Don't you forget about him: John Hughes (1950-2009)



Life goes by pretty fast. If you don't stop and look around once in a while......... You could miss it. - Ferris Bueller

จอห์น ฮิวจ์ส มักถูกเรียกจากบรรดานักวิจารณ์และแฟนหนังว่าเป็น The Philosopher of Adolescence หรือ King of Teen Flicks โดยเขาเป็นผู้ที่ให้กำเนิดหนังวัยรุ่นคลาสสิกยุค 80s มากมาย เช่น Sixteen Candles, The Breakfast Club, Pretty in Pink, Ferris Bueller's Day Off เขายังสร้างตัวละครที่เราทุกคนไม่มีทางลืมอย่าง เฟอร์ริส บิวเลอร์ หรือ แอนดี้ วอล์ซ

ผู้เขียนรู้สึกใจหายเมื่อ ผู้กำกับ/ผู้อำนวยการสร้าง/นักเขียน ได้เสียชีวิตด้วยวัย 59 ปีจากอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ขณะที่เขาเดินออกกำลังกายในอยู่เมืองแมนฮัตตัน ระหว่างการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว




สำหรับคอหนังวัยรุ่นยุค 80s ภาพยนตร์หลายเรื่องที่กล่าวไว้ด้านบนคงเป็นหนังดวงใจของใครหลายๆคน ซึ่งสำหรับผู้เขียนเองแล้ว จอห์น ฮิวจ์ส เปรียบเสมือนตัวแทนของยุค 80s เขาเป็นผู้ที่เชิญชวนให้เราเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัยรุ่นในอุดมคติ หรือเป็นช่วงเวลาวัยรุ่นที่เราทุกคนภูมิใจที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของมัน เขาคือนักสร้างภาพยนตร์ที่มอบแรงบันดาลใจ และเป็นเส้นเลือดใหญ่ของคนในเจเนเรชั่น X เขาคือผู้ใช้เสียงเพลงเป็นแรงขับเคลื่อนภาพยนตร์ ซึ่งมาจากการคัดสรรของเขาเองทุกขั้นตอน

ก่อนที่อินเตอร์เน็ตจะกลายเป็นของสามัญประจำบ้านของทุกคน จอห์น ฮิวจ์ส คือที่ผู้อาสาแหวกว่ายในกองภูเขาแผ่นแอลพี และหยิบศิลปินมากหน้าหลายตามากแนะนำให้เราได้รู้จัก ซึ่งทำให้พวกเขากลายเป็นสัญลักษณ์ของคนในยุคนั้น ตั้งแต่ OMD จนถึง Dream Academy หรือ Thomson Twins จนถึง Psychedelic Furs เขายังเป็นผู้ให้โอกาสกับนักแสดงวัยรุ่นอนาคตไกลในขณะนั้น ที่เรียกตัวเองว่า Brat-Pack อันประกอบไปด้วย Emilio Estevez, Anthony Michael Hall, Ally Sheedy, Andrew McCarthy, Judd Nelson และ muse ของเขา Molly Ringwald



The Breakfast Club (1985)


ผู้เขียนเชื่อว่าทุกคนคงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของ จอห์น ฮิวจ์ส โดย The Breakfast Club เปรียบเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนถึงการตัดสินคนจากอคติส่วนตัว (stereotype) ในขณะเดียวกัน มันก็ยังสำรวจถึงผลจากด้านตรงข้ามว่า คนที่ถูก stereotype นั้นก็อาจจะพอใจอยู่ในกล่องเล็กๆใบนี้ เพราะพวกเขารู้สึกว่ามันมีความปลอดภัย มันคงจะไม่ผิดนักที่ผู้เขียนจะเรียกภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป็น 12 Angry Men แห่งยุค MTV

ถึงแม้ว่าเพลงในภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีอยู่ไม่มากนัก แต่มันก็ถูกแทนที่ด้วยสกอร์แนวซินธิไซเซอร์สุดเท่จาก Ira Newborn อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีเพลง Don't You (Forget About Me) ของ Simple Minds ที่กลายเป็นเพลงฮิตอยู่ในตอนจบของเรื่อง






Sixteen Candles (1984)


นี้คือผลงานที่เป็นเหมือนประตูเปิดเข้าสู่โลกภาพยนตร์ของ จอห์น ฮิวจ์ส และเป็นผลงานแจ้งเกิดของทั้ง Molly Ringwald และ Anthony Michael Hall โดยเรื่องราวต่างๆนั้นจะเกิดขึ้นในวันเกิดปีที่ 16 ของหญิงสาวคนหนึ่ง นี้อาจเป็นหนังที่ตรงตรึงอยุ่ในใจของสาววัยทีน (ในสมัยนั้น) หลายคน ด้วยการได้ออกเดทกับหนุ่มหล่อในฝัน โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่มีเพียงแสงเทียนบนก้อนเค้ก และนางเอกหญิงที่กำลังโน้มตัวลงไปเป่าเค้ก จากคนที่เธอขอพรเอาไว้ตั้งแต่แรกว่า ให้เขาเป็นของขวัญวันเกิดชิ้นพิเศษ

เพลงที่น่าจะเป็นที่จดจำในเรื่องนี้ก็คงเป็นฉากปาร์ตี้ของพระเอก ที่เริ่มโกลาหลขึ้นเรื่อยๆในขณะที่เพลง True ของ Spandau Ballet เล่นคลออยู่เบื้องหลัง แต่ฉากที่สำคัญที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นฉากที่เพลง If You Were Here ของ Thompson Twins ดังขึ้นมาขณะที่พระเอกพาเธอขึ้นไปนั่งบนเก๋งสีแดงคันงาม จนถึงฉากที่นางเอกกำลังนั่งมองเค้ก ที่เขานำมาเซอร์ไพรซ์ด้วยภาพสโลว์โมชั่น



Sixteen Candles - Final Scene - Movie Ending - Awesome video clips here




Pretty In Pink (1986)


ถึงแม้ว่า จอห์น ฮิวจส์ เป็นแค่ผู้เขียนบท แต่นี้ก็อาจเป็นภาพยนตร์วัยรุ่นที่ซื่อตรงต่ออารมณ์คนดูที่สุด โดยเป็นเรื่องของหญิงสาวซึ่งมีฐานะทางบ้านไม่ดี ตกหลุมรักกับหนุ่มหล่อผู้ร่ำรวย... ใช่แล้ว มันอาจฟังดูน้ำเน่าอย่างที่ทุกคนคิด แต่คุณไม่สามารถทำใจไม่ให้ตกหลุมรักเรื่องนี้ได้เลย เพราะทั้งบรรยากาศ ทั้งเพลงประกอบ ทั้งเคมีของนักแสดง เป็นส่วนที่ทำให้เราลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่สามารถเกิดขึ้นในชีวิตจริง และปล่อยตัวไปใจไปกับการเดินทางของพวกเขา... อย่างไรก็ตามผู้เขียนก็ยังคงไม่ให้อภัย Andy ที่เลือกเจ้า Blane แทนที่จะเลือก Duckie แม้วันเวลาจะผ่านมาแค่ไหนแล้วก็ตาม

เพลงประกอบ Pretty in Pink อาจเป็นอัลบั้มรวมเพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดอัลบั้มหนึ่ง ทั้ง Please Please Let Me Get What I Want ของ The Smiths ซึ่งใช้ประกอบฉากเศร้าที่สุดฉากหนึ่งของ Duckie รวมถึงฉากการลิปซิงค์อันเยี่ยมยอดของเขา ในเพลง Try A Little Tenderness ของ Otis Redding

แต่แน่นอนที่เราคงไม่สามารถข้ามเพลงในตอนจบไปได้ เมื่อ Andy วิ่งออกไปหาเจ้า Blane โดยมีเพลง If You Leave ของ Orchestral Manoeuvers in the Dark โหมกระหึ่มบิ้วส์อารมณ์อยู่ตลอดเวลา.. สำหรับผู้เขียนแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้จบตามที่ตัวเองหวัง แต่ด้วยอารมณ์ของตัวละครและเพลงประกอบที่ใช่ เราก็อดรู้สึกดีใจไปกับ Andy ไม่ได้จริงๆ


Pretty In Pink Prom Scene




Ferris Bueller's Day Off (1986)


ถ้าทุกเรื่องที่กล่าวมาข้างบน คือภาพยนตร์ที่ช่วยเล่าความรู้สึกภายในใจของของวัยรุ่น ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เปรียบเสมือนตัวแทนของความรู้สึก ที่ถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของการกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่างดูสนุกสนานและมันส์สุดเหวี่ยง ประหนึ่งว่าถูกเหยียบคันเร่งด้วยอัตราความเร็วสูงสุด แต่ก็อย่าลืมว่านี้คือภาพยนตร์ของ จอห์น ฮิวจ์ส ทุกสิ่งทุกอย่างถูกเก็บอย่างเรียบร้อยในองค์สุดท้าย ก่อนที่ผูกทุกสิ่งทุกอย่างในฉากจบอันแสนน่ารัก ซึ่งทำให้เราทุกคนอยากกลับไปดูเรื่องนี้ซ้ำอีกครั้งหนึ่ง

เพลงประกอบในภาพยนตร์เรื่องนี้ อุดมไปด้วยเพลงคลาสสิคมากมาย ไม่เว้นแม้แต่เพลงแปลกๆอย่าง Oh Yeah ของ Yello ซึ่งกลายเป็นเพลงฮิตที่ถูกเปิดใน MTV นับครั้งไม่ถ้วน หรือการที่ The Dream Academy เอา Please Please Please Let Me Get What I Want มาทำเป็นเพลงบรรเลง ในระหว่างที่ตัวเอกทั้งสามอยู่ในพิพิธพันธ์

แต่ฉากเพลงประกอบใน Ferris Bueller ที่ถือเป็นไฮไลท์ จะเป็นเพลงอื่นไปไม่ได้นอกจากฉากที่ทั้งสร้างความสนุกสนานที่สุด และยังเป็นคำจำกัดความของภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย นั้นก็คือฉากที่ เฟอร์ริส ร้องเพลง Twist & Shout ของ The Beatles ที่จะทำให้คนดูเกิดรอยยิ้มที่มุมปากไม่มากก็น้อย




ถึงแม้ว่า จอห์น ฮิวจ์ส จะไม่ได้สร้างหนังเลยตั้งแต่ปี 1991 แต่ผู้เขียนคิดว่าสิ่งที่เรียกว่า comeback อาจจะไม่จำเป็นสำหรับเขา เพราะสิ่งที่เขาให้กำเนิดนั้นมีความสมบูรณ์อยู่ในตัว จนทำให้การกลับไปหาด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากเดิม อาจจะทำให้ทุกอย่างดูด้อยค่าลงไป จอห์น ฮิวจ์ส กำกับหนัง 8 เรื่อง และมันก็เป็น 8 เรื่องที่สมบูรณ์ที่สุดในชีวิตของเขา




Dear Mr. Vernon,

we accept the fact that we had to sacrifice a whole Saturday in detention for whatever it was we did wrong. But we think you're crazy to make an essay telling you who we think we are. You see us as you want to see us... In the simplest terms, in the most convenient definitions. But what we found out is that each one of us is a brain...and an athlete...and a basket case...a princess...and a criminal... Does that answer your question?

Sincerely yours,

The Breakfast Club


Rest in Peace, John Hughes, I won't forgot about you






Create Date : 07 สิงหาคม 2552
Last Update : 7 สิงหาคม 2552 18:33:42 น. 10 comments
Counter : 2532 Pageviews.

 
แม้จะไม่ค่อยรู้จัก แต่ก็เคยได้ยินหนังของเขามาบ้างครับ

RIP. ครับ


โดย: McMurphy วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:16:17:26 น.  

 
the breakfast club... there goes another chunk of my child/teenhood (back then, there was no such thing as tween)

แล้วเด็ก พรี-วัยรุ่น แอนด์ เริ่มแตกวัยรุ่นสมัยนี้จะดูอะไรอ่ะ.. ฮันน่า มอนตาน่า = =

คิดถึงยุค80's


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:19:48:50 น.  

 
McMurphy
ลองดูหนังเค้านะ ดูตอนเรียนมัธยมนี้ยิ่งเหมาะเลย...

อป
วัยรุ่นสมัยนี้ก็ดู "แวมไพร์ ทไวไลท์" ไง ฮ่าๆๆ

I think 80s was a weird era. The more you laugh at those incredibly quirky culture references, the more you get nostalgia and cherish it even more เน๊อะ


โดย: BloodyMonday วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:21:41:41 น.  

 
อ่านบทความของ Matt Zoller Seitz อดีตนักวิจารณ์ภาพยนตร์ของ The New York Times แล้วรู้สึกชอบ เลยตัดส่วนหนึ่งมาให้อ่าน...

When I think of Hughes, I also think of his musical sensibility. He had a gung-ho session player's knack for segueing between modes so deftly that you didn't realize until a particular scene was over that it had almost nothing in common, tonally, with the scene that preceded it, Cameron's monologue being the most obvious example—and yet somehow all the pieces just seemed to fit. I don't think it's incidental that some of the most memorable moments from Hughes' filmography are built around singing and dancing. Pauline Kael likened Martin Scorsese's direction of Goodfellas to a musician's performance, and the comparison applies to Hughes more often than not. There was real joy in his filmmaking—a rock star's delight in his ability to control, channel and direct the audience's emotions. He had a sung-through musical in him. Too bad we'll never see it.

หาคลิ๊ปผลงานของ จอห์น ฮิวจส์ มาลงต่อ...


Try A Little Tenderness ของ Otis Redding (Pretty in Pink)



via videosift.com
Please Please Please Let Me Get What I Want - The Dream Academy (Ferris Bueller's Day Off)


โดย: BloodyMonday วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:03:11 น.  

 
ไม่เคยดูสักเรื่องที่ว่ามาเลย
อย่างไรก็ตาม RIP ครับ


โดย: เอกเช้า IP: 124.122.80.226 วันที่: 7 สิงหาคม 2552 เวลา:22:24:57 น.  

 
สารภาพครับว่าไม่รู้จักและไม่เคยดูหนังของเขาผู้นี้เลย

แต่อย่างไรก็ตามเราก็ได้เสียคนในวงการหนังไปอีกหนึ่งชีวิต

RIP


โดย: Seam - C IP: 58.9.194.217 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:8:53:22 น.  

 
นอกจากไม่เคยดูแล้ว ทำไมผมยังไม่เคยรู้จักหนังพวกนี้เลยหว่า?...

แต่ชื่อนี้เคยได้ยินมาบ้าง RIP ด้วยคนนะครับ


โดย: แฟนผมฯ IP: 222.123.118.55 วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:10:44:46 น.  

 

จากไปเสียแล้วหรือคะ..
เราก้เด้กยุค 80's พอดี...
ได้ดูหนังแกแทบทุกเรื่อง..
ไม่น่าอายุไม่ยืนเลย..
ขอแสดงความอาลัยและเสียใจ..



อยู่ในที่ชุมชนอย่าลืมปิดจมูกและปาก


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 8 สิงหาคม 2552 เวลา:12:36:37 น.  

 
+ ผมเป็นอีกคนที่ไม่เคยดูหนังเค้าเลยสักเรื่องครับ แหะๆ ซึ่งบางเรื่องแม้จะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง แต่ก็ไม่ทราบว่าเค้าคือผู้กำกักบหรือคนเขียนบทอ่ะครับ

+ น่าเสียดายที่วงการบันเทิงต้องมีดวงดาวลับฟ้าไปอีก 1 ดวง ... แล้วไว้จะลองหาหนังของเค้ามาดูนะครับผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:0:12:24 น.  

 
เมื่อวานเพิ่งได้ดู Transsiberian ครับ ชอบมากๆ เลยอยากถามว่าคุณบลัดดี้ดูไปอ๊ะยัง? (แต่เดาว่าคงดูแล้ว) สนุกเนอะ?


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:14:17:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
7 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.