บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 8
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณgoldensun: ฉากนั้นเขียนแก้แล้วแก้อีกหลายรอบมากเลยค่ะ สงสัยว่าจะหลงหูหลงตาไป ขอบคุณที่ช่วยตรวจการบ้านให้นะคะ Smiley





บทที่ 8

ไบรโอเนียรู้สึกอุดอู้กับที่ต้องนั่งอยู่ในห้องของตัวเองเฉยๆ  อย่างนี้มาทั้งวัน บาดแผลของนางแม้จะยังไม่หายแต่มันก็ดีขึ้นจากวันก่อนมาก  นางขัดใจตัวเองยิ่งนักที่บาดเจ็บเพราะมันทำให้นางไม่อาจจะแอบติดตามพวกทีนิสที่ไปพบเจอกับกีเธอร์ได้

ถึงแม้นางจะบอกเขาว่าจะไม่สนใจในสิ่งที่ทีนิสทำอีกต่อไป  หากทว่าเอาเข้าจริงนางก็ทนที่จะอยู่เฉยๆ ในปราสาทไม่ได้อยู่ดี ทำไมถึงชอบพาตัวเองไปเสี่ยงตายมากนักนะ นางคิดขวางเขาอย่างเคืองขุ่น  และตัดสินใจเดินออกมาจากห้องโดยหวังว่าการออกไปจากห้องพักอาจจะทำให้นางหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง

“องค์หญิงจะเสด็จไปไหนหรือเพคะ”

ไบรโอเนียชะงักและหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเลโอน่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง

“ข้าเบื่อที่จะอยู่แต่ในห้องแล้ว  เจ้าไปเดินเล่นในสวนเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ”

เลโอน่าทำคิ้วขมวด  “แต่ท่านหมอหลวงสั่งเอาไว้ว่าองค์หญิงต้องทรงพักผ่อนมากๆ นะเพคะ”

“แค่ออกไปเดินสูดอากาศบ้าง  มันไม่ทำให้ข้าตายหรอกน่า ถ้าเจ้าไม่อยากไปก็ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูห้องอย่างนี้ก็ได้  ข้าออกไปไม่นานหรอก”

พอได้ยินไบรโอเนียพูดแบบนั้น  เลโอน่าได้แต่เดินตามหลังไบรโอเนียไปอย่างเงียบๆ  และสังเกตได้ว่าจังหวะการก้าวเดินขององค์หญิงนั้นช้าลงกว่าปกติ  ซึ่งก็คงเป็นเพราะนางยังคงบาดเจ็บอยู่นั่นเอง

“องค์หญิงจะทรงไปเดินเล่นในสวนอย่างเดียวเท่านั้นหรือเพคะ”

“เจ้าก็น่าจะรู้นี่ว่าเจ้าถูกสั่งให้คอยดูไม่ให้ข้าทำอะไรอย่างที่ข้าอยากทำไม่ใช่หรือ”  ไบรโอเนียย้อนถามพลางหัวเราะหึเมื่อเห็นสีหน้าจ๋อยสนิทของเลโอน่า “เจ้าไม่ต้องทำสีหน้าแบบนั้นหรอก  ข้ารู้ว่าเจ้าแค่ทำตามหน้าที่”

“ท่านอาจารย์กำชับหม่อมฉันมาว่าคอยอยู่ช่วยดูแลองค์หญิงแทนในระหว่างที่ไม่อยู่น่ะเพคะ”

นางแค่นเสียงขึ้นจมูก  “คอยขวางไม่ให้ข้าแอบทำอะไรได้ตามใจชอบน่ะสิ”

เลโอน่าก้มหน้างุด  “หม่อมฉันมิบังอาจหรอกเพคะ”

ไบรโอเนียยิ้มด้วยความชอบใจกับคำตอบของเลโอน่า  “อาจารย์ของเจ้าน่ะ ห่วงข้าจนเกินเหตุไปแล้ว”

“หม่อมฉันว่าอาจารย์ก็คงเป็นห่วงเพราะองค์หญิงทรงเป็นถึงรัชทายาทแห่งแคว้นเราน่ะสิเพคะ  แล้วถ้าหากองค์หญิงทรงเป็นอะไรไปชาวดาร์ซีจะทำเช่นไรเล่าเพคะ  แล้วองค์ราชาก็คงจะทรงเสียพระทัยไม่ใช่น้อย”

“ข้ารู้  บางทีข้าก็ลืมไปว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร แต่ข้าก็อยากจะทำอะไรให้กับแคว้นของเรา  ไม่ใช่นั่งจับเจ่าอยู่แต่ในวังรอวันที่ผู้ชายสักคนมาเลือกข้าไปเป็นคู่ครอง”  แล้วริมฝีปากของนางก็ยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ ก่อนจะกล่าวต่อ

“ผู้หญิงเช่นเราไม่ได้มีประโยชน์แค่หุงหาอาหารและคอยผลิตทายาทให้กับผู้ชายเท่านั้นหรอกนะเลโอน่า  ถ้าหากเจ้าสามารถมองเห็นคุณค่าในตัวของเจ้าได้  เจ้าก็จะสามารถทำอะไรได้โดยไม่ลังเลและมีความเชื่อมั่น  เหมือนอย่างที่ข้าเป็นนี่ยังไงล่ะ”

เด็กสาวฟังคำสอนของไบรโอเนียแล้วก็ค้อมศีรษะให้แก่นาง  “หม่อมฉันจะจำพระดำรัสขององค์หญิงไว้เพคะ”

ไบรโอเนียพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วก็นั่งลงตรงแท่นม้านั่งหินในสนามมองความร่มรื่นโดยรอบพลางถอนใจ  การอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรนี่มันช่างน่าเบื่อยิ่งนัก  พอเหลือบมองไปทางเลโอน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ  กายนางแล้วก็พบว่าเด็กสาวกำลังทำสีหน้าเหมือนกับมีเรื่องอะไรบางอย่างในใจอยู่

“เจ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจอย่างนั้นหรือเลโอน่า”

เด็กสาวยิ้มเจื่อนๆ  ให้กับนางก่อนจะตอบ “หม่อมฉันเป็นห่วงองค์ชายและท่านอาจารย์น่ะเพคะ  ป่านนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วก็ไม่รู้”

“คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง  เอ็ดการ์ไปด้วยนี่” นางตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนไม่ใยดีเมื่อเลโอน่ากล่าวถึงทีนิสนางเป็นห่วงเขาก็จริง  แต่นางก็ยังไม่หายโกรธที่เขาบังอาจมาหมิ่นเกียรตินางเช่นนั้นหรอกนะ

“แต่คนที่องค์ชายทีนิสทรงไปพบนั้นเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของคิเรบัสนะเพคะ  ถ้าหากว่าทางฝ่ายนั้นเอาทหารมาโอบล้อม  หม่อมฉันเกรงว่าแม้จะเป็นท่านอาจารย์ก็อาจจะไม่ปลอดภัย”

สีหน้าของไบรโอเนียเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นทันที  “มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขาตัดสินที่จะไปเสี่ยงชีวิตเอง  ข้าจะไปช่วยอะไรได้”

เลโอน่าทำหน้านิ่วแล้วมองนางอย่างไม่เข้าใจ  “ทำไมถึงตรัสอะไรออกมาอย่างเย็นชาเช่นนั้นล่ะเพคะ  องค์หญิงไม่ทรงรู้สึกเป็นห่วงองค์ชายทีนิสบ้างเลยหรือเพคะ”

“ทำไมข้าจะต้องเป็นห่วงเขาด้วยล่ะ”  นางย้อนถามในขณะที่จ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ  ไบรโอเนียก็สังเกตเห็นว่าพวกข้ารับใช้หลายคนวิ่งไปทางด้านหน้าพระราชวังด้วยท่าทางรีบร้อน  จนนางนึกสงสัยเลยลุกขึ้นยืนและเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นโดยมีเลโอน่าที่เดินตามไปติดๆ ข้ารับใช้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งกลับมาจากทางด้านหน้าพระราชวังหยุดวิ่งและทำความเคารพเมื่อเห็นองค์หญิงรัชทายาทยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง

“เกิดอะไรขึ้น  ทำไมพวกเจ้าถึงได้วิ่งกันวุ่นวายเช่นนี้”

“ท่านองครักษ์กับองค์ชายทีนิสกลับมาแล้วเพคะ  แต่เห็นว่าเรียกหาหมอและเปลหามเพคะ”

คิ้วโก่งเรียวขององค์หญิงรัชทายาทขมวดมุ่น  “มีคนบาดเจ็บงั้นหรือ”

“ท่านราชองครักษ์ปลอดภัยดีเพคะ  แต่ว่าองค์ชายทีนิสทรงบาดเจ็บสาหัส... องค์หญิงจะเสด็จไปไหนเพคะ!”  แล้วข้ารับใช้สาวร้องเสียงหลงเมื่อเห็นไบรโอเนียเดินลิ่วไปยังลานหน้าพระราชวังโดยไม่รอให้ใครมาห้ามเลย

“องค์หญิงเพคะ!  เสด็จไปไม่ได้นะเพคะ!”

ไบรโอเนียเดินเร่งฝีเท้าจนแทบจะเป็นวิ่งถ้าทำได้  นางกะเอาไว้แล้วเมื่อนางรู้สึกสังหรณ์ใจมาตลอดทั้งวันว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้วมันก็เป็นจริงเสียด้วย  จิตใจของนางร้อนรุ่มดั่งไฟสุมเมื่อรับรู้ว่าทีนิสบาดเจ็บหนัก เขาช่างโง่นัก  ทั้งที่รู้ว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้แต่ก็ยังดันทุรังทำให้มันเกิดขึ้นจนได้! ไบรโอเนียก่นด่าเขาในใจด้วยความเดือดดาลในขณะที่พยายามจะไม่แสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมาทางสีหน้า

สิ่งที่ไบรโอเนียเห็นเมื่อเดินมาถึงโถงด้านหน้าพระราชวังก็คือเอ็ดการ์ในชุดหน่วยหมาป่าดำกำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ  เตียงเลื่อนที่ต่อจากกิ่งไม้อย่างหยาบๆ โดยมีร่างของทีนิสที่นอนทอดร่างเหยียดยาวอยู่บนนั้น  ใบหน้าของเจ้าชายแห่งคิเรบัสที่ซีดเผือดไร้สีเลือดทำให้หัวใจของนางหล่นวูบ  ไบรโอเนียคิดว่าเขาอาจจะตายแล้วถ้าหากว่าไม่ได้สังเกตเห็นว่าแผ่นอกของเขายังสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ

นางคุกเข่าลงข้างกายเขาแล้วเอ่ยถามเอ็ดการ์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้ตระหนกจนเกินไป

“เกิดอะไรขึ้นหรือ  เอ็ดการ์”

“มีมือสังหารลอบเข้ามาทำร้ายองค์ชายทีนิสในระหว่างที่กำลังเจรจากับแม่ทัพกีเธอร์  และหม่อมฉันก็ไปถึงที่นั่นช้าไปจึงทำให้องค์ชายทีนิสบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน”

แต่ยังไม่ทันที่เอ็ดการ์จะได้ตอบคำถามของไบรโอเนีย  พวกข้ารับใช้และหมอหลวงก็เดินหน้าตื่นมาพอดี  นางลุกขึ้นยืนและถอยห่างออกมาเพื่อให้หมอได้ตรวจอาการเขา  แล้วหมอหลวงก็หันไปสั่งพวกข้ารับใช้ที่เตรียมเปลหามให้รีบพาทีนิสไปที่ห้องโดยด่วนก่อนจะหันมาหาไบรโอเนีย

“เป็นอย่างไรบ้าง”  นางเอ่ยถามหมอหลวงที่ทำสีหน้าเคร่งเครียด

“โชคยังดีที่ไม่มีอาการพระโลหิตตกใน  แต่ว่าเพราะเสียพระโลหิตไปมากและพระอาการโดยรวมหม่อมฉันเกรงว่า...”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบทำการรักษาเข้าเถอะ  ขืนมัวแต่ชักช้าก็จะไม่ทันการณ์เอา”  ไบรโอเนียเอ่ยเสียงเรียบแต่ก็ทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกชันด้วยความยำเกรงได้

หมอหลวงและข้ารับใช้โค้งรับคำสั่งของนางก่อนจะรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนราวกับผึ้งแตกรัง  แล้วไบรโอเนียก็หันกลับมาทางเอ็ดการ์ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

“ส่วนเจ้าตามข้าไปที่ห้องทำงาน”

“พ่ะย่ะค่ะ”  เอ็ดการ์พยักหน้า  ก่อนจะยื่นสัมภาระให้กับทหารใต้บังคับบัญชาและสั่งความอะไรอีกสองสามอย่างก่อนจะเดินตามองค์หญิงรัชทายาทไปตามคำสั่งของนาง




***************************



“มีมือสังหารลอบเข้ามาเพื่อที่จะสังหารทั้งองค์ชายทีนิสและแม่ทัพกีเธอร์เพื่อปิดบังความลับที่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์คือเลกัสอย่างนั้นน่ะหรือ”  ไบรโอเนียสรุปเรื่องที่ได้ยินจากเอ็ดการ์เล่าให้ฟังทั้งหมด

ราชองครักษ์หนุ่มพยักหน้า  “เป็นเรื่องที่หม่อมฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ  และดูจากท่าทางของแม่ทัพกีเธอร์แล้วก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ”

“แล้วเขาเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า?”

“บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ  แต่หลังจากที่ฟังความจริงจากองค์ชายทีนิสแล้ว  แม่ทัพกีเธอร์ก็กลับไปที่ค่ายตรงชายแดนพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเจ้าก็ปล่อยเขาไป”  นางถามพลางเลิกคิ้วขึ้น

เอ็ดการ์ทำสีหน้าลำบากใจเมื่อกล่าวต่อ “องค์หญิงก็ทรงทราบว่าหม่อมฉันแค่ติดตามไปคุ้มครององค์ชายทีนิสให้ปลอดภัยเท่านั้นเองนี่พ่ะย่ะค่ะ  เรื่องนอกเหนือจากนั้นมันเกิดขอบเขตหน้าที่ที่หม่อมฉันได้รับมอบหมายมา”

“แล้วถ้าหากว่ากีเธอร์ยกทัพเข้ามาบุกดาร์ซีเพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าองค์ชายทีนิสอยู่กับพวกเราล่ะ?  เจ้าคิดว่าลำพังแค่ทหารที่เรามีอยู่จะต้านทานกองทัพของคิเรบัสได้หรือ?”

เอ็ดการ์นิ่งงันไปก่อนที่จะค้อมศีรษะพร้อมกับกล่าวขออภัยนางแต่โดยดี

“เรื่องนั้นหม่อมฉันไม่ทันคิด  ทรงประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย”

“ช่างเถอะ  ข้าเข้าใจว่าเจ้าเองก็ต้องทำตามคำสั่ง...”  แล้วนางก็หยุดพูดไปเมื่อได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากตรงโถงทางเดิน

“เสียงดังอะไรน่ะ?”

ไม่รอให้ไบรโอเนียถามซ้ำ  เอ็ดการ์ก็ออกไปตรงโถงทางเดินเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาก็รีบเดินกลับมาหานางด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

“ดูเหมือนว่าพระอาการขององค์ชายทีนิสจะทรุดลงพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น  ไบรโอเนียก็รีบเดินออกจากห้องทำงานของนางตรงไปที่ห้องของทีนิสที่กำลังมีพวกนางกำนัลวิ่งเข้าวิ่งออกให้วุ่นไปหมดและภาพที่นางเห็นเมื่อเข้าไปแล้วก็คือหมอหลวงและพวกข้ารับใช้กำลังช่วยกันกดร่างของทีนิสที่ชักกระตุกอย่างรุนแรงไม่ให้ดิ้นกันอย่างสุดความสามารถ

ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นทำให้ไบรโอเนียรู้สึกร้อนผ่าวตรงกระบอกตาขึ้นมาในทันใด  หากนางก็รีบกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตาให้แห้งไปก่อนที่ใครจะหันมาสังเกตสีหน้าของนางได้

“เกิดอะไรขึ้นท่านหมอหลวง”

“เพราะว่าทรงเสียพระโลหิตมากเกินไปและพิษจากยาพิษที่ทรงรับเข้าไปนั้นรุนแรงมากพ่ะย่ะค่ะ  ถึงแม้ว่าจะได้ยาแก้พิษไปแล้วแต่พิษที่ตกค้างอยู่ก็ทำให้มีไข้สูงเลยทำให้ชักพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วเขาจะรอดหรือเปล่า?”  ไบรโอเนียเอ่ยถามและมองร่างของทีนิสที่หยุดชักไปแล้วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง

“ตอนนี้หม่อมฉันถวายการรักษาทุกทางเท่าที่จะทำได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ  ขึ้นอยู่กับองค์ชายทีนิสแล้วว่าจะทรงผ่านพ้นอาการประชวรไปได้หรือไม่  แต่ถ้าหากว่าพระอาการทรุดลงไปอีกก็คงจะต้องเตรียมพระทัยเอาไว้บ้างนะพ่ะย่ะค่ะ”

“หมายความว่าตอนนี้อาการขององค์ชายทีนิสคือเป็นตายเท่ากันอย่างนั้นเหรอ?”

หมอหลวงพยักหน้า  “พ่ะย่ะค่ะ คืนนี้คงจะต้องคอยดูแลพระอาการก่อน ถ้าหากพระอาการไม่ทรุดก็แสดงว่ายาขับพิษที่หม่อมฉันถวายไปได้ผล”

“ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันจะจัดเวรยามมาเฝ้าองค์ชายทีนิสให้นะพ่ะย่ะค่ะ”  เอ็ดการ์กล่าวแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป

“ไม่ต้อง  ข้าจะเฝ้าเอง”

เอ็ดการ์ขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับมามองนาง  “แต่ว่าองค์หญิงเองก็ยังไม่หายดีไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”

“นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมาเป็นห่วงข้านะ  คนที่เจ้าจะต้องห่วงน่ะคือคนที่นอนอยู่บนเตียงนี่” ไบรโอเนียกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้าจะอยู่เฝ้าอาการของเขาเอง  บอกให้หัวหน้าคนรับใช้เตรียมห้องให้กับหมอหลวงเผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้สะดวกไม่ต้องให้ทหารเอาม้าเร็วไปรับ  แล้วสั่งการให้ทหารวางกำลังในการลาดตระเวนตรงชายแดนให้มากขึ้น”

แล้วนางก็หันไปทางเอ็ดการ์ที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าประตูห้อง

“เอ็ดการ์  เจ้ารีบไปทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบเผื่อว่าเรื่องจะเลวร้ายไปกว่านี้”

เอ็ดการ์ค้อมศีรษะรับคำสั่งจากนางแล้วก็รีบเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับหมอและข้ารับใช้ทั้งหมด 




*****************************




เมื่อเหลือเพียงแค่ลำพังแล้วไบรโอเนียก็เดินไปที่เตียงของทีนิส  นอกจากบาดแผลใหญ่ที่ถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลซึ่งมีรอยเลือดซึมออกมาจางๆ อยู่ตรงหน้าท้องของทีนิสแล้ว  นางยังสังเกตว่าเขายังมีบาดแผลที่โดนของมีคมบาดและรอยฟกช้ำกระจายอยู่ทั่วร่าง

ใบหน้าของเขายังคงขาวซีดแต่แผ่นอกกว้างที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเป็นสัญญาณบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่  สายตาของนางที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างที่ไม่ได้แสดงออกในต่อหน้าคนอื่น  ปลายนิ้วเรียวยาวแตะแก้มที่ซีดขาวของเขาพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบราวกับเป็นศพของคนตาย

นางรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวตรงดวงตาอีกครั้ง  และในครานี้หยดน้ำตาก็ไหลกลิ้งลงมา  ไบรโอเนียเม้มรีมฝีปากแน่นกับสภาพของเขาในเวลานี้  ถ้าหากเขาเชื่อที่นางพูดก็คงจะไม่ตกอยู่ในภาพนี้เป็นแน่  นางยกมือขึ้นปาดเอาหยดน้ำตาที่ไหลออกมาทิ้งก่อนจะก้มลงไปแตะริมฝีปากกับแก้มของเขาพร้อมกับกระซิบพูด

“ข้าเตือนท่านแล้วแท้ๆ  ว่าท่านจะพาตัวเองไปตายแต่ก็ยังดึงดันที่จะไปอยู่ได้... ท่านนี่ช่างเขลายิ่งนักทีนิส”




*****************************




ไบรโอเนียนั่งเฝ้าอาการทีนิสอย่างใกล้ชิดโดยไม่ยอมออกจากห้องของเขาไปไหน  แม้ว่าเอ็ดการ์จะเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลอีกครั้งเพื่อรายงานความคืบหน้าพร้อมกับนำอาหารมาให้แต่นางก็ไม่มีแก่ใจที่จะทานอะไร  นอกจากนั่งเฝ้าดูอาการของทีนิสเพราะกลัวว่าถ้าหากนางเผลอคลาดสายตาไปสักวินาที  เขาอาจจะหมดลมหายใจไปเมื่อไรก็ได้  และก็นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียงของเขาอยู่นานจนกระทั่งไบรโอเนียไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่  แต่นางก็รีบลืมตาขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าทีนิสกำลังดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง

“ทีนิส!”

นางเรียกชื่อเขาพลางกดไหล่ของเขาเอาไว้ไม่ให้ดิ้นด้วยกลัวว่ามันอาจจะทำให้แผลที่หน้าท้องของเขาฉีกได้  และนางก็พบว่าเขากำลังเพ้อเพราะพิษไข้ซึ่งถึงแม้ว่าจะฟังแทบไม่ได้ศัพท์แต่ไบรโอเนียยังพอจับใจความได้ว่าทีนิสคงกำลังฝันร้าย  พอเขาหยุดดิ้นนางก็แตะมือที่หน้าผากของเขาเพื่อตรวจดูว่าไข้สูงหรือไม่  หากก็ต้องสะดุ้งเมื่อทีนิสคว้าข้อมือของนางเอาไว้แน่น

“ให้อภัยหม่อมฉันด้วยที่ไม่อาจปกป้องเสด็จพ่อได้  หม่อมฉันช่างไร้ความสามารถและไม่คู่ควรกับการเป็นกษัตริย์ของคิเรบัสเลยแม้แต่น้อย”

นางมองเขาที่เอาแต่พูดเพ้อไปเรื่อยอย่างไม่ได้สติด้วยความเห็นใจ  ก่อนที่นางจะลูบศีรษะของเขาพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล

“ไม่มีใครกล่าวโทษท่านในสิ่งที่เกิดขึ้นหรอ  อย่าปล่อยให้จิตใจของท่านจมอยู่กับความรู้สึกผิดในสิ่งที่ท่านไม่ได้ก่อขึ้น  ท่านต้องเข้มแข็งและรีบฟื้นคืนสติให้ได้เพื่อตัวของท่านเองและแคว้นของท่าน และข้าจะอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือท่านจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จไปตามที่ท่านตั้งใจ”

นางบีบมือของเขาแน่นๆ  แล้วลองยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขาอีกครั้งซึ่งก็พบว่าเขายังมีไข้สูงอยู่ แล้วนางก็ลุกไปหยิบเอากาน้ำที่อังไว้ตรงเตาผิงมาเทผสมกับน้ำในเหยือกให้อุ่น  หลังจากนั้นยกมาวางไว้ตรงตั่งข้างเตียงพร้อมกับผ้าสะอาดเพื่อทำการเช็ดตัวให้กับทีนิส  นางหยิบผ้าที่แช่อยู่ในอ่างมาบิดพอหมาดแตะซับไปตามใบหน้าและลำคอของเขาเพื่อทำให้ตัวของเขาเย็นลง  แล้วก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นว่าทีนิสถอนหายใจยาวแล้วก็หลับลึกไปอีกรอบ  หลังจากนั้นนางก็ถอยกลับมานั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้างเตียงของเขาเหมือนเดิม




*****************************




ไม่มีทหารคนไหนนึกสงสัยเมื่อกีเธอร์กลับมาจากการไปพบทีนิส  แม่ทัพหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องพักด้วยท่าทางปกติโดยไม่แสดงให้ใครเห็นว่าตอนนี้ในหัวใจของเขากำลังหนักอึ้งด้วยความจริงบางอย่างที่เพิ่งประสบมา

กีเธอร์ถอดเสื้อเกราะอ่อนที่สวมอยู่ออกแล้วก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงก่อนจะทำหน้านิ่วเมื่อรู้สึกเจ็บที่แผลตรงต้นแขนมันทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ทีนิสช่วยชีวิตเขาเอาไว้  ริมฝีปากของแม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้มหยันเมื่อนึกถึงทีนิส  จากเจ้าชายผู้อ่อนแอที่เคยถือดาบแค่ไม่กี่นาทีก็บ่นจะเป็นจะตาย  แต่มาในวันนี้กลับสามารถปลิดชีวิตของเจ้ามือสังหารชั้นแนวหน้าคนนั้นได้ด้วยตัวเอง  เขาสงสัยนักว่าทำไมเจ้าทหารดาร์ซีคนนั้นถึงปล่อยให้เขากลับมาที่ค่าย ทั้งที่จริงๆ  แล้วนี่น่าจะเป็นโอกาสทองที่ดาร์ซีน่าจะสามารถจำกัดเขาและทำให้สถานการณ์ในการเตรียมรบเป็นต่อแล้วแท้ๆ

หรือว่าดาร์ซีไม่คิดที่จะก่อสงครามกับคิเรบัสจริงๆ  อย่างที่ทีนิสบอกกับเขา  แต่จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อปัญหาระหว่างสองแคว้นนั้นสะสมมานานหลายปีจนใกล้ที่จะถึงจุดที่ไม่สามารถประคับประคองได้แล้วแท้ๆ

ตั้งแต่เกิดมาโดยไม่รู้ว่าผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นใคร  ความยากจนและสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากที่เขาเจริญเติบโตมาได้สั่งสอนให้เขารู้จักการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตอยู่รอดมาตั้งแต่เกิดโดยไม่หวังรอคอยให้ใครยื่นมาเข้ามาเพื่อให้ความช่วยเหลือ

จนกระทั่งเมื่ออายุย่างเข้าสิบสามปี  เขาเข้าสมัครเป็นนักสู้ในบ่อนพนันเพื่อหาเงินมาประทังชีวิตของทั้งตัวเองและเพื่อนที่อาศัยอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรม  ด้วยฝีมือการต่อสู้และใจที่เด็ดเดี่ยวของเขานั้นก็ทำให้ไปเข้าตาเลกัสที่เผอิญไปชมการแข่งขันในวันนั้น  เขาถูกเลกัสเรียกให้เข้าไปพบและได้รู้ว่าเลกัสตัดสินใจจะรับเขามาชุบเลี้ยงในฐานะบุตรบุญธรรม  ซึ่งนั่นก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

ถึงแม้ว่าเลกัสจะมีบุญคุณอันใหญ่หลวงด้วยการดึงเขาออกมาจากแหล่งเสื่อมโทรมและให้การศึกษาจนทำให้เขาไต่เต้าตำแหน่งขึ้นมาจนกลายเป็นแม่ทัพได้  แต่กีเธอร์ก็เจ็บปวดในหัวใจไม่น้อยเมื่อได้ประจักษ์ว่าแท้จริงแล้วเลกัสก็เพียงแค่สร้างให้เขากลายเป็นหมากตัวสำคัญสำหรับการแย่งชิงอำนาจในแคว้นคิเรบัสเท่านั้นเอง ในเมื่ออำนาจทางการทหารส่วนใหญ่เป็นของเขา  เลกัสจึงสามารถกุมเสียงข้างมากในสภาขุนนางและสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ได้โดยไม่มีเสียงคัดค้าน

แม่ทัพหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะถามตัวเองในใจ...
แล้วถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ข้าควรจะต่อสู้เพื่ออะไร...  จะเพื่อหน้าที่ที่จะต้องทำ  หรือเพื่อความถูกต้องและทวงความยุติธรรมคืนมาให้กับคนที่ถูกใส่ร้าย  แต่ไม่ว่าจะเพื่ออะไร  นั่นมันหมายถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของคิเรบัสและความวุ่นวายที่คงจะไม่มีวันจบสิ้นง่ายๆ  เป็นแน่




******************************




เข้าวันที่สามแล้วที่ทีนิสยังคงนอนหลับไม่ได้สติซึ่งนั่นก็ทำให้ไบรโอเนียอดรู้สึกกังวลไม่ได้ว่าเขาจะหลับอย่างนี้ไปตลอดหรือเปล่า

“พระอาการโดยรวมองค์ชายทีนิสดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ  นับว่าโชคดีมากที่พระอาการไม่ได้ทรุดลงอย่างที่หม่อมฉันกลัวเอาไว้”  หมอหลวงกล่าวกับไบรโอเนียหลังจากที่ตรวจอาการของทีนิสเสร็จแล้ว

“แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลยล่ะ”

“นั่นเป็นเพราะว่าทรงบาดเจ็บสาหัสและได้รับพิษเข้าไปจำนวนไม่น้อย  ก็เลยทำให้ร่างกายต้องใช้เวลาในการรักษาทั้งบาดแผลและอวัยวะภายในให้มากขึ้นกว่าปกติ  และการที่หลับไปแบบนี้ก็เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวมากกว่าเพราะจะได้ไม่รู้สึกทรงเจ็บปวดที่แผลมากด้วย  องค์หญิงทรงไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกพ่ะย่ะค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเดี๋ยวก็คงจะฟื้นล่ะสิ”

“พ่ะย่ะค่ะ  นี่ก็ตั้งสามวันแล้ว หม่อมฉันคิดว่าอีกไม่นานองค์ชายทีนิสก็คงจะฟื้นคืนสติ”

ไบรโอเนียพยักหน้าเมื่อได้ฟังคำอธิบายทั้งหมดแล้วก็กล่าว

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอยู่จนกว่าเขาจะฟื้นก็แล้วกัน”

หากทว่าหมอหลวงกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย

“องค์หญิงทรงกลับไปพักผ่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ  นางกำนัลบอกหม่อมฉันว่าทรงนั่งเฝ้าดูอาการขององค์ชายทีนิสมาตลอด  และอีกอย่างหนึ่ง... องค์หญิงเองก็ยังไม่หายดี ถ้าหากฝืนตัวเองมากๆ  เข้าจะล้มป่วยไปอีกคนนะพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าหายดีแล้ว  พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้ามากนักหรอก”

“อย่าทรงทำให้หม่อมฉันต้องลำบากเลยพ่ะย่ะค่ะ  พระบิดาขององค์หญิงสั่งหม่อมฉันเอาไว้ว่าทำยังไงก็ได้ที่จะให้องค์หญิงกลับไปพักผ่อน  ถ้าหากหม่อมฉันทำไม่ได้หม่อมฉันจะถูกองค์ราชาลงโทษเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

ไบรโอเนียขมวดคิ้วก่อนจะมองหมอหลวงที่ทำสีหน้ายืนยันว่าสิ่งที่ตนเองพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง  นางถึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“ก็ได้...  นี่เข้าใจเอาเสด็จพ่อมาขู่ข้านะ”

หมอหลวงค้อมศีรษะ  “หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันแค่พูดในสิ่งที่องค์ราชาตรัสมา”

“ข้ารู้แล้ว  ไม่ต้องพูดมากหรอก”

นางตวัดเสียงใส่ด้วยความเหนื่อยหน่าย  ก่อนจะลุกแล้วก็เดินออกไป หากก็ยังไม่วายที่จะหันกลับมาสั่งให้จัดทหารยามมาคอยเฝ้าดูอาการของทีนิสและถ้าหากเขาฟื้นเมื่อไรก็ให้รีบบอกให้นางรู้โดยทันที




*****************************




ทีนิสขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายขนาดที่ว่าแค่เพียงกระดิกนิ้วก็ยังไม่อาจจะทำได้  หากเขาก็สามารถลืมตาขึ้นมาได้ในที่สุดและพบว่าเขากำลังนอนอยู่ในห้องพักในปราสาทเมืองธอร์กาเรีย  แต่แล้วก็ต้องทำหน้านิ่วเมื่อพอจะขยับตัวก็รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งร่างจนต้องร้องครางออกมา  หากก็ยังฝืนจนผงกศีรษะขึ้นดูว่าบาดแผลของเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็พบว่าบาดแผลของเขาที่ถูกนักฆ่าทำร้ายนั้นได้รับการรักษาแล้ว

นี่ข้ารอดมาได้อย่างไรกัน?  ทั้งที่ตอนบาดเจ็บก็คิดเอาไว้แล้วแท้ๆ ว่าถึงอย่างไรก็คงจะไม่รอดแน่

หากยังไม่ทันที่จะคิดหาคำตอบให้กับตัวเอง  ประตูห้องของเขาก็เปิดออกพร้อมกับข้ารับใช้หญิงที่ถือเหยือกใส่น้ำเข้ามาในห้องและวางไว้ตรงโต๊ะข้างเตาผิง  และเมื่อหันกลับมาก็ต้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าทีนิสฟื้นแล้ว

“ทรงฟื้นแล้วเหรอเพคะ”

ทีนิสพยักหน้าพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

“ขอน้ำให้ข้าหน่อย...”

ข้ารับใช้หญิงคนนั้นรีบรินน้ำใส่แก้วแล้วค่อยๆ  ป้อนให้เขาดื่ม และหลังจากได้ดื่มน้ำแล้วเขาก็เอ่ยถาม

“ข้าหลับไปนานเท่าไหร่?”

“ห้าวันเพคะ  หมอหลวงบอกว่าองค์ชายโดนพิษและเสียพระโลหิตไปมากก็เลยทำให้สลบไปนานหลายวัน...  องค์หญิงทรงรับสั่งเอาไว้ว่าถ้าหากองค์ชายทรงฟื้นแล้วให้รีบไปกล่าวทูลให้องค์หญิงทรงทราบ”

“นางสั่งเจ้าไว้อย่างนั้นเหรอ?”

นางข้ารับใช้พยักหน้า  “องค์หญิงทรงมานั่งเฝ้าพระอาการขององค์ชายตั้งแต่ตอนที่เสด็จกลับจนถึงตอนนี้เลยเพคะ  แถมตอนแรกยังเอาแต่นั่งเฝ้าไม่ยอมออกจากห้องไปไหน  จนองค์ราชารับสั่งว่าถ้าหากองค์หญิงไม่ยอมไปพักผ่อนจะลงโทษพวกข้ารับใช้และท่านหมอหลวงถึงได้ยอม”

“องค์หญิงของพวกเจ้าน่ะหรือมานั่งเฝ้าดูอาการของข้า?”  ทีนิสถามพลางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“เพคะ...  หม่อมฉันขอตัวก่อน”

ทีนิสมองนางข้ารับใช้ที่ย่อตัวแสดงความเคารพให้กับเขาก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียดพร้อมกับรู้สึกแปลกๆ  กับสิ่งที่ได้ยิน  น่าประหลาดเหลือเกินที่พอได้ยินเช่นนั้นเขากลับรู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่าคนที่บอกว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ช่างนั้นกลับมานั่งคอยเฝ้าและดูแลอาการในช่วงเวลาที่เขากำลังอยู่ในสภาวะคาบเกี่ยวระหว่างเป็นหรือตาย

องค์ชายพลัดถิ่นไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองให้มากนัก  แต่ทว่าดูเหมือนความรู้สึกที่มีอยู่ภายในใจนั้นมันช่างหักห้ามความรู้สึกปรีดากับการได้รับรู้ถึงความห่วงใยของนางเสียจนแทบจะปิดกั้นเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว




*****************************




ไบรโอเนียเดินจ้ำเท้าตรงไปยังห้องพักของทีนิสอย่างรีบร้อนเสียจนแทบจะเป็นวิ่ง  ถ้าหากว่านางยังไม่ลืมว่าตนไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะสามารถวิ่งไปไหนมาไหนได้อย่างใจตัวเองต้องการ

นางปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของทีนิส  และเมื่อเข้าไปแล้วนางก็พบกับทีนิสที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยที่มีหมอหลวงกำลังตรวจอาการและข้ารับใช้อีกสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก

“อาการขององค์ชายทีนิสเป็นอย่างไรบ้างหรือหมอหลวง”

หมอหลวงหันกลับไปทำความเคารพกับนางแล้วจึงตอบ  “พระอาการอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ  แต่ว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อที่จะฟื้นฟูพระวรกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนอย่างเดิม”

ไบรโอเนียลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับสิ่งที่ได้ยิน  แม้ว่าแผนการที่วางเอาไว้นั้นคงจะล่าช้าไปอีกนานเพราะต้องรอให้ทีนิสกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมก็ตามที

“ท่านเองก็พยายามรักษาเขาอย่างเต็มที่แล้ว  ขอบใจมากที่รักษาชีวิตเขาเอาไว้ได้”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ  หม่อมฉันเองก็พยายามถวายการรักษาเท่าที่จะทำได้”

“ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อให้ปูนบำเหน็จรางวัลให้ท่านเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”

หมอหลวงค้อมศีรษะพร้อมกับกล่าวขอบคุณนางแล้วก็เก็บเครื่องมือและยาใส่กระเป๋าหนังก่อนที่จะขอลากลับไปพร้อมๆ  กับข้ารับใช้ทั้งหมดเพื่อให้ไบรโอเนียได้สนทนากับทีนิสตามลำพัง

“ตอนแรกข้าคิดว่าท่านคงไม่รอดแล้วเสียอีก”  นางกล่าวกับเขาด้วยสีหน้าเฉยชา “คราวหลังจะได้จำเอาไว้ว่าเวลาทำอะไรโดยที่ไม่ประมาณตัวเองน่ะมันอันตรายแค่ไหน  นี่ยังดีเท่าไหร่แล้วที่ท่านไม่ได้ตายไปเสียก่อน  ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ข้าสู้อุตส่าห์ทำมาทั้งหมดก็คงจะเสียเปล่า  และสิ่งที่ท่านไม่อยากให้มันเกิดอย่างสงครามระหว่างแคว้นน่ะก็ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ”

“ข้าขอโทษ  ข้ารับใช้บอกข้าว่าเจ้านั่งเฝ้าอาการข้ามาตลอดเลยเหรอ?”

ไบรโอเนียเม้มริมฝีปากพร้อมกับเบือนหน้าหนีสายตาของเขาที่มองมาเพื่อที่จะซ่อนความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ให้เขารู้

“ข้าแค่อยากจะให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่  อย่าเข้าใจผิดไปเป็นอย่างอื่นเลย”

“ตอนที่ไม่ได้สติข้าเหมือนจะได้ยินคนพูดกับข้าว่าข้าจะต้องฟื้นคืนสติมาให้ได้เพื่อตัวข้าและแคว้นของข้า  โดยที่คนคนนั้นจะคอยอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือข้าไปจนกว่าเป้าหมายของข้าจะสำเร็จ...  คงเป็นเพราะสาเหตุนั้นกระมังก็เลยทำให้ข้าฟื้นคืนสติขึ้นมาได้  และน่าแปลกยิ่งกว่าคือเสียงที่ข้าได้ยินก็คล้ายเสียงของเจ้ามาก”

ไบรโอเนียรู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนผะผ่าวจนต้องรีบหันหน้าเดินไปที่หน้าต่างก่อนที่ทีนิสจะสังเกตเห็นอะไรที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนางได้

“ท่านเป็นไข้หนัก  ประสาทการรับรู้ก็เลยผิดเพี้ยนไปมันอาจจะเป็นเรื่องที่ท่านคิดไปเองก็ได้  ข้าว่าท่านอย่าเก็บเอามาใส่ใจให้เสียเวลาจะดีกว่านะ”

“น่าเสียดายนะที่มันเป็นแค่ความฝัน”

“เรื่องที่สำคัญไปกว่านั้นคือ  ข้าอยากรู้มากกว่าว่าสิ่งที่ท่านทำลงไปน่ะมันคุ้มกับที่ท่านเกือบตายหรือเปล่า”  นางรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่เขาจะจับสังเกตท่าทีของนางที่เขาอาจจะสังเกตเห็นเอาได้

“กีเธอร์ไม่ใช่คนที่เอนเอียงกับคำพูดของคนอื่นง่ายๆ  แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นข้าว่าเขาน่าจะคิดอะไรได้บ้าง”

พอได้ยินเช่นนั้นคิ้วโก่งเรียวของไบรโอเนียก็ขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ

“แค่นั้นเองน่ะเหรอกับสิ่งที่ท่านต้องบาดเจ็บและเกือบตาย  แล้วยังไม่นับว่าแม่ทัพของคิเรบัสจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมกองทหารของดาร์ซีไปมากน้อยเท่าไหร่”

“ถ้าหากว่ากีเธอร์คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ  ก็คงไม่เข้ามาพบกับข้าเพียงลำพังตามที่ข้าขอร้องหรอก  และคนที่ตรงไปตรงมาอย่างเขาคงไม่คิดจะใช้วิธีสกปรกแบบนั้นเอาชนะในการทำสงครามแน่”

“ท่านมองคนในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า  ใครๆ ก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะได้ชัยชนะทั้งนั้นแหละ” นางว่าพลางแค่นเสียงใส่เขา

“เจ้าก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิ  กีเธอร์เองก็ไม่ใช่คนโง่เขลาอะไรถึงขนาดนั้นสักหน่อย ยิ่งได้รู้ว่าเลกัสคิดจะจำกัดตัวเองเขาเองเช่นนั้นแล้วก็น่าจะคลางแคลงใจอยู่บ้างแล้วกระมัง”

“ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ  ก็ตามใจเถอะ แต่บอกให้รู้ก่อนเลยนะว่าถ้าหากทางคิเรบัสมีความเคลื่อนไหวอะไรล่ะก็  ทางข้าเองก็พร้อมที่จะส่งกองทหารเข้าพุ่งรบโดยทันที”

“ก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน  แต่ว่าเรื่องที่ข้าไปพบกับกีเธอร์น่ะก็เป็นแค่แผนการขั้นหนึ่งเท่านั้น”

“หมายความว่าท่านยังมีแผนการอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้อีกเหรอ?”

“เมื่อกีเธอร์รู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ  เขาก็จะลังเลในการบุกโจมตีดาร์ซี ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นการดีถ้าหากว่าเราจะใช้โอกาสนี้ปล่อยข้อมูลปลุกระดมให้ประชาชนของคิเรบัสหมดความเชื่อมั่นในตัวเลกัสและพวกขุนนางได้”

“ท่านพูดเหมือนง่ายนะ  แต่ท่านจะทำยังไงถึงจะสามารถปล่อยข่าวลือได้ล่ะ?”

“เรื่องนั้นเอาไว้ให้ข้าหายดีก่อนก็แล้วกัน”  แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ จนไบรโอเนียสังเกตได้

“มีอะไรหรือเปล่า  ทำไมถึงทำสีหน้าแบบนั้น”

เขายิ้มกับคำถามที่เจือด้วยความห่วงใยจากนาง  “เป็นครั้งแรกที่ข้าฆ่าคนตายด้วยมือของข้าเอง...  สีหน้าของมือสังหารคนนั้นยังติดตาข้าอยู่เลย”

“พวกนักฆ่าน่ะก็มีชีวิตอยู่เพื่อรอให้ใครสักคนมาสังหารตัวเองให้ตายอยู่แล้ว  เพราะไม่เช่นนั้นพวกมันก็จะฆ่าคนไปเรื่อยๆ ถ้าหากท่านไม่ฆ่าพวกมัน  ท่านก็ต้องถูกพวกมันฆ่า อย่าเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดมากเลย”

แม้จะฟังเหมือนเป็นถ้อยคำที่แล้งน้ำใจอยู่บ้าง  หากทีนิสก็ตระหนักได้ว่านางกำลังปลอบใจเขาอยู่ ทีนิสจึงยิ้มให้กับนาง

“ขอบใจนะที่เป็นห่วงข้า”

“ข้าไม่ได้ห่วงท่านสักหน่อย  พูดจาอะไรพล่อยๆ ไปได้” นางตวัดเสียงใส่เขากลบเกลื่อนอาการเขินอายที่อาจจะแสดงออกมา  ก่อนจะตัดบทก่อนที่เขาจะพูดจาอะไรแปลกๆ ใส่นางไปมากกว่านี้

“ท่านพักผ่อนเถอะ  ข้าจะไปทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบก่อนว่าท่านฟื้นแล้ว...”

“ไบรโอเนีย”  เสียงเรียกของทีนิสทำให้ไบรโอเนียที่ทำท่าจะเดินออกจากห้องไปหันกลับมามองเขาเป็นเชิงถามว่าเขามีอะไรจะพูดกับนางอีกหรือไม่

“ข้าขอโทษ...  สำหรับเรื่องวันก่อน”

ใบหน้าที่พยายามทำให้นิ่งเฉยของไบรโอเนียเปลี่ยนไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อน  หากนางก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วในขณะที่ทีนิสกล่าวต่อ

“ข้ารู้ว่าเจ้าคงโกรธมาก  แต่ถ้าหากไม่ทำแบบนั้น เจ้าเองก็คงจะดึงดันที่จะไปให้ได้  และข้าก็ไม่อาจจะยอมให้เจ้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อข้า...”

หากยังไม่ทันที่ทีนิสจะพูดให้จบประโยค  ไบรโอเนียก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“ข้าไม่ได้คิดจะเสี่ยงชีวิตเพื่อท่านแต่ข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อดาร์ซีต่างหาก...  แล้วก็ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าลืมมันไปหมดแล้ว”

พอพูดจบนางก็เดินออกจากห้องไป  โดยที่ทีนิสนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเพียงลำพังพร้อมกับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับคำตอบของนางก่อนที่ความอ่อนเพลียจะทำให้เขารู้สึกง่วงขึ้นมาอีกและหลับไปอีกครั้งอย่างง่ายดาย



Be Continued


อ่านจบแล้วไม่รีบไปไหน แวะคุยกันก่อนได้นะคะ ^ ^

++ รักคนอ่านค่ะ ++





Create Date : 22 มีนาคม 2558
Last Update : 22 มีนาคม 2558 5:12:07 น.
Counter : 494 Pageviews.

1 comments
  
รอดจนได้ ทีนิสกระดูกเหล็ก เอ็ดการ์ก็ไวมาก พากลับมารักษาได้ทันท่วงที รอทีนิสหาย คงได้สนุกแน่ เพราะมือสังหารน่าจะทำให้กีเธอร์เชื่อทีนิสแล้วละค่ะ
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 23 มีนาคม 2558 เวลา:19:53:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


มีนาคม 2558

1
2
3
4
5
6
7
8
9
11
15
16
17
18
20
21
23
24
26
27
29
30
31
 
 
All Blog
MY VIP Friend