พระจันทร์วันเพ็ญเห็นหรือไม่
วันนี้ฟ้าร้องครืนคราง ไม่รู้เหมือนกันว่าฝนจะตกหรือฝนจะแล้ง
อากาศภายในบ้านมันอบอ้าว ได้ยินเสียงเด็กๆวิ่งเล่นกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน
เดินเรื่อยๆเอื่อยๆ เพราะอยากจะย่อยอาหารเย็นที่เพิ่งจะกินเข้าไป
ลมเย็นมาประทะหน้าแต่ว่าฟ้ากลับกระจ่างใส วันนี้ไฟดับทั้งถนน สงสัย หมาจะฉี่รดเสาไฟแหงมๆๆๆ
นั่งทอดอารมณ์กินบรรยากาศ จู่จู่ภาพความทรงจำก็ผุดขึ้นมา
,,,ภาพแรก,,,
จำได้ว่าวันนั้นร้องไห้มากมาย
ไม่รู้จักใครเลย
เขาพูดอะไรกันนะ ฟังแปลกแปลก คนเดียวที่รู้จัก หาพ่อ แง แง ผู้คนพลุกพล่านเสียงดังเอะอะ ยิ่งใจเสีย พ่ออยู่ไหน
ทันใดมีผู้หญิงวัยกลางคนเข้ามาอุ้ม ปลอบประโลมใจว่าจะพาไปหาพ่อ เราก็ให้เขาอุ้มโดยดี
เขาพาไปหาเด็กหญิงเล็กๆ มัดผมน้ำพุบานแฉ่ง ตาโต ยิ้มหวาน
เราหยุดร้องยิ้มตอบนั่นคือภาพแรกที่ประทับในใจเรา
เด็กคนนั้นเธอชื่อ วันเพ็ญ
ย้อนหลังไปหลายสิบปี วันนั้นคือวันที่พ่อเขาแต่งงานใหม่
หลังจากแม่เราตายได้ปีเศษ เขาพาเราไปอยู่ด้วย
เราแค่สองขวบ ภาษาก็สื่อสารไม่ค่อยเข้าใจ
คนในหมู่บ้านเขาพูดภาษาประจำถิ่น เราต้องปรับตัวมากมาย
แต่มีคนเดียวคือวันเพ็ญ ที่ทำให้แช่มชื่นใจ
เราวัยใกล้เคียงกัน และวันเพ็ญมีน้องอีกสามคน
,,,,ครอบครัวใหม่,,,,,,
ตากับยายใจดีกับเรามาก
กลัวว่าจะเข้ากับลูกสาวเขาซึ่งก็คือแม่ใหม่ไม่ได้
ก็เลยรับเลี้ยงไว้เอง มารู้ตอนหลังคนที่อุ้มเราในวันงานก็คือยาย
ยายจะพาเราไปเล่นกับวันเพ็ญเป็นประจำ
เด็กคนเดียวในบ้านมันออกจะเหงาอยู่สักหน่อยเห็นเขาวิ่งเล่นกัน
ยายก็พาไปป้อนข้าวที่ลานบ้าน
ปล่อยให้วิ่งบ้าง เรามีอะไรมาเล่นกันมากมาย
เล่นปั้นดิน เล่นขายของ เล่นตี่จับ นั่งฟังนิทานรอบกองไฟ
เผาข้าวหลาม เผามันเทศ เผากุ้ง หอย ปู ปลา
นึกถึงที่ไรก็หิวทุกที
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วถึงเวลาต้องเข้าโรงเรียน
,,,,โรงเรียน,,,,,
ไปโรงเรียนวันแรกรู้สึกใจหาย ที่ต้องจากบ้านจากตากับยาย เห็นวันเพ็ญน้ำตาคลอ เราก็พอกัน
กลัวสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ กลัวคุณครูจะตี กลัวเพื่อนแกล้ง
แต่พอเห็นกันและกันก็ค่อยใจชื้น เราอยู่คนละห้อง แต่ตอนกลับบ้านเรากลับพร้อมกัน
หลังเลิกเรียนก็เดินชมนกชมไม้ คุยกันกระหนุงกระหนิง
แวะเก็บมะม่วงที่ร่วงลงมา
เพราะเมื่อเช้าลมพายุพัดแรงเก็บใส่กระเป๋ากระโปรงจนตุง
วันเสาร์อาทิตย์เราจะเข้าไปเล่นในสวน
เก็บฝรั่งขี้นก น้อยหน่า ลูกข้าวเม่า ข้าวปลาไม่ยอมกินเพราะเล่นเพลิน
ชวนน้องๆตอนนั้นยังไม่ได้เข้าโรงเรียนมาเป็นนักเรียน
เราสองคนเป็นคุณครู สอนอ่านกอไก่ ขอไข่ ครูก็ดำน้ำปุดๆ
นักเรียนก็อ่านตาม อย่างพร้อมเพรียง
เบื่อๆก็เล่นเลียนแบบหนังกลางแปลงที่เคยดู
เธอเป็นตำรวจ ฉันเป็นตำรวจ
แล้วก็ไม่มีใครยอมเป็นผู้ร้าย เอ ทำไงดีล่ะ
,,,,เพื่อน,,,,
ก็เปลี่ยนเรื่อง เราเป็นผู้กินกับ,,,, กำกับ,,,
คอยบอกบทว่าใครจะต้องพูดและแสดงยังไง พวกน้องๆของวันเพ็ญก็ยอมทำตาม เราไม่เคยทะเลาะกันเลย ว่าไงว่าตามกัน
แต่มีครอบครัวตัวแสบอยู่บ้านถัดไป
ชอบมาแย่งของเล่นเรา แล้วก็เอาขนมมาล่อน้องๆให้ทำอะไรพิเรน เราแจ้นไปบอกยาย ก็เลยวงแตก
ยายห้ามเด็ดขาดไม่ให่ไปเล่นด้วย
เพราะพวกเขามีไพ่ เล่นกินยางหนังสติ๊ก
ยายบอกว่ามันเป็นการพนัน มันไม่ดี เราจำมาจนทุกวันนี้
,,,,, จันทร์วันเพ็ญ,,,,,
คืนไหนพระจันทร์เต็มดวง ท้องฟ้าไร้เมฆ
ลานบ้านจะสว่างราวกลางวัน
เราจะมารวมตัวกัน และวิ่งเล่นอีกาคาบไข่ ตี่จับ ม้าส่งเมือง
ถ้าเป็นวันหยุดก็จะต่อรองกับยายขอดึกหน่อย
เล่นจนเหนื่อยก็มานั่งเล่านิทานที่ม้านั่งใต้ต้นมะพร้าว
เล่านิทานไปมาก็เลยมาเรื่องผี เราไม่กล้ากลับบ้านคนเดียว ต้องให้ทุกคนเดินมาส่ง จนถึงบันได
,,,,เจ๊กเว้ง,,,,
วันหยุด แม่ของวันเพ็ญทำขนมกล้วยบวชชีให้กิน
บางทีก็ซิ้อกล้วยแขก จะว่ากล้วยแขกซะทีเดียวก็ไม่ใช่
มันคือเศษแป้งของกล้วยแขก ที่เจ๊กเว้งหาบใส่กระป๋องมาขาย
กระป๋องใบใหญ่ที่เขาใช้หาบน้ำนั่นแหละบุรองก้นด้วยผ้าดิบ
" เจ๊กเว้งตกน้ำตายเมียร้องไห้เสียดายเจ๊กเว้ง "
นี่คือเพลงที่เราใช้ร้องล้อเลียนเวลาแกมาขายของ
แกมาอาศัยวัดอยู่ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป
แกขี้เหนียวมาก
กระทั่งถุงใส่กล้วยแขกแกยังใช้ซองผ้าป่าของวัดใส่ให้
เศษแป้งทอดแกยังไม่ยอมแถมให้เลย
ขนมของวันเพ็ญอีกอย่างก็คือกล้วยน้ำว้าแขวนไว้ทั้งเครือใต้ถุนบ้าน
กล้วยที่ปลูกไว้นั่นแหละ แม่แกลูกเยอะก็ต้องทำขนมให้ลูกๆกิน จะได้ประหยัด
ละแวกนั้นโอกาสจะได้กินขนมกรุบกรอบยากเต็มที
แต่ก็เป็นโชคดีมากกว่าที่ไม่มีให้กิน
ฟันก็เลยแข็งแรงไม่ผุมาจนกระทั่งปัจจุบัน
ส่วนใหญ่ขนมก็จะเป็น ขนมตาล ข้าวเหนียวเปียก
ลอดช่องน้ำกระทิ กวนกันเหงื่อหยด แตงไทยน้ำกระทิ
ข้าวโพดคลุก มันต้ม ถั่วต้ม ประมาณนี้
ทุกอย่างเก็บในสวน ซื้อเฉพาะน้ำตาล
ป้าซื้อตุ๊กตาให้เรา ตัดชุดกระโปรงสวยๆไว้ให้ มีเสื้อผ้าหลายชุด
เพราะป้าเป็นช่าง ก็เลยมีกระโปรงและกางเกงหลากสีหลายแบบให้ใส่
จะคุยว่าตัวเองออกจะไฮโซหน่อย
วันเพ็ญใส่กางเกงเอวยืดเสื้อคอกระเช้าตัว ก็หรูแล้ว
วันๆก็เลี้ยงน้อง อุ้มน้องเอวเป็นหนาม
เอวคงจะเสียดสีกับกางเกงเปื้อนฉี่น้อง มีตุ่มเป็นเม็ดขึ้น
เราก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่ก็ชวนน้องๆเล่น ก็ดูจะเป็นพี่เลี้ยงไปในตัว
,,,,,,ข้าวเม่าทอด,,,,,
ช่วงฤดูร้อน เราจะโดดน้ำในสระข้างบ้าน
ฟังดูไฮโซอีกแล้วนะนั่น สระดินที่ขุดไว้รดน้ำต้นไม้ มันตื้นแค่อก
เพิ่งจะรู้ว่าเวลาอึ๊ในน้ำ มันจะลอยตามมา เราเรียกมันว่า ข้าวเม่าทอด
งานนี้ คนเล่าไม่เกี่ยว แค่สังเกตการณ์ แล้วว่ายหนีสุดฤทธิ์
เออ มันไม่ตามเราแฮะ มันตามเจ้าของ
เราเรียนกันมาจนถึงปอสี่ สอบเสร็จ
ช่วงปิดเทอมหวังจะได้อยู่บ้านเล่นขายของกันให้สนุก เช้าวันนั้นเสียงดังโครมคราม เห็นคนมารื้อบ้านของวันเพ็ญ
มีรถบรรทุกขนาดใหญ่มาจอด ทุกคนขนของขึ้นรถ
เสา กระดาน โอ่งน้ำ แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง
เราวื่งลงบันไดจะไปดู แต่ยายห้ามไว้
เพราะกลัวตะปูจะตำหลาน เราก็เลยเฝ้ามองอยู่ไกลๆ ยายบอกว่าเขาขายที่แล้ว ไปซื้อที่ใหม่แถวเมืองกาญจน์
คงจะได้พื้นที่มากกว่า เอาไว้เพาะปลูกและพอแบ่งให้ลูกๆทำกิน
เรารู้สึกใจหายไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาจะย้ายบ้าน
,,,,ภาพสุดท้าย,,,,
ช่วงสายรถบรรทุกก็เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ เราวิ่งตามท้ายรถไป
เห็นวันเพ็ญและน้องๆ โบกมือให้
เราวิ่งตามน้ำตาอาบแก้ม ไม่มีคำลาไม่รู้ว่าไปไหน
ภาพสุดท้ายเห็นเธอโบกมือหวอยๆ....เรามองจนลับตา
หลังจากนั้นไม่นาน พ่อมารับไปอยู่ด้วย เราไปเรียนต่อ
ทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง ปิดเทอมจึงจะกลับไปที่นั่นเพื่อเยี่ยมยาย
ไม่มีข่าวจากวันเพ็ญ นานวันทุกสิ่งก็ถูกดูดกลืนด้วยกาลเวลา
แต่ทุกครั้งที่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นพระจันทร์วันเพ็ญทีไร
ให้คิดถึงเธอ
เด็กผู้หญิงผมจุกน้ำพุ ตาโต ยิ้มหวาน
หากใครพบเธอบอกว่าเรายังคิดถึงเธอไม่เคยลืม
...เธอชื่อ วันเพ็ญ สระทองแดง...
เราไม่รู้หรอกว่าเธออาจเแต่งงานและเปลี่ยนนามสกุลไปแล้ว
แต่เราหวังเพียงว่าช่วงที่เรายังมีชีวิตอยู่จะมีโอกาสพบเธออีกสักครั้ง
ท้ายเรื่อง เศร้าหน่อยนะคะเรื่องนี้ มันเป็นเรี่องจริงอยากบันทึกไว้
แม้ไม่ได้พบกันอีก แต่ยังมั่นใจเสมอว่าวันเพ็ญก็ยังเก็บเราไว้ในความทรงจำของเธอ
เราแค่หวังว่าเธอจะมีความสุขอยู่ ณ มุมหนึ่งมุมใด
บนโลกใบเดียวกันแค่นั้นก็พอ หรือว่าจะอยู่บนดาวอังคารเราก็จะยังคิดถึงเธอ แต่ยังก่อนเรายังไม่รีบตามไป
แอมอร
ขอขอบคุณภาพที่หยิบมาจากบล๊อคน้องเอ๋ aenew
....................... '''''''' ..... ''''''' ^..^ ^..^
และกล่องคอมเม้นท์ ของกระจุกกระจิก ตลอดจนส้มตำ
กลอนซึ้ง จากบล๊อกใหม่คุณญามี่
Create Date : 26 กันยายน 2552 |
|
77 comments |
Last Update : 18 ตุลาคม 2552 10:51:52 น. |
Counter : 2699 Pageviews. |
|
|
|