บทที่ 8
ไบรโอเนียรู้สึกอุดอู้กับที่ต้องนั่งอยู่ในห้องของตัวเองเฉยๆ อย่างนี้มาทั้งวัน บาดแผลของนางแม้จะยังไม่หายแต่มันก็ดีขึ้นจากวันก่อนมาก นางขัดใจตัวเองยิ่งนักที่บาดเจ็บเพราะมันทำให้นางไม่อาจจะแอบติดตามพวกทีนิสที่ไปพบเจอกับกีเธอร์ได้
ถึงแม้นางจะบอกเขาว่าจะไม่สนใจในสิ่งที่ทีนิสทำอีกต่อไป หากทว่าเอาเข้าจริงนางก็ทนที่จะอยู่เฉยๆ ในปราสาทไม่ได้อยู่ดี ทำไมถึงชอบพาตัวเองไปเสี่ยงตายมากนักนะ นางคิดขวางเขาอย่างเคืองขุ่น และตัดสินใจเดินออกมาจากห้องโดยหวังว่าการออกไปจากห้องพักอาจจะทำให้นางหายหงุดหงิดขึ้นมาบ้าง
องค์หญิงจะเสด็จไปไหนหรือเพคะ
ไบรโอเนียชะงักและหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นเลโอน่าที่ยืนอยู่ตรงหน้าห้อง
ข้าเบื่อที่จะอยู่แต่ในห้องแล้ว เจ้าไปเดินเล่นในสวนเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ
เลโอน่าทำคิ้วขมวด แต่ท่านหมอหลวงสั่งเอาไว้ว่าองค์หญิงต้องทรงพักผ่อนมากๆ นะเพคะ
แค่ออกไปเดินสูดอากาศบ้าง มันไม่ทำให้ข้าตายหรอกน่า ถ้าเจ้าไม่อยากไปก็ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูห้องอย่างนี้ก็ได้ ข้าออกไปไม่นานหรอก
พอได้ยินไบรโอเนียพูดแบบนั้น เลโอน่าได้แต่เดินตามหลังไบรโอเนียไปอย่างเงียบๆ และสังเกตได้ว่าจังหวะการก้าวเดินขององค์หญิงนั้นช้าลงกว่าปกติ ซึ่งก็คงเป็นเพราะนางยังคงบาดเจ็บอยู่นั่นเอง
องค์หญิงจะทรงไปเดินเล่นในสวนอย่างเดียวเท่านั้นหรือเพคะ
เจ้าก็น่าจะรู้นี่ว่าเจ้าถูกสั่งให้คอยดูไม่ให้ข้าทำอะไรอย่างที่ข้าอยากทำไม่ใช่หรือ ไบรโอเนียย้อนถามพลางหัวเราะหึเมื่อเห็นสีหน้าจ๋อยสนิทของเลโอน่า เจ้าไม่ต้องทำสีหน้าแบบนั้นหรอก ข้ารู้ว่าเจ้าแค่ทำตามหน้าที่
ท่านอาจารย์กำชับหม่อมฉันมาว่าคอยอยู่ช่วยดูแลองค์หญิงแทนในระหว่างที่ไม่อยู่น่ะเพคะ
นางแค่นเสียงขึ้นจมูก คอยขวางไม่ให้ข้าแอบทำอะไรได้ตามใจชอบน่ะสิ
เลโอน่าก้มหน้างุด หม่อมฉันมิบังอาจหรอกเพคะ
ไบรโอเนียยิ้มด้วยความชอบใจกับคำตอบของเลโอน่า อาจารย์ของเจ้าน่ะ ห่วงข้าจนเกินเหตุไปแล้ว
หม่อมฉันว่าอาจารย์ก็คงเป็นห่วงเพราะองค์หญิงทรงเป็นถึงรัชทายาทแห่งแคว้นเราน่ะสิเพคะ แล้วถ้าหากองค์หญิงทรงเป็นอะไรไปชาวดาร์ซีจะทำเช่นไรเล่าเพคะ แล้วองค์ราชาก็คงจะทรงเสียพระทัยไม่ใช่น้อย
ข้ารู้ บางทีข้าก็ลืมไปว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร แต่ข้าก็อยากจะทำอะไรให้กับแคว้นของเรา ไม่ใช่นั่งจับเจ่าอยู่แต่ในวังรอวันที่ผู้ชายสักคนมาเลือกข้าไปเป็นคู่ครอง แล้วริมฝีปากของนางก็ยิ้มออกมาอย่างเศร้าๆ ก่อนจะกล่าวต่อ
ผู้หญิงเช่นเราไม่ได้มีประโยชน์แค่หุงหาอาหารและคอยผลิตทายาทให้กับผู้ชายเท่านั้นหรอกนะเลโอน่า ถ้าหากเจ้าสามารถมองเห็นคุณค่าในตัวของเจ้าได้ เจ้าก็จะสามารถทำอะไรได้โดยไม่ลังเลและมีความเชื่อมั่น เหมือนอย่างที่ข้าเป็นนี่ยังไงล่ะ
เด็กสาวฟังคำสอนของไบรโอเนียแล้วก็ค้อมศีรษะให้แก่นาง หม่อมฉันจะจำพระดำรัสขององค์หญิงไว้เพคะ
ไบรโอเนียพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วก็นั่งลงตรงแท่นม้านั่งหินในสนามมองความร่มรื่นโดยรอบพลางถอนใจ การอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรนี่มันช่างน่าเบื่อยิ่งนัก พอเหลือบมองไปทางเลโอน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ กายนางแล้วก็พบว่าเด็กสาวกำลังทำสีหน้าเหมือนกับมีเรื่องอะไรบางอย่างในใจอยู่
เจ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจอย่างนั้นหรือเลโอน่า
เด็กสาวยิ้มเจื่อนๆ ให้กับนางก่อนจะตอบ หม่อมฉันเป็นห่วงองค์ชายและท่านอาจารย์น่ะเพคะ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้างแล้วก็ไม่รู้
คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เอ็ดการ์ไปด้วยนี่ นางตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนไม่ใยดีเมื่อเลโอน่ากล่าวถึงทีนิสนางเป็นห่วงเขาก็จริง แต่นางก็ยังไม่หายโกรธที่เขาบังอาจมาหมิ่นเกียรตินางเช่นนั้นหรอกนะ
แต่คนที่องค์ชายทีนิสทรงไปพบนั้นเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของคิเรบัสนะเพคะ ถ้าหากว่าทางฝ่ายนั้นเอาทหารมาโอบล้อม หม่อมฉันเกรงว่าแม้จะเป็นท่านอาจารย์ก็อาจจะไม่ปลอดภัย
สีหน้าของไบรโอเนียเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นทันที มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อเขาตัดสินที่จะไปเสี่ยงชีวิตเอง ข้าจะไปช่วยอะไรได้
เลโอน่าทำหน้านิ่วแล้วมองนางอย่างไม่เข้าใจ ทำไมถึงตรัสอะไรออกมาอย่างเย็นชาเช่นนั้นล่ะเพคะ องค์หญิงไม่ทรงรู้สึกเป็นห่วงองค์ชายทีนิสบ้างเลยหรือเพคะ
ทำไมข้าจะต้องเป็นห่วงเขาด้วยล่ะ นางย้อนถามในขณะที่จ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อ ไบรโอเนียก็สังเกตเห็นว่าพวกข้ารับใช้หลายคนวิ่งไปทางด้านหน้าพระราชวังด้วยท่าทางรีบร้อน จนนางนึกสงสัยเลยลุกขึ้นยืนและเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นโดยมีเลโอน่าที่เดินตามไปติดๆ ข้ารับใช้หญิงคนหนึ่งที่วิ่งกลับมาจากทางด้านหน้าพระราชวังหยุดวิ่งและทำความเคารพเมื่อเห็นองค์หญิงรัชทายาทยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง
เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกเจ้าถึงได้วิ่งกันวุ่นวายเช่นนี้
ท่านองครักษ์กับองค์ชายทีนิสกลับมาแล้วเพคะ แต่เห็นว่าเรียกหาหมอและเปลหามเพคะ
คิ้วโก่งเรียวขององค์หญิงรัชทายาทขมวดมุ่น มีคนบาดเจ็บงั้นหรือ
ท่านราชองครักษ์ปลอดภัยดีเพคะ แต่ว่าองค์ชายทีนิสทรงบาดเจ็บสาหัส... องค์หญิงจะเสด็จไปไหนเพคะ! แล้วข้ารับใช้สาวร้องเสียงหลงเมื่อเห็นไบรโอเนียเดินลิ่วไปยังลานหน้าพระราชวังโดยไม่รอให้ใครมาห้ามเลย
องค์หญิงเพคะ! เสด็จไปไม่ได้นะเพคะ!
ไบรโอเนียเดินเร่งฝีเท้าจนแทบจะเป็นวิ่งถ้าทำได้ นางกะเอาไว้แล้วเมื่อนางรู้สึกสังหรณ์ใจมาตลอดทั้งวันว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้วมันก็เป็นจริงเสียด้วย จิตใจของนางร้อนรุ่มดั่งไฟสุมเมื่อรับรู้ว่าทีนิสบาดเจ็บหนัก เขาช่างโง่นัก ทั้งที่รู้ว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้แต่ก็ยังดันทุรังทำให้มันเกิดขึ้นจนได้! ไบรโอเนียก่นด่าเขาในใจด้วยความเดือดดาลในขณะที่พยายามจะไม่แสดงออกถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมาทางสีหน้า
สิ่งที่ไบรโอเนียเห็นเมื่อเดินมาถึงโถงด้านหน้าพระราชวังก็คือเอ็ดการ์ในชุดหน่วยหมาป่าดำกำลังคุกเข่าอยู่ข้างๆ เตียงเลื่อนที่ต่อจากกิ่งไม้อย่างหยาบๆ โดยมีร่างของทีนิสที่นอนทอดร่างเหยียดยาวอยู่บนนั้น ใบหน้าของเจ้าชายแห่งคิเรบัสที่ซีดเผือดไร้สีเลือดทำให้หัวใจของนางหล่นวูบ ไบรโอเนียคิดว่าเขาอาจจะตายแล้วถ้าหากว่าไม่ได้สังเกตเห็นว่าแผ่นอกของเขายังสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะ
นางคุกเข่าลงข้างกายเขาแล้วเอ่ยถามเอ็ดการ์ด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมไม่ให้ตระหนกจนเกินไป
เกิดอะไรขึ้นหรือ เอ็ดการ์
มีมือสังหารลอบเข้ามาทำร้ายองค์ชายทีนิสในระหว่างที่กำลังเจรจากับแม่ทัพกีเธอร์ และหม่อมฉันก็ไปถึงที่นั่นช้าไปจึงทำให้องค์ชายทีนิสบาดเจ็บพ่ะย่ะค่ะ
แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน
แต่ยังไม่ทันที่เอ็ดการ์จะได้ตอบคำถามของไบรโอเนีย พวกข้ารับใช้และหมอหลวงก็เดินหน้าตื่นมาพอดี นางลุกขึ้นยืนและถอยห่างออกมาเพื่อให้หมอได้ตรวจอาการเขา แล้วหมอหลวงก็หันไปสั่งพวกข้ารับใช้ที่เตรียมเปลหามให้รีบพาทีนิสไปที่ห้องโดยด่วนก่อนจะหันมาหาไบรโอเนีย
เป็นอย่างไรบ้าง นางเอ่ยถามหมอหลวงที่ทำสีหน้าเคร่งเครียด
โชคยังดีที่ไม่มีอาการพระโลหิตตกใน แต่ว่าเพราะเสียพระโลหิตไปมากและพระอาการโดยรวมหม่อมฉันเกรงว่า...
ถ้าอย่างนั้นก็รีบทำการรักษาเข้าเถอะ ขืนมัวแต่ชักช้าก็จะไม่ทันการณ์เอา ไบรโอเนียเอ่ยเสียงเรียบแต่ก็ทำให้คนฟังรู้สึกขนลุกชันด้วยความยำเกรงได้
หมอหลวงและข้ารับใช้โค้งรับคำสั่งของนางก่อนจะรีบแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนราวกับผึ้งแตกรัง แล้วไบรโอเนียก็หันกลับมาทางเอ็ดการ์ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ส่วนเจ้าตามข้าไปที่ห้องทำงาน
พ่ะย่ะค่ะ เอ็ดการ์พยักหน้า ก่อนจะยื่นสัมภาระให้กับทหารใต้บังคับบัญชาและสั่งความอะไรอีกสองสามอย่างก่อนจะเดินตามองค์หญิงรัชทายาทไปตามคำสั่งของนาง
***************************
มีมือสังหารลอบเข้ามาเพื่อที่จะสังหารทั้งองค์ชายทีนิสและแม่ทัพกีเธอร์เพื่อปิดบังความลับที่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการลอบปลงพระชนม์คือเลกัสอย่างนั้นน่ะหรือ ไบรโอเนียสรุปเรื่องที่ได้ยินจากเอ็ดการ์เล่าให้ฟังทั้งหมด
ราชองครักษ์หนุ่มพยักหน้า เป็นเรื่องที่หม่อมฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกันพ่ะย่ะค่ะ และดูจากท่าทางของแม่ทัพกีเธอร์แล้วก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จริงๆ
แล้วเขาเป็นอะไรบ้างหรือเปล่า?
บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ แต่หลังจากที่ฟังความจริงจากองค์ชายทีนิสแล้ว แม่ทัพกีเธอร์ก็กลับไปที่ค่ายตรงชายแดนพ่ะย่ะค่ะ
แล้วเจ้าก็ปล่อยเขาไป นางถามพลางเลิกคิ้วขึ้น
เอ็ดการ์ทำสีหน้าลำบากใจเมื่อกล่าวต่อ องค์หญิงก็ทรงทราบว่าหม่อมฉันแค่ติดตามไปคุ้มครององค์ชายทีนิสให้ปลอดภัยเท่านั้นเองนี่พ่ะย่ะค่ะ เรื่องนอกเหนือจากนั้นมันเกิดขอบเขตหน้าที่ที่หม่อมฉันได้รับมอบหมายมา
แล้วถ้าหากว่ากีเธอร์ยกทัพเข้ามาบุกดาร์ซีเพราะรู้แน่ชัดแล้วว่าองค์ชายทีนิสอยู่กับพวกเราล่ะ? เจ้าคิดว่าลำพังแค่ทหารที่เรามีอยู่จะต้านทานกองทัพของคิเรบัสได้หรือ?
เอ็ดการ์นิ่งงันไปก่อนที่จะค้อมศีรษะพร้อมกับกล่าวขออภัยนางแต่โดยดี
เรื่องนั้นหม่อมฉันไม่ทันคิด ทรงประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วย
ช่างเถอะ ข้าเข้าใจว่าเจ้าเองก็ต้องทำตามคำสั่ง... แล้วนางก็หยุดพูดไปเมื่อได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากตรงโถงทางเดิน
เสียงดังอะไรน่ะ?
ไม่รอให้ไบรโอเนียถามซ้ำ เอ็ดการ์ก็ออกไปตรงโถงทางเดินเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วเขาก็รีบเดินกลับมาหานางด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
ดูเหมือนว่าพระอาการขององค์ชายทีนิสจะทรุดลงพ่ะย่ะค่ะ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไบรโอเนียก็รีบเดินออกจากห้องทำงานของนางตรงไปที่ห้องของทีนิสที่กำลังมีพวกนางกำนัลวิ่งเข้าวิ่งออกให้วุ่นไปหมดและภาพที่นางเห็นเมื่อเข้าไปแล้วก็คือหมอหลวงและพวกข้ารับใช้กำลังช่วยกันกดร่างของทีนิสที่ชักกระตุกอย่างรุนแรงไม่ให้ดิ้นกันอย่างสุดความสามารถ
ภาพที่เห็นตรงหน้านั้นทำให้ไบรโอเนียรู้สึกร้อนผ่าวตรงกระบอกตาขึ้นมาในทันใด หากนางก็รีบกระพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยดน้ำตาให้แห้งไปก่อนที่ใครจะหันมาสังเกตสีหน้าของนางได้
เกิดอะไรขึ้นท่านหมอหลวง
เพราะว่าทรงเสียพระโลหิตมากเกินไปและพิษจากยาพิษที่ทรงรับเข้าไปนั้นรุนแรงมากพ่ะย่ะค่ะ ถึงแม้ว่าจะได้ยาแก้พิษไปแล้วแต่พิษที่ตกค้างอยู่ก็ทำให้มีไข้สูงเลยทำให้ชักพ่ะย่ะค่ะ
แล้วเขาจะรอดหรือเปล่า? ไบรโอเนียเอ่ยถามและมองร่างของทีนิสที่หยุดชักไปแล้วด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกังวลและเป็นห่วง
ตอนนี้หม่อมฉันถวายการรักษาทุกทางเท่าที่จะทำได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ขึ้นอยู่กับองค์ชายทีนิสแล้วว่าจะทรงผ่านพ้นอาการประชวรไปได้หรือไม่ แต่ถ้าหากว่าพระอาการทรุดลงไปอีกก็คงจะต้องเตรียมพระทัยเอาไว้บ้างนะพ่ะย่ะค่ะ
หมายความว่าตอนนี้อาการขององค์ชายทีนิสคือเป็นตายเท่ากันอย่างนั้นเหรอ?
หมอหลวงพยักหน้า พ่ะย่ะค่ะ คืนนี้คงจะต้องคอยดูแลพระอาการก่อน ถ้าหากพระอาการไม่ทรุดก็แสดงว่ายาขับพิษที่หม่อมฉันถวายไปได้ผล
ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันจะจัดเวรยามมาเฝ้าองค์ชายทีนิสให้นะพ่ะย่ะค่ะ เอ็ดการ์กล่าวแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไป
ไม่ต้อง ข้าจะเฝ้าเอง
เอ็ดการ์ขมวดคิ้วก่อนจะหันกลับมามองนาง แต่ว่าองค์หญิงเองก็ยังไม่หายดีไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ
นั่นไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องมาเป็นห่วงข้านะ คนที่เจ้าจะต้องห่วงน่ะคือคนที่นอนอยู่บนเตียงนี่ ไบรโอเนียกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ข้าจะอยู่เฝ้าอาการของเขาเอง บอกให้หัวหน้าคนรับใช้เตรียมห้องให้กับหมอหลวงเผื่อว่าเกิดอะไรขึ้นจะได้สะดวกไม่ต้องให้ทหารเอาม้าเร็วไปรับ แล้วสั่งการให้ทหารวางกำลังในการลาดตระเวนตรงชายแดนให้มากขึ้น
แล้วนางก็หันไปทางเอ็ดการ์ที่ยืนอยู่ตรงด้านหน้าประตูห้อง
เอ็ดการ์ เจ้ารีบไปทูลเรื่องนี้ให้เสด็จพ่อทรงทราบเผื่อว่าเรื่องจะเลวร้ายไปกว่านี้
เอ็ดการ์ค้อมศีรษะรับคำสั่งจากนางแล้วก็รีบเดินออกไปด้านนอกพร้อมกับหมอและข้ารับใช้ทั้งหมด
*****************************
เมื่อเหลือเพียงแค่ลำพังแล้วไบรโอเนียก็เดินไปที่เตียงของทีนิส นอกจากบาดแผลใหญ่ที่ถูกปิดเอาไว้ด้วยผ้าพันแผลซึ่งมีรอยเลือดซึมออกมาจางๆ อยู่ตรงหน้าท้องของทีนิสแล้ว นางยังสังเกตว่าเขายังมีบาดแผลที่โดนของมีคมบาดและรอยฟกช้ำกระจายอยู่ทั่วร่าง
ใบหน้าของเขายังคงขาวซีดแต่แผ่นอกกว้างที่สะท้อนขึ้นลงตามจังหวะการหายใจเป็นสัญญาณบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่ สายตาของนางที่มองเขานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างที่ไม่ได้แสดงออกในต่อหน้าคนอื่น ปลายนิ้วเรียวยาวแตะแก้มที่ซีดขาวของเขาพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบราวกับเป็นศพของคนตาย
นางรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวตรงดวงตาอีกครั้ง และในครานี้หยดน้ำตาก็ไหลกลิ้งลงมา ไบรโอเนียเม้มรีมฝีปากแน่นกับสภาพของเขาในเวลานี้ ถ้าหากเขาเชื่อที่นางพูดก็คงจะไม่ตกอยู่ในภาพนี้เป็นแน่ นางยกมือขึ้นปาดเอาหยดน้ำตาที่ไหลออกมาทิ้งก่อนจะก้มลงไปแตะริมฝีปากกับแก้มของเขาพร้อมกับกระซิบพูด
ข้าเตือนท่านแล้วแท้ๆ ว่าท่านจะพาตัวเองไปตายแต่ก็ยังดึงดันที่จะไปอยู่ได้... ท่านนี่ช่างเขลายิ่งนักทีนิส
*****************************
ไบรโอเนียนั่งเฝ้าอาการทีนิสอย่างใกล้ชิดโดยไม่ยอมออกจากห้องของเขาไปไหน แม้ว่าเอ็ดการ์จะเข้ามาพร้อมกับนางกำนัลอีกครั้งเพื่อรายงานความคืบหน้าพร้อมกับนำอาหารมาให้แต่นางก็ไม่มีแก่ใจที่จะทานอะไร นอกจากนั่งเฝ้าดูอาการของทีนิสเพราะกลัวว่าถ้าหากนางเผลอคลาดสายตาไปสักวินาที เขาอาจจะหมดลมหายใจไปเมื่อไรก็ได้ และก็นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ข้างเตียงของเขาอยู่นานจนกระทั่งไบรโอเนียไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่ แต่นางก็รีบลืมตาขึ้นมาทันทีเมื่อพบว่าทีนิสกำลังดิ้นกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง
ทีนิส!
นางเรียกชื่อเขาพลางกดไหล่ของเขาเอาไว้ไม่ให้ดิ้นด้วยกลัวว่ามันอาจจะทำให้แผลที่หน้าท้องของเขาฉีกได้ และนางก็พบว่าเขากำลังเพ้อเพราะพิษไข้ซึ่งถึงแม้ว่าจะฟังแทบไม่ได้ศัพท์แต่ไบรโอเนียยังพอจับใจความได้ว่าทีนิสคงกำลังฝันร้าย พอเขาหยุดดิ้นนางก็แตะมือที่หน้าผากของเขาเพื่อตรวจดูว่าไข้สูงหรือไม่ หากก็ต้องสะดุ้งเมื่อทีนิสคว้าข้อมือของนางเอาไว้แน่น
ให้อภัยหม่อมฉันด้วยที่ไม่อาจปกป้องเสด็จพ่อได้ หม่อมฉันช่างไร้ความสามารถและไม่คู่ควรกับการเป็นกษัตริย์ของคิเรบัสเลยแม้แต่น้อย
นางมองเขาที่เอาแต่พูดเพ้อไปเรื่อยอย่างไม่ได้สติด้วยความเห็นใจ ก่อนที่นางจะลูบศีรษะของเขาพร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
ไม่มีใครกล่าวโทษท่านในสิ่งที่เกิดขึ้นหรอ อย่าปล่อยให้จิตใจของท่านจมอยู่กับความรู้สึกผิดในสิ่งที่ท่านไม่ได้ก่อขึ้น ท่านต้องเข้มแข็งและรีบฟื้นคืนสติให้ได้เพื่อตัวของท่านเองและแคว้นของท่าน และข้าจะอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลือท่านจนกว่าทุกอย่างจะสำเร็จไปตามที่ท่านตั้งใจ
นางบีบมือของเขาแน่นๆ แล้วลองยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขาอีกครั้งซึ่งก็พบว่าเขายังมีไข้สูงอยู่ แล้วนางก็ลุกไปหยิบเอากาน้ำที่อังไว้ตรงเตาผิงมาเทผสมกับน้ำในเหยือกให้อุ่น หลังจากนั้นยกมาวางไว้ตรงตั่งข้างเตียงพร้อมกับผ้าสะอาดเพื่อทำการเช็ดตัวให้กับทีนิส นางหยิบผ้าที่แช่อยู่ในอ่างมาบิดพอหมาดแตะซับไปตามใบหน้าและลำคอของเขาเพื่อทำให้ตัวของเขาเย็นลง แล้วก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจเมื่อเห็นว่าทีนิสถอนหายใจยาวแล้วก็หลับลึกไปอีกรอบ หลังจากนั้นนางก็ถอยกลับมานั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้างเตียงของเขาเหมือนเดิม
*****************************
ไม่มีทหารคนไหนนึกสงสัยเมื่อกีเธอร์กลับมาจากการไปพบทีนิส แม่ทัพหนุ่มเดินกลับเข้าไปในห้องพักด้วยท่าทางปกติโดยไม่แสดงให้ใครเห็นว่าตอนนี้ในหัวใจของเขากำลังหนักอึ้งด้วยความจริงบางอย่างที่เพิ่งประสบมา
กีเธอร์ถอดเสื้อเกราะอ่อนที่สวมอยู่ออกแล้วก็ทิ้งตัวนอนบนเตียงก่อนจะทำหน้านิ่วเมื่อรู้สึกเจ็บที่แผลตรงต้นแขนมันทำให้เขานึกถึงเรื่องที่ทีนิสช่วยชีวิตเขาเอาไว้ ริมฝีปากของแม่ทัพหนุ่มเหยียดยิ้มหยันเมื่อนึกถึงทีนิส จากเจ้าชายผู้อ่อนแอที่เคยถือดาบแค่ไม่กี่นาทีก็บ่นจะเป็นจะตาย แต่มาในวันนี้กลับสามารถปลิดชีวิตของเจ้ามือสังหารชั้นแนวหน้าคนนั้นได้ด้วยตัวเอง เขาสงสัยนักว่าทำไมเจ้าทหารดาร์ซีคนนั้นถึงปล่อยให้เขากลับมาที่ค่าย ทั้งที่จริงๆ แล้วนี่น่าจะเป็นโอกาสทองที่ดาร์ซีน่าจะสามารถจำกัดเขาและทำให้สถานการณ์ในการเตรียมรบเป็นต่อแล้วแท้ๆ
หรือว่าดาร์ซีไม่คิดที่จะก่อสงครามกับคิเรบัสจริงๆ อย่างที่ทีนิสบอกกับเขา แต่จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อปัญหาระหว่างสองแคว้นนั้นสะสมมานานหลายปีจนใกล้ที่จะถึงจุดที่ไม่สามารถประคับประคองได้แล้วแท้ๆ
ตั้งแต่เกิดมาโดยไม่รู้ว่าผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นใคร ความยากจนและสภาพแวดล้อมที่เสื่อมโทรมจากที่เขาเจริญเติบโตมาได้สั่งสอนให้เขารู้จักการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตอยู่รอดมาตั้งแต่เกิดโดยไม่หวังรอคอยให้ใครยื่นมาเข้ามาเพื่อให้ความช่วยเหลือ
จนกระทั่งเมื่ออายุย่างเข้าสิบสามปี เขาเข้าสมัครเป็นนักสู้ในบ่อนพนันเพื่อหาเงินมาประทังชีวิตของทั้งตัวเองและเพื่อนที่อาศัยอยู่ในแหล่งเสื่อมโทรม ด้วยฝีมือการต่อสู้และใจที่เด็ดเดี่ยวของเขานั้นก็ทำให้ไปเข้าตาเลกัสที่เผอิญไปชมการแข่งขันในวันนั้น เขาถูกเลกัสเรียกให้เข้าไปพบและได้รู้ว่าเลกัสตัดสินใจจะรับเขามาชุบเลี้ยงในฐานะบุตรบุญธรรม ซึ่งนั่นก็ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล
ถึงแม้ว่าเลกัสจะมีบุญคุณอันใหญ่หลวงด้วยการดึงเขาออกมาจากแหล่งเสื่อมโทรมและให้การศึกษาจนทำให้เขาไต่เต้าตำแหน่งขึ้นมาจนกลายเป็นแม่ทัพได้ แต่กีเธอร์ก็เจ็บปวดในหัวใจไม่น้อยเมื่อได้ประจักษ์ว่าแท้จริงแล้วเลกัสก็เพียงแค่สร้างให้เขากลายเป็นหมากตัวสำคัญสำหรับการแย่งชิงอำนาจในแคว้นคิเรบัสเท่านั้นเอง ในเมื่ออำนาจทางการทหารส่วนใหญ่เป็นของเขา เลกัสจึงสามารถกุมเสียงข้างมากในสภาขุนนางและสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ได้โดยไม่มีเสียงคัดค้าน
แม่ทัพหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียดก่อนจะถามตัวเองในใจ...
แล้วถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ข้าควรจะต่อสู้เพื่ออะไร... จะเพื่อหน้าที่ที่จะต้องทำ หรือเพื่อความถูกต้องและทวงความยุติธรรมคืนมาให้กับคนที่ถูกใส่ร้าย แต่ไม่ว่าจะเพื่ออะไร นั่นมันหมายถึงการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของคิเรบัสและความวุ่นวายที่คงจะไม่มีวันจบสิ้นง่ายๆ เป็นแน่
******************************
เข้าวันที่สามแล้วที่ทีนิสยังคงนอนหลับไม่ได้สติซึ่งนั่นก็ทำให้ไบรโอเนียอดรู้สึกกังวลไม่ได้ว่าเขาจะหลับอย่างนี้ไปตลอดหรือเปล่า
พระอาการโดยรวมองค์ชายทีนิสดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ นับว่าโชคดีมากที่พระอาการไม่ได้ทรุดลงอย่างที่หม่อมฉันกลัวเอาไว้ หมอหลวงกล่าวกับไบรโอเนียหลังจากที่ตรวจอาการของทีนิสเสร็จแล้ว
แล้วทำไมเขาถึงไม่ยอมตื่นขึ้นมาเลยล่ะ
นั่นเป็นเพราะว่าทรงบาดเจ็บสาหัสและได้รับพิษเข้าไปจำนวนไม่น้อย ก็เลยทำให้ร่างกายต้องใช้เวลาในการรักษาทั้งบาดแผลและอวัยวะภายในให้มากขึ้นกว่าปกติ และการที่หลับไปแบบนี้ก็เป็นผลดีต่อการฟื้นตัวมากกว่าเพราะจะได้ไม่รู้สึกทรงเจ็บปวดที่แผลมากด้วย องค์หญิงทรงไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกพ่ะย่ะค่ะ
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเดี๋ยวก็คงจะฟื้นล่ะสิ
พ่ะย่ะค่ะ นี่ก็ตั้งสามวันแล้ว หม่อมฉันคิดว่าอีกไม่นานองค์ชายทีนิสก็คงจะฟื้นคืนสติ
ไบรโอเนียพยักหน้าเมื่อได้ฟังคำอธิบายทั้งหมดแล้วก็กล่าว
ถ้าอย่างนั้นข้าจะอยู่จนกว่าเขาจะฟื้นก็แล้วกัน
หากทว่าหมอหลวงกลับส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
องค์หญิงทรงกลับไปพักผ่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ นางกำนัลบอกหม่อมฉันว่าทรงนั่งเฝ้าดูอาการขององค์ชายทีนิสมาตลอด และอีกอย่างหนึ่ง... องค์หญิงเองก็ยังไม่หายดี ถ้าหากฝืนตัวเองมากๆ เข้าจะล้มป่วยไปอีกคนนะพ่ะย่ะค่ะ
ข้าหายดีแล้ว พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงข้ามากนักหรอก
อย่าทรงทำให้หม่อมฉันต้องลำบากเลยพ่ะย่ะค่ะ พระบิดาขององค์หญิงสั่งหม่อมฉันเอาไว้ว่าทำยังไงก็ได้ที่จะให้องค์หญิงกลับไปพักผ่อน ถ้าหากหม่อมฉันทำไม่ได้หม่อมฉันจะถูกองค์ราชาลงโทษเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ
ไบรโอเนียขมวดคิ้วก่อนจะมองหมอหลวงที่ทำสีหน้ายืนยันว่าสิ่งที่ตนเองพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง นางถึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ก็ได้... นี่เข้าใจเอาเสด็จพ่อมาขู่ข้านะ
หมอหลวงค้อมศีรษะ หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันแค่พูดในสิ่งที่องค์ราชาตรัสมา
ข้ารู้แล้ว ไม่ต้องพูดมากหรอก
นางตวัดเสียงใส่ด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะลุกแล้วก็เดินออกไป หากก็ยังไม่วายที่จะหันกลับมาสั่งให้จัดทหารยามมาคอยเฝ้าดูอาการของทีนิสและถ้าหากเขาฟื้นเมื่อไรก็ให้รีบบอกให้นางรู้โดยทันที
*****************************
ทีนิสขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวดที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายขนาดที่ว่าแค่เพียงกระดิกนิ้วก็ยังไม่อาจจะทำได้ หากเขาก็สามารถลืมตาขึ้นมาได้ในที่สุดและพบว่าเขากำลังนอนอยู่ในห้องพักในปราสาทเมืองธอร์กาเรีย แต่แล้วก็ต้องทำหน้านิ่วเมื่อพอจะขยับตัวก็รู้สึกปวดร้าวไปทั่วทั้งร่างจนต้องร้องครางออกมา หากก็ยังฝืนจนผงกศีรษะขึ้นดูว่าบาดแผลของเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้วก็พบว่าบาดแผลของเขาที่ถูกนักฆ่าทำร้ายนั้นได้รับการรักษาแล้ว
นี่ข้ารอดมาได้อย่างไรกัน? ทั้งที่ตอนบาดเจ็บก็คิดเอาไว้แล้วแท้ๆ ว่าถึงอย่างไรก็คงจะไม่รอดแน่
หากยังไม่ทันที่จะคิดหาคำตอบให้กับตัวเอง ประตูห้องของเขาก็เปิดออกพร้อมกับข้ารับใช้หญิงที่ถือเหยือกใส่น้ำเข้ามาในห้องและวางไว้ตรงโต๊ะข้างเตาผิง และเมื่อหันกลับมาก็ต้องอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นว่าทีนิสฟื้นแล้ว
ทรงฟื้นแล้วเหรอเพคะ
ทีนิสพยักหน้าพลางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
ขอน้ำให้ข้าหน่อย...
ข้ารับใช้หญิงคนนั้นรีบรินน้ำใส่แก้วแล้วค่อยๆ ป้อนให้เขาดื่ม และหลังจากได้ดื่มน้ำแล้วเขาก็เอ่ยถาม
ข้าหลับไปนานเท่าไหร่?
ห้าวันเพคะ หมอหลวงบอกว่าองค์ชายโดนพิษและเสียพระโลหิตไปมากก็เลยทำให้สลบไปนานหลายวัน... องค์หญิงทรงรับสั่งเอาไว้ว่าถ้าหากองค์ชายทรงฟื้นแล้วให้รีบไปกล่าวทูลให้องค์หญิงทรงทราบ
นางสั่งเจ้าไว้อย่างนั้นเหรอ?
นางข้ารับใช้พยักหน้า องค์หญิงทรงมานั่งเฝ้าพระอาการขององค์ชายตั้งแต่ตอนที่เสด็จกลับจนถึงตอนนี้เลยเพคะ แถมตอนแรกยังเอาแต่นั่งเฝ้าไม่ยอมออกจากห้องไปไหน จนองค์ราชารับสั่งว่าถ้าหากองค์หญิงไม่ยอมไปพักผ่อนจะลงโทษพวกข้ารับใช้และท่านหมอหลวงถึงได้ยอม
องค์หญิงของพวกเจ้าน่ะหรือมานั่งเฝ้าดูอาการของข้า? ทีนิสถามพลางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
เพคะ... หม่อมฉันขอตัวก่อน
ทีนิสมองนางข้ารับใช้ที่ย่อตัวแสดงความเคารพให้กับเขาก่อนจะเดินออกจากห้องแล้วก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียดพร้อมกับรู้สึกแปลกๆ กับสิ่งที่ได้ยิน น่าประหลาดเหลือเกินที่พอได้ยินเช่นนั้นเขากลับรู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่าคนที่บอกว่าเขาจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ช่างนั้นกลับมานั่งคอยเฝ้าและดูแลอาการในช่วงเวลาที่เขากำลังอยู่ในสภาวะคาบเกี่ยวระหว่างเป็นหรือตาย
องค์ชายพลัดถิ่นไม่อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองให้มากนัก แต่ทว่าดูเหมือนความรู้สึกที่มีอยู่ภายในใจนั้นมันช่างหักห้ามความรู้สึกปรีดากับการได้รับรู้ถึงความห่วงใยของนางเสียจนแทบจะปิดกั้นเอาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว
*****************************
ไบรโอเนียเดินจ้ำเท้าตรงไปยังห้องพักของทีนิสอย่างรีบร้อนเสียจนแทบจะเป็นวิ่ง ถ้าหากว่านางยังไม่ลืมว่าตนไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะสามารถวิ่งไปไหนมาไหนได้อย่างใจตัวเองต้องการ
นางปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของทีนิส และเมื่อเข้าไปแล้วนางก็พบกับทีนิสที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงโดยที่มีหมอหลวงกำลังตรวจอาการและข้ารับใช้อีกสองคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไรนัก
อาการขององค์ชายทีนิสเป็นอย่างไรบ้างหรือหมอหลวง
หมอหลวงหันกลับไปทำความเคารพกับนางแล้วจึงตอบ พระอาการอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ว่าคงต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อที่จะฟื้นฟูพระวรกายให้กลับมาแข็งแรงเหมือนอย่างเดิม
ไบรโอเนียลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกกับสิ่งที่ได้ยิน แม้ว่าแผนการที่วางเอาไว้นั้นคงจะล่าช้าไปอีกนานเพราะต้องรอให้ทีนิสกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมก็ตามที
ท่านเองก็พยายามรักษาเขาอย่างเต็มที่แล้ว ขอบใจมากที่รักษาชีวิตเขาเอาไว้ได้
หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเองก็พยายามถวายการรักษาเท่าที่จะทำได้
ข้าจะกราบทูลเสด็จพ่อให้ปูนบำเหน็จรางวัลให้ท่านเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน
หมอหลวงค้อมศีรษะพร้อมกับกล่าวขอบคุณนางแล้วก็เก็บเครื่องมือและยาใส่กระเป๋าหนังก่อนที่จะขอลากลับไปพร้อมๆ กับข้ารับใช้ทั้งหมดเพื่อให้ไบรโอเนียได้สนทนากับทีนิสตามลำพัง
ตอนแรกข้าคิดว่าท่านคงไม่รอดแล้วเสียอีก นางกล่าวกับเขาด้วยสีหน้าเฉยชา คราวหลังจะได้จำเอาไว้ว่าเวลาทำอะไรโดยที่ไม่ประมาณตัวเองน่ะมันอันตรายแค่ไหน นี่ยังดีเท่าไหร่แล้วที่ท่านไม่ได้ตายไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ข้าสู้อุตส่าห์ทำมาทั้งหมดก็คงจะเสียเปล่า และสิ่งที่ท่านไม่อยากให้มันเกิดอย่างสงครามระหว่างแคว้นน่ะก็ต้องเกิดขึ้นแน่ๆ
ข้าขอโทษ ข้ารับใช้บอกข้าว่าเจ้านั่งเฝ้าอาการข้ามาตลอดเลยเหรอ?
ไบรโอเนียเม้มริมฝีปากพร้อมกับเบือนหน้าหนีสายตาของเขาที่มองมาเพื่อที่จะซ่อนความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ให้เขารู้
ข้าแค่อยากจะให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่าสถานการณ์ที่เป็นอยู่ อย่าเข้าใจผิดไปเป็นอย่างอื่นเลย
ตอนที่ไม่ได้สติข้าเหมือนจะได้ยินคนพูดกับข้าว่าข้าจะต้องฟื้นคืนสติมาให้ได้เพื่อตัวข้าและแคว้นของข้า โดยที่คนคนนั้นจะคอยอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือข้าไปจนกว่าเป้าหมายของข้าจะสำเร็จ... คงเป็นเพราะสาเหตุนั้นกระมังก็เลยทำให้ข้าฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ และน่าแปลกยิ่งกว่าคือเสียงที่ข้าได้ยินก็คล้ายเสียงของเจ้ามาก
ไบรโอเนียรู้สึกว่าใบหน้าของนางร้อนผะผ่าวจนต้องรีบหันหน้าเดินไปที่หน้าต่างก่อนที่ทีนิสจะสังเกตเห็นอะไรที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของนางได้
ท่านเป็นไข้หนัก ประสาทการรับรู้ก็เลยผิดเพี้ยนไปมันอาจจะเป็นเรื่องที่ท่านคิดไปเองก็ได้ ข้าว่าท่านอย่าเก็บเอามาใส่ใจให้เสียเวลาจะดีกว่านะ
น่าเสียดายนะที่มันเป็นแค่ความฝัน
เรื่องที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ข้าอยากรู้มากกว่าว่าสิ่งที่ท่านทำลงไปน่ะมันคุ้มกับที่ท่านเกือบตายหรือเปล่า นางรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่เขาจะจับสังเกตท่าทีของนางที่เขาอาจจะสังเกตเห็นเอาได้
กีเธอร์ไม่ใช่คนที่เอนเอียงกับคำพูดของคนอื่นง่ายๆ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นข้าว่าเขาน่าจะคิดอะไรได้บ้าง
พอได้ยินเช่นนั้นคิ้วโก่งเรียวของไบรโอเนียก็ขมวดมุ่นอย่างไม่ชอบใจ
แค่นั้นเองน่ะเหรอกับสิ่งที่ท่านต้องบาดเจ็บและเกือบตาย แล้วยังไม่นับว่าแม่ทัพของคิเรบัสจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมกองทหารของดาร์ซีไปมากน้อยเท่าไหร่
ถ้าหากว่ากีเธอร์คิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ ก็คงไม่เข้ามาพบกับข้าเพียงลำพังตามที่ข้าขอร้องหรอก และคนที่ตรงไปตรงมาอย่างเขาคงไม่คิดจะใช้วิธีสกปรกแบบนั้นเอาชนะในการทำสงครามแน่
ท่านมองคนในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า ใครๆ ก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะได้ชัยชนะทั้งนั้นแหละ นางว่าพลางแค่นเสียงใส่เขา
เจ้าก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิ กีเธอร์เองก็ไม่ใช่คนโง่เขลาอะไรถึงขนาดนั้นสักหน่อย ยิ่งได้รู้ว่าเลกัสคิดจะจำกัดตัวเองเขาเองเช่นนั้นแล้วก็น่าจะคลางแคลงใจอยู่บ้างแล้วกระมัง
ถ้าเป็นอย่างที่ท่านว่าจริงๆ ก็ตามใจเถอะ แต่บอกให้รู้ก่อนเลยนะว่าถ้าหากทางคิเรบัสมีความเคลื่อนไหวอะไรล่ะก็ ทางข้าเองก็พร้อมที่จะส่งกองทหารเข้าพุ่งรบโดยทันที
ก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน แต่ว่าเรื่องที่ข้าไปพบกับกีเธอร์น่ะก็เป็นแค่แผนการขั้นหนึ่งเท่านั้น
หมายความว่าท่านยังมีแผนการอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้อีกเหรอ?
เมื่อกีเธอร์รู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่ลอบปลงพระชนม์เสด็จพ่อ เขาก็จะลังเลในการบุกโจมตีดาร์ซี ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นการดีถ้าหากว่าเราจะใช้โอกาสนี้ปล่อยข้อมูลปลุกระดมให้ประชาชนของคิเรบัสหมดความเชื่อมั่นในตัวเลกัสและพวกขุนนางได้
ท่านพูดเหมือนง่ายนะ แต่ท่านจะทำยังไงถึงจะสามารถปล่อยข่าวลือได้ล่ะ?
เรื่องนั้นเอาไว้ให้ข้าหายดีก่อนก็แล้วกัน แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ จนไบรโอเนียสังเกตได้
มีอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงทำสีหน้าแบบนั้น
เขายิ้มกับคำถามที่เจือด้วยความห่วงใยจากนาง เป็นครั้งแรกที่ข้าฆ่าคนตายด้วยมือของข้าเอง... สีหน้าของมือสังหารคนนั้นยังติดตาข้าอยู่เลย
พวกนักฆ่าน่ะก็มีชีวิตอยู่เพื่อรอให้ใครสักคนมาสังหารตัวเองให้ตายอยู่แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นพวกมันก็จะฆ่าคนไปเรื่อยๆ ถ้าหากท่านไม่ฆ่าพวกมัน ท่านก็ต้องถูกพวกมันฆ่า อย่าเก็บเอาเรื่องนี้มาคิดมากเลย
แม้จะฟังเหมือนเป็นถ้อยคำที่แล้งน้ำใจอยู่บ้าง หากทีนิสก็ตระหนักได้ว่านางกำลังปลอบใจเขาอยู่ ทีนิสจึงยิ้มให้กับนาง
ขอบใจนะที่เป็นห่วงข้า
ข้าไม่ได้ห่วงท่านสักหน่อย พูดจาอะไรพล่อยๆ ไปได้ นางตวัดเสียงใส่เขากลบเกลื่อนอาการเขินอายที่อาจจะแสดงออกมา ก่อนจะตัดบทก่อนที่เขาจะพูดจาอะไรแปลกๆ ใส่นางไปมากกว่านี้
ท่านพักผ่อนเถอะ ข้าจะไปทูลให้เสด็จพ่อทรงทราบก่อนว่าท่านฟื้นแล้ว...
ไบรโอเนีย เสียงเรียกของทีนิสทำให้ไบรโอเนียที่ทำท่าจะเดินออกจากห้องไปหันกลับมามองเขาเป็นเชิงถามว่าเขามีอะไรจะพูดกับนางอีกหรือไม่
ข้าขอโทษ... สำหรับเรื่องวันก่อน
ใบหน้าที่พยายามทำให้นิ่งเฉยของไบรโอเนียเปลี่ยนไปเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อน หากนางก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็วในขณะที่ทีนิสกล่าวต่อ
ข้ารู้ว่าเจ้าคงโกรธมาก แต่ถ้าหากไม่ทำแบบนั้น เจ้าเองก็คงจะดึงดันที่จะไปให้ได้ และข้าก็ไม่อาจจะยอมให้เจ้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อข้า...
หากยังไม่ทันที่ทีนิสจะพูดให้จบประโยค ไบรโอเนียก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
ข้าไม่ได้คิดจะเสี่ยงชีวิตเพื่อท่านแต่ข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อดาร์ซีต่างหาก... แล้วก็ไม่ต้องคิดมากหรอก ข้าลืมมันไปหมดแล้ว
พอพูดจบนางก็เดินออกจากห้องไป โดยที่ทีนิสนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเองเพียงลำพังพร้อมกับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยกับคำตอบของนางก่อนที่ความอ่อนเพลียจะทำให้เขารู้สึกง่วงขึ้นมาอีกและหลับไปอีกครั้งอย่างง่ายดาย
Be Continued
อ่านจบแล้วไม่รีบไปไหน แวะคุยกันก่อนได้นะคะ ^ ^
++ รักคนอ่านค่ะ ++