Bronson หนังเรื่องใหม่ของผกก. Pusher Trilogy + Nutshell review: Outlander + My Bloody Valentine 3D

รู้สึกผิดที่ไม่ได้เขียนเอนทรี้ใหม่ซะนาน (แม้ว่าเพื่อนบล็อคหลายๆคนจะแช่อิ่มนานกว่าเราซะอีก 55+) วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากหาข้ออ้างในการอัพบล็อคเท่านั้นเอง...




ถ้า Martin Scorsese เปรียบเสมือนตัวแทนของประชาชนในมหานครนิวยอร์ค ที่ตีแผ่หลายแง่มุมที่ผู้คนต่างถิ่นไม่เคยสัมผัสมาก่อน กรุงโคเปนเฮเก้นเองก็มีตัวแทนเช่นนี้ไม่ค่างกันกัน Nicolas Winding Refn ได้ฝากผลงานภาพยนตร์ไตรภาค Pusher เอาไว้ โดยมันเล่าถึงชีวิตของคนชนชั้นล่างในเมือง ที่ผูกพันกับยาเสพย์ติดไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง รวมถึงการที่พวกเขาต้องทำเรื่องบัดซบต่างๆนาๆ ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางหลีกเลียง โดยภาพยนตร์ไตรภาคชุดนี้ได้รับคำสรรเสริญจากทุกสารทิศ ซึ่งส่วนตัวของผู้เขียนเองแล้ว Pusher II ถือว่าเป็นมาสเตอร์พีชของหนังชุดนี้เลยทีเดียว (พร้อมกับการจุติของเทพในวงการหนัง Danish ณ.ปัจจุบันอย่าง แมดส์ มิคเคลเซ่น)

Bronson ถือว่าเป็นโปรเจ็คคั่นกลาง ก่อนที่ นิโคลัส จะไปสร้างมหากาพย์ไวกิ้งของตัวเองเรื่อง Valhalla Rising โดยเรื่องนี้จะเล่าถึงชีวิตจริงของ ชาร์ล บรอนสัน อาชญากรที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาะหนังกฤษ มันคือโปรเจ็คที่ผู้กำกับเป็นเพียงมือปืนรับจ้างเท่านั้น เพราะเขาเองก็ได้ยอมรับไปในบทสัมภาษณ์หนึ่งว่า ถึงแม้ว่าเขาจะสร้างเรื่องนี้เสร็จและพร้อมฉายแล้ว เขาเองก็ยังไม่รู้จักถึงตัวตนของ บรอนสัน เลยสักนิดเดียว...

ตัวอย่างข้างล่างนี้มีทั้งทีเซอร์และตัวอย่างเต็ม สำหรับผู้เขียนแล้ว รู้สึกว่าทีเซอร์มันสร้างความรู้สึกให้อยากดูมากกว่าเน๊อะ...



Bronson - Teaser



Bronson - Trailer


---------------------------------------------------------------------




Outlander


Braveheart + Predator = Outlander ?!
นวนิยายวิทยาศาสตร์ + ไวกิ้ง + เอเลี่ยน = Outlander ?!?!

Outlander อาจมีชะตากรรมเหมือนกับเรื่องอื่นๆในยุคปัจจุบัน ซึ่งถูกนำเอาไปเปรียบเทียบกับโปรเจ็คมหากาพย์ชิ้นหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า The Lord of the Rings อันเป็นเหมือนเสาหลักค้ำจุนหนังในแนวนี้ ซึ่งมาตรฐานระดับ AAA ของมันนั้น อาจจะดูไกลเกินเอื้อมของผู้กำกับคนอื่นๆ (ที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดาอยู่) ในความพยายามที่จะเจริญรอยตาม

ยิ่ง เราได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากเท่าใด ก็จะยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังนั่งดูหนังเรื่องนั้นของ ปีเตอร์ แจ็คสัน เพียงแต่มันเหมือนกับเป็นเวอร์ชั่น ที่ถูกสร้างมาเพื่อฉายทางทีวีเท่านั้น (แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่ถึงขนาด In the Name of the King ของผู้กำกับสุดระห่ำ อูเว่ โบล หรอกน่ะ) อย่างไรก็ตาม การผสมผสานระหว่างโลกโบราณกับโลกอนาคตลงไปในเนื้อเรื่อง ก็กลมกลืนไม่มีรอบต่ออย่างน่าประหลาดใจ ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องยกประโยชน์ให้กับทีมงานสร้าง ที่ตัดสินใจเล่านิทานปรัมปราเรื่องนี้ แบบที่ไม่เน้นถึงเรื่องความแตกต่าง ระหว่างเผ่าพันธ์ของพระเอกและชนเผ่า ไวกิ้ง อีกทั้งยังให้สำคัญและเอาใจใส่ในรายละเอียด ทั้งลักษณะทางกายภาพและลักษณะนิสัยของสัตว์ประหลาดที่ชื่อ มัวร์เวน ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็น่าจดจำ ไม่แพ้สัตว์ประหลาดชื่อดังจากมันสมองของ สแตน วินสตัน และ เอช อาร์ ไกเกอร์ เลยทีเดียว

แม้ว่าในความคิดของผู้ สร้างหนังเกือบทุกคน ชื่อของ จิม คาวีเซล อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกแรกในวงการสำหรับบทแอ็คชั่นฮีโร่ แต่เมื่อใดที่บทภาพยนตร์เปิดโอกาสให้เขาใช้เวลาเล่าถึงภูมิหลัง เขาก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ (ฉากแฟล็ชแบ็คบนดาวเคราะห์ของ มัวร์เวน ถือว่าเป็นฉากที่ทำให้ผู้เขียนตื่นเต้นที่สุดฉากหนึ่ง) ในขณะเดียวกัน แม้ว่าฉากแอ๊กชั่นบางฉาก จะดูเหมือนถูกเรียงร้อยเข้าด้วยกันอย่างลวกๆ (เหมือนกับว่าคนตัดต่อเกิดเป็นลมบ้าหมูขณะทำหน้าที่) โดยเฉพาะฉากที่ต้องสู้กับหมีภูเขา ที่ตัดต่อฉุบฉับจนไม่รู้ว่า ใครฟันใครแทงใครกัดใครกันแน่ อย่างไรก็ดี ในฉากที่กลุ่มของพระเอกล่อให้ มัวร์เวน เข้ามาติดกับดักในค่ายนั้น ต้องยอมรับว่าทำได้อลังการไม่แพ้หนังบล็อคบัสเตอร์เลย

คงไม่ผิดที่จะ บอกว่า Outlander คือภาพยนตร์ที่มีคอนเซ็ปต์เกรดบีและโปรดักชั่นเกรดบีบวก แต่โดยรวมแล้ว มันสามารถทำให้เกิดผู้ชม รู้สึกสนุกเกินมาตรฐานของหนังได้อย่างน่าแปลกใจอยู่ เหมือนกัน

*Outlander เข้าฉายวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2009




My Bloody Valentine 3D


คิดอยู่ว่าถ้าตัวเองได้ดูในรูปแบบสามมิติ มันก็คงจะเป็นประสบการณ์ที่หฤหรรษ์กันสุดเหวี่ยง ไม่ว่าจะเป็นเลือดที่ออกมาจากกลางกระหม่อมหยั่งกับสปริงเกอร์, ลูกตาซ้ายที่กระเด็นติดแว่นตา, กรามส่วนล่างของมนุษย์ที่ถูกเหวี่ยงข้ามหัวคนดู และฉากร่วมเพศ+โป๊ (สามมิติ) ที่กินเวลากว่า 5 นาที! (ซึ่งคงหนีไม่พ้นคมกรรไกรจากท่านผู้ทรงคุณวุฒิกลุ่มนั้น) แม้ MBV 3D จะไม่ถูกสร้างมาเพื่อปฏิวัติหนังเชือดสยอง ให้กลับมาเจิดจรัสเหมือนครั้งเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว แต่ถ้าเรามองถึงการหยิบเอาพล็อตเก่าสนิมขึ้น มาผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีสามมิติอันล่าสุด ที่ใช้ใน Journey 3D เป็นเรื่องแรกแล้ว MBV 3D ถือว่าเป็นการต่อยอดที่ไม่เสียราคาเลยจริงๆ...

*My Bloody Valentine 3D เข้าฉายวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2009




 

Create Date : 17 มกราคม 2552
13 comments
Last Update : 17 มกราคม 2552 15:22:06 น.
Counter : 4328 Pageviews.

 

บล็อคต่อไปคาดว่าจะเข็น "สิบเพลง (หรืออัลบั้มดีหว่า) ยอดเยี่ยมประจำปี 2008" ออกมา หวังว่ามันคงจะไม่สายไปน่ะ ฮ่าๆๆ

 

โดย: BloodyMonday 17 มกราคม 2552 15:19:24 น.  

 

^
^
^

รออ่านด้านบน

 

โดย: I will see U in the next life. 17 มกราคม 2552 21:48:52 น.  

 



ฮีโรตัวจริง..เป็นๆ

US Airways airplane crashes in Hudson River
Hero pilot Chesley Sullenberger III saves all aboard



Outlander เข้าฉายตรงวันเกิดเราเลย นิ

 

โดย: เริงฤดีนะ 17 มกราคม 2552 23:23:25 น.  

 

รออ่านความเห็นที่ 1 เหมือนกันค่ะ

ส่วนหนัง ที่ยกมา เรายังเฉยๆอยู่ แหะๆ

 

โดย: cottonbook 18 มกราคม 2552 0:30:51 น.  

 

ไม่สายๆ (ป่านนี้ยังจะห่วงเรื่องนั้นอีกเหรอ) เข็นออกมาเลยครับ

ซื้อแผ่น Pusher II มาเก็บไว้จะเป็นปีแล้ว ยังไม่ได้ดูเลย ยิ่งดองนานความอยากดูก็ยิ่งลดลง

 

โดย: แฟนผมฯ (แฟนผมตัวดำ ) 18 มกราคม 2552 13:48:02 น.  

 

ยังไม่เคยดูเลยแฮะ Pusher
มีให้หยิบยืมไหม
(แล้วที่ดองๆไว้ล่ะ ทำไมไม่ดู - -*)

 

โดย: nanoguy IP: 125.24.150.170 18 มกราคม 2552 16:22:25 น.  

 


ระคายผิว เหมือนโดนพาดพิงในบรรทัดแรก ^^
เรารอดู the wrestler อย่างใจจดจ่อ
ยกประโยชน์ให้ Pet Shop Boys และการขยับกล้าม ที่ทำให้ทีซเซอร์น่าดู
นี่ขนาดเพลงของป๋ามันตั้งสิบปีแล้วนะเนี่ย

 

โดย: อออ Pet Shop Girl IP: 124.120.128.162 18 มกราคม 2552 18:07:33 น.  

 

^
^
อืมม เพลงของป๋าๆเข้ากับตัวอย่างหนังดีแท้เน๊าะ ^^

จะบอกว่ากล้ามของนายพระเอก (ทอม ฮาร์ดี้) นี้บ่มขึ้นมาเร็วกว่าต้มมาม่าอีกน่ะ เพราะเรื่องที่แล้ว RocknRolla พี่แกยังบึ๊กแบบปกติอยู่เลย อยู่ดีๆเรื่องนี้กลายเป็นบึ๊กแบบนักมวยปล้าซะงั้นน... อ้อ หลักฐานข้างล่าง (คนซ้ายน่ะ)



ปอลอ. ทอม ฮาร์ดี้ นี้ถ้าใครยังจำกันได้ พี่แกเล่นเป็นผู้ร้ายตัวแม่ใน Star Trek: Nemesis (ภาคสุดท้ายก่อนที่จะรีบู๊ตกันใหม่) แล้วก็ยังเล่นเรื่อง Layer Cake หนังแจ้งเกิดของพี่เคร็กซะด้วย...

 

โดย: BloodyMonday 18 มกราคม 2552 18:40:07 น.  

 

เข้ามาบอกว่ารออ่านเรื่องเพลงเช่นกันกับอีกสองความเห็นด้านบนฮะ

 

โดย: haro_haro 19 มกราคม 2552 15:50:14 น.  

 

เขม่นตาซ้ายยิกๆตอนอ่านว่ามีคนแช่อิ่มนานกว่าบลัดดี้ซะอีก

ง่า...บรอนสันไม่ใช่ดาราหนังบู๊เหรอ

ใครก็ได้จับอูเว่ โบลไปขึ้นศาลกรุงเฮกทีโทษฐานที่เคยเอาทาร่ารี้ดมารับบทนักวิทยาศาสตร์! (ถ้าจำไม่ผิดในเรื่องอะโลน อิน เดอะ ดาร์กใช่ป่าว

ส่วนเรื่องสุดท้าย...(หัวเราะหึๆ ถูมือไปมา)

เพลงGNRอัลบั้มใหม่ที่ชอบที่สุดเหรอ...ถามได้ ต้อง Catcher in the rye อยู่แล้ว เคี๊ยกฮ่าฮ่าๆๆ

โอ๊ะ ได้ไอเดียบรรเจิด น่าจะเอาเพลงที่ inspire มาจากหนังสือมาเขียนบล็อก ขอบคุณนะเคอะบลัดดี้ที่จุดประกาย

คุยนอกเรื่อง ดู Igby goes down ยังเอ่ย เราว่าเป็น tribute ของ Catcher ที่โอเคเรื่องนึงเลย ชอบพระเอกเล่นเก่งดี

เจอกันเมื่อชาติต้องการนะค้าา

 

โดย: อปอช (apple_cinnamon ) 19 มกราคม 2552 16:44:02 น.  

 


Outlander เห็นอยู่แว๊บๆ แล้วก็ต้องตกกะใจที่เห็น จิม คาวีเซล มาเล่นหนังแนว 300 (ดูแนวจากใบปิดอ่ะนะ) งานนี้มาขอฟังอย่างเดียวจ้า

 

โดย: renton_renton 19 มกราคม 2552 20:23:54 น.  

 

เคยดูนี่ยังเอ่ย

 

โดย: อปอช (apple_cinnamon ) 20 มกราคม 2552 11:23:17 น.  

 

+ โอววว! เกิดอะไรขึ้นนี่ เน็ตเต่าถุยของผมเลยไม่สามารถเห็นลิงค์ (หรืออะไรก็ตาม) ทั้งทีเซอร์และเทรลเลอร์ของเรื่อง Bronson ได้เลยอ่ะเนี่ย (สงสัยต้องกลับไปเปิดอีกทีที่บ้าน ถึงจะเห็น )

+ อืม ... จิม คาวีเซล นี่ก็แปลกนะครับ จะว่าดังก็ไม่ใช่ แต่จะเป็นเกรดบีก็ไม่เชิง เพราะขนาดเป็นพระเยซู ใน Passion หนังก็ยังทำเงินได้ตั้งหลายร้อยล้านเหรียญ (ซึ่งจริงๆ คงมาจากตัวหนังเอง มากกว่าอาศัยพลังดาราจากเค้า) หรือเป็นผู้ร้ายใน Deja Vu ก็ดูมีรัศมีจับพอสมควร ... แต่ก็เห็นเค้าผลุบๆ โผล่ๆ อยู่เนี่ยแหละ (ทำนองเดียวกับ แมตต์ ดิลลอน แต่ดิลลอน จะมีภาพเป็นอินดี้ๆ ไปแล้วตอนนี้) ... ส่วนนึงสงสัยเป็นเพราะอายุเค้าแก่เกินจะปั้นให้ดังไปแล้วมั้งครับเนาะ ... หรือไม่ก็ต้องกลับมาอีกที แล้วกระหึ่มให้ได้อย่างลุง มิคกี้ เริร์ค หรือเฮีย ดาวนีย์ Jr.

+ อืม ... แต่อ่านจากที่บรรยายมา ผมคงข้าม Outlander ในโรงไปอ่ะครับ ไว้ค่อยรอชมจากแผ่นเอาแล้วกันเนาะ

+ ส่วนเรื่องสุดท้าย ... แค่ 2D ผมก็แทบจะสะดุ้งจนถีบเบาะหน้าไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ขืนดูฉบับ 3D ในโรงอีก ผมคงหัวใจวายซะก่อนอ่ะครับ เหอๆๆ

 

โดย: บลูยอชท์ 20 มกราคม 2552 13:50:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
17 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.