บัลลังก์แห่งคิเรบัส : บทที่ 11
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้ว

คุณgoldensun: ไม่รู้จะใจแข็งไปถึงไหนกันน้า ตัวเองก็มีใจให้เขาอยู่แท้ๆ เนอะ ^^'



บทที่ 11


ใช้เวลาเดินทางไม่กี่วันพวกของทีนิสก็มาถึงเมืองที่เป็นที่หมาย และเป็นไปตามที่ทีนิสบอกเอาไว้ว่ามันเป็นเมืองที่พักระหว่างทางของพวกพ่อค้า ซึ่งสภาพภายในเมืองนั้นดูคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากต่างถิ่นและนั่นก็ทำให้พวกของทีนิสที่เพิ่งเดินทางมาถึงนั้นกลมกลืนไปกับพวกกลุ่มพ่อค้าได้อย่างง่ายดาย หลังจากหาที่พักซึ่งเป็นโรงแรมสำหรับพวกพ่อค้าที่มีโรงนาเอาไว้สำหรับให้ม้าและเกวียนแล้ว ในขณะที่พวกเลโอน่าและเพื่อนถูกสั่งให้เข้านอนพักผ่อนไปก่อนแล้ว ทีนิส ไบโอเนีย และเอ็ดการ์ก็มานั่งอยู่ในโรงเหล้าของโรงแรมเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับแผนการที่จะดำเนินต่อไป

“เมืองนี้มีคนอยู่เยอะกว่าที่ข้าคิดเอาไว้นะ บางทีเราอาจจะเริ่มนิทานละครเร่ตั้งแต่เมืองนี้ไปเลยน่าจะดี” ทีนิสกล่าวพลางมองไปรอบซึ่งคับคั่งไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจกับเหล้าและเสียงดนตรีจากนักดนตรีท้องถิ่นที่กำลังบรรเลงเพลงเพื่อทำให้บรรยากาศสนุกสนานแข่งกับเสียงพูดคุยของคนที่มา

“ถ้าหากเราลองไปพูดคุยกับเจ้าของโรงเหล้านี้ดูว่าเราจะแสดงละครเพื่อเรียกให้คนเข้ามาที่ร้านเหล้านี้ได้ ข้าว่าคงจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีมาก”

“แต่ทรงแน่พระทัยแล้วหรือว่าจะไม่มีใครจำได้” เอ็ดการ์เอ่ยขึ้นมาบ้าง

ทีนิสหัวเราะก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองที่เขาจงใจไว้หนวดและเคราให้มันขึ้นรกครึ้มปิดใบหน้าช่วงล่างของเขาเกือบทั้งหมด “หนวดกับเคราปิดหน้าข้าแบบนี้ข้าว่าคงไม่มีใครจำข้าได้หรอก”

“แต่ข้าไม่คิดเช่นนั้นนะ นี่ไม่รู้ตัวหรือไงว่ามีคนกำลังมองอยู่”

ไบรโอเนียกล่าวเตือนในขณะที่นางทำท่ายกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม ซึ่งพอทีนิสมองตามสายตาของนางไป เขาก็พบว่าเป็นชายสูงวัยสวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลกำลังจับจ้องมาที่พวกตนอยู่อย่างไม่วางตาซึ่งรีบแกล้งผินหน้าไปทางอื่น

“ท่าทางไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่ จะให้หม่อมฉันจัดการยังไงดีพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ต้อง... อย่าทำอะไร” ทีนิสเอ่ยปรามพลางเขม้นตามองอีกฝ่ายให้ดีอีกรอบ แล้วก็ยิ้มก่อนที่จะแตะไหล่เอ็ดการ์

“ไม่จำเป็นหรอก เราแกล้งทำเป็นกลับขึ้นไปนอนบนห้องพักข้างบนแล้วค่อยสะกดรอยตามเขาไปที่บ้าน”

“ทำอย่างนั้นเกิดว่าเป็นรังของศัตรูขึ้นมาจะว่ายังไง ถ้าหากว่าจะต้องต่อสู้กันจริงๆ แล้วข้าไม่มีเวลามาช่วยท่านหรอกนะ” ไบรโอเนียเอ่ยขัดขึ้นมาในขณะที่ยังจับตามองท่าทีของชายคนนั้นอย่างไม่วางใจ

ทีนิสปรายตามองไบรโอเนียที่ยอมพูดกับเขาเป็นครั้งแรกหลังจากที่นางไม่ยอมพูดกับเขาเลยนับตั้งแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อน

“เจ้าไม่จำเป็นจะต้องมาช่วยข้าหรอก ข้าดูแลตัวเองได้ และข้ามั่นใจว่าคงจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก” พูดจบทีนิสก็พยักหน้าให้กับเอ็ดการ์เพื่อลุกและเดินขึ้นไปชั้นบน ซึ่งเป็นไปตามคาดว่าพอพวกของทีนิสลุกไปแล้ว ชายคนนั้นก็รีบลุกและเดินออกไปจากโรงเหล้า ทีนิสที่แอบมองชายคนนั้นจากช่องหน้าต่างหันไปพยักหน้ากับเอ็ดการ์ แล้วพวกเขาก็รีบสะกดรอยตามหลังชายคนนั้นไป

ดูเหมือนว่าชายที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลคนนั้นจะระวังตัวเองอยู่ไม่น้อยเพราะในระหว่างที่เดินไปนั้นเขาหันกลับมามองทางด้านหลังบ่อยครั้ง แต่ว่าก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ถูกฝึกมาให้เป็นสายสืบอย่างไบรโอเนียและเอ็ดการ์หรือแม้แต่ทีนิสที่ถูกคนทั้งคู่ฝึกฝนมาจนสามารถสะกดรอยตามไปได้โดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว และจนกระทั่งชายคนนั้นหยุดยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง

“พวกเจ้าตามข้ามาต้องการอะไรอย่างนั้นหรือ” ชายคนนั้นพูดขึ้นมาโดยที่ไม่ยอมหันกลับมามอง

แม้จะรู้สึกแปลกใจว่าชายคนนี้รู้ได้เช่นไรว่ากำลังถูกสะกดรอยตามอยู่ แต่เอ็ดการ์ก็ส่งสัญญาณให้ทีนิสและไบรโอเนียยังคงอยู่ที่ซ่อน ส่วนตัวเขาเองนั้นเดินออกจากที่ซ่อนเพื่อแสดงตนพร้อมกับตอบ

“ตอนอยู่ที่โรงเหล้าข้าเห็นว่าท่านเอาแต่จ้องมองพวกข้าอยู่ตลอดก็เลยสงสัยว่าท่านมีปัญหาอะไรกับพวกข้าหรือเปล่า”

ชายสูงวัยแค่นหัวเราะก่อนจะหันกลับมาทางเอ็ดการ์ “แค่ข้ามองพวกท่านนี่ถึงกับต้องสะกดรอยตามกันมาเลยหรือ ไม่คิดว่าท่านทำอะไรเกินกว่าเหตุไปหน่อยหรือไง”

“พวกข้าเป็นคณะนักแสดงละครเร่ไปตามที่ต่างๆ ก็ต้องระวังตัวอยู่บ้างเป็นธรรมดา”

“แน่ใจหรือว่าท่านเป็นแค่คนของคณะละครเร่ ไม่ใช่คนของเลกัสที่ปลอมตัวมาเพื่อเสาะหาและสังหารข้า... ไม่สิ... ข้าควรต้องเรียกเจ้าคนชั่วนั่นว่ากษัตริย์องค์ใหม่นี่นะ”

พอได้ยินคำตอบเช่นนั้นเอ็ดการ์ก็รู้สึกฉงนว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นเป็นใครกันแน่ จนกระทั่งทีนิสที่เดินออกมาจากที่ซ่อนพร้อมกับไบรโอเนีย พร้อมกับยกมือขึ้นแตะบ่าของเอ็ดการ์เป็นเชิงบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงตน

“พวกเราไม่ใช่คนของเลกัสหรอก และพวกเราไม่ได้มาเพื่อทำอะไรท่านด้วย”

ชายคนนั้นขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนแต่ก็ยังไม่คลายความระวัง “แล้วพวกท่านเป็นใครกัน ต้องการอะไรจากข้า”

ทีนิสเลิกผ้าคลุมศีรษะที่ติดอยู่กับเสื้อคลุมออกก่อนที่จะส่งยิ้มให้กับอีกฝ่ายอย่างจริงใจ

“จำข้าไม่ได้หรือท่านอาจารย์เดลี”

ชายที่ทีนิสเรียกว่าเดลีนั้นจ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจและอ้าปากจะพูดอะไรแล้วหากทว่าก็ยังรู้ตัวว่าตอนนี้พวกตนอยู่ในที่โล่งซึ่งอาจจะไม่ปลอดภัยนัก

ทีนิสพยักหน้าเมื่อเข้าใจว่าเดลีคงจะเขาได้แล้วว่าเป็นใคร ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาพร้อมกับยกมือขึ้นแตะบ่าอีกฝ่ายพร้อมกับกล่าวต่อ

“คุยที่นี่คงไม่สะดวกนัก ตามพวกข้ามาเถอะ ก่อนที่ใครจะเห็นเข้า”




***********************************



เมื่อพาเดลีมาที่ห้องพักของทีนิสในโรงแรมแล้ว เดลีก็จับเนื้อตัวของทีนิสเพื่อพิสูจน์ว่านี่คืออดีตองค์รัชทายาทที่ได้ยินข่าวลือว่าหายตัวไปอย่างลึกลับในคุกใต้ดิน แล้วหยดน้ำตาก็ไหลพรากออกมาด้วยความยินดี

“หม่อมฉันคิดว่าจะไม่มีวันได้พบองค์ชายอีกแล้ว... พระเจ้ายังทรงเมตตากับพวกเราอยู่มากจริงๆ”

“ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะรอดชีวิตมาได้เช่นกัน” ทีนิสยิ้มให้กับเดลีก่อนจะประคองให้อีกฝ่ายไปนั่งตรงเก้าอี้ที่อยู่ตรงมุมห้องในขณะที่ชายสูงวัยมองตนเองอย่างไม่วางตา

“พระองค์ดูเปลี่ยนแปลงไปมากนะพะย่ะค่ะ” เดลีหมายความตามที่พูดเอาไว้จริงๆ เพราะทีนิสดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนราวกับเป็นคนละคน ด้วยผิวของเขาเข้มขึ้นกลายเป็นสีน้ำตาลทองอ่อนๆ และหนวดเคราทำให้ใบหน้าคมคายดูกร้าวแกร่งกว่าที่เคยเป็นอีกทั้งร่างกายก็ยังดูล่ำสันบึกบึนขึ้นมากด้วย

“มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาน่ะ” ทีนิสตอบก่อนจะถอยห่าง “ดูท่าทางท่านเองก็คงหลบซ่อนตัวอยู่เหมือนกันสินะ”

เดลีพยักหน้า “พ่ะย่ะค่ะ โชคร้ายเหลือเกินที่พวกขุนนางบางส่วนไหวตัวไม่ทัน ถูกเจ้าคนโฉดนั่นจับตัวไปขังไว้ บางคนที่พยายามต่อต้านแข็งขืนมันก็ฆ่าทิ้งอย่างเหี้ยมโหด”

ทีนิสขบฟันแน่นด้วยความเกรี้ยวโกรธ “แค่เพราะอยากจะได้อำนาจถึงกับต้องทำเรื่องโหดเหี้ยมถึงขนาดนั้นเชียวหรือ... แล้วนอกจากท่านยังมีใครที่หลบหนีพวกทหารของเลกัสอีกหรือเปล่า”

“ขุนนางที่ภักดีต่อองค์กษัตริย์ไททัสต่างก็ซ่อนตัวกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ พ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วพอจะหาทางติดต่อพวกเขาได้ไหม”

“พวกเขาต่างก็ระวังตัวไม่ต่างกับหม่อมฉัน แต่ว่าหม่อมฉันจะส่งข่าวให้พวกนั้นได้ทราบว่าพระองค์ยังทรงมีชีวิตอยู่”

ทีนิสพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แล้วไบรโอเนียที่นิ่งเงียบมานานก็เอ่ยถามเขาบ้าง

“หลังจากนี้ท่านจะทำเช่นไรต่อไป”

“ระหว่างที่รอให้ท่านอาจารย์เดลีติดต่อกับพวกขุนนางที่เหลือ เราก็ดำเนินแผนการต่อไปตามเมืองต่างๆ อย่างที่วางแผนเอาไว้”

นางพยักหน้าเห็นด้วยก่อนที่จะหันไปถามเดลี “แล้วการที่ท่านจะให้ท่านเดลีติดต่อกับพวกขุนนางที่ซ่อนตัวอยู่น่ะมันจะไม่เป็นการเสี่ยงไปหน่อยหรือไง อย่าลืมนะว่าพวกทหารของคิเรบัสเองก็กำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่เหมือนกัน”

“พวกเรามีวิธีติดต่อสื่อสารกันในแบบที่พวกทหารของเลกัสจะไม่มีทางรู้โดยเด็ดขาด เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก... ขอโทษที่เสียมารยาทนะแต่เจ้าชื่ออะไรหรือ?”

“ข้าชื่อเบรล” ไบรโอเนียบอกชื่อปลอมแก่เขาไปพลางโบกมือเรียกเป็นสัญญาณให้เอ็ดการ์และพวกเลโอน่าเข้ามาในห้อง “ส่วนคนเหล่านี้เป็นเพื่อนของข้า ขออภัยด้วยที่ทำให้ท่านต้องหวาดกลัวตั้งแต่แรก”

“ดูท่าทางพวกท่านจะไม่ใช่คณะละครจริงๆ ใช่ไหม” อดีตราชครูเอ่ยถามในขณะที่สังเกตท่าทางของพวกเอ็ดการ์

ไบรโอเนียแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะย้อนถามเดลี “มีคณะละครที่ไหนบ้างที่หาเลี้ยงชีพเพียงแค่เล่นละครเร่เล่าท่านราชครู”

อดีตราชครูหรี่ตามองไบรโอเนียอย่างพิจารณา ชายสูงวัยรับรู้ได้โดยทันทีว่าหญิงสาวคนนี้คงจะไม่ใช่เป็นเพียงแค่ชาวบ้านธรรมดาทั่วไปแน่ แต่ก็ไม่อยากจะถามอะไรต่อเพราะเขายังไม่ไว้ใจคนกลุ่มนี้สักเท่าไรนัก

“แล้วพระองค์จะประทับที่เมืองนี้อีกนานไหมพ่ะย่ะค่ะ” เดลีหันไปพูดคุยกับทีนิสแทน

“พรุ่งนี้ข้าจะไปเจรจากับเจ้าของโรงเหล้าเพื่อทำการแสดง หลังจากนั้นพวกข้าก็จะเดินทางต่อเพราะถ้าจะให้อยู่ที่ไหนนานๆ มันจะไม่ปลอดภัย”

“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันมีสิ่งหนึ่งจะถวายให้พระองค์” เดลีล้วงเอาของสิ่งหนึ่งออกมาจากเสื้อ

ทีนิสมองสิ่งนั้นแล้วเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าสิ่งนี้จะตกมาอยู่ในมือเดลีได้

“นี่มัน... เป็นตราสัญลักษณ์ของกษัตริย์นี่ ทำไมสิ่งนี้ถึงมาอยู่กับท่านได้”

“องค์กษัตริย์ไททัสทรงฝากหม่อมฉันเอาไว้ก่อนที่จะถูกลอบปลงพระชนม์ ตรัสเอาไว้ว่าหม่อมฉันจะต้องรักษาตรานี้เอาไว้ให้องค์ชายหากว่าพระองค์ทรงเป็นอะไรขึ้นมา”

“นี่หมายความว่าเสด็จพ่อรู้มาโดยตลอดสินะว่าเลกัสกำลังคิดทำอะไรอยู่” ทีนิสกล่าวเสียงพร่าสั่นในขณะที่ประคองตราสัญลักษณ์กษัตริย์ของแคว้นคิเรบัสที่ทำด้วยทองคำแท้และประดับอัญมณีหลากสีสวยงามนั้นด้วยความทนุถนอม ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเป็นจริงจังและดูน่ายำเกรงกับทุกคนที่มาอยู่ในห้องพักของเขา

“แผนการในครั้งนี้ของเราจะผิดพลาดไม่ได้เป็นอันขาด เพราะเช่นนั้นพวกเราจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น และข้าไม่อยากให้ใครทำอะไรที่โดดเด่นจนผิดสังเกตโดยไม่จำเป็น”

ไบรโอเนียมองเขาด้วยความรู้สึกไม่คุ้นชินถึงแม้ว่านางจะเคยเห็นเขาแสดงท่าทางที่ทำให้นางรู้สึกว่าเขาเป็นรัชทายาทของคิเรบัสมาแล้วก็ตาม

นางเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเมื่อเห็นว่าทีนิสดูเหมือนจะรู้ตัวว่านางมองเขาอยู่ แล้วก็ไปพูดกับเดลีแทน

“ท่านเดินทางไปกับพวกเราเถอะ เพราะถ้าขืนท่านยังอยู่ในเมืองนี้ต่อไปไม่ช้าก็เร็วพวกทหารคงจับตัวท่านจนได้”

ทีนิสเองพอได้ยินไบรโอเนียพูดเช่นนั้นพยักหน้าเห็นด้วย “จริงอย่างที่เบรลว่ามา ถ้าหากมีท่านอยู่ก็จะได้เป็นอีกกำลังหนึ่งที่จะช่วยข้าได้ ท่านจะไปกับข้าไหม”

เดลีหัวเราะหึก่อนจะโค้งคำนับทีนิสอย่างนอบน้อม “ถ้าหากเป็นพระบัญชา หม่อมฉันมีหรือจะกล้าขัด”

“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้เอ็ดการ์ไปส่งท่านที่บ้านและช่วยเก็บสัมภาระ... ข้าหวังว่าครอบครัวของท่านคงจะเข้าใจนะ”

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกพ่ะย่ะค่ะ ครอบครัวหม่อมฉันเข้าใจดีว่าการถวายการรับใช้แก่องค์รัชทายาทเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่แล้ว”

ทีนิสยิ้มให้กับเดลีแทนคำขอบคุณก่อนจะยกมือขึ้นแตะไหล่ของผู้เป็นอาจารย์ของเขา “ข้าซาบซึ้งในน้ำใจของท่านจริงๆ”

“หม่อมฉันต่างหากที่ควรจะเป็นคนพูดคำนี้ องค์ชายทรงวางพระทัยเถอะพ่ะย่ะค่ะ... หม่อมฉันขอทูลลาก่อน” เดินออกจากห้องไปตามด้วยเอ็ดการ์ เลโอน่าและพวกเพื่อนๆ ซึ่งก็ทำให้ในห้องพักของทีนิสนั้นเหลือเพียงแค่เขาและไบรโอเนียอยู่กันตามลำพัง ซึ่งก็บรรยากาศในห้องก็ตกสู่ความเงียบและอึดอัดขึ้นมาในทันทีเพราะนางเองก็ไม่ยอมพูดอะไรกับเขาอีก ทีนิสจึงเอ่ยปากถามไบรโอเนียถึงบางสิ่งที่เขาสงสัยเมื่อครู่นี้

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกให้เดลีรู้ว่าเจ้าเป็นใคร”

“ที่นี่ไม่ใช่แคว้นดาร์ซี ท่านไม่คิดหรือว่ามันจะอันตรายแค่ไหนถ้าหากมีคนรู้ว่าข้าเป็นใคร”

“แม้ว่านั่นจะเป็นคนของข้าอย่างนั้นน่ะหรือ”

ไบรโอเนียแค่นเสียงหัวเราะก่อนจะย้อนถามเขา “ท่านมีอะไรมารับประกันได้ว่าคนของท่านจะไม่หักหลัง”

ทีนิสนิ่งงันเมื่อนางย้อนเขากลับเช่นนี้ “เพราะเช่นนี้ใช่ไหม เจ้าถึงเสนอให้เดลีติดตามพวกเราไปด้วย”

นางพยักหน้า “ข้าไม่แน่ใจว่าอาจารย์ของท่านจะเป็นพวกเดียวกับเราจริงหรือไม่ เพราะเช่นนั้นข้าจึงต้องบอกให้ท่านพาเขาไปด้วยเพื่อที่ว่าจะได้คอยจับตาดูให้แน่ใจ”

“พอไม่ใช่คนของดาร์ซีแล้วเจ้าดูจะหวาดระแวงไปหมดทุกอย่างเลยสินะ” ทีนิสกล่าวพลางถอนใจ

“ข้าต้องระแวงเอาไว้เพราะไม่สามารถไว้ใจได้ว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรูที่แท้จริง และถ้าหากอาจารย์ของท่านเกิดเป็นหนอนบ่อนไส้ขึ้นมา แผนการที่อุตส่าห์เตรียมการเอาไว้เป็นปีๆ ก็คงจะพังไม่เป็นท่า รวมถึงพวกเราทั้งหมดอาจจะต้องตายไปด้วย จริงๆ ข้าเองอยากจะตำหนิท่านด้วยซ้ำที่ชอบคิดอะไรตื้นๆ อยู่เรื่อย”

“ข้าไม่ได้คิดอะไรตื้นๆ อย่างที่เจ้าว่าหรอก เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงข้าคงแสดงตัวให้เขารู้ตั้งแต่อยู่ในโรงเหล้าแล้ว และเพราะอยากจะรู้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือไม่ข้าถึงได้บอกให้พวกเราช่วยสะกดรอยตามเขาไปจนกระทั่งข้าแน่ใจว่าเดลีไม่มีทางแปรพักต์ไปเข้ากับทางเลกัสได้”

“นี่แสดงว่าท่านมีศรัทธากับขุนนางที่ไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับเลกัสมากเลยสิท่า” นางย้อนใส่เขาเสียงหยัน เพราะรู้สึกไม่ชอบใจที่ต้องจำใจพาคนแปลกหน้าที่นางไม่รู้จักร่วมเดินทางไปด้วยซึ่งนั่นก็หมายถึงภาระอีกคนหนึ่งที่นางและเอ็ดการ์รวมถึงคนอื่นๆ จะต้องคอยดูแล

“ก็เหมือนที่เจ้าไว้ใจเอ็ดการ์ เลโอน่า และคนทั้งแคว้นดาร์ซีไงล่ะ...” แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้งก่อนจะเดินไปหานาง

“แต่ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับไม่เชื่อใจตัวเอง”

ไบรโอเนียอ้าปากค้างด้วยไม่คิดว่าทีนิสจะวกกลับมาเรื่องนี้ได้อีก นางเม้มริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นความรู้สึกที่สะท้อนออกมาจากดวงตาของเขาซึ่งทำให้ความคิดนางหวนไปถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อนซึ่งยังกระจ่างชัดอยู่ในห้วงคำนึง

“เลิกพูดถึงเรื่องนี้สักทีจะได้มั้ย” นางกระชากเสียงใส่เขาก่อนที่จะหันหน้าไปมองที่เตาผิง “ข้าบอกแล้วไงว่าเรื่องของข้ากับท่านน่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก แทนที่จะมาคิดถึงเรื่องว่าข้ากับท่านจะใจตรงกันหรือเปล่า เวลานี้ท่านควรคิดถึงการกลับไปทวงสิทธิ์ในการครองบัลลังก์ไม่ดีกว่าหรือไง อย่าเอาแต่เรื่องส่วนตัวมาปะปนกับหน้าที่ที่จะต้องทำสิทีนิส ถ้าหากท่านยังเป็นแบบนี้อยู่ ข้าจะไม่ให้ความร่วมมือกับท่านอีกต่อไป”

แล้วนางก็ผ่อนลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติพร้อมกับพยายามระงับโทสะที่ปะทุอยู่ให้ลดลงก่อนจะเดินออกไปจากห้องของทีนิส ซึ่งเจ้าของห้องนั้นก็ทำได้แค่เพียงทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองแรงๆ พร้อมกับถอนหายใจออกมายาวเหยียดเพียงลำพังเมื่อดูเหมือนนางจะไม่ยอมเข้าใจความรู้สึกของเขาที่มีต่อนางเลยแม้แต่น้อย




**********************************




แผนการละครเร่ของพวกทีนิสนั้นได้ผลเกินคาด พวกเขาเล่นละครเร่ข้างถนนเล่านิทานเกี่ยวกับเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพระราชาแคว้นหนึ่งโดยพระโอรสของพระองค์ถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้สังหาร แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นแผนการของขุนนางใจคดที่หวังจะครอบครองบัลลังก์นั้น และเป็นไปตามที่ทีนิสคาดเอาไว้ เมื่อนิทานที่พวกเขาเล่านั้นเป็นที่โจษจันท์ไปอย่างรวดเร็ว

“ดูเหมือนจำนวนคนที่เข้ามาดูละครเร่ของเราจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะ” ไบรโอเนียเอ่ยกับเขาเมื่อเห็นจำนวนของคนที่เข้ามารอดูละครจากข้างหลังฉากที่ต่อแบบหยาบๆ เอาไว้

ทีนิสที่พรางตัวด้วยการเขียนหน้าตาตัวเองเป็นตัวตลกพยักหน้าด้วยความพอใจ

“ข้าว่าอีกไม่นานประชาชนคงจะรวมกลุ่มกันเพื่อต่อต้านพวกขุนนางแน่ และถ้าหากถึงตอนนั้น ก็เข้าทางแผนต่อไปของพวกเราพอดี”

“ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าการปลุกระดมคนด้วยวิธีการนี้จะได้ผลรวดเร็วขนาดนี้” ไบรโอเนียกล่าวชื่นชมเขาจากใจจริง แล้วนางก็รีบหลบสายตาของเขาที่กำลังมองมาที่นาง

ทีนิสเห็นท่าทางของนางแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจก่อนจะตอบ “ยังไม่เร็วเท่าที่ข้าต้องการหรอก แต่ว่าสำหรับตอนนี้ เราก็ได้แค่รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม”

แล้วเขาก็เครื่องประดับของตัวตลกมาใส่ก่อนที่จะเดินขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำการแสดงเมื่อถึงบทที่เขาจะต้องออกไปเป็นผู้เล่านิทาน

ไบรโอเนียมองตามหลังทีนิสไปแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่นหลังจากที่คืนนั้นที่นางพูดจาตัดรอนเขาแล้ว ทีนิสก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อนางอีกเลย เขาเอาแต่มุ่งหน้าเดินแผนการทั้งหมดให้เป็นไปตามที่กำหนดเอาไว้ ซึ่งทั้งที่นางควรจะต้องพอใจที่เขาไม่ได้ละเลยหน้าที่ของตัวเองอีก หากลึกๆ ในใจของนางกลับรู้สึกเหมือนมีหินหนักๆ มาถ่วงหัวใจเอาไว้กับสายตาของเขาที่มองนางยามที่เขาคิดว่านางไม่รู้ตัว

ทีนิสพูดถูกว่านางไม่ยอมเชื่อใจตัวเอง แต่นั่นเป็นเพราะนางไม่อยากจะให้เรื่องระหว่างเขาและนางไปไกลเกินกว่าที่นางจะทำใจได้เมื่อรู้ทั้งรู้ว่าเมื่อทุกอย่างสำเร็จทั้งเขาและนางต่างก็ต้องแยกจากกันอยู่ดี

ในเมื่อทุกอย่างมันไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ก็ควรจะหยุดมันไว้ก่อนที่จะเริ่มสายเกินไปไม่ใช่หรือ ไบรโอเนียแค่นหัวเราะกับความคิดของตัวเองก่อนที่จะยืนมองการแสดงของพวกทีนิสสลับกับการสังเกตท่าทีของผู้คนที่เข้ามาชมการละครเร่ของพวกนางแทน




**************************************




“ทำไมพวกชาวเมืองถึงไม่ยอมจ่ายภาษี พวกเจ้าไม่รู้หรือว่าเงินในคลังกำลังร่อยหรอลงไปมากแค่ไหน แล้วเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้พวกนั้นไม่คิดจ่ายภาษีขึ้นมา” เลกัสกล่าวอย่างขัดเคืองเมื่อเสนาบดีฝ่ายการคลังรายงานว่าประชาชนในแคว้นไม่ยอมจ่ายเงินภาษีให้แก่พวกขุนนาง

“มีการรายงานมาว่ามีคณะละครเร่คอยสร้างข่าวลือที่ทำให้ประชาชนแข็งข้อขึ้นมาพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีฝ่ายการคลังกล่าวด้วยความหนักใจ

เลกัสเลิกคิ้ว “ข่าวลือเรื่องอะไร”

“ข่าวลือเรื่องการลอบปลงพระชนม์พระราชาไททัสพ่ะย่ะค่ะ มีการปล่อยข่าวให้ประชาชนเชื่อว่าฆาตกรตัวจริงไม่ใช่องค์ชายทีนิส แต่เป็นมหาเสนาบดีในขณะนั้น”

“ข่าวลือแบบนั้นคนก็ยังหลงเชื่อกันงั้นหรือ เหลวไหลที่สุด!” เลกัสแผดเสียงตวาดดังกึกก้องไปทั่วทั้งท้องพระโรงจนทำให้พวกขุนนางที่อยู่ในนั้นสะดุ้งเฮือก

“ข่าวลือกำลังลุกลามไปทั่วทั้งแคว้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากไม่รีบตัดสินพระทัยทำอะไรสักอย่าง หม่อมฉันเกรงว่านอกจากประชาชนจะไม่ยอมจ่ายภาษีแล้วอาจจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านพระองค์ซึ่งนั่นก็จะส่งผลกระทบต่อพวกแคว้นในปกครองด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ดวงตาของเลกัสทอประกายกร้าวด้วยความโกรธเกรี้ยว มันจะเป็นฝีมือใครไปได้นอกจากเป็นทีนิส เจ้าไฮซิคคงทำงานไม่สำเร็จและถูกสังหารแล้วเป็นแน่

ดีล่ะ ในเมื่อทีนิสกล้ากลับเข้ามาในคิเรบัส มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะกำจัดเพราะเขายังมีหมากตัวสำคัญอยู่ทั้งคนนี่นา

“ส่งทหารไปเรียกกีเธอร์กลับมาจากชายแดน รวมทั้งกองทหารด้วย” เลกัสสั่งการลงไปในขณะที่ริมฝีปากเหยียดยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม

“บอกไปว่าข้าต้องการให้เข้าพบเพื่อมอบภารกิจด่วนที่สุด”

ทหารส่งสานส์โค้งรับคำสั่งจากเลกัสแล้ววิ่งออกไปจากท้องพระโรงด้วยความรีบเร่ง แล้วเสนาบดีฝ่ายการคลังก็ถามต่อ

“แล้วเรื่องประชาชนไม่ยอมจ่ายภาษีล่ะพ่ะย่ะค่ะ จะให้พวกหม่อมฉันจัดการเช่นไร”

“ถ้าหากชาวเมืองคนใดไม่จ่ายภาษี ให้จับเอาไปขังคุกและยึดทรัพย์สินทั้งหมด”

“แต่ถ้าทำเช่นนั้น ไม่สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนไปกว่าเดิมเหรอพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันเกรงว่านั่นจะยิ่งทำให้เกิดการจลาจลขึ้นได้”

“ถ้าเช่นนั้นก็จงจับพวกที่คิดจะต่อต้านคำสั่งของข้ามาประหารให้หมด ไม่ว่าจะเป็นคนหนุ่ม คนแก่ เด็ก หรือผู้หญิง”

เสนาบดีฝ่ายการคลังทำสีหน้าตกใจ “แต่ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ถ้าหากทำเช่นนั้น...”

“ไม่มีแต่ใดๆ ทั้งสิ้น!” เลกัสตวาดกลับทันที “คำสั่งของข้าถือว่าเป็นที่สิ้นสุด หรือเจ้าอยากจะถูกประหารให้พวกมันดูเป็นตัวอย่างก่อน”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะรีบถ่ายทอดพระราชโองการโดยทันทีพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีการคลังละล่ำละลักโค้งรับคำสั่งของเลกัสก่อนจะก้มหน้าไม่กล้าสบสายตากับเลกัสอีกต่อไป ซึ่งเรียกรอยยิ้มพึงพอใจให้กับผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ในขณะที่ขุนนางหลายๆ คนที่เคยเข้าข้างและสนับสนุนให้เลกัสขึ้นครองบัลลังก์ชักหวั่นเมื่อดูเหมือนว่าเลกัสจะเหลิงในอำนาจจนเกินการควบคุมเสียแล้ว



Be Continued


แผนการของฝั่งพระเอกกำลังไปได้ดี แต่ตัวร้ายก็ทำท่าจะไม่อยู่เฉย Smiley
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป มาลุ้นติดตามกันตอนหน้านะคะ Smiley
อ่านจบแล้วไม่รีบไปไหน แวะคุยกันก่อนได้นะคะ Smiley

 

++ รักคนอ่านค่ะ ++




Create Date : 01 เมษายน 2558
Last Update : 1 เมษายน 2558 6:54:18 น.
Counter : 743 Pageviews.

1 comments
  
แผนทีนิสได้ผล ประชาชนเริ่มประท้วง แต่ผลที่ตามมานี่สิ เลกัสโหดไปแล้ว เอาแต่ได้ ใช้พระเดชอย่างเดียว หวังว่ากีเธอร์คงไม่ช่วยคนชั่วนะคะ
โดย: goldensun IP: 61.91.4.2 วันที่: 3 เมษายน 2558 เวลา:18:54:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ตัว(Z)
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำ ภาพถ่าย, รูปภาพ, บทความ งานเขียนต่างๆ รวมถึงข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดของข้อความใน Blog แห่งนี้ ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่ไม่ว่าเป็นการส่วนตัวหรือเชิงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร


มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .





เติมรักลงกลางใจ






ลมหนาว ฟ้าใส หาดทราย ใบไม้เปลี่ยนสี






ให้หัวใจเติมเต็มรัก



รักต่างวัยหัวใจข้ามรั้ว





ข้อตกลงก่อนจะรัก





บอกได้ไหมว่าไม่ใช่รัก


เมษายน 2558

 
 
 
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
28
30
 
 
All Blog
MY VIP Friend