“น่าน” ไม่ (อยาก) เหมือนปาย
ทิวทัศน์เมืองน่าน เมื่อมองจากจุดชมวิว“วัดพระธาตุเขาน้อย” ณ ขณะนี้ เอ่ยขานนามว่า ปาย นักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักอำเภอแห่งนี้ ปาย เป็นอำเภอเล็กๆซ่อนตัวอยู่กลางขุนเขา ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปายซ่อนเร้นอยู่นาน ก่อนจะค่อยๆถูกเผยตัวขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวที่มองเห็นเสน่ห์จากเมืองเล็กๆ เมืองนี้ ในเวลานี้เพียงไม่ถึง 10 ปี นับตั้งแต่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทแบ็คแพ็คเกอร์ ที่อาจจะเรียกได้ว่า เป็นผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวในปายเป็นพวกแรก ก่อนที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจะมารู้จักและเที่ยวๆๆกัน จนปายในวันนี้เปลี่ยนโฉมไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ จากเมืองเล็กๆที่มีเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ ถูกแปรสภาพกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ มีโรงแรม รีสอร์ทเล็กใหญ่ เกิดขึ้นมากมายเมื่อของใหม่ๆเข้ามาแทนที่ ของเก่าบรรยากาศเก่าๆของปายก็หายไป คนต่างถิ่นอพยพย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐานกันมากขึ้น เจ้าถิ่นเดิมต้องถอยร่นออกมาอยู่นอกเมือง
ยามเช้ากับวัตรปฏิบัติอันสงบงามของพระสงฆ์เมืองน่าน
ในความเป็น “ปาย” อันเรืองรองด้วยทรัพย์ทางการท่องเที่ยวที่เหล่าผู้ประกอบการเก็บเกี่ยวอย่างเป็นล่ำสันนั้น ก็ยังมีความเสื่อมที่นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเริ่มเบื่อหน่าย และเล็งหาที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ไว้รองรับต่อจากปาย เมืองใหม่ที่พิสุทธิ์ด้วยธรรมชาติมิแตกต่างจากปายในอดีต ธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่งและยังสงบงามตามวิถี และมีเมืองหนึ่ง ที่ปีนี้สถิติการท่องเที่ยวนับแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมาดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดข้ามหน้าข้ามตาจังหวัด ใหญ่ๆในภาคเหนือ นั่นก็คือ น่าน จังหวัดเล็กๆที่มีสโลแกนพูดกันในกลุ่มผู้ไปแอ่วน่านว่า เป็นจังหวัดที่มีไว้สำหรับคนตั้งใจมาเท่านั้น หากไม่ได้ตั้งใจมาจะมาไม่ถึง เพราะน่านไม่ใช่เมืองผ่าน แต่เป็นเมืองชายแดนที่ต้องผ่านหนทางอันคดเคี้ยวและภูเขาสูงกว่าจะมาถึง อาจเพราะเหตุนี้น่านจึงยังคงความเป็นน่านได้นานจนทุกวันนี้ แต่เมื่อน่านเริ่มเปิดตัวสู่โลกภายนอกมากขึ้น ต้องต้อนรับแขกมากขึ้น ทำให้ชาวน่านและนักท่องเที่ยวที่รักเมืองน่านอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าในอนาคต น่านอาจจะกลายเป็น “ปายแห่งที่ 2" เพราะน่านมีสถานที่ท่องเที่ยวครบรสทั้ง วัด วัง ป่าเขา และวิถีชีวิต และยังมีบรรยากาศหลายอย่างคล้ายคลึงกับปาย
วิถีชาวน่านที่ยังคงแนบแน่นอยู่พระพุทธศาสนา
แหล่งท่องเที่ยวของน่านมีมากมาย เช่น วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดที่มีพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีเถาะตามคติความเชื่อของล้านนา วัดภูมินทร์ที่เป็นเสมือน สัญลักษณ์ของเมืองน่าน ด้วยเพราะมีจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชื่อ ด้านธรรมชาติเรื่องการล่องแก่งลำน้ำว้าก็สนุก ไม่แพ้ใคร ที่อุทยานฯภูคายังมีดอกไม้หายากอย่าง ชมพูภูคา ที่หนึ่งปีจะบานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น น่านไม่กลายพันธุ์ การที่น่านเปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้นเช่นนี้ คนน่านเองก็เห็นและตั้งข้อสังเกต พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วง ด้วยเกรงว่า น่านในอนาคตหากไม่มีการวางแผน การจัดการที่ดี อาจจะเจริญรอยตามปายได้ไม่ยาก สโรช รัตนมาศ วัฒนธรรมจังหวัดน่าน ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านวัฒนธรรมเมืองน่าน และเป็นผู้หนึ่งที่แลเห็นความเป็นไปของน่าน ได้กล่าวว่า เมืองน่านนั้นหากเป็นภายในเกาะเมืองอย่าง “หัวแหวนเมืองน่าน” ซึ่งได้รับการประกาศเป็นเมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2540 เป็นแห่งที่สอง รองจากเกาะรัตนโกสินทร์ และเป็นความภาคภูมิใจของคนน่านเพราะมีเพียงสองแห่งในประเทศไทยเท่านั้น เป็นจุดที่ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ เพราะมีหลายหน่วยงานดูแลมีมาตรการคุ้มครองอยู่ วัดวาอารามก็มีกฎหมายของ ศิลปากรดูแลอยู่ “หากนักท่องเที่ยว เที่ยวในเมือง เขาจะถูกจำกัดโดยบริบทของเมืองเอง เพราะตัวเมืองเล็กและที่พักไม่มาก”สโรชกล่าวถึงการท่องเที่ยวในตัวเมืองน่าน
เสาดินนาน้อย ประติมากรรมธรรมชาติอันโดดเด่นแห่งเมืองน่าน ส่วนความเป็นกังวลว่าน่านจะเปลี่ยนไปจนเหมือนปายนั้น ตรงนี้ สโรช มองว่า ขึ้นอยู่กับความคิดของคนน่านเอง ปายที่เสียหายก็เพราะเกิดจากการเปลี่ยนมือจากผู้ประกอบการท้องถิ่นไปสู่มือ นายทุนใหญ่กว่า ชาวน่านต้องพยายามรักษาต้นทุนไว้ได้ให้นานที่สุด คนที่มาเปิดโรงแรมทำรีสอร์ทเราไม่ได้ห้ามไม่ให้ก่อสร้าง แต่ไม่อยากให้เหมือนปาย อย่างสิ่งปลูกสร้างเขาต้องให้เราดูด้วย ถ้าจะสร้างอะไรที่มันมากไปเราก็ต้องจำกัด ต้องดูด้วยว่าสร้างตรงไหนบ้าง “ในเขตเมืองไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะครึ่งเมืองก็เป็นสถานที่ราชการยังดูแลทั่วถึง แต่ที่น่าห่วงคือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติโดยเฉพาะอำเภอปัว ที่มีคนบอกว่าเหมือนปายมาก มีแม่น้ำมีป่าเขาตรงนั้นเป็นพื้นที่ป่าสงวน 85เปอร์เซ็นต์ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 15 เปอร์เซ็นต์ เหลือเป็นพื้นที่อยู่อาศัย 5 เปอร์เซ็นต์ดังนั้นตรงนี้เรายังมีอุทยานมาบล็อกไว้อยู่ แต่ก็ยังกลัวว่าพอนายทุนลงไปอะไรก็เกิดขึ้นได้”สโรชกล่าว
ท้องทุ่ง อ.ปัว เมืองที่มีลักษณะหลายอย่างคล้ายปาย ด้านคนน่านโดยกำเนิดอีกคนหนึ่งอย่าง พ.ต.ต.ปพนพัชร์ ใบยา หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มเฮาฮักน่าน ที่เน้นช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสในน่าน กล่าวถึงกรณีที่มีคนชอบนำปายกับน่านมาเปรียบเทียบกันว่า ตนเองเคยได้ยินคนน่านเองตั้งคำถามเหมือนกันว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เมืองน่านกลายเป็นเหมือนปาย เพราะตอนนี้ปายกลายเป็นธุรกิจไป ความเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของปายได้หายไปหลังความเจริญเข้ามาแทนที่ “เราก็มาคุยกันในกลุ่มโดยการเสนอความคิดเห็นว่า เราจะทำอย่างไรดีในฐานะกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเมืองน่าน เพราะสำหรับคนน่านเองแล้วเขาก็กลัวว่าน่านจะเป็นเหมือนปายเช่นกัน อย่างปีนี้ที่เที่ยวน่านติดอันดับหนึ่งในสาม ของที่เที่ยวในภาคเหนือ ก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคนน่านอยู่พอสมควร”หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มเฮาฮัก น่านกล่าว ทั้งนี้เขายังได้มองอีกประการหนึ่งว่า การแก้ปัญหา ไม่ได้อยู่ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่ต้องเป็นคนน่านช่วย กันรักษา น่านวันนี้ไม่ให้เปลี่ยนแปลง เพราะการที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวน่าน ก็เพราะน่านเป็นน่านไม่ใช่ที่อื่น
วัดมิ่งเมือง สถานที่ตั้งเสาหลักเมืองน่าน
“เราไม่อยากให้ใครมองน่านเป็นที่อื่น เพราะน่านก็มีเอกลักษณ์มีสังคมคนละแบบกับปาย น่านเป็นเมืองที่ยังมีความเป็นสังคมชนบท ยังจะรักษาได้ถ้าองค์กรส่วนท้องถิ่นเข้มแข็ง น่านเหมาะเป็นเมืองสำหรับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ถามว่าน่านมีโอกาสเป็นเหมือนปายไหม ตอบได้เลยว่ามี แต่จะช้าหรือเร็วก็อยู่ที่คนน่านเอง ความเจริญมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสีย การรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเราต้องมีความพร้อมด้วย”พ.ต.ต.ปพนพัชร์ กล่าว เข้าใจถิ่น เข้าใจเที่ยว เข้าใจน่าน ส่วนด้านความคิดเห็นของ สำรวย ผัดผล ประธานมูลนิธิฮักเมืองน่าน เขามองว่า การที่น่านเป็นเมืองท่องเที่ยวก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะคนน่านจะได้มีอาชีพทำมากขึ้น จะเกิดอาชีพใหม่ขึ้นจากการท่องเที่ยว แต่ก็ร้องขอนักท่องเที่ยวที่ไปน่านว่า ให้เรียนรู้ว่าน่านมีข้อจำกัดอะไรบ้าง เช่น เราเป็นเมืองที่มีชนเผ่าหลายเผ่า มีศิลปหัตถกรรมและสถาปัตยกรรมเก่าแก่อยู่หลายอย่าง “นักท่องเที่ยวมีส่วนที่จะช่วยเราดำรงสิ่งเหล่านี้ไว้ ไม่อยากจะให้นักท่องเที่ยวกลายเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาแล้วมาตั้ง เงื่อนไขจนคนน่านต้องเปลี่ยน จะกลายเป็นการทำลายทั้งสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของเรา”สำรวยแสดงความเห็น พร้อมกันนี้เขายอมรับว่า “ในแง่ความกลัวการเปลี่ยนแปลงคนน่านมีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยอมรับว่าสังคม ปัจจุบันเป็นสังคมเปิด จะห้ามไม่ให้ใครไปมาหาสู่คงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่า คนที่มาน่านขอให้มาช่วยแนะนำและ รักษาสิ่งที่ทำให้ท่านมาน่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านชอบและปรารถนามาเยือนอยู่แล้ว ไม่ให้เบี่ยงไปในทางลบ”
ถนนคนเดินเมืองน่านแสงสีเล็กๆยามช่วงวันหยุดของคนน่าน
สำหรับสิ่งที่คนน่านกังวลอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ก็ไม่ต้องรอให้วัวหายแล้วค่อยมาล้อมคอกทีหลัง ในจุดนี้ สโรช ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมได้ กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยวสำคัญตอนนี้ อย่างการเข้าวัดภูมินทร์ วัดพระธาตุแช่แห้ง เราก็มีผ้าถุงไว้ให้ผลัดเปลี่ยนสำหรับหญิงที่แต่งการไม่เหมาะสม เช่น นุ่งขาสั้นเข้าวัด เป็นต้น “คนมาเที่ยวต้องเข้าใจมรดกทางวัฒนธรรม การมาเที่ยวต้องเข้าใจวิถีชีวิตของแต่ละแห่งก่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเที่ยวอย่างขาดข้อมูล ถ้ามีข้อมูลก่อนมาเที่ยวจะช่วยเพิ่มความสนุกให้แก่การมาเที่ยว ชุมชนก็ควรต้องเข้าใจบทบาทของตัวเอง ตรงนี้เราประสานกับผู้ประกอบการที่มีอยู่ ให้ข้อคิดว่า ท่านมีต้นทุนทางการท่องเที่ยวที่ได้เปรียบอีกหลายจังหวัดอยู่ ท่านจะรักษาไว้ให้กับลูกหลานหรือว่าท่านต้องการทำกำไรอย่างเดียวแล้ว ทุกอย่างพินาศในเวลาอันรวดเร็วซึ่งคนน่านเองก็เฝ้ามองเมืองของเราอยู่อย่าง ใกล้ชิด” สโรชกล่าวแนะ ความคิดนี้ดูจะสอดคล้องกับความคิดของ สำรวย ที่มองว่า น่านจะไม่เปลี่ยนโฉมไปจากนี้ หากกลุ่มผู้ประกอบการทั้งหลายความจะมีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งไม่สะเปะสะปะ
จิตรกรรมฝาผนังอันขึ้นชื่อที่วัดภูมินทร์
ความเปลี่ยนแปลงของน่านยุคนี้สภาพแวดล้อมถูกทำลายไปเยอะ อุทยานฯทั้ง 7 แห่งของน่านที่เป็นเป้าหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยว ก็ควรจะมีส่วนร่วมของชุมชน อย่าให้คนมาเที่ยวจนหลงลืมว่าเป็นอุทยานฯที่ต้องพิทักษ์สิ่งแวดล้อม “สิ่งที่คนฮักเมืองน่านควรทำ คือ เรื่องการปลูกฝังไม่ให้คนน่านลืมแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง ให้เข้าใจถิ่น เข้าใจที่เข้าใจเที่ยว เท่านี้ก็ไม่ใครมาทำอะไรน่านได้แล้ว”สำรวยกล่าวทิ้งท้าย น่านในทุกวันนี้ยังขับเคลื่อนต่อไป เป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต แม้ว่าสิ่งที่คนน่านหวาดกลัวจะยังไม่เกิดขึ้น แต่หากไร้การป้องกัน การวางแผน และการจัดการที่ถูกทิศทาง เมืองอันสงบงมแห่งนี้ก็อาจจะแปรวิถีไปจากเดิมก็เป็นได้
สำหรับหนังเรื่องนี้เพิ่งเริ่มฉายยังต้องรอลุ้น รอดูต่อไป
ที่มา ผู้จัดการ
Create Date : 20 เมษายน 2552 |
|
4 comments |
Last Update : 20 เมษายน 2552 13:43:47 น. |
Counter : 1095 Pageviews. |
|
|
|