บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
28 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
การเมืองสีเขียว วิถีแห่งสังคมและระบบนิเวศ..นพนันท์ อนุรัตน์








การเมืองสีเขียว วิถีแห่งสังคมและระบบนิเวศ

นพนันท์ อนุรัตน์

ปัญหารูรั่วของชั้นโอโซน ฝนกรด โลกร้อนขึ้นจากภาวะเรือนกระจก การ
สู เสียพื้นที่ป่าไม้และความหลากหลายทางชีวภาพ...ฯลฯ ปรากฏการณ์อัน
แสดงถึงการเสียสมดุลอย่างรุนแรงของระบบนิเวศโลกเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมๆ
กับเหตุการณ์สำคัญ 2 ประการคือ การล่มสลายของอุดมการณ์สังคมนิยม
แบบเก่าและการที่พลังแห่งกลไกตลาดของระบบทุนได้ก้าวสู่จุดสูงสุดในห้วง
ประวัติศาสตร์ ...ดูเหมือนว่าโลกอนาคตจะปราศจากวิถีทางเลือกอื่นนอก
เหนือไปจากเส้นทางแห่งทุนนิยมอุตสาหกรรมเสียแล้ว

ทว่าในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ขบวนการทางการเมืองกลุ่มเล็กๆได้เริ่ม
ก่อตัวขึ้นท้าทายต่อกระแสอันเชี่ยวกรากของระบบทุน จากกลุ่มประท้วงกลาง
ถนน พัฒนาเป็นพรรคการเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็วในกว่า 60 ประเทศ
ทั่วโลก นี่คือปรากฏการณ์อันบ่งชี้ว่า ยุคของการแบ่งฝ่ายทางการเมืองเป็น
ซ้าย-ขวาแบบเก่าได้สิ้นสุดลงไปแล้ว นับแต่นี้การจำแนกอุดมการณ์ทางการ
เมืองจะมีเพียงคำถามว่า อุตสาหกรรมนิยมหรือนิเวศวิทยา เท่านั้น


จุดกระแสสีเขียว

ค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2526 11ปี หลังจากพรรคกรีนแห่งแรกได้ถือ
กำเนิดขึ้นที่ประเทศนิวซีแลนด์ ...หอประชุมแห่งหนึ่งในกรุงบอนน์ ประเทศ
เยอรมนีถูกอัดแน่นไปด้วยสมาชิกของพรรคกรีนกว่า 1,500 คน วงดนตรีร็อค
ตั้งตระหง่านอยู่กลางเวที ทว่าทั้งหอประชุมกลับเงียบกริบ สายตาทุกคู่จับจ้อง
อยู่ที่จอโทรทัศน์ซึ่งกำลังรายงานสดผลการเลือกตั้งทั่วประเทศ ทุกคนคน
ต่างภาวนาให้คะแนนเสียงของพรรคข้ามพ้นเส้นตายที่ตัวเลขร้อยละ 5 ของ
คะแนนเสียงจากทั่วประเทศ เพราะตามกฎการเลือกตั้งแบบสัดส่วนของ
เยอรมนี คะแนนเสียงรวมที่ข้ามพ้นเส้นแบ่งนี้เท่านั้นจึงจะสามารถแปร
เปลี่ยนเป็นจำนวนที่นั่งในรัฐสภาได้ ....มิฉะนั้นความพยายามทุกอย่างจะ
มีค่าไม่ต่างจากศูนย์

18.20 น. ผลอย่างไม่เป็นทางการปรากฎออกมาว่า พรรคกรีนไม่อาจข้ามพ้น
เส้นตายร้อยละ 5 ได้ เพตรา เคลลี หนึ่งในกลุ่มผู้ก่อตั้งพรรคปรากฎตัวยอม
รับความพ่ายแพ้หน้ากล้องโทรทัศน์ กล่าวว่าความพยายามทุกอย่างจบสิ้นลง
แล้ว

19.39 น. ผลอย่างเป็นทางการกลับประกาศตัวเลขของพรรคกรีนที่ร้อยละ 5.5
ข้ามพ้นเส้นชี้ชะตาไปอย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตาม นั่นก็หมายถึง 27 ที่นั่งใน
รัฐสภา สำหรับการเลือตั้งระดับชาติครั้งแรก ทันใดหอประชุมที่เคยเงียบกริบ
กลับอึกทึกไปด้วยเสียงแห่งความตื่นเต้นยินดี หลายคนโผเข้ากอดกัน น้ำตา
แห่งความปลื้มปิติไหลคลอเบ้า

คบเพลิงแห่งการเมืองแนวใหม่ได้ถูกจุดขึ้นแล้ว มันถูกส่งต่อจากมือสู่มืออย่าง
รวดเร็ว ท่ามกลางความผุกร่อนของระบบทุนอุตสาหกรรม ...แน่นอนว่าหลัง
จากเปลวเพลิงลามเลียทั่วท้องทุ่ง หญ้าอ่อนย่อมระบัดใบ และต้นกล้าใหม่ๆ
ย่อมเติบโตหยั่งรากได้ในไม่ช้า


นิเวศวิทยาการเมือง

กล่าวได้ว่าความสำเร็จของพรรคกรีนแห่งเยอรมนีได้จุดประกายการเมือง
แนวใหม่ให้แพร่ขยายไปทั่วยุโรปตะวันตกอย่างรวดเร็ว และทำให้ทั่วโลก
เริ่มหันมาจับตามองขบวนการการเมืองกลุ่มใหม่นี้ ทั้งที่ยังปราศจากแนว
โน้มการขึ้นสู่อำนาจในเร็ววัน หากจุดสนใจของบรรดาสื่อมวลชนและนัก
วิชาการกลับจับจ้องไปที่แนวคิดและนโยบายทวนกระแสของพรรค อันตั้ง
ต้นด้วยการปฏิเสธปรัชญาพื้นฐาน ไปจนถึงระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
สังคมของระบบทุนนิยมอุตสาหกรรม โดยพวกเขาได้พยายามนำเสนอการ
เปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน เพื่อขจัดปัญหาสังคม เศรษฐกิจและ
สภาพแวดล้อมในปัจจุบันให้หมดไปอย่างสิ้น

เชิง ขบวนการนิเวศวิทยาการเมือง หรือ Green Movement ทั่วโลกมี
หลักการร่วมกันคือการปฏิเสธกรอบความคิดภายใต้กระบวนทรรศน์แบบ
เก่า ที่มองโลกแบบแยกส่วนและเน้นคุณค่าความสำคัญของมนุษย์เหนือกว่า
องค์ประกอบอื่นในระบบนิเวศ พวกเขาเชื่อว่าแบบแผนความคิดดังกล่าวนี้
เองคือมูลเหตุสำคัญอันนำไปสู่การก่อรูปโครงสร้างทางทางเศรษฐกิจสังคม
ที่มุ่งกระตุ้นความต้องการส่วนเกินของมนุษย์ เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตและ
บริโภคอยู่ตลอดเวลา และโครงสร้างดังกล่าวได้ขับเคลื่อนกลไกหลักที่ทำลาย
ล้างสมดุลแห่งสังคมและระบบนิเวศมาอย่างต่อเนื่อง

การก่อตัวของขบวนการสีเขียวได้รับอิทธิพลอย่างสำคัญยิ่งจากงานเขียนของ
นักคิดกลุ่มก้าวหน้า ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1970 ซึ่งเริ่มตั้งคำถามถึงเป้าหมาย
ในระยะยาวของระบบทุน ประสานเข้ากับแนวคิดพื้นฐานแบบใหม่ อย่างเช่น
แนวคิดเรื่ององค์รวม และทฤษฎีกายา (Gaia Hypothesis) อันทำให้
ขบวนการมองปรากฎการณ์ทั้งทางสังคมและระบบนิเวศเป็นปัจจัยที่เชื่อมโยง
และส่งผลกระทบถึงกันอยู่ตลอดเวลา ดังคำกล่าวของหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดง
นิรนามซึ่งมักถูกนำมากล่าวอ้างอยู่เสมอ

"...สรรพสิ่งเชื่อมโยงสัมพันธ์ ทั้งหมดต่างโยงใย
สิ่งใดที่เกิดขึ้นกับโลก ล้วนส่งผลต่อบุตรธิดาแห่งโลกด้วยเช่นกัน
มนุษย์มิใช่ผู้ถักทอสายใยแห่งชวิต หากเป็นเพียงเส้นด้ายหนึ่ง
ทุกสิ่งที่เขากระทำต่อสายใยนี้ ล้วนคือการกระทำต่อตนเอง....."


แนวทางแห่งอนาคต

แม้หลักการของพรรคกรีนในประเทศต่างๆจะมีรายละเอียดที่แตกต่างออกไป
ตามภาวการณ์เฉพาะของแต่ละพื้นที่ แต่อาจกล่าวได้ว่าทั้งหมดต่างมีจุดร่วม
ในหลัก สำคัญ 4 ประการคือ นิเวศวิทยา ความเป็นธรรมทางสังคม
ประชาธิปไตยระดับ รากฐาน และสันติวิธี ซึ่งหลักการดังกล่าวนี้ได้
กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวและรวม
ทั้งนโยบายด้านต่างๆของพรรคตลอดมา

นโยบายของของพรรคกรีนมิได้มุ่งเฉพาะการอนุรักษ์สภาพแวดล้อมดังที่
หลายคนเข้าใจ หากมุ่งสู่การปฏิรูปเปลี่ยนแปลงสังคมในทุกๆด้านให้ก้าว
ไปสู่แนวทางการพัฒนาภายใต้กระบวนทัศน์ใหม่ ที่มองปัญหาทุกด้านเชื่อม
โยงและส่งผลกระทบถึงกันอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการแก้ไขย่อมไม่อาจแยก
เรื่องใดเรื่องหนึ่งออกมาจัดการอย่างโดดๆ แต่ต้องดำเนินการปรับเปลี่ยน
ทั้งระบบให้คืนกลับสู่สมดุลในที่สุด

ด้วยเหตุนี้นโยบายของพรรคกรีนจึงครอบคลุมกิจกรรมแทบทุกด้านของ
สังคมตั้ง แต่เศรษกิจ การเมือง การศึกษา สาธารณสุข การคมนาคม และ
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งเมื่อประกอบทุกด้านเข้าด้วยกันก็จะ
ได้ภาพร่างของ สังคมใหม่ที่แตกต่างไปจากระบบทุนนิยมอุตสาหกรรมใน
ปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง


พรรค หรือขบวนการ ?

เช้าตรู่วันที่ 3 กันยายน 2526 ณ บิทเบิร์ก ชายแดนเชื่อมต่อระหว่างเยอรมนี
กับลักแซมเบิร์ก กองกำลังตำรวจถูกส่งเข้าเสริมเพื่อตรึงกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้าน
การติดตั้งขีปนาวุธครุยส์ชุดใหม่ กลุ่มผู้ประท้วงกว่า 900 คนซึ่งนำโดยสส.จาก
พรรคกรีนนั่งชุมนุมอย่างสงบท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ประจันหน้ากับแถว
ตำรวจพร้อมอาวุธเต็มพิกัด ....ทุกๆชั่วโมงที่ผ่านไปผู้คัดค้านจากทุกสารทิศ
ต่างหลั่งไหลมาสมทบ จนจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเป็นหลายพันคน และทันที
ที่ฝูงชนพยายามเคลื่อนตัวเข้าใกล้ประตูฐานยิงขีปนาวุธ ก็ต้องเผชิญกับการ
สกัดกั้นอย่างรุนแรง หน่วยสุนัขตำรวจบุกทะลวงเข้ากลางวง ตามติดด้วยการ
ฉีดน้ำสลายฝูง ชน.... เหตุการณ์วันนั้นจบลงด้วยการที่ผู้ประท้วงจำนวนมาก
ถูกจับกุม หลายคนบาดเจ็บ และกลายเป็นบันทึกอันโหดร้ายหน้าหนึ่งของ
ขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อ สันติภาพ

น่าแปลกที่เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นเพียงครึ่งปีหลังจากที่พรรคกรีนได้
ก้าวเข้าสู่รัฐสภาเยอรมนีเป็นครั้งแรก การที่พรรคยังคงดำเนินบทบาทการ
เคลื่อนไหวนอกสภาอย่างจริงจังต่อเนื่องได้ทำให้หลายฝ่ายเกิดข้อสงสัยถึง
แนวทางการดำเนินงานของพรรคว่าจะเป็นไปในลักษณะใด...

กล่าวได้ว่าการมองภาพขบวนการนิเวศวิทยาการเมืองเพียงเฉพาะพรรคกรีน
นั้นเป็นการมองเห็นภาพได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะหากมองย้อนไปยัง
ต้นกำเนิดของพรรคเมื่อเกือบสองทศวรรษก่อน เราจะเห็นภาพของขบวนการ
นักศึกษาและองค์ประชาชนระดับรากฐานที่มีความหลากหลายทั้งทางด้าน
แนวความคิดและยุทธวิธีการเคลื่อนไหว ตั้งแต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน ขบวน
การสันติภาพ นักอนุรักษ์สภาพแวดล้อม ไปจนถึงนักสังคมนิยม ซึ่งกลุ่มต่างๆ
เหล่านี้ได้หลอมรวมเข้าด้วยกันเพื่อร่วมเคลื่อนไหวคัดค้านโครงการก่อสร้าง
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ครั้งใหญ่ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 แม้การเคลื่อนไหว
ครั้งนั้นจะทำให้องค์กร ต่างๆเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการต่อสู้ในเวที
รัฐสภาอย่างจริงจัง กระทั่งนำไปสู่การก่อตั้งพรรคกรีนขึ้นในระยะต่อมาก็ตาม
แต่ทั้งหมดก็คงยังเน้นความสำคัญของขบวนการประชาชนและการเปลี่ยน
แปลงจากระดับรากฐานเป็นด้านหลัก ในขณะที่วางบทบาทของงานการเมืองใน
ระบบเป็นเพียงการหนุนช่วยกระบวนการเปลี่ยนแปลงขององค์กรประชาชน
เท่านั้น

ไม่กี่ปีถัดมา ได้เกิดความขัดแย้งภายในครั้งใหญ่เกี่ยวกับยุทธวิธีการเปลี่ยน
แปลงสังคมของขบวนการ เมื่อพรรคกรีนในแคว้นต่างๆประสบความสำเร็จ
มากขึ้น จนกระทั่งมีโอกาสเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลระดับท้องถิ่น สมาชิกพรรค
ฝ่ายหนึ่งเสนอให้ใช้โอกาสนี้เข้าร่วมรัฐบาลเพื่อเร่งนำนโยบายสีเขียวไปสู่
การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่อีกฝ่ายซึ่งยืนหยัดในหลักการเปลี่ยน
แปลงจากระดับรากฐานปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว การถกเถียงซึ่งดำเนินไป
อย่างเผ็ดร้อนและยาวนานนี้จบลงที่การแยกตัวออกไปของฝ่ายหลัง จากนั้น
มาขบวนการสีเขียวแห่งเยอรมนีจึงเริ่มมีแนวโน้มไปสู่การอาศัยอำนาจรัฐ
เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงจากภายในระบบมากยิ่งขึ้น


บนเวทีประวัติศาสตร์

กว่าสองทศวรรษหลังจากการก่อตั้งพรรคกรีนแห่งแรก ณ ประเทศนิวซีแลนด์
วันนี้ตัวแทนจากพรรคกรีนหลายร้อยคนได้ก้าวเข้าสู่สภา ตั้งแต่ระดับระดับ
ท้องถิ่นไปจนถึงระดับนานาชาติ แม้ว่าขบวนการนิเวศวิทยาการเมืองส่วน
ใหญ่จะยังอยู่ในระยะก่อร่างขบวนการจากองค์กรประชาชน แต่ขณะเดียว
กัน กระแสการเมืองแนวใหม่นี้ก็ได้เติบโตและหยั่งรากลงแล้วในหลายพื้น
ที่ พรรคกรีนเริ่มกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการพัฒนาภายใต้กระบวนทัศน์
แบบใหม่ที่ทวีความเข้มแข็งขึ้นอย่างต่อเนื่องในกว่า 70 ประเทศทั่วโลก จาก
เยอรมนีสู่ฝรั่งเศส อังกฤษ อเมริกา ลิทูเนีย บราซิล ชิลี และไต้หวัน ฯลฯ ขณะ
เดียวกัน สส.จากพรรคกรีน เริ่มมีบทบาทสำคัญในการวิพากษ์วิจารณ์โครง
การพัฒนาตามแนวทางอุตสาหกรรมนิยม พร้อมทั้งเสนอทางเลือกใหม่ๆให้
แก่รัฐสภาได้อย่างน่าพอใจ

นักสังคมศาสตร์กลุ่มหนึ่งเชื่อว่ากระบวนทัศน์ หรือกรอบความคิดพื้นฐาน
ของโลกในยุคสมัยหนึ่งๆ ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดโครงสร้างของสังคม
เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ตลอดจนถึงความคิดจิตใจของผู้คนในช่วงเวลานั้นๆ
และยังเชื่อต่อไปว่ากระบวนทัศน์แบบเก่าที่มีลักษณะความคิดแบบแยกส่วน
ขาดความเข้าใจในสัมพันธภาพของสรรพสิ่งในระบบนิเวศ อันเป็นที่มาของ
วัฒนธรรมอุตสาหกรรมนิยม ได้ก้าวมาถึงจุดเสื่อมถอย ขณะที่กระบวนทัศน์
ใหม่ที่มีลักษณะความคิด แบบองค์รวม เน้นดุลยภาพของสังคมและระบบนิเวศ
กำลังเคลื่อนเข้ามาแทนที่

หากมองลอดแว่นแห่งทฤษฎีดังกล่าวเราจะพบภาพของพรรคกรีนและขบวนการ
นิเวศวิทยาการเมืองกำลังทำหน้าที่บุกเบิกเส้นทางสายใหม่นี้อยู่อย่างขะมักเขม้น
ในภูมิภาคต่างๆทั่วโลก

และนับจากนี้เวทีการเมืองจะมีความหมายใหม่ ที่มิใช่การขับเคี่ยวระหว่าง
ซ้าย-ขวา หากเป็นการประลองกำลังยกแรกระหว่างกระบวนทัศน์เก่าและใหม่
คู่ต่อสู้ที่จะเปิดฉากการสัประยุทธ์อย่างถึงพริกถึงขิงนับแต่ทศวรรษหน้า




Create Date : 28 สิงหาคม 2550
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 23:35:53 น. 4 comments
Counter : 1002 Pageviews.

 
น่าสนใจมากครับ


โดย: 77 IP: 124.120.28.186 วันที่: 4 ตุลาคม 2550 เวลา:12:27:07 น.  

 
ดีมากครับ


โดย: Kevin IP: 124.121.136.69 วันที่: 14 ตุลาคม 2550 เวลา:11:48:16 น.  

 
เมื่อไหร่จะมีพรรคแบบนี้ในเมืองไทยคะ


โดย: มะเหมี่ยว IP: 124.120.29.129 วันที่: 19 ตุลาคม 2550 เวลา:16:26:49 น.  

 
แนวนี้น่าสนใจ ในเมืองไทยจะไปหาอ่านเพิ่มได้ที่ไหน


โดย: TIM IP: 124.121.132.41 วันที่: 26 มกราคม 2551 เวลา:20:49:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.