บ้านที่มีความรักและความอบอุ่นคือจินตนาการของคนไทยยามนี้ !
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
4 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 
นับถอยหลังรัฐบาลทักษิณ !! ประชาธิปไตยจะเดินไปอย่างไร?









แล้วประเทศไทยก็กลับมาสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้เป็นการไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เหตุผลต่าง ๆ เรา ๆ ท่าน ๆ คงจะทราบกันดีตามที่ข้อมูลต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอไปมากแล้ว

การเมืองเรืองเลือกตั้งนั้นที่เริ่มจากการใช้เงินเพื่อซื้อเสียง-->เข้าสู่อำนาจรัฐ-->คอรัปชั่นโกงกินเพื่อเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองส่วนหนึ่งและอีกส่วนหนึ่งใช้เป็นทุนในการซื้อเสียง วงจรใหม่ที่เกิดขึ้นกับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเป็นเรื่องอันเจ็บปวดที่คนในสังคมนี้ได้แต่มองและไม่รู้จะแก้ปัญหาประชาธิปไตยของไทยอย่างไร รัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยมีมาก็ไม่สามารถแก้ปัญหาการทุจริตของนักการเมืองเหล่านี้ได้ ปัญหาจริยธรรมทางการเมืองเป็นเรื่องที่นักการเมืองพวกนี้ไม่เคยมีจิตสำนึก และสิ่งเหล่านี้คงจะทำให้คนส่วนหนึ่งเบื่อหน่ายการเมืองไปเลย....

ประเทศไทยของเราถ้าจะว่าไปแล้วก็ถือเป็นต้นแบบในการต่อสู้กับอำนาจเผด็จการที่ผู้ปกครองประเทศกระทำการย่ำยีกับพี่น้องประชาชนในประเทศ แต่แปลกตรงที่ว่าขบวนการที่นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมไทยมักจะไม่สามารถสานต่อภารกิจการสร้างประชาธิปไตยได้อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ยุคท่านรัฐบุรุษอาวุโส ดรฺ. ปรีดี พนมยงค์มาจนถึงการเคลื่อนไหวจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงจากเหตุการณ์เหล่านี้ต้องเผชิญกับชะตาชีวิตแตกต่างกันไป แต่การพัฒนาประชาธิปไตยของเราก็ยังไปไม่ถึงไหน

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น นี่เป็นคำถามที่ควรหาคำตอบ และผู้ที่มีเจตนาดีต่อบ้านเมืองควรอย่างยิ่งที่จะช่วยกันเข้ามาสร้างสรรค์ชาติบ้านเมืองโดยอย่าปล่อยให้นักเลือกตั้งผูกขาดฐานอำนาจทางการเมืองอยู่อีกต่อไป รัฐธรรมนูญฉบับนี้อาจจะแก้ปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาลได้ดี มีกฏเรื่องการสังกัดพรรคใหม่ภายใน 90 วัน ทำให้มุ้งในไทยรักไทยไม่กล้าลาออก แต่ในทางกลับกันมันก็ทำให้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเป็นไปได้ยากมากขึ้นเพราะผู้นำของพรรคเป็นตัวปัญหาเสียเอง คิดว่ามาถึงนาทีหลายคนในไทยรักไทยคงอยากจะลาออกจากพรรคใจจะขาดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก

ปัญหาการเมืองไทยแยกไม่ออกจากปัญหาความยากจนและการศึกษาในชนบท การเข้าสู่อำนาจทางการเมืองได้อย่างง่ายดายของบรรดานักเลือกตั้งทั้งหลายคงจะสะท้อนในสิ่งเหล่านี้ได้ดี การเห็นแก่นโยบายที่สวยหรูเฉพาะหน้าและเศษเงินที่นักการเมืองเหล่านี้หยิบยื่นให้ก็ทำให้ชาวบ้านในชนบทเลือกพวกเขาได้อย่างไม่ลังเล ประกอบกับคนดี ๆ ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ของการเมืองไทยนั้นดูช่างมีน้อยเสียจริง ๆ พรรคเล็กพรรคน้อยที่ตั้งขึ้นมากมายในช่วงการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็เหมือนละครจำอวดที่คนดูต้องนั่งหัวเราะงอหายกับนโยบายต่าง ๆ ที่ช่างคิดค้นกันออกมา

เมื่อไรคนดี ๆ จะเข้าสู่วงการเมืองมากขึ้น เราได้เห็นบรรยากาศนี้ในการเลือกตั้งวุฒิสภาในครั้งที่ผ่านมา และในครั้งนี้เราคงได้เห็น สว.ที่เป็นน้ำดีมากขึ้นในสภาสูง และในขณะเดียวกันหากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในครั้งต่อไปในสภาต่ำเราก็คงได้เห็นพรรคการเมืองเกิดใหม่ที่เป็นทางเลือกใหม่จริง ๆ เพิ่มมากขึ้น เพราะเวลาห้าปีที่ผ่านมามันมากเพียงพอแล้วกับการสูญเสียหลาย ๆ อย่างในสังคมไทย การเปลี่ยนแปลงในห้วงเวลาต่อไปขอให้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่แท้จริง ที่ทำให้ปัญหาความยากจนได้รับการแก้ปัญหาอย่างถูกทาง ปัญหาการศึกษาได้รับการปฏิรูปอย่างขนานใหญ่ และปัญหาในด้านสาธารณสุขได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น

........................................













ลิ้งที่เกี่ยวข้องตามกระทู้นี้ครับ คลิกที่นี่

จากเวบไซค์ //www.thaioctober.com
//www.firelamtung.com

แถลงการณ์ เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนตุลา



พี่น้องประชาชน ผู้รักชาติรักประชาธิปไตยที่เคารพรัก ตั้งแต่สมัยแรกของการเข้ารับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร เขาได้พร่ำบอกแก่ประชาชนชาวไทย ว่าจะยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตย จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน จะแก้ปัญหาประเทศชาติด้วยการให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมือง เคารพสิทธิ เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน ยึดมั่นในประชาธิปไตยและจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แต่ตลอดเวลาที่เขาเข้ามาครองอำนาจในฐานะผู้นำรัฐบาลสองครั้ง เขากลับดำเนินการในสิ่งที่ตรงข้ามกับคำสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน เริ่มตั้งแต่การเข้าครอบครองสื่อมวลชนด้วยวิธีการต่างๆโดยใช้อำนาจเงินและอำนาจรัฐเข้าดำเนินการ ปิดกั้น ริดรอนจำกัดการเสนอข่าวสาร สื่อมวลชน วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ ไม่มีอิสระเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร นักสื่อสารมวลชนที่ได้แสดงความคิดเห็นแตกต่างจากเขา หรือวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเขาจะถูกไล่ต้อน ไม่มีพื้นที่ให้ยืน เช่นเดียวกับองค์กรภาคประชาชนต่างๆได้ถูกจำกัดเวทีการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทั้งของประเทศชาติและแม้แต่ของปัญหาประชาชนเอง

เขาได้เข้ายึดครองครอบงำองค์กรตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ กลไกรัฐทุกองคาพยพและแม้แต่รัฐสภา ก็ไม่อาจทำหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดได้อย่างอิสระ การดำเนินการดังกล่าวได้พิสูจน์ให้เห็นชัดเจนแล้วว่า ประชาธิปไตยในความหมายของเขา ก็คือ การยอมให้ประชาชนใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็หมดสิทธิและหน้าที่ รอเพียงให้เขาดำเนินนโยบายตามอำเภอใจ นโยบายประชานิยมของเขาไม่ได้ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นตามที่แอบอ้าง แต่กลับทำให้ประชาชนต้องยากจนลง ในขณะที่ผลประโยชน์ทั้งหลายทั้งปวง ตกได้และสร้างความร่ำรวยให้แก่ธุรกิจของเขาและกลุ่มทุนที่รายล้อม การใช้อำนาจบริหารในการเสนอกฎหมายของเขา ทำให้ประเทศชาติและประชาชนต้องสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาล ทั้งๆที่รัฐได้ให้สิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจของเขา ทั้งสัมปทาน ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี และอื่นๆ แม้กระทั่งวงโคจรดาวเทียมซึ่งเป็นผลประโยชน์สาธารณะของชาติ แต่เขากลับนำมันมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้นในบริษัทของเขาและครอบครัว และในที่สุดก็ขายมันออกไปนำมาซึ่งผลกำไรมหาศาลแก่เขาและครอบครัวโดยไม่ต้องเสียภาษีหรือผลประโยชน์แก่รัฐแม้แต่บาทเดียว

การที่เขาดำเนินการเป็นดังนี้ได้ ก็ด้วยอาศัยกลุ่มนักการเมืองที่แวดล้อม ข้าราชการที่ไม่รักศักดิ์ศรี และกลุ่มทุนต่างชาติที่ละโมบ ซึ่งในจำนวนนั้น มีคนที่เคยเคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ประชาธิปไตยในเหตุการณ์ เดือนตุลาคมทั้งสองเหตุการณ์ในอดีตร่วมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง

พวกกลุ่มคนเดือนตุลาเหล่านั้น ได้อาศัยชื่อเสียงเกียรติภูมิและบทบาทในการเคลื่อนไหวประชาธิปไตยอันยิ่งใหญ่ของประชาชนในเดือนตุลาโดยรวม มารองรับการไต่เต้าทางการเมืองของพวกเขา ละทิ้งจุดยืนเดิมด้วยการไปยืนเคียงข้างผู้มีการกระทำที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไปเป็นมือเป็นเท้า เป็นสมอง ไปคิดและทำในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งดีงามที่เคยทำมาในอดีต ที่วีรชนประชาชนเดือนตุลาคมได้ยอมสละเลือดเนื้อชีวิตเข้าต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน มิหนำซ้ำยังบิดเบือนเจตนารมณ์เดือนตุลาไปสู่หนทางมืดดำ อ้างประชาธิปไตยอย่างข้างๆคูๆ ให้มีความหมายอย่างแคบ เพื่อปิดกั้นการแสดงออกของประชาชนในทุกทาง

การกระทำเช่นนี้นำความอดสูมาสู่พวกเราผู้ซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เป็นการทำลายเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของจิตวิญาณตุลาคม ด้วยแอบอ้างความเป็นคนเดือนตุลาไปรับใช้อำนาจเผด็จการ

เราจึงขอเรียกร้องเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะที่เคยมีจุดยืนเดียวกัน ขอให้อดีตคนเดือนตุลาเหล่านั้นถอยห่างจากการกระทำทั้งปวงของการเป็นมือเท้าให้กับผู้นำที่มีการกระทำอันเป็นเผด็จการ ซึ่งไม่เคารพสิทธิ เสรีภาพและประชาธิปไตยของประชาชนเสียเดี๋ยวนี้ และหันมาร่วมกับประชาชนเพื่อฟื้นฟูสิทธิเสรีภาพ ประชาธิปไตย ให้กับประชาชนไทยเหมือนอย่างที่เคยกระทำมา และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชน ข้าราชการ ทหาร ตำรวจที่รักชาติ รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรม ขอจงร่วมกันพิทักษ์สิทธิ เสรีภาพ รวมตลอดถึงผลประโยชน์ของชาติและทรัพยากรอันมีค่าของชาติ ตามเจตนารมณ์เดือนตุลา ที่ได้เคยสร้างคุณูปการ เช่นนี้ไว้แก่ประเทศของเรา

เราเห็นร่วมกันว่า บัดนี้พันตำรวจโท ทักษิณ ชินวัตร ได้หมดความชอบธรรม ในการเป็นนายกรัฐมนตรี นับแต่วันที่เขามีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่กับนโยบายของรัฐบาลที่เอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจของเขา และมันได้เผยธาตุแท้อย่างแจ่มชัด เมื่อเขาได้ขายหุ้นในธุรกิจของเขาและครอบครัวให้แก่ต่างชาติ ซึ่งในนั้นมีทรัพย์สมบัติของประเทศรวมอยู่ด้วย

ถึงเวลาแล้วที่เรา จะต้องพิทักษ์ดอกผลของการต่อสู้ตามเจตนารมณ์เดือนตุลา โดยไม่ให้ผู้ใดมาบิดเบือนนำผลพวงของการต่อสู้เดือนตุลาไปหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง เราหวังว่าแถลงการณ์นี้จะทำให้ผู้รักชาติ รักประชาธิปไตย รักความถูกต้องเป็นธรรมทั้งหลาย รวมทั้งผู้คนที่เคยต่อสู้ร่วมกันในนาม เจตนารมณ์เดือนตุลา จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง และจะร่วมกันต่อสู้ เรียกร้อง อย่างหยัดยืนทรนง ร่วมกันแสดงออกในทุกๆทางด้วยการไม่ยินยอมให้เสรีภาพ ประชาธิปไตย ที่เราและประชาชนแลกมาด้วยเลือดเนื้อ ชีวิตของวีรชนเดือนตุลา ต้องถูกทำลายลงไปด้วยน้ำมือของผู้นำรัฐบาลที่ขาดความชอบธรรมเช่นนี้




เครือข่ายพิทักษ์เจตนารมณ์เดือนตุลา
2 กุมภาพันธ์ 2549



..........................................................................


บล็อกเมื่อวาน คลิกที่นี่







Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2549
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2549 17:10:11 น. 18 comments
Counter : 634 Pageviews.

 
ขอมาประเดิมหน่อยเถิด พี่ชายจ๋า

วันนี้ หนึ่งพี่ของหนู ก็ กำลังไปเป็นหนึ่งแรงเล็กๆ
หวัง ด้วยสิ่งเดียวกัน ทั้งประกายดาว และ พี่คนเดินดิน และ อีก นับไม่ถ้วนของหัวใจคนไทย หนึ่งหวังให้
พลังขับเคลื่อนครั้งนี้ เกิด อิมแพค แรงๆ เกิดเป็นแรงเหวี่ยง ให้ นายทักษิณ กระเด็นออกไปนอกวงโคจรเดิมๆ พร้อมวงศ์ษาคณาญาติ

ประชาธิปไตย ยังมีพลังค่ะ พี่ ดาวมั่นใจ
SEE YOU there na ka


โดย: ประกายดาว วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:10:48:45 น.  

 
แต่เรื่องการเมืองนี้โอเล่มองและอ่านจากข่าว ถ้าตามแง่คิดส่วนตัว
เขาขายหุ้นนั้นคือธุรกิจของเขาที่มีมาก่อนจะบริหารประเทศ
ในส่วนตัวยังชอบและชื่นชมนายกท่านนี้เสมอค่ะ เพราะมาเฟียและอะไรลดลงไปเยอะกว่าสมัยก่อนนี้


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:11:04:44 น.  

 

..มองต่างมุม..

พูดไปก็เท่านั้นเพราะคนเรามองแต่ในด้านที่โชว์

แต่อีกด้านกลับมองข้ามไป..

การเล่นการเมืองนั้นมันก็ต้องหวังผล ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า จะโลภมาก น้อย เพียงใด

การหาเสียงนั้น หากฉลาดและจับจุดปัญหาได้กฌชนะขาดลอย

เพราะคนไทยส่วนใหญ่


..ซื่อเกินไป..



โดย: จอมแก่นแสนซน วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:40:28 น.  

 
คอยติดตามเย็นนี้


โดย: ดา ดา วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:12:41:25 น.  

 
คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีความรู้สึกร่วมในการใช้สิทธิตามระบบประชาธิปไตยมากกว่า4วินาทีที่หย่อนบัตรครับ ปัญหามันถึงอยู่ตรงนี้

ค่านิยมที่ว่าโกงกินไม่ว่าขอแต่มีผลงานสาวไปสาวมาก็มาจากนักการเมืองนั่นแหละเป็นคนพูดสร้างวาทะกรรมขึ้นมารองรับการกระทำของต้นเอง โดยลืมนึกไปว่าโกงมีผลงานแต่เป็ผลงานที่ผ่านการโกงเป็นทอดๆ

เต็ม100 หัวขบวนกินไป30 ,ถกน้องกินต่อกันเป็นทอดๆ สุดท้ายผลงานที่ออกมามีประสิทธิภาพไม่ถึง30% ไม่น่าก็สึกกร่อนจนเป็นเหตุให้พวกนั้นหาเรื่องโกงกินได้อีก


โดย: นายเบียร์ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:11:10 น.  

 

แปลง "จุดแข็ง" เป็น "จุดอ่อน"

คอลัมน์ สามัญสำนึก

โดย สมปรารถนา คล้ายวิเชียร

หลังการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ.2544 รัฐบาลที่มีพรรคไทยรักไทยเป็นแกนนำและ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกมองว่ามีจุดอ่อนอยู่ตรงความเป็น "มือใหม่" ในทางการเมือง

แม้จะพลิกสถานการณ์ เอาชนะการเลือกตั้ง รวมตัวจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็ถูกประเมินว่า เต็มไปด้วย "จุดอ่อน" และไม่น่าจะทนแรงเสียดทานหรือเกมการเมืองที่พรรคฝ่ายค้านประสบการณ์สูงอย่าง ประชาธิปัตย์ จะถล่มเข้าใส่ได้แน่

แต่ในความเป็นจริง รัฐบาลของพรรคไทยรักไทยกลับใช้บุคลิกที่โดดเด่นน่าประทับใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ บวกกับภาพลักษณ์ที่ทุ่มเท จริงใจในการทำงาน รวดเร็ว กล้าตัดสินใจ โดยไม่พะวงกับเกมการเมืองมากนัก นั่นทำให้ "จุดอ่อน" ของพรรคไทยรักไทยกลายเป็น "จุดแข็ง" ที่สร้างความพอใจและเพิ่มความนิยมในกลุ่มคนตั้งแต่ระดับบน พ่อค้านักธุรกิจไปจนถึงระดับรากหญ้า

หลังการเลือกตั้งปี พ.ศ.2548 พรรคไทยรักไทยสร้างความแปลกใจให้กับการเมืองไทยเพิ่มขึ้น ด้วยการกวาดชัยชนะแบบถล่มทลาย ดูเหมือนพรรคไทยรักไทยและ พ.ต.ท.ทักษิณจะยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่า จากจุดเริ่มต้นที่เป็น "จุดอ่อน" วันนี้ พวกเขาบ่มเพาะประสบการณ์จนเข้าขั้น "ผู้เชี่ยวชาญ" และประเมินเกมการเมืองในแต่ละระดับได้ทะลุปรุโปร่ง

นอกจากนี้ยังสามารถจัดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นฐานคะแนนนิยมกลุ่มใหญ่ได้อย่างชัดเจน นำเอาเครื่องมือใหม่ๆ ในการสร้างสีสันเชิงนโยบาย เช่น เมกะโปรเจ็กต์ (สำหรับธุรกิจไทยและทุนข้ามชาติ), 30 บาทรักษาทุกโรค-บ้านเอื้ออาทร (สำหรับคนระดับกลางถึงระดับล่าง), กองทุนหมู่บ้าน-พักชำระหนี้เกษตรกร-โอท็อป ฯลฯ (สำหรับระดับรากหญ้า) มาดึงความนิยมได้อย่างต่อเนื่อง

แต่ในความเป็นจริง หากจะถามคนในพรรคไทยรักไทยเองว่า วันนี้ พรรคเข้มแข็ง รัฐบาลมั่นคงมากกว่า 4 ปีที่ผ่านมาหรือไม่

บางกลุ่มเริ่มไม่แน่ใจว่า จากจุดแข็งที่เคยมั่นอกมั่นใจกันมากในอดีตนั้น วันนี้กำลังถูกกระแสสังคมกดดัน แปรให้กลายเป็น "จุดอ่อน" ไปแล้วหรือไม่

ปริมาณ ส.ส.ที่มีมากเริ่มถูกมองว่านั่นเปิดโอกาสให้รัฐบาลทำอะไรได้ตามใจชอบ ปิดโอกาสในการทำงานของพรรคฝ่ายค้านที่ควรได้ทำหน้าที่ตรวจสอบนโยบายและการบริหารงานของรัฐ

อีกด้านหนึ่ง สุญญากาศที่เกิดขึ้นกับองค์กรอิสระก็กลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดคำถามและนำไปสู่แนวคิดในการปรับแก้กฎ กติกา นั่นคือรัฐธรรมนูญให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุด บนความเชื่อมั่นที่ว่า หาก พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ลบภาพเกี่ยวกับ "ผลประโยชน์ทับซ้อน" โดยไม่มีบทบาทหรือไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ ถึงขนาดที่คนในครอบครัวตัดสินใจขายหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แล้ว ปัจจัยทางการเมืองก็จะลดลงและกลายเป็น "จุดแข็ง" ให้ พ.ต.ท.ทักษิณดำเนินงานทางการเมืองได้อย่างสะดวกและราบรื่นมากขึ้น

แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่ตามมาภายหลังดีลประวัติศาสตร์ "ขายชินคอร์ป 7.3 หมื่นล้าน" แทนที่จะเป็นเสียงสรรเสริญ สาธุการ ประมาณว่า "ล้างภาพธุรกิจการเมืองหมดจด" หรือ "ล้างมือธุรกิจมุ่งพัฒนาชาติ" ฯลฯ

กลับกลายเป็นประเด็นที่กระทบใจของคนส่วนใหญ่ในทันทีก็คือ "ชินวัตรขายหุ้นรวย 7.3 หมื่นล้าน ไม่ต้องเสียภาษี!!" หรือ "ขายธุรกิจ ขายสัมปทานของชาติให้ต่างประเทศ" ฯลฯ

สิ่งที่ดูจะเป็นภาพบวก หรือเป็น "จุดแข็ง" กลับกลายเป็น "จุดอ่อน" ได้ในพริบตา

ยิ่งถูกเติมเชื้อด้วยคำพูดบางประโยค บางวลี เช่น "โธ่ ไม่ได้ขายง่ายๆ เหมือนขายขนมเข่ง" หรือ "เงินมันเยอะน่ะ อิจฉาน่ะสิ..."

ยังไม่รู้ว่า "จุดอ่อน" จะพัฒนาไปเป็น "จุดวิกฤต" ด้วยหรือเปล่า

หาก "พวกอิจฉา" นับหมื่น นับแสน นับล้านจะลุกขึ้นมาแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ ต่อต้าน ตามความรู้สึกที่ส่วนใหญ่ไม่พอใจต่อกรณีดังกล่าว

หากประมาท ตั้งรับไม่ดี ประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ผมกลัวเหลือเกินว่าจะถึง "จุดเปลี่ยน" เร็วกว่าที่เคยคิดเอาไว้

.............................................................

ก๊อปปี้มาจากนสพ. ประชาชาติธุรกิจ











โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:32:43 น.  

 


จริยธรรม ....


จิตสำนึก


และ อีกหลายๆ คำ ที่นักการเมืองส่วนใหญ่ของประเทศนี้ไม่เข้าใจ


โดย: มัชฌิมา วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:49:49 น.  

 
คนปลายซอย


4 กุมภาพันธ์ 2549 กองบรรณาธิการ

ยังมิใช่วัน "พิพากษาทักษิณ"


แล้วเสาร์ที่ 4 กุมภา.ก็มาถึง!

"สนธิ" จะขับเคลื่อนฝูงชนขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้เกิดจิตละอาย "ลาออกไป" จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่?

ครูบาอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ และนักวิชาการผู้รักบ้าน-รักเมืองทั้งหลาย ด้วยภาวะ "มีศัตรูร่วมคน" จะเป็นทัพสมทบที่ลานพระบรมรูปทรงม้าด้วยหรือไม่?

และ ประชาชนทั้งหลาย ผู้ทนไม่ได้กับสิ่งตำตา จะยอมให้นายกฯ ผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว "รวยอย่างไร้จริยธรรม" เสวยสุขอยู่บนกองกระดูกคนทั้งชาติต่อไปหรือไม่?

วันนี้..มีคำตอบ!

โสเภณี-หมอนวด ผู้ขายเลือดเนื้อของเขาเองแลกเงินครั้งละไม่กี่ร้อย-กี่พันบาท ยังต้องถูกเรียกเก็บภาษี

แต่คนที่เอาสมบัติสาธารณะของชาติไปขายได้เงินตั้ง 73,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย แถมเป็นครอบครัวของผู้นำที่ต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง

กลับไม่ต้องเสียภาษี!

อย่างนี้...ใครๆ ก็ต้องตะโกนว่า

กูไม่ทนแล้วโว้ย!

ตลอดระยะเวลาร่วมครึ่งเดือนที่ผ่านมา วันที่ 4 กุมภา.กลายเป็นวันแห่งอนาคตอันใกล้ที่ใครๆ ก็อยากรู้ล่วงหน้า

ผมถูกถามบ่อยมากในประโยคทำนองว่า

วันที่ 4 กุมภา.จะเกิดเรื่องมั้ย?

วันที่ 4 กุมภา.คนจะไปมากมั้ย?

และในคำถามต่างๆ ทำนองนั้น ก็มีอีกคำถามหนึ่งที่ "เหมือนกัน" โดยไม่ตั้งใจคือ คำถามในประโยคว่า

"ทักษิณยังจะอยู่อีกนานมั้ย?"

ความจริง คนถามเขาก็รู้ "ผมจะไปมีปัญญารู้ล่วงหน้าอะไรได้ขนาดนั้น"

แต่ก็ต้องถาม

ถามทั้งที่รู้ว่าผมตอบอะไรให้มากไปกว่าที่เขาก็รู้อยู่แล้วไม่ได้!?

4 กุมภา.คนละเงื่อนไขที่เกิด 14 ตุลา 16 คนละเงื่อนไขที่เกิด 6 ตุลา 19 และคนละเงื่อนไขที่เกิด 17 พฤษภา 35

แต่เป้าหมาย...เหมือนกัน!

วันนี้ สิ่งหนึ่งที่ขาดหายในบทบาทโหยหาความชอบธรรมจากนักการเมืองอธรรม นั่นคือ

พลังแห่ง..นิสิต-นักศึกษา

ความจริงขาดหายไปตั้งแต่ครั้งพฤษภาทมิฬ แต่ไม่ถึงกับสิ้นเสร็จสะเด็ดเชื้อนิสิต-นักศึกษาไปเสียเลยทีเดียว ณ ครั้งนั้น

แต่ครั้งนี้ 4 กุมภา.ถึงแม้จะเป็นแค่แรกเริ่มปฏิกิริยา "สังคมตบหน้าผู้นำ" แต่จับความเปลี่ยนไปในเส้นทางสายนี้ได้ชัดเจน

และ..น่าใจหาย!

นิสิต-นักศึกษา ชนชั้นก่อเกิดกำเนิดปัญญาชนชาติ "สิ้นสายเลือด-สูญพันธุ์" ไปจากขบวนการเรียงหน้ากระดานชูกำปั้น ฟาดฟันกับชนชั้นอสัตย์แผ่นดิน

วันๆ มีแต่ นักศึกษาคาราโอเกะ

นักศึกษาบาร์-ผับ

เยี่ยงที่เป็นปัจจุบันนี้ นับเป็นการเปลี่ยนไปที่มีนัยสำคัญกับอนาคตชาติ เพราะนิสิต-นักศึกษา เราต้องยอมรับว่า เขาเหล่านั้นคือ "บ่า" ที่จะมารับภาระ ต่อจาก "บ่า" เพื่อแบกชาติ ซึ่งจะต้องแบกต่อๆ กันไป เป็นการสืบสานรักษาสายพันธุ์แห่งกำพืด

แต่..พรุ่งนี้ ไม่แน่เสียแแล้ว!

เพราะ "อดีต" จะเชื่อมต่อให้ "อนาคต" มีความหมาย ก็ต้องใช้ "ปัจจุบัน" ที่เข้มแข็ง

ปัจจุบันคือ "นิสิต-นักศึกษา" ในวันนี้!

ในเมื่อกำลังหลักของชาติหมกมุ่นแต่ ผับ-บาร์ คาราโอเกะ ตามยุคประชานิยม ที่ปลุกปั่นให้คนโง่งมอยู่กับสิ่งง่าย อบาย และกาม

ไทย-คือทาส จะเป็นศัพท์โบราณที่กลับมาทันสมัยในยุค Globalization อันมีประเทศไทยที่ผู้บริหาร "ไร้จริยธรรม" ชักนำไปสู่

วันนี้ สังคมอยู่ได้ เพราะตัวเชื่อมต่อจากในอดีตในรูปครูบาอาจารย์-นักวิชาการยังพอเหลือทำหน้าที่

แต่พรุ่งนี้ เมื่อมองผ่าน "กำลังหลักของชาติ" ในแต่ละสถาบันการศึกษา นับจากระดับกระทรวงลงมา ต่างก็มุ่งหน้าปั๊มใบปริญญาขายเป็นสรณะ

ด้วยบ่าที่อ่อนเปลี้ย จะรับภาระแบกชาติกันต่อๆ ไปได้รอดไหม..เพราะอย่างนี้ ผมจึงบอกไว้หลายครั้งแล้วว่า

สังคมโลก รวมทั้งประเทศไทย เข้าสู่วงโคจรแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ชนิด "นอกเหนือความคาดหมาย" ถึงขนาดต้องรำพึงกันในวันนั้นเชียวว่า

"ไม่นึกว่าประเทศไทย-คนไทย จะต้องมากลายเป็นอย่างนี้"

การขับเคลื่อน 4 กุมภา.ก็แค่ปฏิกิริยาที่พร้อมเพรียงกันมากขึ้นของ "ม็อบเช้าไป-เย็นกลับ" เพราะเกือบทุกคนล้วนมีเดิมพันชีวิตทั้งในที่ทำงาน และทั้งในที่บ้าน

จะชูกำปั้นเดินหน้าสู่เป้าหมาย ตั้งกองทัพม็อบนอนกลางดิน-กินกลางทราย "ปิดล้อมอำนาจ" อยู่กันเป็นวัน-เป็นเดือนอย่างชีวิต "นิสิต-นักศึกษา"

จะมีปัญญาทำได้ซักกี่คน?

กระทั่งสนธิก็เถอะ!

อย่างเก่งก็แค่นำขบวนไปยื่นบัญชีรายชื่อที่หน้าบ้านสี่เสาฯ ต่อจากนั้น จะตรึงขบวนการต่อต้านคนไร้จริยธรรมให้คงพลังเป็นสัญลักษณ์ไว้ได้นานสักแค่ไหน อย่างไร?

ใครล่ะ..จะเป็นเสาหลัก?

แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ หยาบหยามจริยธรรม สร้างกรรมเป็นวิบากตัดรอนตัวเองมากไป ถึงแม้ขบวนการขับไล่จะอยู่ในลักษณะ "เช้าไป-เย็นกลับ"

แต่สิ่งที่นายกฯ ทักษิณและครอบครัวทำ มันเป็นพฤติกรรมที่

"พระสยามเทวาธิราช" ท่านไม่ให้อภัย!

วันนี้ อำนาจประชาชน คืออำนาจรักษาระบบบ้านเมือง ในอันที่จะไม่ยอมให้ "คนผิด" อยู่เหนือกฎบ้าน-กติกาเมือง

อันคำว่า "สุจินดาออกไป" นั่นคือประชาชนกลุ่มหนึ่ง ใช้อำนาจพวกมากบังคับเอาตามใจ

แต่กับคำว่า "ทักษิณ..ลาออกไป"

นี่คือ "อำนาจประชาชน" บังคับคนที่ "ใช้อำนาจเหนือประชาชน" ให้ต้องเดินไปตามกรอบ-ตามกฎ "กติกาบ้านเมือง"

"ลาออกไป" นี่คือทางตามกฎหมายที่ประชาชนชี้ให้นายกฯ เดิน ประชาชน 19 ล้านเสียง เลือกท่านมาให้บริหารบ้านเมืองเป็นสุขด้วยสุจริต ไม่ใช่เลือกให้ท่านมารวยอย่างไร้จริยธรรม "อัคร-ยำ" เช่นนี้

ฉะนั้น จงลาออกไป จะด้วยยุบสภา หรือลาออกเอง รีบตัดสินใจเสียแต่เดี๋ยวนี้

อย่าซื้อเวลาจนถึงเดือนมีนา.เป็นอันขาด เพราะขืนดื้อด้านอย่างนั้น 73,000 ล้าน เผลอๆ อาจจะไม่ได้ใช้ซักบาท!

และ..ไทยรักไทย ก็อาจจะสลายตามลม!

ขณะนี้ ถือว่าบุญเก่ายังหล่อเลี้ยงท่านและครอบครัวที่อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ สมาชิกวุฒิสภา พร้อมด้วยคณะกว่า 20 คน เลือกทางตายแบบสุนทรให้ท่านด้วยการ

ทำหนังสือยื่นผ่านประธานวุฒิสภาถึงศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ถอดถอนท่านให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะมีการกระทำส่อว่าผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 209

แสดงว่า ในฉันทามติร่วม "ปฏิเสธทักษิณ" นั้น ยังมีท่าทีต่างในทางปฏิบัติเป็น 2 แนวทางระหว่าง

ทางปฏิบัติ รูปแบบสนธิ

กับทางปฏิบัติ รูปแบบแก้วสรร

แต่ถ้านายกฯ ทักษิณยังดื้อดึงด้วยเชื่อมั่นในอำนาจที่ "ฐานรองรับ" ถอนตัวเกือบหมดแล้ว แต่ตัวเองยังไม่รู้ เห็นทีก็ต้องบอกว่า

นี่แหละหนา..เกณฑ์ชะตาที่เลี่ยงไม่ได้!?

การตีกลับ 9 ป.ป.ช.ลงมาก็ดี การที่ต้องรีบคืนตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.ให้กับคุณหญิงจารุวรรณก็ดี ท่านน่าจะเข้าใจ เพราะประชาชนเข้าใจดี ฉะนั้น การรวยอย่างไร้จริยธรรมครั้งนี้ อย่าหมิ่นว่า 4 กุมภา.ไม่เห็นมีอะไร เพราะพฤติกรรมในเบื้องลึกท่านไกลเกินอภัย..ผมบอกได้แค่นี้.

........................................

ก๊อปปี้มาจากไทยโพสต์ เขียนโดย เปลว สีเงิน

www.thaipost.net


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:58:28 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะ

Image hosting by Photobucket


โดย: Batgirl 2001 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:22:05:16 น.  

 
สวัสดีค่ะ อนุโมทนาบุญคุณคนเดินดิน

จะบอกว่าเปิดบล๊อคอ่านมากว่าชั่วโมงแล้วค่ะ ที่จริงแล้วป่ามืดไม่ค่อยได้สนทนาเกี่ยวกับการเมืองนัก เพราะรู้สึกถึงความไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้ของเรา รู้อยู่แก่ใจว่าการได้ตำแหน่งนั้นโดยสุจริตเป็นเรื่องแทบจะทำไม่ได้ การซื้อเสียงนั้นมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย เสียงที่เคยได้ยินจากตาสีตาสา ที่เขาไม่ได้คิดอะไรเขาพอใจแบงค์ห้าร้อยแบงค์พันที่อยู่ตรงหน้า ..มันง่ายมากที่จะซื้อเสียงง่ายจริงๆ ซึ่งหมายถึงว่าการเข้าไปนั่งเก้าอี้นั้นไม่มีเงินไม่มีทางเลยก็ว่าได้ คนดีที่ไม่ใช่นักธุรกิจไม่ดีดลูกคิดรางแก้วจึงยากมากที่จะได้ไปเป็นตัวแทนของพวกเรา ..กว่าจะเข้าไปได้ต้องลงทุนมากมาย..แน่นอนว่ามีผู้สนับสนุนนักการเมืองก็เพื่ออะไร มีใครไหมออกมาประกาศสนับสนุนอย่างออกหน้าว่าสนับสนุนเพราะคนนั้นเป็นคนดีมีคุณธรรมจึงสนับสนุนโดยไม่หวังผลตอบแทนแต่สนับสนุนเพื่อประเทศชาติจะได้มีคนดีเข้าไปบริหาร...เมื่อเป็นการสนับสนุนอย่างลับๆด้วยเงินจำนวนมหาศาลจะทำเพื่ออะไรและถ้าเป็นการสนับสนุนจากต่างชาติ สัญญาณแห่งการสิ้นชาติก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว


"นิสิต-นักศึกษา ชนชั้นก่อเกิดกำเนิดปัญญาชนชาติ 'สิ้นสายเลือด-สูญพันธุ์' ไปจากขบวนการเรียงหน้ากระดานชูกำปั้น ฟาดฟันกับชนชั้นอสัตย์แผ่นดิน "

นี่เป็นสัญญาณบอกว่ายุคสมัยต่อไปนักการเมืองที่จะมีนั้นจะมีทัศนวิสัยอย่างไรจิตสำนึกอย่างไร ความรักชาติรักอุดมการณ์แบบไม่เสียดายชีวิตจะยังมีอีกสักกี่คน คนที่จะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจะยังมีอีกไหมในรุ่นต่อไป ความเสื่อมถอยของคุณค่านี้ได้ปรากฏอยู่

ได้แต่สรุปว่า ทำดีย่อมได้ดีทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามกฏแห่งกรรมเราได้แต่ทำในส่วนของเราให้ดีที่สุด และขอให้ทุกคนมองทุกอย่างที่เราเกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรมคำนึงถึงให้กว้างไกลถึงผลกระทบและเร่งปลูกฝังความคิดจิตสำนึกที่ดีงามให้ลูกหลานของเราค่ะ

แต่ป่ามืดก็มีความหวังในความสิ้นหวังนะคะ ทุกครั้งที่ไปวัดทำบุญหรือในส่วนของงานกุศลต่างๆ จะเห็นคนทำบุญมากมายและเห็นความมีเมตตาต่อกัน ซึ่งในที่สุดคุณธรรมจะช่วยเราค่ะ ในจิตสำนึกของคนไทยนั้นดีงามค่ะ ซึ่งอาจจะหลงผิดไปแต่ในที่สุดจะมีคนกลับใจและทำให้สถานการณ์คลี่คลาย และหรือจะมีผู้ที่มีความรักชาติรักความยุติธรรมลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความถูกต้องค่ะ


โดย: ป่ามืด วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:2:16:30 น.  

 
เอาใจช่วยนะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:16:40:16 น.  

 
เมื่อคืนได้บทสรุปหลาย ๆ อย่างครับ
ได้พบคนหนุ่มสาวและคนวัยสูงอายุมากมาย
ทุกคนมากันโดยมิได้นัดหมาย
มีทั้งคนเมืองและคนชนบท
ซึ่งแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ
ที่เราจะเห็นม๊อบนั้นมีแต่คนเมือง

ไปนั่งอยู่ทั้งคืนคนส่วนใหญ่ไม่ถอยเลย
ปัญหาที่รัฐบาลทักษิณทำไว้มากเหลือคณา
เราต้องช่วยกันทำให้การเมืองสะอาด
และช่วยกันผลักดันการปฏิรูปการเมืองครั้งที่สอง
ที่ทำให้การเมืองเป็นทางออกของประเทศชาติอย่างแท้จริง
อย่าเพิ่งหมดหวังครับ...

รักเธอประเทศไทย


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:21:56 น.  

 

ต่อให้ทักษิณไม่อยู่ ก็ดูไม่มีตัวเลือกที่ดีให้เลือกเลยค่ะ
เศร้าจัง คนดีมีความสามารถและจริยธรรมหายไปไหนหมดนะ..ประเทศไทย


โดย: p_tham วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:5:14:19 น.  

 
มีคำถามนึง คือ ต้องการอะไรจากทหารคะ
รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย ถึงจะเชื่อว่าทหารจะไม่ขยับก็ตาม
แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ควร
ถ้าต้องการขับไล่คนบางคนถึงกับยอมจ่ายด้วยประชาธิปไตย ก็เกินไปนะคะ

ด้วยความเคารพค่ะ


แต่ก็ยินดีที่พลังของประชาชนยังคงอยู่ และพร้อมที่จะต่อสู้


โดย: rebel วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:7:34:22 น.  

 
ถึงน้องแข

ต้องยอมรับว่าม็อบครั้งนี้คุณสนธินำมาตั้งแต่แรก และการตัดสินใจอะไรทั้งหมดก็อาจเป็นวันแมนโชว์ที่อาจจะผิดพลาดได้ง่าย

ปัญหาการเมืองเป็นโจทย์ที่ยากและซับซ้อน อย่างการเลือกตั้งแม้รัฐธรรมนูญจะร่างได้ดีปานใดก็ยังแก้ปัญหาการซื้อเสียงไม่ได้สักที เพราะประชาชนในชนบทยังยากจนและซื่อเกินไป เป็นระบบอุปถัมภ์ต้องตอบแทน ซึ่งเป็นระบบที่ฝังรากลึก การเคลื่อนไหวต่อ ๆ ไปคุณสนธิได้ส่งไม้ต่อให้กลุ่มพันธมิตรมากำหนดยุทธวิธีการเคลื่อนไหวร่วมกัน ก็คงต้องดูกันต่อไป แต่มองว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมแล้ว โดยเฉพาะนายกฯควรลาออกเพราะมีปัญหาจริยธรรมทางการเมืองมากมายเหลือเกิน....

เห็นด้วยกับหารเคลื่อนไหวที่พรรคชาติไทยพยายามผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นที่ยังมีปัญหาในภาคปฏิบั ติซึ่งเวลาแปดปีที่มีการบังคับใช้ก็น่าจะเห็นถึงจุดอ่อนต่าง ๆ มากเพียงพอแล้ว

จุดอ่อนที่สำคัญคือการที่นายทุนผูกขาดลงมาเล่นการเมืองเองและไม่มีใครคิดว่า "ยิ่งรวยจะยิ่งโกง และโกงอย่างน่าเกลียดมากด้วย"

บทเรียนราคาแพงของนักวิชาการและหลาย ๆ คนที่ลงมาหนุนในช่วงนั้นเช่น หมอเสม พริ้งพวงแก้ว และอาจารย์ประเวศ วะสี


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:02:58 น.  

 
ทักษิณกับผลงานชิ้นโบว์ดำ ?
ผู้เขียน: วรวรรณ

ช่วยศึกษาและเผยแพร่บทความที่มีผู้รวบรวมและเป็นประโยชน์มาก กรณีศึกษาทักษิณ ชิณวัตร ขออนุญาตเจ้าของมาเผยแพร่ต่อและปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยปัจจุบันนะคะ

ปัญหาของรัฐบาลทักษิณ(คนเลวเหลี่ยมจัด)
ผมเคยศรัทธาใน พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงได้ติดตามผลงานท่าน แต่ตลอด
เวลาที่บริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งมีหลายประเด็นเป็นความคิดของนายกโดยตรง บางประเด็นเกิดจากคนรอบข้างในรัฐบาล ประเด็นต่างๆ ในบทความนี้อาจถูกเสนอขึ้นโดยรัฐบาล หรือเป็นข่าวปล่อย แต่ก็ได้ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน สังคม และประชาชนได้รับรู้รับทราบ โดยทั่วกันแล้ว ความสำคัญอยู่ที่ ผู้ที่มีหน้าที่หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ต้องออกมาตรวจสอบ ชี้แจง ตอบคำถามสังคม ทำความจริงให้ปรากฏ หาผู้รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ หลายเหตุการณ์เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผลสมควร มีเงื่อนงำ เบื้องหลัง วาระซ่อนเร้น ส่อเจตนาทุจริต แต่ไม่มีคำชี้แจง หรือคำตอบที่สมเหตุผลจากคนในรัฐบาล หรือนายก ทำให้ประชาชนเกิดความสงสัย สับสน ไม่เข้าใจ และทำให้เข้าใจกันไปเองว่าเป็นเรื่องจริง เมื่อสะสมหลายเรื่องมากขึ้น และยังไม่มีคำตอบ ก็นำไปสู่ ความลังเล ไม่เชื่อมั่น ไม่เชื่อถือ ไม่ยอมรับ ไม่ต้องการ ต่อต้าน ประท้วง ไล่ออก ซึ่งเป็นผลเสียหายร้ายแรงต่อรัฐบาลเอง และประเทศชาติ จึงได้เวลาทบทวน เปิดเผยหลายนโยบาย และประเด็นปัญหาที่ผ่านมา ของนายกทักษิณ ชินวัตร และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทุกวันนี้คนไทยอาจจะลืมไปแล้ว จึงนำมาทบทวนให้ทราบกันอีกครั้งหนึ่ง ต้องขออภัยที่บทความนี้มีความยาว เพราะนโยบาย และประเด็นปัญหา มีจำนวนมาก โดยรวบรวมจากสื่อ หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ความทรงจำ และคำพูดของคนทั่วไป ซึ่งอาจยังมีอีกหลายประเด็นปัญหาที่ผมลืม และไม่ได้ระบุไว้ในนี้ หากผู้ใดจำได้ก็สามารถเสนอเพิ่มเติมได้ เพื่อที่สังคมจะได้รับรู้ และเป็นบทเรียน

สิ่งที่กำลังเตรียมการฮุบ
- เอา กฟผ เข้าตลาดหลักทรัพย์
- กระทรวง ICT โดยสรอรรถ กลิ่นประทุม แก้กฎหมายให้ต่างชาติถือหุ้นบริษัทโทรคมนาคมได้เป็น 49% จาก 25% อ้างต้องการเทคโนโลยีต่างชาติ
- แยกการบินไทย เป็น 5 บริษัท เพื่อให้พรรคพวกเข้ามาถือหุ้น แต่งตั้งบอร์ดเป็นคนของตัวเองทั้งสิ้น

1. นโยบาย บริโภคนิยม ส่งเสริมหนี้ภาคครัวเรือน ฟุ้งเฟ้อ มอมเมาประชาชน และรัฐไม่เคยแถลงผลสำเร็จ
- กองทุนหมู่บ้าน (ชาวบ้านกู้ไปล้างหนี้นอกระบบและใช้จ่ายบริโภค ถึงเวลาคืนหามาคืนไม่ทันก็กู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยแพงมาคืน หนี้สินก็เลยพอกพูน ล้นพ้นตัว)
- ธนาคารประชาชน (ชาวบ้านกู้ไปใช้จ่ายบริโภค เอาไปลงทุน กี่ % ผลสำเร็จเป็นอย่างไร? รู้ๆกันอยู่)
- แปลงสินทรัพย์เป็นทุน (เรียกซะไพเราะ จริงๆมันก็คือ เอาที่ไปจำนองนั่นแหละ รัฐบาลหลอกประชาชนหน้าโง่อีกแล้ว)
- หวยบนดิน (มอมเมา กระตุ้นกิเลสประชาชน มัวเมา อบายมุข)
- ออกหวยซื้อหุ้น Liverpool (ของเล่นคนรวย ที่หลอกเอาเงินคนจนไปซื้อ)
- เปิดบ่อนเสรี (มอมเมา กระตุ้นกิเลส ประชาชน ส่งเสริมอบายมุข)
- เปิดเสรีสุรา (หนี้สิน,โรคภัย, เมาแล้วขับ, ข่มขืน, เพื่อน-พ่อแม่-พี่น้อง ฆ่ากันตายเพิ่มขึ้น คือผลที่ได้)
- เอาเบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น (เกมสกัดเบียร์ช้าง/มอมเมาประชาชน เปิดทางล่อประชาชนเพื่อเอา กฟผ เข้าตลาดฯ)
- กทม. เมืองแฟชั่น (ฟุ้งเฟ้อ ฟุ้มเฟือย แต่งหวิว สายเดี่ยว เกาะอก ลงเอย หนี้สิน, ข่มขืน)
- ครีมหน้าเด้ง (สอนราชการทำธุรกิจ ให้ประชาชนฟุ้งเฟ้อไร้สาระ)
- บัตรสมาชิก ไทยแลนด์อีลิทการ์ด (หลอกเอาเงินคนต่างชาติ แต่เขาไม่โง่)
- Complex Entertainment (อบายมุขครบวงจร)
- Mega Project (งบประมาณ 1.7 ล้าน ล้านบาท ถลุงเงินงบประมาณแผ่นดิน ผันเงินลงระบบเศรษฐกิจ กระตุ้นให้คนใช้จ่าย
ฟุ้งเฟ้อ)
- ส่งเสริมเงินกู้ทั้งในและนอกระบบ (Bank & Non-Bank กลบเกลื่อนเพื่อให้ออกนโยบายสนับสนุนธุรกิจตัวเอง Capital OK)
- ใช้งบประมาณแผ่นดินหาเสียง (ทัวร์นกขมิ้น หลอกหาเสียงโดยสัญญาว่าจะให้ พอเอาเข้าจริงไม่อนุมัติงบ อ้างโครงการไม่
จำเป็น)
- โครงการจัดทำ Computer Notebook แจกเด็กอนุบาลและเด็กประถม

* *ความจริงสิ่งที่รัฐควรจัดให้ และชาวบ้านต้องการคือ ทักษะความรู้ ความสามารถ และโอกาสช่องทางในการ ประกอบอาชีพ หรือทำธุรกิจ ทำเงิน ได้ด้วยตนเอง ยืนได้ด้วยลำแข้งของตัวเองมากกว่า แต่ทักษิณต้องการความนิยมทางลัด จึงใช้วิธีสกปรกหลอกชาวบ้านให้รักและศรัทธาตัวเองด้วยกุศโลบายที่แยบคาย

2. นโยบายสร้างภาพ หาเสียง ฉาบฉวย หลอกลวง และรัฐไม่เคยแถลงผลสำเร็จ
- พักหนี้เกษตรกร (พักเพื่อก่อหนี้เพิ่ม)
- ปฏิรูปการศึกษา (เปลี่ยนรัฐมนตรีแล้ว 7 คนก็ยังไม่สำเร็จ) ตั้งชื่อให้สวยหรูแต่ปฏิบัติสวนทางเพราะต้องการสกัดกั้นไม่ให้คนไทยฉลาด เชื่อว่าจะควบคุมยากสู้ปล่อยให้โง่จะดีกว่า
- จัดระเบียบสังคม (ฉาบฉวย สร้างภาพ โดยเฉพาะตุ้ยนุ้ยเครือญาติช่อง3)
- ผู้ว่า CEO (สถานะภาพเป็น รัฐบาลหุ่น เชิดได้ คิดเองไม่เป็น รอคำสั่งโง่ๆอย่างเดียว) ตั้งชื่อให้เก๋ไก๋ แต่ไม่รู้ความหมายว่าที่แท้จริงแล้วผู้ว่าราชการจังหวัดคือข้าราชการ (ข้า-ซึ่งทำกิจการงาน-ของพระราชา=ผู้ซึ่งทำงานต่างพระเนตรพระกรรณ)
- ปราบปรามผู้มีอิทธิพล (เพื่อให้ตัวเองและเครือญาติ พวกพ้อง มีอิทธิพลเพียงกลุ่มเดียวปัจจุบัน ส.ส.ของรัฐเป็นผู้มีอิทธิพลเถื่อนทั้งสิ้น+ถ่อย กักขฬะ ก้าวร้าวในสภาอันทรงเกียรติด้วย) แต่ในความหมายของทักษิณคือคนดีของชุมชนหรือสังคมให้ความนับถือ
- ลงทะเบียนคนจน (รอไปเรื่อยๆก่อน จนถึงตอนนี้ก็ยังจนอยู่ ทักษิณบอกเสนาะว่า ยังไม่รู้เลยว่าลงทะเบียนแล้วจะทำอย่างไรต่อ โถ่พี่ แค่พูดออกไปแค่นี้ก็แย่งคะแนนพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นกองแล้ว)-คือเป็นการ ล็อคคะแนนเสียงจัดตั้งกลุ่มรากหญ้าเพื่อโกงคะแนนเวลาเลือกตั้ง
- ส่ง 23 รมต. แก้ปัญหาภาคใต้ (แต่ไม่มีใครไป) ราคาคุย รมต.ในรัฐบาลนอมินียังลงไปไม่ทันถึงหาดใหญ่ก็แจ้นกลับหลายครั้ง ไม่แน่สักราย
- ไปนอนวัดที่ จ.ปัตตานี (พร้อมทหารคุ้มกัน 1 กองพัน) สร้างภาพว่ากล้าหาญ
- ไปนอนที่สนามบินสุวรรณภูมิ (นโยบายสร้างภาพ) เพื่อแสดงความขอบคุณต่อสถานที่ทำเงินให้ตนเองและน้องสาวได้มหาศาล
- จะขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 5 % ภายในตุลาคม 2548 (ภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ สุริยะฯ)หลอกล่อเอาไว้ปิดปาก
- ทำกับข้าวโชว์, กินไก่โชว์ (นโยบายสร้างภาพอย่างแรง)
- ปล่อยข่าวตั้งจังหวัดสุวรรณภูมิเป็นจังหวัดที่ 77 (เพื่อให้ที่ดินราคาขึ้นพรรคพวกจะได้ขายมีราคา)
- ออกนโยบายชักดาบ (ทำแฮร์คัทให้รากหญ้าที่มีหนี้ไม่เกิน 2 แสนบาท-ส่งเสริมคนด้วยวิธีผิดๆ)

3. นโยบายเพ้อฝัน และการกระทำสิ้นคิดของ นายก และคนในรัฐบาล
- เปิดบ่อนเสรี
- ซื้อหุ้น Liverpool (ตอนนี้เอาเงินที่โกงไปซื้อแมนซิตี้แล้วขายทำกำไรเข้ากระเป๋าตัวเองเรียบร้อยแล้ว)
- เปลี่ยนนาข้าวเป็นนากุ้ง (ทำให้น้ำและดินเน่าเสีย)ทำลายโครงสร้างพื้นฐานเกษตรกรรมไทย ก่อปัญหาในอนาคต
- สร้างคอนโดเป็นบ้านพักคนชรา (ให้อาศัยอยู่ห้องทึบในตึกสูง)
- ตั้งนิคมอุตสาหกรรมที่ อ.เชียงแสน (แหล่งโบราณสถาน)
- สส.รัฐบาลเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน ไม่มีการตรวจสอบได้ เพราะเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์
- โภคินนั่งเก้าอี้ ประธานรัฐสภา ยกมือเลือกนายก (ไม่เหมาะสม ไม่เป็นกลาง)
- ทักษิณ เป็นประธานประกอบพิธีศาสนา ในพระอุโบสถวัดพระแก้ว (ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงประธานต้องเป็นกษัตริย์ เท่านั้น )ความจริงออกมาแล้วว่าเป็นการสถาปนาการเป็นเจ้าชีวิตของราชวงศ์ชินวัตร เหมือนกับที่ฮุนเซนกระทำต่อนโรดมสีหนุ
- ประชุม ครม. สัญจรบนรถไฟ (ทัวร์นกขมิ้น) ผลาญงบประมาณแผ่นดิน สรางความยิ่งใหญ่ให้ตนเอง มีลิ่ล้อจัดขบวนรากหญ้ารับแล้วเอาธงทรงพระเจริญไปโบกเป็นการประกาศอย่างเปิด เผยว่าข้าต้องเป็นใหญ่ในแผ่นดิน สอดคล้องกับการทำพิธีในวัดพระแก้ว
- ประชุม ครม. บนประสาทพนมรุ้ง และนั่งช้างสร้างบารมี (ตามคำแนะนำของหมอผีใจเขมร ชื่อพม่า)มีการทุบทำลายเทวสถานและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้ดวงเมืองอ่อนแอ เล่นไสยศาสตร์อย่างโง่เง่าและงมงาย
- ยึดและฟ้องผู้ทำสติกเกอร์ “ยิ่งรวยยิ่งโกง” (อ้างหมิ่นฯ โยนผิดให้ฝ่ายค้าน) รับความจริงไม่ได้ ตอนนี้ก็เห็นๆว่าโกงภาษีประชาชนไปเป็นแสนๆล้าน เท่านั้นยังไม่พอให้สัมปทานทรัพยากรในอ่าวไทยแก่บริษัทต่างชาติเพื่อโกยผล ประโยชน์เข้ากระเป๋าตนเอง
- กำหนดแบ่ง Zone พื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้เป็น 3ระดับ (3 สี แดง, เขียว, เหลือง)สร้างเงื่อนไขความขัดแย้ง ด้วยการยกเลิก ศอบต.ที่คุณพระนายรับผิดชอบตอนนี้ท่านก็ไปเป็นองคมนตรีรับใช้เบื้องพระ ยุคลบาทแทน
- ย้าย 3 ข้าราชการที่ไม่สนองนโยบายขายลำไย ไปประจำใน 3 จังหวัดภาคใต้ ผลการตรวจสอบการโกงยังไม่คืบหน้า ปล่อยให้คนลืมๆ เสร็จแล้วก็อ้างว่าคดีหมดอายุความอีกนั่นแหละ
- ติด UBC 3 จังหวัดภาคใต้
- เปลี่ยนเพลงชาติไทยใหม่ มีให้เลือก 6 แบบ (แต่งโดยแกรมมี่)ตอนนี้มีการเปิดเผยธงชาติไทยใหม่แดง-ขาว-ทองเพราะมันจ้อง ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์
- พานทองแท้ลอกโพยข้อสอบที่ ม.ราม มีลูกโง่ๆเลยต้องสอนให้ลูกทุจริตมันซะเลย ตอนนี้ไปเรียนเมืองนอกก็โดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัยเพราะมีพฤติกรรมแย่ๆ ไม่สนใจการเรียน
- นโยบายให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ลาพักร้อนไปเที่ยวในวันทำงาน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (สนับสนุนให้ข้าราชการ ทิ้งงานไปเที่ยว)หาเสียงกับข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
- แย่งน้ำที่ขาดแคลนจากภาคเกษตร ไปให้ภาคอุตสาหกรรมที่ จ.ระยอง
- ปิดถนนแข่งรถซิ่ง
- โครงการ อาชีวะปราบขอทาน ทุเรศมากๆดูถูกชาวอาชีวศึกษาจริงๆ แทนที่จะเน้นความสำคัญให้คนมาเรียนเพื่อไปประกอบอาชีพด้านฝีมือช่าง ทำให้ปัจจุบันไม่มีคนเข้ามาเรียนมากเท่าสมัยก่อน เพราะจบแล้วกลัวจะต้องไปไล่จับขอทาน ทั้งที่รัฐควรมีนโยบายผลักดันขอทานต่างด้าวที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมายให้ออก นอกประเทศ โดยเฉพาะเขมรตัวดี และต้องเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ผู้รับสินบนกรณีต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง
- นโยบายปิดปอเนาะทั่วประเทศ (สร้างความกดดันให้พี่น้องมุสลิม)
- ประธาน สว. สุชนฯ จะฟ้องประชาชน ที่วิจารณ์การแต่งตั้งผู้ว่า สตง. (ลืมตัว ลืมตีน)
- เปลี่ยนสนามบินดอนเมือง เป็นสนามเทนนิส
- ใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 4 ลำ บินไล่นก ตอนนายกทดสอบนำครื่องลงสนามบิน สุวรรณภูมิ ในรูปแบบพิธีเปิดสนามบินที
ยิ่งใหญ่ (ขี่ช้างจับยุง)
- ต่ออายุน้องเขย "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" เป็นปลัดยุติธรรมเป็นครั้งที่ 3 (ปัจจุบันนี้สั่งให้เป็นนายกนอมินีแฟมิลี่เรียบร้อยแล้ว ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้อดีตปลัดยุติธรรมที่ไม่ยุติธรรม หน้าด้านแถลงนโยบายบนกองเลือดประชาชนไร้ซึ่งจริยธรรม โกงเวลาราชการพาสาวกินข้าว-เข้าโรงแรมม่านรูดถูกๆ)
- นโยบายควบคุมการทำโพล ก่อนทำต้องขออนุญาต สนง สถิติ ล่วงหน้า 5 วัน
- ฟ้องนายสนธิเรื่องนำคำเทศนาหลวงตาบัวมาเผยแพร่ว่าทักษิณเป็นเทวทัต แต่บอกไม่ฟ้องหลวงตาบัว เพราะนายกเมตตาพระทำตนเหนือผู้ทรงศีล ไม่ยอมรับความจริง ตอนนี้ความจริงถูกเปิดเผยแล้วเป็นยิ่งกว่าเทวฑัต นั่นโดนธรณีสูบ แต่ทักษิณต้องโดนลิ่วล้อและน้องลิเดียหลอกสูบเงินหมดเนื้อหมดตัวแน่นอน
- ขัดขวางไม่ให้ กทม. จัดสร้างส่วนต่อเชื่อมรถไฟฟ้าไปฝั่งธนบุรี (กลัวประชาธิปัตย์ได้หน้า)ก้าวก่ายการบริหารกทม.
- ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ สนามบินสุวรรณภูมิ (ให้สิงคโปร์เช่า)

4. ทุจริต หรือส่อเจตนาทุจริต
- ภรรยาประมูลซื้อที่รัชดาในราคาถูก ผิดกฎหมายปปช.ตัดสินคดีแรก-ติดคุก2ปี หนีคุก โฟนอินหมิ่นศาล จ้างต่างชาติเขียนบทความด่าเมืองไทย
- คดีซุกหุ้น (โอนให้คนรับใช้ คนขับรถ)
- ค่าโง่ทางด่วน
- ค่าโง่ ITV
- บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน :วัฒนาหนีคุก รัฐบาลสมัครยังมีหน้าอนุมัติเงิน 2000 ล้านดำเนินโครงการต่อทั้งที่คดียังคาศาล
- โครงการรับจำนำข้าว ฮั้วโรงสีและพ่อค้าคนกลาง
- โครงการรับซื้อลำไย(โกงไปแล้วคดียังไม่สิ้นสุด-ชาติเสียหาย)
- โครงการโคล้านตัว(โคแกอยากกินหญ้าอ่อน ตะลอนพาไปขี่คอที่มัลดีฟด์)
- โครงการแจกต้นกล้ายาง(คดีทุจริต:กลุ่มเนวินได้ผลประโยชน์)
- เครื่องตรวจระเบิด CTX(สุริยะใช้หนี้ด้วยการเป็นมะเร็ง-ต้องตายภายในเวลาไม่นานนี้)
- ที่จอดรถ สนามบินสุวรรณภูมิ
- โครงการย้ายที่ตั้งรัฐสภาไปรังสิต (บ.ไทยเมล่อน ที่ดินของปองพล อดิเรกสาร)ทั้งๆที่ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง คุณมนูญกฤต รูปขจร ได้ชี้แจงต่อสภา ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยตรัสว่าที่สรรพาวุธปากเกร็ดน่าจะเหมาะ เพราะไม่ต้องเดือดร้อนใคร เป็นที่ติดถนนใหญ่ ด้านหลังติดแม่น้ำใกล้ทางด่วน ง่ายต่อการสัญจร แต่ไม่มีใครฟัง รัฐบาปสมัครทำข้อตกลงกับทหารและกระทรวงศึกษาพร้อมอนุมัติงปม.ก้อนแรก ในการจัดสร้างรัฐสภาหมื่นล้านที่เกียกกาย ซึ่งสมัครตะเกียกตะกายจัดสร้างให้ได้ โดยไม่สนใจเสียงทัดทานจากเด็กน้อย กรรมสนองทันตาตอนนี้ใกล้จะตายแถมหนีคดีไปเมืองนอกด้วย
- จัดตั้งนครสุวรรณภูมิ (จังหวัดที่ 77) เลียนแบบ สิงค์โปร, ฮ่องกง (เพิ่มมูลค่าที่ดินให้พวกพ้องและหลอกขายให้ชาวบ้าน)
- สายรัดข้อมือ “เรารักในหลวง” ขายหมดแล้ว แต่ไม่มีเจ้าภาพ มีแต่ข่าวนายกโฆษณา ไม่มีข่าวการถวายเงิน สร้างรยได้เข้ากระเป๋าบางกลุ่ม
- ขายหุ้นไม่เสียภาษี เลยโดนยึดทรัพย์จากการโกง76000 ล้านบาท คดีอยู่ที่ศาล

5. เหตุการณ์ และคดีที่มีเงื่อนงำ และเกี่ยวข้องกับคนในรัฐบาล
- ชิปปิ้งหมูถูกฆ่าตาย (เกี่ยวข้องธุรกิจอุปกรณ์ดาวเทียมไทยคม)
- ธค. 45 ตำรวจทุบตีทำร้ายผู้ชุมนุมคัดค้าน โครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ซึ่งกำลังละหมาด
- มิย. 44 ช่วงคดีซุกหุ้น นายกสร้างภาพ ให้เกียรติร่วมวงอาหารพื้นบ้านกับสมัชชาคนจนหน้าทำเนียบ
- มค. 46 สั่งตัดน้ำตัดไฟ ห้ามชุมนุม และรื้อหมู่บ้านแม่มูลมั่นยืนหน้าทำเนียบ สมัชชาคนจนถูกขับไล่เหมือนหมู เหมือนหมา
- ตค. 46 เจ้าหน้าที่ 2000 นายพร้อมอาวุธครบมือ สลายการชุมนุมของคนจนไร้ที่ทำกินที่ จ.กระบี่
- บิดพลิ้ว และบิดเบือน ผลการศึกษาผลกระทบกรณีเขื่อนปากมูล ของ ม.อุบลราชธานี
- อุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิต
- สั่งฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่กรือเซะ, ตากใบ โหมไฟใต้ จนบัดนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะรอด มีการฆ่ากันตายทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ
- ฆ่าตัดตอนคดียาเสพติด 2000 กว่าศพ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นสามารถฟอกเงินและเข้ามาเล่นการเมืองสกปรกในพรรคตนเองได้
- ตำรวจบุกทุบทำลายบ้านฉลอง เรี่ยวแรง (ก่อนวันสอบซ่อม สส. นนทบุรี)
- จับยาบ้าผิดตัว ตำรวจบุกยิงถล่มชาวบ้านอยุธยา (บ้าน/ตู้เย็น พรุนทั้งหลัง จนมีคนได้ฉายา ยุทธตู้เย็น)
- ข้อสอบ Ent. รั่ว ช่วยให้ลูกตัวเองเข้าเรียนในสถาบันที่มีชื่อเสียง(ก่อนอุ้งอิ๋งติดจุฬาฯ)
- คุณหญิงพจมาน ชินวัตร กว้านซื้อที่ดินหลายพันไร่ ทั้งใน กทม.(แถวศูนย์วัฒนธรรม) และต่างจังหวัด
- นายนิธินันท์ หรือ ลัทธพล ออกมาแฉทุจริตที่จอดรถ สนามบินสุวรรณภูมิ กลับไปกลับมา
- รันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิแตกร้าว
- สั่งซื้อคอมพิวเตอร์ 250,000 เครื่องแจกโรงเรียนทั่วประเทศ แฝงวาระซ่อนเร้นการเชื่อมอินเตอร์เน็ตผ่าน IP Star ของบริษัท
ตัวเอง



โดย: มนแจน IP: 124.121.244.110 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:38:49 น.  

 
6. การระเมิดสิทธิเสรีภาพ
- รัฐบาลคุกคาม แทรกแซงการเสนอข่าวของสื่อมวลชน
- ปลด 23 พนักงาน ITV (หลังจากชินคอร์ปเข้าบริหาร)
- บังคับให้ สส.กลุ่มวังน้ำเย็นถอนชื่อ การคัดค้านเสนอผู้ว่า สตง.
- งัดห้องทำงานผู้ว่า สตง. (คุณหญิงจารุวรรณฯ)
- สั่งปิดวิทยุชุมชนที่วิจารณ์รัฐบาล (อ้างคลื่นรบกวนเครื่องบิน)ปัจจุบันวิทยุชุมชนจาบจ้วงสถาบันและหมิ่นพระบรม เดชานุภาพ เปิดกันอย่างเสรี รัฐบาปไม่จัดการเพราะตนเองได้ผลประโยชน์ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องของความมั่นคง
- ถอดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น (นายกทุบกระจกเงาตัวเอง) แต่ยึดช่อง 11 ให้ลิ่วล้อจัดรายการความเท็จวันนี้บิดเบือนความจริงในสังคม และนายกพบประชาชน เป็นการสื่อสารข้างเดียว
- ทักษิณฯ ฟ้อง สนธิฯ 500 ล้านบาท ฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา (ไอ้โม่งที่ปิดรายการเมืองไทยฯ ตัวจริงโผล่ เป็นการยอมรับว่าตัวเองคือลูกแกะหลงทาง)
- ทักษิณฯ ฟ้อง นสพ. ผู้จัดการ 500 ล้านบาท ฐานนำคำเทศน์ของหลวงตาบัว มาลงตีพิมพ์ (ศิษย์เนรคุณ ฟ้องคำสอนพระอาจารย์ไม่กล้าฟ้องหลวงตาบัว แต่ฟ้องหนังสือพิมพ์แทน)

7. ด้านเศรษฐกิจ / ตลาดหุ้น
- คลังฮุบหุ้น TPI (บริษัทสุดท้ายที่ได้รับใบอนุญาตให้ทำกิจการปูน และโรงกลั่นน้ำมัน)
- หลอกแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ขายสมบัติชาติ แอบแบ่งหุ้นให้พรรคพวก และต่างชาติแต่รัฐยังเป็นเจ้าของและแทรกแซงได้
เหมือนเดิม เช่น การบินไทย, ปตท., อสมท.,กฟผ., กสท., TOT
- รัฐพยายามหาทางเอาเงินประชาชน กบข. (ราชการ) กองทุนประกันสังคม, กบช.(เอกชน) ไปใช้จ่ายในโครงการต่างๆอย่าง
ฟุ่มเฟือย เบียดบังสิทธิประโยชน์ข้าราชการ เอาไปลงทุนตอนนี้ขาดทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเหตุวิกฤตเศรษฐกิจอเมริกา
- GMM แกรมมี่ และคนในรัฐบาลซื้อหุ้น นสพ. การเมือง 5 ฉบับ (มติชน, ข่าวสด,ประชาชาติธุรกิจ, Bangkok Post, Post Today พร้อมกัน โดยไม่สมเหตุสมผลและฟังไม่ขึ้น ส่อเจตนาเข้ามายึดครอง) เหตุผลชัดเจนจะเห็นว่าตอนนี้สื่อดังกล่าวเป็นกระบอกเสียงให้รัฐ บิดเบือนความจริง ไร้สิ้นจรรยาบรรณแต่ยังมีส่วนน้อยมากๆที่พอมีจิตสำนึกแต่ไม่สามารถทำอะไรได้

8. ด้านกฎหมาย / อำนาจนิยม ที่ส่อเจตนาทุจริต และสร้างฐานอำนาจ เพื่อผลประโยชน์
- แต่งตั้ง ญาติ พี่น้อง เพื่อน พรรคพวก ดำรงตำแหน่งในหน่วยราชการ การเมือง ตำรวจ ทหาร เพื่อรวบอำนาจบริหาร – ปกครอง จนปัจจุบันหนีคดียังตั้งรัฐบาลนอมินี-แฟมิลี่ โดยอาศัยเสียงข้างมากที่ส่วนใหญ่ใช้เงินซื้อมา
- แทรกแซงองค์กรอิสระ ด้วยวิธี ดูด, ดึง, ซื้อ, ส่งคนเข้าไปคุม เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ, ศาลปกครอง, กลต., ปปง., ปปช., คตง.,
สว.(บางส่วน)
- แทรกแซงสถาบันสงฆ์ (ออก พรก.แต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราชโดยพลการ)
- ซื้อขายที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ บนที่ดินวัด และพรบ.ปฏิรูปจัดระเบียบที่ดินวัดทั่วประเทศ (คือที่มาของการแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช)
- แทรกแซงศาลรัฐธรรมนูญ ประธาน สว. แทรกแซงและแต่งตั้งผู้ว่า สตง. คนใหม่อย่างมีเงื่อนงำ และไม่มีเหตุผลสมควร กล้าให้คนของตนเองติดสินบนศาลด้วยเงินในกล่องขนม 2 ล้านบาท กรรมสนองผู้เกี่ยวข้องติดคุก หมดอนาคต
- การสรรหา กสช. และ กทช. ไม่โปรงใส
- พระราชบัญญัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏ ถูกตีกลับ
- พระราชกฤษฎีกา บำเหน็จบำนาญ สส. และ สว.
- ออก พระราชกำหนด สรรพสามิตกิจการโทรคมนาคม เพื่อผลประโยชน์ และกีดกันคู่แข่งทางธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ
(AIS) ผลประโยชน์ทับซ้อน
- ออก พระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อสร้างฐานอำนาจเบ็ดเสร็จ
- โผทหารของนายก และ การลงนามแต่งตั้งช้ากว่าปกติ ถึง 22 วัน ปัจจุบันแต่งตั้งตำรวจเพื่อนพ้องของตนเอง ช่วยเหลือกันจนสุดลิ่มทิ่มประตูสร้างความเดือดร้อนให้ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ถู กกลียดชังกรณีเหตุการณ์7 ตุลา 51
9. ปัญหา บ้านเมือง
- ระเบิด และคนถูกฆ่า ใน 3 จังหวัดภาคใต้ (ที่เปลี่ยน แม่ทัพ, ผอ., ผู้กำกับ, รมต., รองนายก แล้วหลายคน แต่ยังไม่เปลี่ยน นายกจึงแก้ปัญหาไม่ได้)
- ราคาน้ำมันแพงเกินเหตุ (แต่ ปตท. กำไรแสนล้าน)
- เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนถูกสอนให้ กู้เงิน ใช้เงิน แต่ไม่เน้นให้ความรู้ในการประกอบอาชีพ และประหยัดในแบบ เศรษฐกิจ
พอเพียง)
- ไม่มีระบบตรวจสอบ และ คานอำนาจรัฐบาล จึงเป็นรัฐบาลเผด็จการตัวจริง (ฝ่ายค้าน, องค์กรอิสระ เป็นง่อยทำอะไรไม่ได้) ฝ่ายค้านทำงานไม่ได้เพราะเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง
- รมต. ก่อนจะรับ หรือพ้นตำแหน่ง ไม่มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินให้ประชาชนรู้เหมือนเมื่อก่อน มีการปกปิดบัญชีทรัพย์สิน
- ปัญหาสังคม, ครอบครัว, บัตรเครดิตเต็มเมือง, ประชาชนเป็นหนี้ท่วมตัว, ตกงาน, อาชญากรรม, จี้, ปล้น, การพนัน, โรคจิต,
ทิ้งเด็ก, รถซิ่ง, นักเรียนตีกัน, ขายตัว, ส่วยตำรวจ

10. สิ่งที่ทักษิณซื้อ
- บุคคล และองค์กร เช่น ข้าราชการ, สส., สว., พรรคการเมือง, องค์กรอิสระ, นักวิชาการ, สื่อมวลชน, ประชาชน, ประเทศไทยและธุรกิจที่มีผลประโยชน์ตอบแทนชัดเจน เช่น
- สัมปทานโทรคมนาคม โทรศัพท์เคลื่อนที่ (บ. AIS)
- ดาวเทียมไทยคม, IP Star (บ. ชินแซคฯ)
- อินเตอร์เนท (บ. CS Loxinfo)
- สายการบิน (AIR ASIA)
- สถานีโทรทัศน์ (ITV)
- มหาวิทยาลัย (ม.ชินวัตร)
- โรงพยาบาล (พญาไท)
- ธนาคาร (Non-Bank Capital OK)
- บริษัทโฆษณา

11. คำพูด คำสัญญา ที่ไม่เป็นจริง
- ผมจะแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 6 เดือนพูดจริง ทำไม่จริง เลยทำไม่ได้ น่าขายหน้า
- ถ้าเป็นรัฐบาล จะแก้กฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ตอนนี้ตัวเองขายชาติเสียเอง โดยเฉพาะลิ่วล้อที่ชื่อนพดล ตาเหล่ ทำตามใบสั่งขายดินแดนปราสาทเขาพระวิหารให้เขมรแลกกับธุรกิที่เกาะกงและใน อ่าวไทย
- ผมจะทำ GDP ให้โต 8% ตอนนี้ตกเอาตกเอา
- จะปราบคอรัปชั่น แต่ตัวเองแต่งตั้งคนเข้าไปคอรัปชั่นเสียเองขนาดตอนปี49 น้องเขยตัวเองยังคอรัปชั่นเวลาราชการไปพากิ๊กเข้าม่านรูดเลย จัดการเสียสิ
- จะปกป้องโชว์ห่วยไทย (แต่กลับปล่อยให้โลตัสขยายสาขาอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง)ความจริงก็คือป้องกันโชว์ห่วยได้กำไรจึงตัดตอนเบ็ดเสร็จ
- โครงการย้ายที่ตั้งรัฐสภาไปรังสิต (บ.ไทยเมล่อน)
- โครงการย้ายส่วนราชการ ไป จ.นครนายก ปั่นราคาที่ดินของพวกพ้องตนเอง คนซื้อเลยซวยไป

12. พฤติกรรมส่อเจตนาและหมิ่นเหม่พระราชอำนาจในสมัยรัฐบาล ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
- ยื่นแต่งตั้ง ผู้ว่า ส.ต.ง. แต่ในหลวงไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย
- สุชนไม่ยอมลาออก แถมดื้อดึงเป็น ปธ วุฒิสภา เมื่อยื่นเสนอครบ 90 วัน เมื่อ 10 กันยายน 2548
- ยื่นแต่งตั้ง ผบ.ทอ. ที่ ผู้ว่า ส.ต.ง. ชี้มูลทุจริตเรื่องซ่อมเฮลิคอปเตอร์
- ทำบุญประเทศไทยในสถานที่ของเชื้อพระวงศ์ความจริงคือสถาปนาตนเองเทียบตนเสมอเจ้า
- ฆราวาสโดยนายวิษณุเซ็นแต่งตั้งรักษาการพระสังฆราชเองโดยพลการ ทั้งที่ต้องเป็นพระราชอำนาจพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- บินทดสอบสนามบินสุวรรณภูมิ 29 กันยายน 48 อ้างทำ Flight Check แต่มีการแจกของชำร่วย
- ไม่ไปรับเสด็จ สมเด็จราชินี, สมเด็จพระเทพ, ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ตอนเสด็จแปรพระราชฐานไปตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ วันที่
26 กันยายน 2548 (นายกอยู่ภาคเหนือคุยกับมาดามอู๋อี๋ ทั้งที่มีรองนายกคอยต้อนรับ)
- ไม่ไปรับเสร็จ สมเด็จพระเทพ ตอนเสร็จพระราชทานเพลิงศพ นาวิกโยธิน 2 นายที่ภาคใต้ (นายกเตรียมการบินเปิดสุวรรณภูมิ)
- ไม่ไปถวายพระพรสมเด็จพระสังฆราชเนื่องในวันประสูติ 3 ตุลาคม 2548
- ไม่ต่ออายุ ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์(ผู้รับใช้เบื้องพระยุคลบาท) บอกว่าถ้าจะต่อต้องไปอยู่ที่อื่น แต่ทีน้องเขยตัวเองต่ออายุให้เป็นครั้งที่ 3 ตำแหน่งปลัด ยธ
- ถวายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคให้ในหลวง จนในหลวงต้องบอกว่าไม่เป็นไร ลูกสาวเราก็เป็นข้าราชการใช้สิทธิ์เบิกได้

13. วีรกรรม และคำคม
-"...ผมไม่ต้องการอะไรจากประเทศไทยอีกเเล้ว...ผมพอเเล้ว..." ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่พอกับโฟนอินทำลายชาติ
-"คนรวย ไม่โกง" "รวยแล้วไม่โกง"หลักฐานคดีอยู่ที่ศาลทนโท่
- ด่านักวิชาการที่ให้คำแนะนำรัฐบาล "พวกขาประจำ"แต่ชอบพวกเชลียร์และให้ความสำคัญกับไอ้ลิงสภาโจ๊กและคนต้องคดี หมิ่นอย่างวีระในการเป่าหูมวลชนแบบไร้ความคิด
- ด่าวิชาชีพทนาย แต่ตอนนี้ต้องการทนายช่วยคลี่คลายคดีมากที่สุด
- ด่า UNSCR กลางที่ประชุมสหประชาชาติ (ห้ามยุ่งกับปัญหาภาคใต้ไทย)
- “UN ไม่ใช่พ่อ”
- “พวกนี้มันโจรกระจอก”
- "ผมรู้แล้วครับ" "รู้ตัวหมดแล้ว" "ตอนนี้กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด" "ผมจัดการได้" "ไม่นาน ๆ รอหน่อย" "ไม่เกิน 3 เดือน" "ตอนนี้กำลังปรับแผน"
- “เป็นทหารปล่อยให้เขาปล้นปืนได้ ก็สมควรตายแล้ว” (กรณีปล้นปืนทหาร 4 ม.ค. 47)
- "ทุกคนทำตามหน้าที่ไปเลย ผมรับผิดชอบเอง อันนี้ไม่ต้องห่วง ผมขอรับผิดชอบเอง" นักข่าวถามต่อ รับผิดชอบอย่างไรค่ะท่าน "เออ รับผิดชอบโดยการที่ประชาชนไม่ต้องเลือกผม ถ้าผมทำไม่ดีคราวหน้าประชาชนก็ไม่ต้องเลือกผม"
- “ไม่ต้องตกใจ มันแค่โรคอหิวาระบาด” (ปัญหาไข้หวัดนก)
- “เป็นพระอยู่ส่วนพระ ไม่สมควรพูดเรื่องการเมือง ถ้าพูดก็ไม่สมควรเรียกว่าพระ”
- “แม'ง...ไอ้พวกนักวิชาการก็เอาแต่ติ”
- “พูดเรื่องพระราชอำนาจ ระวังเหาจะกินหัว”
-“ อุ๊ย อันนี้ท่านเมตตาผมมาก่อนเยอะเลย เพราะฉะนั้นผมก็ต้องเมตตาท่าน เป็นธรรมดา”
-“ถ้ารู้สำนึกผิดเมื่อไหร่ให้มาบอก จะให้อภัย” (กรณีฟ้องสนธิ)
- “จังหวัดไหนมอบความไว้วางใจให้เราต้องดูแลเป็นพิเศษ ต้องเอาเวลาไปจังหวัดที่เราได้รับความไว้วางใจมากเป็นพิเศษ จังหวัดที่ไว้วางใจเราน้อยต้องเอาไว้ทีหลัง” (กรณีแพ้เลือกตั้งซ่อม สส. ที่ จ.พิจิตร และ จ.อุทัยธานี 30 ตค. 4Cool (ประเทศไทย และภาษีประชาชนเป็นของ
นายกแล้วหรือ?)
-“ประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมและไปร้องเรียนกับตำรวจ แต่ตำรวจไม่รับแจ้งความ ตอนนี้หากไปบอกว่าเป็นสมาชิก
พรรค ทรท.ตำรวจรีบรับแจ้งความเลย”
- "พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ดาวพุธโคจรถอยหลัง"
-"เอะอะก็หาว่าผมไม่จงรักภักดี ปัดโธ่ ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี แล้วผีที่ไหนจะจงรักภักดี"
-นักข่าวถาม : ท่านขายหุ้นได้เงินมามาก แต่ไม่เสียภาษีเลย ทักษิณตอบ : "อิจฉา อะดิ" หน้าด้านชมัด ขอให้ศาลตัดสินริบทรัพย์เป็นของแผ่นดินเร็วๆ มันจะได้กระอักออกมาเป็นเลือดแล้วเส้นเลือดในสมองแตกเป็นอัพาต ทรมานตายอย่างช้าๆ
-"ยกเว้นพระเจ้าอยู่หัว กระซิบข้างหูว่าทักษิณลาออกเถอะเท่านั้นจะกราบพระบาทลาออกแน่นอน"
-"ผมเป็นนายกฯ พระราชทานอยู่แล้ว ถ้าผมได้รับเลือกตั้ง พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว"
-"โผทหารที่นายกฯ เซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่ยน"
-"ไม่มี้ ขายเขยอะไรกัน ไปคราวนี้ไปเที่ยว ไปชอปปิ้ง" (กลับจากสิงคโปร์ กรณีขายหุ้นชินให้เทมาเส็ก)
-"โถ่ ผมตัวเบ่อเร่อเท่อ ไม่ตรงไปตรงมาได้ยังไง ต้องทำตรงไปตรงมาอยู่แล้ว"
-"ลาออกเหรอ รอชาติหน้าสายๆเถอะ"เลยต้องโดนปฏิวัติไงล่ะ
-"ผมจะไม่ยุบสภา ถ้ายุบก็เท่ากับทรยศประชาชน" (สุดท้ายสุดก็ยุบสภา)
-"ครั้งนี้ต้องขอบคุณลูกๆ ที่เขาสงสารพ่อ กลัวพ่อจะถูกกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน"พ่อเลวสอนลูกเลว
- "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญคือใคร" "...วันนี้ผมเจ็บขา..." "...เอาไว้เดี๋ยวจะร้องเพลงให้ฟัง..." "..พอแล้ว สมานฉันท์ได้แล้ว.."
-"Enough is enough"

14. พรรคพวก ลิ่วล้อ ลูกสมุน บริวาร
ญาติพี่น้อง – เพื่อนฝูง – คนใกล้ชิดครอบครัว
- พจมาน ชินวัตร, เยาวเรศ ชินวัตร, เยาวภา-สมชาย วงศ์สวัสดิ์, สุชน ชาลีเครือ, ธรรมรักษ์ อิศราง**ร ณ อยุธยา, ชิดชัย วรรณสถิตย์, คงศักดิ์ วันทนา, เนวิน ชิดชอบ, ยงยุทธ ติยไพรัช ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์จาก บ.เครือชินคอร์ป และ บ. AIS
- สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, พงษ์ศักดิ์ รัตนพงษ์ไพศาล, สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, บุญคลี ปลั่งศิริ นักการเมืองลูกหม้อเก่าจากพรรคพลังธรรม
- สุดารัตน์ เกยุราพันธ์, สุธรรม แสงปทุม, จำลอง ศรีเมือง นักการเมือง กลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองที่ดูดซื้อมา
- ความหวังใหม่ (ชวลิต ยงใจยุทธ), เสรีธรรม (พินิจ จารุสมบัติ), ชาติพัฒนา (สุวัจน์ ลิปตพัลลภ), เนวิน ชิดชอบ, สมชาย คุณปลื้ม, สมศักดิ์ เทพสุทิน, ผู้มีอุปการะ คุณ ผู้สนับสนุน พรรคไทยลักไทย
- สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, อดิศัย โพธารามิก, ประชา มาลีนนท์, วัฒนา เมืองสุข, ประยุทธ มหากิจศิริ ผู้มีพระคุณ บุญคุณอย่างสูง
- ทนง พิทยะ, ชัยวัฒน์ วิบูลสวัสดิ์ นักวิชาการ และ สส.ขายตัว (คนเก่ง ที่เงินซื้อได้ คือ คนขายอุดมการณ์ ไม่ใช่คนดีจริง)
- ดร.วิษณุ เครืองาม, โภคิน พลกุล, ดร.ธงทอง จันทรางศุ, ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, จักรภพ เพ็ญแข, ตุ่น จินตเวช

16. คนมีอุดมการณ์ แต่ถูกกลั่นแกล้ง และอยู่ในรัฐบาลไม่ได้
- ดร.เกษม วัฒนะชัย
- ดร.ปุระชัย เปรี่ยมสมบูรณ์
- นายวิโรจน์ นวลแข


โดย: มนแจน IP: 124.121.244.110 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:39:38 น.  

 
พีไม่รู้อะไรหลอกท่านทักษิณเขาทำไห้ประชาชนเขาหายจากความจนได้แต่พวกพีกลับทำไห้คนจนๆทีเขาไม้มีบ้านไม้มีผ้าหมเด็กบางคนก็ไม่ได้เรียนหนังสือแต่ท่านทักษิณเป็นคนมาชวยสรางคามฝันไห้แก่คนลากญาเด็กชาวเขาทีอยู่แม่ฮองสอนเขาไม้มีฝ้าหมไม้ได้รับการศึกษาเป็นเด็ทีหน้าส่งสารมาก
แต่ก็มีคนเสือแดงกลุ่มหนึ่งที่ได้ไปหมอนเสืกันหนาวไห้แต่ก็ยังไม่พอเลยครับแต่ก็มีอีกหลายทีมาทีเขาตองการท่านทักษิณเพีอมาช่วยไห้ครายหนาวได้ท่าพวกพี๐เป็นเหมือนกับชาวเขา
ที่ไม่มีอะไรจะกินงีละแล้วพวกพี่จะเรียกไห้ไครมาช้วยละคิดสว่าผมขอร้องนะครับ


โดย: 555 IP: 222.123.29.23 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:56:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนเดินดินฯ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








ปณิธาน

การเดินทางของชีวิตของทุกผู้คน
ทุกคนต่างต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่จะมีสักกี่คนที่จะก้าวไปถึง
เมื่อเราก้าวถึงจุดนั้น
ขออย่าลืมการแบ่งปันและเจือจาน
แก่ผู้ด้อยโอกาสในสังคม

เราจะเติบโตและก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน
เพื่อสร้างสรรค์สังคมใหม่ที่ดีงาม

เพื่อให้อนุชนคนรุ่นหลัง
ได้ใช้ชีวิตของเขา
ตามศักยภาพและความตั้งใจของเขา
ตราบเท่าที่เขาต้องการ







เดินไปสู่ความใฝ่ฝัน


ชีวิตหนึ่งร่วงหล่นไปตามกาลเวลา
คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า
นั่นคือวัฏจักรของชีวิตที่ดำเนินไป

เยาว์เธอรู้บ้างไหม
ว่าประชาราษฎรนั้นทุกข์ยากเพียงใด
เสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เหลืออยู่
เธอเคยมีความใฝ่ฝันที่แสนงามบ้างไหม

สักวันฉันหวังว่าเธอจะเดินไปตามทางสายนี้
ที่อาจดูเงียบเหงาและโดดเดี่ยว
แต่ภายใต้ฟ้าเดียวกัน
ฉันก็ยังมีความหวัง
ว่าผู้คนในประเทศนี้
จะตื่นขึ้นมา
เพื่อทวงสิทธิ์ของพวกเขา
ที่ถูกย่ำยีมาช้านาน
และฉันหวังว่าเธอจะเดินเคียงคู่ไปกับพวกเขา

เพื่อสานความใฝ่ฝันนั้นให้เป็นความจริง
สัญญาได้ไหม
สัญญาได้ไหม
เยาว์ที่รักของฉัน


***********



ขอมีเพียงเธอเป็นกำลังใจ




ทอดสายตามองออกไปยังทิวทัศน์ข้างหน้า
แลเห็นต้นหญ้าโบกไสว
เห็นดอกซากุระบานอยู่เต็มดอย
ความงามที่อยู่ข้างหน้า
เป็นสิ่งที่ฉันจะเก็บมันไว้
ยามที่จิตใจอ่อนล้า...

ชีวิตยามนี้แม้ผ่านมาหลายโมงยาม
แต่จิตใจข้างในยังคงดูหงอยเหงา
หลายครั้งอยากมีเพื่อนคุย
หลายครั้งอยากมีคนปรับทุกข์
และหลายครั้งต้องนั่งร้องไห้คนเดียว

รางวัลสำหรับชีวิตที่ผ่านมา
มันคืออะไรเคยถามตัวเองบ่อย ๆ
ความสำเร็จ...เงินตรา...เกียรติยศชื่อเสียง
มันใช่สิ่งที่เราต้องการหรือเปล่า
ถึงจุดหนึ่งชีวิตต้องการอะไรอีกมากไปกว่านี้

หลายชีวิตยังคงดิ้นรนต่อสู้
เพื่อปากท้องและครอบครัว
มันเป็นความจริงของชีวิตมนุษย์
ที่ต้องดำรงชีพเพื่อความอยู่รอด
มีทั้งพ่ายแพ้ มีทั้งชนะ
แต่ชีวิตต่างต้องดำเนินไป
ตามวิถีทางของแต่ละคน

ลืมความทุกข์ ลืมความหลังที่เจ็บปวด
มองออกไปข้างหน้า
ค้นให้พบตัวตนของตนเองอีกครั้ง
แล้วกลับไปสู้ใหม่
การเริ่มต้นของชีวิตจะต้องดำเนินต่อไป
จะต้องดำเนินต่อไป

ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต....




@@@@@@@@@@@




การเดินทางของความรัก

...ฉันเดินไปด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า
สมองได้คิดใคร่ครวญ
ความรักในหลายครั้งที่ผ่านมา
ทำไมจึงจบลงอย่างรวดเร็ว

ฉันเดินไปด้วยสมองอันปลอดโปร่ง
ความรักทำให้ฉันเข้าใจโลก
และมนุษย์มากขึ้น
และรู้ว่าความแตกต่าง
ระหว่างความรักกับความหลงเป็นอย่างไร?

ฉันเดินไปด้วยดวงตาที่มุ่งมั่น
บทเรียนของรักในครั้งที่ผ่าน ๆ มา
มันย้ำเตือนอยู่เสมอว่า
อย่ารีบร้อนที่จะรัก
แต่จงปล่อยให้ความสัมพันธ์
ค่อย ๆ พัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป
เรียนรู้และทำเข้าใจกันให้มากที่สุด

ก่อนที่จะเริ่มบทต่อไปของความรัก...




*******************



จุดไฟแห่งศรัทธาและความมุ่งมั่น

เข้มแข็งกับอ่อนแอ
สับสนหรือมุ่งมั่น
จะยอมแพ้หรือลุกขึ้นท้าทาย
กับชีวตที่เหลืออยู่
ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจเราจะกำหนด

ไม่ใช่เพราะอิสระเสรี
ที่เราต้องการหรอกหรือ?
ที่มันจะนำทางชีวิต
ในห้วงเวลาต่อไป
ให้เราก้าวทะยานไป
สู่วันพรุ่งที่สดใส

มีแต่เพียงคนที่รู้จักตนเองอย่างดีพอเท่านั้น
จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้
เมื่อผ่านการสรุปบทเรียน
จากปัญหาต่าง ๆ ที่ประสบ
เราก็จะมีความจัดเจนกับชีวิตมากขึ้น
และการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
ในอนาคตก็จะเป็นเพียงปัญหาที่เล็กน้อยสำหรับเรา
ในการที่จะก้าวผ่านไป



ด้วยศรัทธาและความมุ่งมั่นที่มีอยู่ในใจ
ที่จะต้องย้ำเตือนตัวเองอยู่เสมอ
หนทางในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ
ย่อมอยู่ไม่ไกลห่างอย่างแน่นอน

*********************



ก้าวย่างที่มั่นคง

บนทางเดินแคบ ๆ ที่เหลืออยู่
หากขาดความมั่นใจที่จะก้าวเดินต่อไป
ชีวิตก็คงหยุดนิ่งและรอวันตาย
แม้ทางข้างหน้าจะดูพร่ามัว
และไม่รู้ซึ่งอนาคต
แต่สิ่งที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
คือก้าวย่างไปอย่างมั่นคง
และมองไปข้างหน้าอย่าเหลียวหลัง
เก็บรับบทเรียนในอดีต
เพื่อจะได้ระมัดระวังไม่ให้ผิดพลาดอีกในอนาคต

"""""""""""""""""""""""""""""""""



ใช้สามัญสำนึกทำงาน

ไม่มีแผนงานที่สวยหรู
ไม่มีปฏิบัติการใดที่สมบูรณ์แบบ
ในยามนี้มีเพียงการทำงานด้วยการทุ่มเท
ลงลึกในรายละเอียดเท่านั้น
จึงจะสามารถคลี่คลายปัญหาของงานลงได้
บางครั้งโจทย์ที่เจออาจยากและซับซ้อน
แต่เมื่อลงไปคลุกคลีอย่างแท้จริง
โจทย์เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

""""""""""""""""""""""""""""""""



เรียบ ๆ ง่าย ๆ


อย่ามองสิ่งต่าง ๆ ด้วยแว่นสีที่ซับซ้อน
เพราะในโลกนี้มีเพียงสิ่งสามัญที่เรียบง่าย
สำหรับคนที่สงบนิ่งเพียงพอเท่านั้น
จึงจะแก้โจทย์และปัญหาต่าง ๆ
ด้วยกลวิธีที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ
ไม่ซับซ้อนและตรงจุดได้อย่างเพียงพอ

""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""

ใจถึงใจ

บนหนทางไปสู่ความสำเร็จ
บนหนทางของการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
มีเพียงคนที่เข้าใจในสภาพจิตใจของคนทำงานเท่านั้น
จึงจะสามารถนำทีมงานไปสู่เป้าหมายได้
อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน








Friends' blogs
[Add คนเดินดินฯ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.