Review: The Girlfriend Experience + Preview: Smash Cut



SEE IT WITH SOMEONE YOU ****

ถึงแม้ว่าคำโปรยอาจดูแรง แต่นี่เป็นภาพยนตร์ที่แทบไม่มีเรื่องอย่างว่าเลย The Girlfriend Experience เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงสิ่งที่เรารู้สึกขาดหายไป ถึงแม้ว่าตัวเองจะมีเพียบพร้อมแล้วทุกอย่างก็ตาม แน่นอนที่เราอาจมีครอบครัว มีการงาน มีเงิน มีบ้าน มีรถ มีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่บางทีการได้เปิดใจกับคนแปลกหน้า มันก็อาจเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราได้ปลดปล่อยบ้าง... แม้สุดท้ายแล้ว มันก็อาจจะลงเอยด้วยการมีเซ็กส์กันก็ตาม

The Girlfriend Experience เล่าถึงชีวิตที่หลากหลายของคนในนิวยอร์ค ซึ่งประสบปัญหากับพิษเศรษฐกิจ โดยผ่านมุมมองของ เชลซี (ซาช่า เกรย์) สาวเอสคอร์ทที่ให้บริการความเป็นเพื่อนกับคนเหล่านี้ ซึ่งถ้าจะให้เปรียบกับอาชีพปกติแล้ว เธอก็เหมือนกับจิตแพทย์ที่พวกเขาสามารถพูดคุยและร่วมหลับนอนได้ อย่างไรก็ตาม เชลซี ไม่ใช่เอสคอร์ทด้านชาและไร้หัวจิตหัวใจ เพราะเธอเองก็มีอารมณ์ความรู้สึ กที่ไม่ได้รับโอกาสให้แสดงออกมาบ่อยนัก ถึงแม้ว่าอารมณ์ที่ว่านั้น จะไม่หลีกหนีไปไกลจากสิ่งที่เธอต้องการอยู่เท่าไรก็ตาม

ดูเหมือนเหตุผลแรกที่ทำให้หลายคน (ซึ่งส่วนมากแล้วจะเป็นผู้ชาย) สนใจก็คือ การที่หนังได้ ซาช่า เกรย์ นักแสดงหนังโป๊ฮาร์ดคอร์มารับบทในหนังเมนสตรีมเป็นครั้งแรก... ในฐานะที่ผู้เขียนเคยดูผลงานของเธอมาก่อน ส่วนตัวแล้วก็รู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด โอเค จริงอยู่ที่หนังประเภทนั้นไม่จำเป็นต้องใช้ฝีมือทางการแสดง ไม่ว่าคุณจะเป็นตัวของตัวเองหรือว่าทั้งหมดคือการแสดง




แต่ดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปในตัวของ ซาช่า เพราะถ้าเราลองตัดต่อให้มันกลายเป็นหนังเรท PG-13 คุณก็อาจค้นพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นธรรมชาติที่สุดคนหนึ่ง โดยเฉพาะใบหน้าของเธอซึ่งสามารถบ่งบอกถึงความรู้สึกได้อย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่กำลังเสแสร้งแกล้งหลอก หรือคนที่สมเพสชีวิตของตัวเองในการลดตัวลงมาทำเรื่องอย่างนี้ หากแต่เป็นใบหน้าของผู้หญิงที่รู้จักตัวตนของตัวเองดี และสนุกกับสิ่งที่เธอทำไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

ซึ่งก็ดูเหมือนว่าผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก จะมีความรู้สึกเดียวกัน เขาไม่ได้จ้าง ซาช่า มาเล่นเพื่อความสะดวกในการแสดงฉากโป๊เปลือย แต่เขาอาจหลงรักใบหน้าของเธอเช่นเดียวกับผู้เขียน บ่อยครั้งที่จอสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะแช่นิ่งเพื่อจับภาพใบหน้าของเธอ หรือการถ่ายข้ามไหล่ลูกค้าที่เธอกำลังนั่งคุย เราอาจไม่เห็นตัวตนของพวกผู้ชายชัดเจนมากนัก แต่ภาพก็ไม่วอกแวกหนีไปจากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งทุกกริยาท่าทางรวมถึงการแสดงสีหน้าของเธอ ถูกจับเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน

ถึงแม้ในช่วง 10 นาทีแรกนั้นผู้เขียนรู้สึกกังวลว่า เธอไม่มีทางแบกหนังทั้งเรื่องด้วยการแสดงแบบนั้นแน่ บ่อยครั้งที่บทสนทนาของเธอดูเหมือนคนท่องหนังสือสอบ รวมถึงข้อผิดพลาดเช่นการพูดผิดแล้วแก้ไขตั้งแต่ต้นประโยค (ซึ่งอาจเป็นความตั้งใจของผู้กำกับ เมื่อเขาทำให้ทั้งโปรเจ็คนี้เหมือนกับการดั้นสดโดยนักแสดง) แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผู้เขียนก็รู้สึกว่านี่อาจเป็นอุปนิสัยส่วนตัวของ เชลซี ผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ทุกประเภท หากแต่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากที่แสนเฉยชา (แต่ไม่เย็นชา)

มีอยู่ฉากหนึ่งในช่วงท้ายเรื่องที่ประตูสู่ชีวิตที่ดีกว่า ถูกปิดกระแทกใส่ เชลซี ไปต่อหน้าต่อตา เธอจึงไปหาลูกค้าคนหนึ่งที่รออยู่ นี่คือฉากที่เธออาจทำหน้ากากหลุดเป็นครั้งแรก ซึ่ง ซาช่า ก็แสดงฉากนี้ได้อย่างไม่มีที่ติ นี่ไม่ใช่ฉากฟูมฟายที่มักถูกตัดเพื่อโชว์บนเวทีประกวดรางวัล แต่เป็นฉากที่เกิดขึ้นเพื่อตอบคำถามคนดู และทำให้ตัวละครนี้มีความสมบูรณ์ และยังเป็นเสมือนหลักไมล์ที่แบ่งเขตแดนระหว่างปัจจุบันกับอนาคต ในการงานอาชีพของ ซาช่า ได้เลยทีเดียว




ถ้าพูดถึงผลงานที่ผ่านมาของ โซเดอร์เบิร์ก ทุกเมกกะโปรเจ็คของเขาก็มักจะมีโปรเจ็คเล็กๆสอดแทรกขั้นกลาง เช่น Bubble ที่ออกฉายและได้รับเสียงตอบรับในแง่คำวิจารณ์ดีพอควร แต่ถึงแม้ว่าองค์ประกอบของทั้งสองเรื่องจะคล้ายๆกัน (ไร้ทุน, ไร้ดารา, ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอล) แต่นี่คือโปรเจ็คที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ามาก ถึงแม้ว่าปัญหาใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้จะอยู่ที่บทสนทนา ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขามีเพียงประเด็นคร่าวๆ ก่อนที่จะไปรวมหัวกันคิดในกองถ่าย รวมถึงประเด็นเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ที่เหมือนว่าหยิบออกมาจากข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งก็ทำให้ไม่มีสักเลยครั้งเดียวที่บทพูดเหล่านั้น จะยกระดับให้เรารู้สึกตาม ได้เท่ากับอารมณ์ที่ทุ่มใจไปแล้วเลย

อย่างไรก็ตาม มันก็แฝงไปด้วยตลกร้ายที่ โซเดอร์เบิร์ก บรรจงใส่เข้าไป ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ถูกกล่าวออกมาชัดเจนนัก แต่คนดูก็น่าจะตีความกันเองได้อย่างแน่นอน เช่นการที่ เชลซี ต้องทำให้นักวิจารณ์การบริการของเอสคอร์ทพึงพอใจ เพื่อเขาจะได้เขียนถึงเธอในแง่บวกลงไปในเว็บไซต์ของตัวเอง... แน่นอนที่ โซเดอร์เบิร์ก กำลังเปรียบเทียบถึงการงานอาชีพของเขา ที่บางครั้งอาจต้อง "ขายตัว" ให้กับกลุ่มคนบางกลุ่ม เพื่อที่เขาจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ The Girlfriend Experience มีความความพิเศษคือเทคนิคการถ่ายทำ จริงอยู่ว่านี่อาจไม่ต่างจากหนังทดลอง ของนักเรียนภาพยนตร์ที่ต้องการโชว์พาว เช่นการเล่าแบบไม่เรียงลำดับตามขนบ (ที่ทำให้ผู้เขียนยังไม่เก็ทแบบ 100%) หรือฉากมอนทาจที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งดูเอ็มวีของ Radiohead แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ การที่มันมาจากฝีมือของผู้กำกับที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาแล้ว ซึ่งสิ่งที่ถูกถ่ายทอดออกมานั้นคำนึงถึงความลื่นไหลเป็นหลัก และมั่นใจว่ามันจะไม่โดดออกจากเนื้อเรื่อง

ผู้เขียนไม่คิดว่านี่เป็นหนังที่ดูสนุก หรือว่าเป็นหนังที่เปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับคนดูแต่อย่างไร แต่ผู้เขียนคิดว่านี่เป็นโปรเจ็คที่ได้ทำทุกอย่าง ตามที่ผู้มีส่วนร่วมต้องการกระทำ อีกทั้งยังเป็นโอกาสทองของนักแสดงนำ ให้ทุกคนได้เห็นอีกด้านของตัวเธอ และมันก็ยังเป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นว่า สตีเว่น โซเดอร์เบิร์ก คงไม่ต้องพิสูจน์อะไรกับใครหน้าไหนอีกแล้ว เพราะเขาคือ auteur ตัวจริงเสียงจริง


BloodyMonday Rating:


Create Date : 25 มิถุนายน 2552
Last Update : 26 มิถุนายน 2552 0:03:18 น. 26 comments
Counter : 6875 Pageviews.

 



Smash Cut

Smash Cut เป็นเรื่องราวของ เอเบล วิทแมน ผู้กำกับหนังเกรดบีที่เสียสติในวิถีทางอันสุดบรรเจิด

หลังจากที่ภาพยนตร์ "โครตซีเรียส" เรื่องล่าสุดของเขา ได้รับการตอบรับด้วยพายุเสียงหัวเราะจากคนดู เอเบล จึงตัดสินใจที่จะหมกตัวอยู่แต่ในบาร์เปลือยแถวบ้าน แต่นั้นก็ทำให้เขาได้พบกับโคโยตี้ที่ชื่อ GiGi Spot ซึ่งจากแววดาราอันเฉิดฉายของสาวร้อนรักคนนี้ ทำให้ เอเบล ตัดสินใจชักชวนเธอมาแสดงนำในโปรเจ็คต่อไปของเขา แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาก็พลั้งฆ่าเธอในขณะที่ตัวเองเมาแล้วขับรถ

เอเบล ต้องหาวิธีทิ้งศพ ในที่สุดเขาก็บรรลุว่าสถานที่ที่จะไม่มีคนสงสัย ก็คือการกระจายชิ้นส่วนร่างกายไปทั่วทุกพื้นที่ ในกองถ่ายหนังสยองขวัญเรื่องใหม่ของเขานั้นเอง ซึ่งเมื่อหนังออกฉายแล้วก็ได้รับเสียงวิจารณ์บวกโดยเฉพาะในแง่ของความสมจริง แต่ด้วยความรู้สึกผิดที่ก่อไว้ก็ทำให้ เอเบล ถึงขึ้นสติแตก โดยเขาเชื่อว่าตัวเองได้ค้นพบกุญแจสู่การสร้างภาพยนตร์สยองขวัญสมบูรณ์แบบ ซึ่งถ้าเขาต้องการสร้างมหากาพย์หนังสยองขวัญ ก็ดูเหมือนว่าศพเดียวจะไม่พอต่อความต้องการซะแล้ว...


ตัวอย่างภาพยนตร์



โดย: BloodyMonday วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:17:50:22 น.  

 


โดย: BloodyMonday วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:17:52:58 น.  

 
สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเมื่อแรกได้รู้จักเรื่อง The Girlfriend Experience คือ ผู้กำกับโซเดนเบิร์กและชาช่า เกรย์ (ยอมรับครับว่าเคยดูเธอแสดงมาก่อนแล้ว...จี๊ยยย) ครับ ซึ่งตอนนี้มีหนังอยู่ในมือแล้ว เหลือเพียงแต่เริ่มดูและพิสูจน์

เออ Smash Cut คัลล์มากครับ...


โดย: Seam - C IP: 58.9.199.56 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:18:27:13 น.  

 
Smash Cut Plot แนวๆดี


โดย: McMurphy วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:19:14:13 น.  

 
เหตุการณ์ต่อไปนี้คือเกิดขึ้นเมื่อเย็นวันที่ 25 มิถุนายน 2552 ขณะที่ผู้เขียนกำลังนั่งหง่าวอยู่ในออฟฟิศ จู่ๆก็มีพี่คนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาแล้วบอกว่า "เฮ้ย หว่องการ์ไว มาที่บริษัท" ทันใดนั้นสติสัมปชัญญะของผู้เขียน ก็แตกซ่านกระเซ็นเป็นจุดพิกเซลนับล้าน พลางนึกถึงบทพูดของนายตำรวจเบอร์ 223 จาก Chungking Express ทันทีว่า "At the high point of our intimacy, we were just 0.01cm from each other"


นี่คือสิ่งที่ผู้เขียน Tweet เอาไว้ขณะที่กำลังดิ้นรนที่จะเห็น WKW ด้วยสองตาของตัวเองเป็นครั้งแรก

BdMd The most surreal moment ever, Wong Kar Wai is actually in my office right now !!! (talking with big boss)
about 3 hours ago from web

theapplesong@BdMd OMG!! you get to meet Wong Kar Wai in person?! Keep us updated, tweet every minute^^ TF2 cant be that bad.The big truck's a cool catabout
3 hours ago from web

BdMd Damn, i can't tweet and wait to meet him in person @ the same timeabout
3 hours ago from web

BdMd Oh, I know! I can wait him in toilet. He need to go, right? Wait, that's sound creepy...
about 3 hours ago from web

theapplesong@BdMd ambush him in the toilet!! quick!about
3 hours ago from web in reply to BdMd

BdMd@theapplesong Tell u the truth, I literally wait for him in the toilet for, like, 5 mins haha+
about 3 hours ago from web in reply to theapplesong

BdMd No sign of WKW... Only met Rashane Limtrakul, I wonder is there any future co-direct project happening right now?
about 3 hours ago from web

wise_kwai@BdMd I'm looking forward to Rashane's movie with Jeeja, Raging Phoenix.
about 3 hours ago from TwitterFox in reply to BdMd

BdMd@wise_kwai I hope I'll be lucky enough to see Raging Phoenix early... But right now, just wait & see
about 2 hours ago from web in reply to wise_kwai

BdMd MET WKW !!! AHAHAHAHA... He's so tall. Too afraid to take a pix. Now I can die peacefully....
about 3 hours ago from web

theapplesong@BdMd อิจฉาทากหนังจริงๆ oh wish i could meet my fave authors in person! เคยขอลายเซ็นต์พนมเทียนกับทมยันตีแล้ว แต่นักเขียนฝรั่งคงยาก TwT
about 2 hours ago from web in reply to BdMd

BdMd Now i officially want to strangle meself, since i didnt have a gut to come up 2 him n say "u r my idol" Damn...
about 2 hours ago from mobile web

wise_kwai@BdMd Oh, I think WKW knows that already. And good on you for playing it cool and not taking a picture of him.
about 2 hours ago from TwitterFox in reply to BdMd

Juniper_girl@BdMd WTF!!! Wong Kar-wai in our office!!! OMG!!!
about 1 hour ago from TwitterFox

BdMd @Juniper_girl Yeah! So Unreal... I hope his business is to shoot movie in Thailand (could be, since he met with the big boss)
15 minutes ago from web in reply to Juniper_girl

wise_kwai@Juniper_girl That was actually WKW in the office of @BdMd , not mine.
8 minutes ago from TwitterFox


เสียดายที่ผู้เขียนไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งสิ้น เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าผู้ที่เปลี่ยนทัศนคติการดูหนังของตัวเอง แต่พอมาคิดๆดูอีกทีมันก็อาจเป็นเรื่องดีกว่า ในการที่ไม่ได้เดินเข้าไปหาเขา ดังเช่นนักปราชญ์คนหนึ่ง (;-P) ที่บอกกับผู้เขียนเอาไว้ หลังจากตัวเองบ่นความเสียอกเสียดายในการไม่ได้ทำอะไรว่า "It's the experience that counts" ^^


โดย: BloodyMonday วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:21:46:57 น.  

 
กรี๊ด คุณบลัดดี้ชื่นชมการแสงของน้องชาช่า รู้สึกปิติใจเหลือเกิน

ล่าสุดผมได้หนังใหม่ของน้องเค้ามาอีกเรื่องนึง เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ยืนยันการเล่นฉากเซ็กส์ซีนแบบยอมตายถวายชีวิตของน้องเค้าได้เป็นอย่างดี ขนาดผมเป็นผู้ชายดูแล้วยังรู้สึกทรมานทรกรรม แต่ก็หยุดดูไม่ได้ (อ้าว)

พล็อต Smach Cut น่าดูมากกกกกกกกก (รุ่งใหญ่แล้ว อีหนูเอ๊ย)


โดย: แฟนผมฯ IP: 114.128.56.53 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:22:26:23 น.  

 
อ้าว เม้นเรื่องเฮียหว่องเพิ่งมา เฮ้ย นี่มันประมาณโอกาสที่จะได้เจอมิยาบิตัวเป็นๆเลยนะ (เปรียบได้เข้ากันมาก) อู๊ย... น่าอิจฉา (แต่จะอิจฉากว่านี้ ถ้าคนที่มาคือนายตำรวจหมายเลข 223)


โดย: Caoz,O (ขี้เกียจแก้ แต่คงรู้นะว่าใคร) IP: 114.128.56.53 วันที่: 25 มิถุนายน 2552 เวลา:22:37:26 น.  

 
The Girlfriend Experience เป็นหนังที่มารีอองอยากดูในช่วงนี้ เอาไว้ไปดูแล้วจะมาเม้าส์ย้อนหลังได้ไม๊บลัดดี้ .....


โดย: มารีออง วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:0:14:42 น.  

 
+ เง้ออออ เผลอแป๊บเดียว (แต่ก็หลายวันอยู่เหมือนกัน) คุณ Bd Md อัพไป 3 หน้าแล้วรึนี่ ขอประทานโทษอย่างแรงที่มา(ไม่เคย)ทันเวลา แต่ผมก็ย้อนรอยตามกลับไปอ่านหน้าเก่าๆ แล้วนะครับ

+ ก่อนอ่าน ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย เพราะเห็นนายโอ๊ตก็มาฮือฮาไว้อ่า

+ พออ่านจบแล้วก็ ... อู้หู อื้อหือ อ้าหา ซี้ดดดด (เสียงปาดน้ำลาย) แผล็บๆ (เหมือนเคยได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้มาก่อน แต่เพิ่งรู้รายละเอียดว่าใครกำกับ ใครแสดงเนี่ยแหละครับ)

+ Smash cut พล็อตเจ๋งดี ชอบ หิวเลือดดดดดดด


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:0:45:22 น.  

 
กี้ดดดดดดดดดดดดดดดด

ได้เจอเฮียหว่องในออฟฟิตตัวเอง

เป็นผมต้องชักรูปโดยไม่ต้องคิดอะไรแล้วครับ ^^




โดย: Seam - C IP: 58.9.199.56 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:8:20:32 น.  

 
กรี๊ด! อิจฉาเกือบได้กระทบไหล่คนดัง ตอนนี้กำลังโหลด My Blueberry Nights มาดูแหละคับ เพื่อนบอกว่าสนุกเลยเชื่อมัน อิอิ


โดย: Moonlight Mile IP: 192.168.51.210, 119.42.70.66 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:10:26:47 น.  

 
สะ สะ สะ Smash cut

นางเอกคนนี้เธอหน้าตาสวยดูลึกลับๆดีนะ

อป.เคยอ่านหนังสือที่เนื้อเรื่องคล้ายๆอย่างนี้เลย คือสาวเอสคอร์ตเป็นผู้ปรึกษาปัญหาชีวิต (เรื่องอะไรหว่า..จำชื่อเรื่องไม่ได้แล้ว)

"นี่ไม่ใช่ฉากฟูมฟายที่มักถูกตัดเพื่อโชว์บนเวทีประกวดรางวัล" เบื่อมากมายกับฉากแบบนี้
สงสัยว่าผกก.ให้นักแสดงพูดแก้บทยังไงตั้งแต่ต้นประโยค แบบว่าพอพูดผิดก็ให้พูดใหม่ไปเลยเหรอ ไม่ต้องถ่ายทำใหม่?


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:10:59:09 น.  

 
พึ่งเห็นคอมเม้นต์Tweetข้างบน เมื่อวานเป็นครั้งแรกที่รู้ประโยชน์ของทวิตเตอร์เลยแหล่ะ มันrealtimeจริงๆ

อิจฉาทากหนัง

กรั่กๆปราชญ์พูดได้ถูกใจยิ่งนัก แต่คิดว่าถ้าจะสร้างหนังเมืองไทยก็คงได้เจอตัวจริงอีกแหล่ะ โลกมันกลม and forever is a long time..

RIP


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:11:03:51 น.  

 
กับฟาร่าห์นี่ผมเฉยๆครับ (เกิดไม่ทันยุคเค้าจริงๆ) แต่เอ็มเจนี่ถึงกับอึ้ง ถึงแม้ปัจจุบันจะไม่ได้ชื่นชอบอะไรเค้าแล้ว แต่ครั้งนึงผมก็เคยชื่นชอบเค้ามาก (ถึงขนาดซื้อเทปลิขสิทธิ์เพื่อจะเอาเนื้อเพลงมาฝึกร้อง ก่อนที่จะพบว่าร้องยากชิบเลยถอดใจ) รู้สึกใจหายเหมือนกัน

ชักอยากได้แผ่น Moonwalker แล้วสิ

ปล. มีโอกาสเกือบจะได้เจออาหัวด้วยเหรอ โอยถ้าผมได้เจอเฮียแกตัวเป็นๆ จะหัวใจวายตายมั๊ยนี่ (แบบว่าชอบมาก เคยคิดว่าถ้าได้เจอแล้วแกเดินมาจับมือนี่อาจจะยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นเลย)


โดย: แฟนผมฯ IP: 202.134.119.218 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:12:30:27 น.  

 
กรี๊ดกร๊าด พี่หว่อง พี่หว่องงงง
จะเข้าไปขอดีวีดี Fallen Angels (ไอ้บ้า)

โอ๊ย อยากดู ซาช่้า เกรย์ (เอาผลงานเก่าๆก่อนน่ะ) มีใครเผื่อแผ่เมตตาได้บ้าง คอมอืดไม่เหมาะกับการโหลดสิ่งใดหนักๆอย่างรุนแรง


โดย: nanoguy IP: 125.24.114.223 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:18:25:51 น.  

 
กรี๊ดดด(อีกที)
เมื่อกี้รหัสส่งข้อความขึ้นมาว่า "2047"

ทำไมไม่ยอมเป็น "2046" !!


โดย: nanoguy IP: 125.24.114.223 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:18:26:45 น.  

 
^
^
ภาคต่อไง 555+


โดย: BloodyMonday วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:19:02:21 น.  

 
Rest in Peace MJ, I hope you are doing moonwalk on the real moon now...





This is my favorite MJ's MV. It was directed by Martin Scorsese. Actually there is another "epic version" whihc ran about 18 minutes long. But I can't find that damn clip on youtube -*- So...here we are.

PS. Note to B-Boys dance crew, this is HOW you guys dance, alright?


โดย: BloodyMonday วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:19:17:17 น.  

 
อืมม เราไปดูคอนเสิร์ตรอบเดียวกันป่าวเนี่ย (ไม่มีใครยอมเผยอายุก่อน หุ)

^
ผกก.คือ ลุงสกอร์เซซี่ ไอ้หยา พึ่งรู้นะเนี่ย สุดยอดด

น้องสาวพึ่งซื้อซีรี่ยส์ลุงนักสืบแกล้งโง่แต่น่ารัก Columbo มา เห็นบอกว่าขึ้นเครดิตผกก.ชื่อสตีเว่น สปีลเบิร์ก... ไม่รู้ว่าชื่อโหลหรือตัวจริง แต่เราว่าคนกำกับอินดี้4ต้องเป็นตัวปลอมแน่ๆ สตีเว่น สติวปิ้ดใช่มั๊ยๆ (ฮืออ เป็นหนังที่รอคอยนานแสนนาน ทำไมทำให้ชั้นผิดหวัง ทำมายย)

^
Yeah! dawg, MJ OWNed B-Boy y'all!


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:21:18:07 น.  

 
สำหรับ Michael Jackson ตื่นมาที่ภูเก็ตเมื่อเช้ามืด
เฝ้าตามข่าวเขาตลอด
ก่อนประกาศว่าเสียชีวิตแล้ว
ชื่นชอบผลงานของเขาเสมอมา..ใจหายมากมาย
ชอบเพลงช้าๆของเขา ตั้งแต่
I'll be there
Ben
One day of your life....


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:23:50:05 น.  

 
ว่า Girlfriend Experience น่าดูแล้ว เลื่อนลงมาอ่านข้างล่างแล้วพบว่า Smash Cut น่าดูกว่าอีก ชอบคัลท์ๆ แบบนี้ครับ 555

เป็นผมเจอเฮียหว่องนะ เข้าไปทักแน่น้อน!


โดย: เอกเช้า IP: 124.122.153.218 วันที่: 26 มิถุนายน 2552 เวลา:23:54:09 น.  

 
I cannot explain how I feel about Transformers: Revenge Of The Fallen. The word "suck" or "bad" might not be worthy for describing what I've seen (pain). So I'll let this amazing review do the talking. Please check the whole article for a better understanding and fully appreciate what Michael Bay did for humanity.



Transformers: ROTF has mostly gotten pretty hideous reviews, but that's because people don't understand that this isn't a movie, in the conventional sense. It's an assault on the senses, a barrage of crazy imagery. Imagine that you went back in time to the late 1960s and found Terry Gilliam, fresh from doing his weird low-fi collage/animations for Monty Python. You proceeded to inject Gilliam with so many steroids until his penis shrank to the size of a hair follicle, and you smushed a dozen tabs of LSD under his tongue. And then you gave him the GDP of a few sub-Saharan countries. Gilliam might have made a movie not unlike this one.

The true genius of Transformers: ROTF is that Bay has put all of this excess of imagery and random ideas at the service of the most pandering movie genre there is: the summer movie. ROTF is like twenty summer movies, with unrelated storylines, smushed together into one crazy whole. You try in vain to understand how the pieces fit, you stare into the cracks between the narrative strands, until the cracks become chasms and the chasms become an abyss into which you stare until it looks deep into your own soul, and then you go insane.

I really think ROTF approaches "art movie" status — the movie's id overload reaches such crazy levels that the fabric of reality itself starts to break down. Michael Bay has boasted about how every single shot in the movie has so much stuff going on in it, it would take your PC since the dawn of time to render one frame. After a few hours of this assault, you feel the chair melt and the floor of the movie theater becomes an angry mirror into your soul. Nothing is solid, nothing is real, everything Transforms.

Transformers: Revenge Of The Fallen is one of the greatest achievements in the history of cinema, if not the greatest. You could easily argue that cinema, as an artform, has all been leading up to this. It will destabilize your limbic system, probably forever, and make you doubt the solidity of your surroundings.

Generations of auteurs have struggled, in vain, to create a cinematic experience as overwhelming, and as liberating, as ROTF.

Women as well as men, everyone watching this film will feel the dissolution of all their certainties, all their illusory grasp on the world... but after you fall into a brazen despair that the walls of reality have become toxic ice cream of a million flavors, you will gasp with a greater realization: that once the world is reduced, forever, to a kaleidoscope of whirling shapes, you are totally free. Nothing matters, effect precedes cause, fish spawn in mid-air, and you can do whatever you want. Let yourself go in your adult diaper, Michael Bay invites you. Feel the music of total excess stir inside your deepest core. It is your Allspark, your cube. And you are a Transformer.


โดย: BloodyMonday วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:17:34:33 น.  

 


หัวเราะจนปวดตับ โดยเฉพาะตอน Gilliam เนี่ย

ไม่อยากจะบอกหรอกนะ แต่ว่า แต่ว่า...(ทำท่าเต้นประกอบ) "told you, told you, told you so" เป็นเพื่อนเลวจริงๆชั้น...

ถือซะว่าไปดูแล้ว ยู จะ เลิฟ Uwe Boll ขึ้นอีกนิด

เอา sound of thunder มาดูอีกรอบจิ เหมือนเอาน้ำมนต์ล้างตา ... ไม่ต้องอาย หนังเค้าดีจะตาย เนอะๆ ยิ่งฉากในรถไฟตอนใกล้จบเนี่ย ไมเคิล เบย์ศึกษาด่วน^^


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:18:43:23 น.  

 
เมื่อกี้อป.พยายามเข้าเว็บ filthy critic (จำได้ป่าว) แต่เข้าไม่ได้อ่ะ ไม่รู้ใครอุ้มไปแล้ว

conspiracy??คิดว่ามิสเตอร์ฟิลท์ตี้ต้องเป็นสามีฝรั่งของซ้อเจ็ดแน่เลย


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 29 มิถุนายน 2552 เวลา:18:48:16 น.  

 
MJ's clip brings back old memories...

คุ้นๆว่าเมื่อก่อนดูเรื่องมูนวอล์กเกอร์เป็นฉบับเลเซอร์ดิสค์อ่ะ พ่อซื้อมา (อุแม่เจ้า เราเกิดทันจานบินแผ่นใหญ่ด้วย - -" เดี๋ยวนี้หายไปไหนแล้ว)

กระต่ายน่ารักดี เต้นเก่งด้วย


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:10:58:55 น.  

 

The Girlfriend Experience..อ่านแล้วเห็นจะต้องขนขวายหามาดู .ให้เป็นExperience ของตัวเองบ้างซะแล้ว
ออกโปรโมทชัดเจนซะขนาดนั้น..


MySpace Graphics


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 30 มิถุนายน 2552 เวลา:12:46:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
25 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.