด็จพ่อเจ้าถึงเจ้าต่างหาก” เขากล่าวก่อนจะยื่นจดหมายฉบับนั้นให้กับเอ็ดการ์ “เจ้าลองอ่านดูสิเอ็ดการ์”

“มิบังควรกระมังพ่ะย่ะค่ะ” เอ็ดการ์แย้งพลางมองเขาด้วยความไม่เข้าใจว่าองค์ราชาโลเอลนั้นมีราชโองการมาว่าเช่นไร

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าอนุญาต”

เอ็ดการ์จึงรับจดหมายจากมือเขามาอ่านจนจบแล้วก็มีอาการเดียวกับทีนิส หากราชองครักษ์ประจำตัวของนางกลับไม่ได้หัวเราะแต่เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

“หม่อมฉันเห็นด้วยกับองค์ราชาทีนิสว่าองค์หญิงจะต้องทรงกริ้วแน่ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ทีนิสยิ้มพราวในขณะที่ไบรโอเนียยืนฟังการสนทนาของทีนิสและเอ็ดการ์ด้วยความงุนงงว่าพวกเขาถึงเรื่องอะไรกันแน่

“ถ้าเช่นนั้นในราชโองการของเสด็จพ่อเขียนว่าเช่นไรบ้างล่ะ แล้วทำไมต้องมาหัวเราะเยาะใส่ข้าเช่นนี้ด้วย” นางถามเมื่อเริ่มจะเหลืออดที่เหมือนกับตัวเองกลายเป็นตัวตลกอะไรสักอย่างที่ทำให้พวกเขาหัวเราะได้

เอ็ดการ์จึงรีบหุบยิ้มก่อนจะกระแอมและอ่านออกเสียงให้นางฟัง

“ข้าโลเอล กษัตริย์ผู้ครองแคว้นดาร์ซี มีคำสั่งประกาศให้ทั่วทั้งมหาทวีปได้ทราบโดยทั่วกันว่า องค์หญิงไบรโอเนีย รัชทายาทซึ่งเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ของข้าได้พ้นสภาพการเป็นรัชทายาทนับตั้งแต่วันที่ราชโองการนี้ถูกเปิดอ่าน และขอให้องค์ราชาทีนิสจัดการอภิเษกสมรสแต่งตั้งให้ราชธิดาของข้าเป็นองค์ราชินีของแคว้นคิเรบัส โดยตำแหน่งรัชทายาทแห่งแคว้นดาร์ซีนั้นจะมอบให้กับบุตรหรือธิดาคนที่สองที่ถือกำเนิดขึ้นระหว่างพระราชาทีนิสและองค์หญิงไบรโอเนียเท่านั้น”

“อะไรนะ!” ไบรโอเนียอุทานออกมาด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งเอ็ดการ์ก็หยุดมองนางด้วยความรู้สึกทั้งยินดีและหวั่นใจว่านางจะอาละวาดอะไรไหมก่อนจะอ่านต่อ

“หากองค์ราชาทีนิสไม่ทรงปฏิเสธไม่ยอมรับอภิเษกสมรสกับองค์หญิงไบรโอเนียตามคำขอร้องของข้า ข้าจะถือว่าเป็นการดูหมิ่นข้าที่เป็นกษัตริย์ของแคว้นดาร์ซีและในฐานะพระบิดาขององค์หญิงไบรโอเนียเป็นอย่างมาก และองค์หญิงไบรโอเนียต้องทำตามราชโองการนี้อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น... หาไม่เช่นนั้นราชองครักษ์และผู้ติดตามขององค์หญิงไบรโอเนียทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษด้วยอาญาสูงสุดโทษฐานขัดขืนราชโองการ... จบราชโองการเพียงเท่านี้พ่ะย่ะค่ะ” แล้วเอ็ดการ์ก็ถอนหายใจเมื่อเห็นสีหน้าของไบรโอเนียที่เครียดขึงแสดงถึงโทสะของนางที่กำลังปะทุอยู่ภายใน

“เสด็จพ่อทรงทำเช่นนี้กับข้าได้เช่นไรกัน” นางเอ่ยเสียงแผ่วก่อนจะหันไปทางทีนิสด้วยดวงตาเป็นประกายเรืองรอง “หม่อมฉันไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อจะเห็นค่าหม่อมฉันเป็นเพียงแค่สิ่งของที่นึกอยากจะยกให้ใครก็ยกให้ง่ายๆ เช่นนี้ ทรงตลกมากเลยสินะเพคะถึงได้แย้มสรวลลั่นขนาดนั้น”

“ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกนะไบรโอเนีย เจ้าเข้าใจผิดแล้ว...” ทีนิสพยายามพูดให้นางใจเย็นลงหากนั่นกลับเป็นเหมือนการราดน้ำมันลงบนกองไฟ

“หม่อมฉันต้องกลับไปทูลให้เสด็จพ่อรู้ว่าจะทรงทำเช่นนี้กับหม่อมฉันไม่ได้ หม่อมฉันขอทูลลา” แล้วนางก็ผลุนผลันเดินออกไปโดยฟังเสียงเรียกของทีนิส

“เดี๋ยวก่อนสิไบรโอเนีย!”

ทีนิสตะโกนเรียกนางก่อนจะวิ่งตามออกไป โดยเลโอน่าที่ยืนมองอยู่ทำท่าจะทีนิสไปอีกคน แต่ทว่าเอ็ดการ์กลับรั้งเด็กสาวเอาไว้เสียก่อน

“ท่านอาจารย์ห้ามข้าทำไมหรือคะ”

เอ็ดการ์ยิ้มก่อนจะส่ายหน้า “เรื่องนี้เป็นเรื่องขององค์ราชาทีนิสและองค์หญิงเท่านั้น พวกเราเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้หรอก”

“ทำไมล่ะคะ” เลโอน่าถามด้วยความสงสัย หากเอ็ดการ์กลับไม่ตอบแต่กลับส่งยิ้มให้กับเด็กสาวอย่างอ่อนโยนแทน

“คนรักเขาจะปรับความเข้าใจกัน คนนอกอย่างเราเข้าไปยุ่งก็พานจะทำให้เสียเรื่องเปล่าๆ น่ะ... เอาไว้เจ้าโตพอที่จะรักใครสักคนเมื่อไหร่เจ้าก็จะเข้าใจเอง”


********************************


“ไบรโอเนีย รอข้าก่อนได้ไหม” ทีนิสเรียกนางเมื่อวิ่งตามทันที่ตรงโถงทางเดินในปราสาท ก่อนจะฉวยข้อมือของนางเอาไว้ แล้วก็ลากนางไปที่ห้องทำงานของเขาเพื่อที่จะได้พูดคุยกันตามลำพังโดยไม่มีใครมากวน

“เจ้าจะขัดราชโองการของเสด็จพ่อเจ้าหรือไง นั่นหมายถึงชีวิตของเอ็ดการ์และเลโอน่าและคนอื่นๆ ที่ติดตามเจ้ามาถึงที่นี่ด้วยนะ”

ไบรโอเนียพยายามสลัดมือให้หลุดก่อนจะตอบ “เสด็จพ่อทรงทำเกินไปแล้ว หม่อมฉันยอมรับไม่ได้หรอก สังหรณ์ใจแล้วเชียวว่าทำไมจู่ๆ ถึงได้ทรงมอบหมายให้หม่อมฉันเดินทางมาหาพระองค์ที่นี่ทั้งที่จริงๆ แล้วส่งแค่เอ็ดการ์หรือขุนนางคนอื่นๆ มาก็ได้”

“แล้วอะไรล่ะที่เจ้าบอกว่ายอมรับไม่ได้ เรื่องที่เจ้าถูกปลดหรือเรื่องที่จะต้องแต่งงานกับข้า” ทีนิสถามนางเสียงห้วน ซึ่งนั่นก็ทำให้นางหยุดการดิ้นรนขัดขืนเขาโดยทันที “เจ้าไม่รู้เหตุผลจริงๆ น่ะหรือว่าทำไมองค์ราชาโลเอลถึงได้ทำเช่นนี้”

“หรือพระองค์ทรงทราบ” นางย้อนถามเขา

ทีนิสถอนใจเมื่อดูเหมือนไบรโอเนียจะไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ เอาเสียเลย “เจ้าคิดหรือว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะไม่รู้ว่าเราสองคนรู้สึกเช่นไรต่อกัน เพราะเหตุใดถึงได้ยอมปลดเจ้าออกจากตำแหน่งรัชทายาทเพื่อมาแต่งงานกับข้า เจ้าไม่เข้าใจถึงความรักของพระราชบิดาที่มีต่อเจ้าเลยหรือไง”

“แต่นั่นมันก็เป็นสิทธิของหม่อมฉันที่จะเลือกทางเดินชีวิตของหม่อมฉันเองไม่ใช่หรือเพคะ” ความดื้อรั้นของนางนั้นทำให้ทีนิสอยากเขย่าไหล่นางให้หัวสั่นหัวคลอนนักเผื่อว่านั่นจะช่วยทำให้นางเข้าใจอะไรให้มันง่ายขึ้นมาบ้าง

“ถ้าเช่นนั้นเจ้าฟังข้านะไบรโอเนีย” เขากล่าวพลางกัดฟันแน่น “ข้าทำงานอย่างหนักจนแทบไม่ได้กินไม่ได้นอนก็เพียงเพื่อที่จะได้ลืมไปว่าข้าไม่อาจมีเจ้าอยู่เคียงข้างข้าได้ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อยามนอนหลับข้าก็ยังฝันถึงเจ้าเกือบทุกคืนและรู้ไหมว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าการที่ได้นอนหลับและมีเจ้าในอ้อมกอดของข้ามันเป็นเพียงแค่ฝัน เจ้าปฏิเสธข้าสิว่าสิ่งที่ข้าพูดมาน่ะไม่เคยเกิดขึ้นกับเจ้า”

ไบรโอเนียเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อได้สิ่งที่ทีนิสพูดมานั้นก็ไม่ได้ต่างกันกับที่นางเป็นอยู่มาโดยตลอดเลย

“ถ้าหากเจ้าเป็นเหมือนที่ข้าเป็น แล้วคิดหรือว่าเสด็จพ่อของเจ้าจะทนเห็นเจ้ามีสภาพที่มีชีวิตแต่ก็เหมือนไม่มีหัวใจเช่นนั้นได้” แล้วทีนิสก็รั้งร่างนางมากอดแน่นพร้อมกับกระซิบถามนาง

“จะทรมานหัวใจของเจ้าเองและข้าไปถึงไหนกัน”

ไบรโอเนียเบิกตาโพลงกับการที่เขากอดนางแบบไม่ทันตั้งตัวและจู่ๆ ก็เหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ตรงที่ลำคอเมื่อรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวของเขาจนทำให้กระบอกตาของนางร้อนผ่าวด้วยหยดน้ำตาที่ไหลเอ่อออกมา เปลือกนอกที่แข็งแกร่งที่นางสร้างเอาไว้เพื่อปกปิดความรู้สึกของตัวเองนั้นพังทลายลงในพริบตา ในวินาทีนี้นางเข้าใจตัวเองแล้วว่านางไม่สามารถทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับการที่จะต้องแยกห่างจากเขาได้อีกต่อไป เพราะเพียงแค่เขาโอบกอดนางเอาไว้เช่นนี้ หัวใจของนางที่เคยแห้งเหี่ยวราวกับต้นไม้ที่รอวันเฉาตายนั้นก็พลันเต้นโลดจนแทบกระดอนออกมานอกอก นางยกลำแขนขึ้นกอดเอวของทีนิสเอาไว้แน่นก่อนที่ริมฝีปากที่เม้มแน่นของนางจะสั่นระริกก่อนที่จะสะอื้นไห้ออกมาด้วยกลั้นความรู้สึกที่มันท่วมท้นในใจไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“ข้าเคยคิดว่าถ้าหากเราไม่พบเจอกันเลย วันและเวลาที่ผ่านไปมันอาจจะช่วยให้ข้าลืมท่านได้ในสักวัน... แต่ดูเหมือนว่าข้าจะคิดผิด เพราะไม่มีวันไหนเลยที่ข้าไม่คิดถึงท่าน แม้กระทั่งเพียงแค่หลับตาข้าก็ยังเห็นใบหน้าของท่านลอยอยู่ในความคิดทุกครั้ง และแม้กระทั่งในความฝันก็เช่นกัน”

“ถ้าหากคิดว่าหากเจ้าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปแล้วข้าจะลืมเจ้าได้ เจ้าคงคิดผิดแล้วล่ะไบรโอเนีย เพราะไม่ว่าข้าจะหลับหรือตื่น ข้าก็คิดถึงเจ้าอยู่ทุกลมหายใจ” ทีนิสกระซิบบอกกับนางในขณะที่เขารัดวงแขนกอดรัดร่างของนางเอาไว้แนบแน่นเพื่อซึมซับเอาความรู้สึกที่เขาโหยหามาตลอดเวลาที่ผ่านมาเติมเต็มความอ้างว้างที่เขาโหยหายมานาน

ทีนิสประคองใบหน้าของนางให้เงยขึ้นก่อนจะใช้ปลายนิ้วปาดไล้เช็ดหยดน้ำตาออกแต่มันก็ยังร่วงพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายจนเขาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หากเสียงหัวเราะก็หายไปเมื่อเห็นสายตาของนางที่กำลังจับจ้องมองเขาอยู่ นางยกมือขึ้นแตะแก้มของอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอู้อี้จากการร้องไห้

“ท่านผอมลงไปใช่ไหม ได้นอนหรือพักผ่อนบ้างหรือเปล่า”

“ข้าจะนอนหลับสบายหรือเป็นสุขได้เช่นไรเมื่อไม่มีเจ้าอยู่ข้างกาย” ทีนิสตอบพลางแนบแก้มกับฝ่ามือของนางแล้วหันไปจุมพิตกลางฝ่ามือของนางก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะแตะซับหยดน้ำตาที่อาบนองไปทั่วใบหน้างามก่อนที่จะหยุดนิ่งที่ริมฝีปากอิ่มอย่างดื่มด่ำ เนิ่นนานให้สมกับความคิดถึงที่เขามีต่อนางตลอดปีกว่าที่ต้องแยกจากกัน

“บอกข้าสิไบรโอเนียว่าเจ้ารักข้าไหม” ทีนิสถามชิดริมฝีปากนาง

ไบรโอเนียที่ถูกจุมพิตของทีนิสปล้นเอาเรี่ยวแรงไปหมดจนต้องเกาะบ่ากว้างไว้แน่นลืมตาขึ้นมามองเขาแล้วก็ต้องร้อนฉ่าไปทั่วทั้งใบหน้าด้วยเขินอายเมื่อเจอกับสายตาของเขาที่มองนางด้วยความรักใคร่หมดหัวใจ นางจึงพลิกหันหลังให้แก่เขาพร้อมกับพึมพำตอบ

“ข้าก็เคยบอกท่านไปแล้วนี่”

ทีนิสโอบกระชับลำแขนนางจากทางด้านหลังแล้วเอาคางเกยไหล่ของนาง “เจ้าไม่เคยบอกข้าเลยสักครั้ง นี่เจ้าจำไม่ได้หรืออย่างไรกัน”

นางรีบแย้งเขาทันที “ทำไมข้าจะไม่เคย ก็ที่ข้า...” แล้วนางก็หน้าแดงขึ้นมาอีกเมื่อนึกถึงการให้คำตอบของเขาด้วยการกระทำของนางในคืนนั้น

ทีนิสยิ้มขันอาการเขินอายของนางก่อนจะหมุนตัวนางให้หันกลับมาหาเขาอีกครั้ง “ข้ารู้ว่าเราต่างก็รักกันมากแค่ไหน แต่ว่าเจ้าช่วยพูดให้ข้าฟังสักครั้งหนึ่งไม่ได้เลยหรือ”

นางเม้มริมฝีปากแน่นเพื่อข่มความเขินอายก่อนจะสบสายตากับเขา ก่อนที่จะกล่าวออกมาช้าๆ หากมั่นคงสมเทียบเท่ากับความรู้สึกของนางที่มีต่อเขาในเวลานี้

“ข้ารักท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นเพียงแค่เจ้าชายที่พลัดถิ่นหรือว่าท่านจะเป็นองค์ราชาของแคว้นคิเรบัสที่เกรียงไกรนี้ก็ตาม”

ทีนิสรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังพองฟูจนแทบจะระเบิดออกมากับสิ่งที่นางกล่าว เขาโอบกอดร่างของนางเอาไว้แนบแน่นแล้วประทับริมฝีปากจุมพิตนางเนิ่นนานกว่าเมื่อครู่มากจนนางต้องทุบอกเขาเบาๆ เมื่อรู้สึกว่าตนกำลังหายใจไม่ออก ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาหัวเราะออกมาอีกครั้งแล้วกอดนางเอาไว้เฉยๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่เขาจะดันนางออกห่างเล็กน้อย

“ถ้าเช่นนั้นข้ามีเรื่องจะถามเจ้าอีกเรื่องหนึ่ง”

“ท่านจะถามอะไรข้าอีก” ไบรโอเนียขมวดคิ้ว แล้วนางก็อุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นเขาคุกเข่าลงต่อหน้านาง

“องค์หญิงไบรโอเนียแห่งแคว้นดาร์ซี เจ้ายินดีจะมาเป็นราชินีของแคว้นคิเรบัสได้หรือไม่”

“ทีนิส... ลุกขึ้นเถอะ ท่านเป็นกษัตริย์นะ ท่านไม่ควรจะทำเช่นนี้” นางบอกพร้อมกับพยายามดึงให้เขาลุกขึ้นแต่ทีนิสกลับส่ายหน้า

“ตอบคำถามของข้ามาก่อนสิว่าเจ้าจะยอมมาเป็นราชีนีของข้าได้หรือไม่”

ไบรโอเนียมองเขาแล้วก็น้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้งด้วยความปลาบปลื้มใจ ด้วยไม่คิดว่าเขาจะยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อนางถึงเพียงนี้ ซึ่งนั่นก็แสดงให้นางเห็นว่าเขาสามารถยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้เพื่อนาง ไบรโอเนียกล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกอกก่อนจะตอบเขาด้วยเสียงสั่นเครือ

“เพคะ หม่อมฉันยินดีที่จะเป็นราชินีของพระองค์”

รอยยิ้มแห่งความยินดีจุดสว่างไปทั้งใบหน้าของทีนิส เขาลุกขึ้นยืนแล้วยกมือของนางขึ้นมาแตะตรงหน้าอกข้างซ้ายของเขาก่อนจะกล่าวคำสัญญาให้กับนาง

“ข้าให้สัญญาแก่เจ้าว่าข้าจะรักและดูแลเจ้าให้ดีที่สุดด้วยความรักทั้งหมดของข้า”

ไบรโอเนียยิ้มให้กับเขาทั้งน้ำตา ทีนิสยกมือของนางขึ้นแตะริมฝีปากเพื่อตอกย้ำคำมั่นที่เขามีให้ต่อนางแล้วดึงนางมากกอดเอาไว้หลวมๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียดด้วยความรู้สึกเป็นสุขใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“เห็นทีว่าข้าคงจะต้องตามเจ้ากลับไปที่ดาร์ซีเพื่อพูดคุยกับสเด็จพ่อของเจ้าให้เป็นเรื่องเป็นราวและสั่งให้คนเตรียมพิธีอภิเษกสมรสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะข้าจะไม่ยอมปล่อยให้เจ้าไปอยู่ไกลห่างจากข้าอีกแล้ว”

ไบรโอเนียยิ้มขันกับคำพูดของเขาก่อนที่จะถอนหายใจออกมาบ้างเมื่อนึกถึงอีกเรื่องขึ้นมาได้

“ถ้าหากข้าไม่อยู่ดาร์ซี เสด็จพ่อต้องทรงเหงาแน่ๆ เลย”

เขาก้มลงมองนางแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ “เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงหรอก รับรองว่าถ้าเราแต่งงานกันแล้วข้าจะรีบสร้างรัชทายาทให้กับแคว้นของเราทั้งคู่โดยไม่ต้องรอให้เสด็จพ่อของเจ้าต้องเหงาอยู่นานนักหรอก”

ไบรโอเนียหน้าแดงซ่านก่อนจะถองที่อกของเขา “ท่านนี่พูดอะไรออกมาน่ะ ไม่อายปากตัวเองบ้างเลยหรือไงกัน”

ทีนิสหัวเราะชอบใจแต่ก็ไม่ได้นำพาต่ออาการเขินอายของนางแล้วจุมพิตศีรษะของนางก่อนจะกระซิบบอก

“ข้ารักเจ้านะไบรโอเนีย”

ไบรโอเนียกระชับวงแขนเรียวที่โอบเอวเขาแล้วซบหน้ากับบ่ากว้างของเขาพลางถอนลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเป็นสุขอย่างที่ไม่มีมาก่อน

“ข้าเองก็เช่นกัน”

 



Be Continued


เรื่องคลี่คลายหมดแล้ว พระเอกนางเอกก็เข้าใจและรักกันแล้ว ตอนหน้าก็ึเป็นตอนจบแล้วล่ะค่ะ

แล้วติดตามตอนจบในตอนหน้านะคะ ^ ^

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 19 พฤษภาคม 2558
Last Update : 19 พฤษภาคม 2558 0:35:49 น.
Counter : 563 Pageviews.

2 comments
  
เหนือกษัตริย์หนุ่มแห่งคิเรบัส ยังมีองค์ราชาโลเอลแห่งแคว้นดาร์ซี
ใครเล่าจะกล้าขัดราชโองการ
โดย: พี่สุ...จ้า IP: 180.180.49.74 วันที่: 25 พฤษภาคม 2558 เวลา:9:19:02 น.
  
ยกสองนิ้วโป้งให้เลยค่ะ ราชาโลเอล ไม่งั้นคงจบไม่ลงแน่
แต่อย่างว่า ถึงมีราชโองการ ถ้าทีนิสไม่ดึงไบรโอเนียไว้ ก็คงยุ่งต่อ ไบรโอเนียดื้อเหลือเกินนี่ ขนาดพ่อเปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว ยังโมโหพ่อซะอีก
รออ่านตอนจบค่ะ
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 25 พฤษภาคม 2558 เวลา:15:06:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
9
10
11
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend