Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
20 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

“น่าน” ไม่ (อยาก) เหมือนปาย


ทิวทัศน์เมืองน่าน เมื่อมองจากจุดชมวิว“วัดพระธาตุเขาน้อย”

ณ ขณะนี้ เอ่ยขานนามว่า ปาย นักท่องเที่ยวน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักอำเภอแห่งนี้
ปาย เป็นอำเภอเล็กๆซ่อนตัวอยู่กลางขุนเขา ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปายซ่อนเร้นอยู่นาน
ก่อนจะค่อยๆถูกเผยตัวขึ้นในหมู่นักท่องเที่ยวที่มองเห็นเสน่ห์จากเมืองเล็กๆ เมืองนี้ ในเวลานี้เพียงไม่ถึง 10 ปี
นับตั้งแต่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทแบ็คแพ็คเกอร์ ที่อาจจะเรียกได้ว่า
เป็นผู้บุกเบิกการท่องเที่ยวในปายเป็นพวกแรก ก่อนที่นักท่องเที่ยวชาวไทยจะมารู้จักและเที่ยวๆๆกัน
จนปายในวันนี้เปลี่ยนโฉมไปอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ

จากเมืองเล็กๆที่มีเจ้าของพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ ถูกแปรสภาพกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวเต็มรูปแบบ
มีโรงแรม รีสอร์ทเล็กใหญ่ เกิดขึ้นมากมายเมื่อของใหม่ๆเข้ามาแทนที่ ของเก่าบรรยากาศเก่าๆของปายก็หายไป
คนต่างถิ่นอพยพย้ายเข้าไปตั้งถิ่นฐานกันมากขึ้น เจ้าถิ่นเดิมต้องถอยร่นออกมาอยู่นอกเมือง


ยามเช้ากับวัตรปฏิบัติอันสงบงามของพระสงฆ์เมืองน่าน

ในความเป็น “ปาย” อันเรืองรองด้วยทรัพย์ทางการท่องเที่ยวที่เหล่าผู้ประกอบการเก็บเกี่ยวอย่างเป็นล่ำสันนั้น
ก็ยังมีความเสื่อมที่นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเริ่มเบื่อหน่าย และเล็งหาที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ไว้รองรับต่อจากปาย

เมืองใหม่ที่พิสุทธิ์ด้วยธรรมชาติมิแตกต่างจากปายในอดีต ธรรมชาติที่ไร้การปรุงแต่งและยังสงบงามตามวิถี
และมีเมืองหนึ่ง ที่ปีนี้สถิติการท่องเที่ยวนับแต่ช่วงปีใหม่เป็นต้นมาดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดข้ามหน้าข้ามตาจังหวัด
ใหญ่ๆในภาคเหนือ นั่นก็คือ น่าน จังหวัดเล็กๆที่มีสโลแกนพูดกันในกลุ่มผู้ไปแอ่วน่านว่า
เป็นจังหวัดที่มีไว้สำหรับคนตั้งใจมาเท่านั้น หากไม่ได้ตั้งใจมาจะมาไม่ถึง เพราะน่านไม่ใช่เมืองผ่าน
แต่เป็นเมืองชายแดนที่ต้องผ่านหนทางอันคดเคี้ยวและภูเขาสูงกว่าจะมาถึง

อาจเพราะเหตุนี้น่านจึงยังคงความเป็นน่านได้นานจนทุกวันนี้ แต่เมื่อน่านเริ่มเปิดตัวสู่โลกภายนอกมากขึ้น
ต้องต้อนรับแขกมากขึ้น ทำให้ชาวน่านและนักท่องเที่ยวที่รักเมืองน่านอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าในอนาคต
น่านอาจจะกลายเป็น “ปายแห่งที่ 2" เพราะน่านมีสถานที่ท่องเที่ยวครบรสทั้ง วัด วัง ป่าเขา และวิถีชีวิต
และยังมีบรรยากาศหลายอย่างคล้ายคลึงกับปาย


วิถีชาวน่านที่ยังคงแนบแน่นอยู่พระพุทธศาสนา

แหล่งท่องเที่ยวของน่านมีมากมาย เช่น
วัดพระธาตุแช่แห้ง วัดที่มีพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีเถาะตามคติความเชื่อของล้านนา วัดภูมินทร์ที่เป็นเสมือน
สัญลักษณ์ของเมืองน่าน ด้วยเพราะมีจิตรกรรมฝาผนังอันเลื่องชื่อ ด้านธรรมชาติเรื่องการล่องแก่งลำน้ำว้าก็สนุก
ไม่แพ้ใคร ที่อุทยานฯภูคายังมีดอกไม้หายากอย่าง ชมพูภูคา ที่หนึ่งปีจะบานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

น่านไม่กลายพันธุ์
การที่น่านเปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้นเช่นนี้ คนน่านเองก็เห็นและตั้งข้อสังเกต พร้อมทั้งแสดงความเป็นห่วง
ด้วยเกรงว่า น่านในอนาคตหากไม่มีการวางแผน การจัดการที่ดี อาจจะเจริญรอยตามปายได้ไม่ยาก

สโรช รัตนมาศ วัฒนธรรมจังหวัดน่าน ได้แสดงความคิดเห็นในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านวัฒนธรรมเมืองน่าน
และเป็นผู้หนึ่งที่แลเห็นความเป็นไปของน่าน ได้กล่าวว่า เมืองน่านนั้นหากเป็นภายในเกาะเมืองอย่าง
“หัวแหวนเมืองน่าน” ซึ่งได้รับการประกาศเป็นเมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรีปี 2540 เป็นแห่งที่สอง
รองจากเกาะรัตนโกสินทร์ และเป็นความภาคภูมิใจของคนน่านเพราะมีเพียงสองแห่งในประเทศไทยเท่านั้น

เป็นจุดที่ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ เพราะมีหลายหน่วยงานดูแลมีมาตรการคุ้มครองอยู่ วัดวาอารามก็มีกฎหมายของ
ศิลปากรดูแลอยู่ “หากนักท่องเที่ยว เที่ยวในเมือง เขาจะถูกจำกัดโดยบริบทของเมืองเอง
เพราะตัวเมืองเล็กและที่พักไม่มาก”สโรชกล่าวถึงการท่องเที่ยวในตัวเมืองน่าน


เสาดินนาน้อย ประติมากรรมธรรมชาติอันโดดเด่นแห่งเมืองน่าน

ส่วนความเป็นกังวลว่าน่านจะเปลี่ยนไปจนเหมือนปายนั้น ตรงนี้ สโรช มองว่า ขึ้นอยู่กับความคิดของคนน่านเอง
ปายที่เสียหายก็เพราะเกิดจากการเปลี่ยนมือจากผู้ประกอบการท้องถิ่นไปสู่มือ นายทุนใหญ่กว่า
ชาวน่านต้องพยายามรักษาต้นทุนไว้ได้ให้นานที่สุด คนที่มาเปิดโรงแรมทำรีสอร์ทเราไม่ได้ห้ามไม่ให้ก่อสร้าง
แต่ไม่อยากให้เหมือนปาย อย่างสิ่งปลูกสร้างเขาต้องให้เราดูด้วย ถ้าจะสร้างอะไรที่มันมากไปเราก็ต้องจำกัด
ต้องดูด้วยว่าสร้างตรงไหนบ้าง

“ในเขตเมืองไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ เพราะครึ่งเมืองก็เป็นสถานที่ราชการยังดูแลทั่วถึง
แต่ที่น่าห่วงคือสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติโดยเฉพาะอำเภอปัว ที่มีคนบอกว่าเหมือนปายมาก
มีแม่น้ำมีป่าเขาตรงนั้นเป็นพื้นที่ป่าสงวน 85เปอร์เซ็นต์ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 15 เปอร์เซ็นต์
เหลือเป็นพื้นที่อยู่อาศัย 5 เปอร์เซ็นต์ดังนั้นตรงนี้เรายังมีอุทยานมาบล็อกไว้อยู่
แต่ก็ยังกลัวว่าพอนายทุนลงไปอะไรก็เกิดขึ้นได้”สโรชกล่าว


ท้องทุ่ง อ.ปัว เมืองที่มีลักษณะหลายอย่างคล้ายปาย

ด้านคนน่านโดยกำเนิดอีกคนหนึ่งอย่าง พ.ต.ต.ปพนพัชร์ ใบยา หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มเฮาฮักน่าน
ที่เน้นช่วยเหลือผู้ขาดโอกาสในน่าน กล่าวถึงกรณีที่มีคนชอบนำปายกับน่านมาเปรียบเทียบกันว่า
ตนเองเคยได้ยินคนน่านเองตั้งคำถามเหมือนกันว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เมืองน่านกลายเป็นเหมือนปาย
เพราะตอนนี้ปายกลายเป็นธุรกิจไป ความเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของปายได้หายไปหลังความเจริญเข้ามาแทนที่

“เราก็มาคุยกันในกลุ่มโดยการเสนอความคิดเห็นว่า เราจะทำอย่างไรดีในฐานะกลุ่มคนรุ่นใหม่ของเมืองน่าน
เพราะสำหรับคนน่านเองแล้วเขาก็กลัวว่าน่านจะเป็นเหมือนปายเช่นกัน อย่างปีนี้ที่เที่ยวน่านติดอันดับหนึ่งในสาม
ของที่เที่ยวในภาคเหนือ ก็เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคนน่านอยู่พอสมควร”หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มเฮาฮัก
น่านกล่าว ทั้งนี้เขายังได้มองอีกประการหนึ่งว่า การแก้ปัญหา ไม่ได้อยู่ที่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่ต้องเป็นคนน่านช่วย
กันรักษา น่านวันนี้ไม่ให้เปลี่ยนแปลง เพราะการที่นักท่องเที่ยวมาเที่ยวน่าน ก็เพราะน่านเป็นน่านไม่ใช่ที่อื่น


วัดมิ่งเมือง สถานที่ตั้งเสาหลักเมืองน่าน

“เราไม่อยากให้ใครมองน่านเป็นที่อื่น เพราะน่านก็มีเอกลักษณ์มีสังคมคนละแบบกับปาย
น่านเป็นเมืองที่ยังมีความเป็นสังคมชนบท ยังจะรักษาได้ถ้าองค์กรส่วนท้องถิ่นเข้มแข็ง
น่านเหมาะเป็นเมืองสำหรับการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ถามว่าน่านมีโอกาสเป็นเหมือนปายไหม ตอบได้เลยว่ามี
แต่จะช้าหรือเร็วก็อยู่ที่คนน่านเอง ความเจริญมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสีย
การรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเราต้องมีความพร้อมด้วย”พ.ต.ต.ปพนพัชร์ กล่าว

เข้าใจถิ่น เข้าใจเที่ยว เข้าใจน่าน

ส่วนด้านความคิดเห็นของ สำรวย ผัดผล ประธานมูลนิธิฮักเมืองน่าน เขามองว่า
การที่น่านเป็นเมืองท่องเที่ยวก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะคนน่านจะได้มีอาชีพทำมากขึ้น
จะเกิดอาชีพใหม่ขึ้นจากการท่องเที่ยว แต่ก็ร้องขอนักท่องเที่ยวที่ไปน่านว่า ให้เรียนรู้ว่าน่านมีข้อจำกัดอะไรบ้าง
เช่น เราเป็นเมืองที่มีชนเผ่าหลายเผ่า มีศิลปหัตถกรรมและสถาปัตยกรรมเก่าแก่อยู่หลายอย่าง

“นักท่องเที่ยวมีส่วนที่จะช่วยเราดำรงสิ่งเหล่านี้ไว้ ไม่อยากจะให้นักท่องเที่ยวกลายเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาแล้วมาตั้ง
เงื่อนไขจนคนน่านต้องเปลี่ยน จะกลายเป็นการทำลายทั้งสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมของเรา”สำรวยแสดงความเห็น

พร้อมกันนี้เขายอมรับว่า “ในแง่ความกลัวการเปลี่ยนแปลงคนน่านมีแน่นอน แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยอมรับว่าสังคม
ปัจจุบันเป็นสังคมเปิด จะห้ามไม่ให้ใครไปมาหาสู่คงเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่า คนที่มาน่านขอให้มาช่วยแนะนำและ
รักษาสิ่งที่ทำให้ท่านมาน่าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านชอบและปรารถนามาเยือนอยู่แล้ว ไม่ให้เบี่ยงไปในทางลบ”


ถนนคนเดินเมืองน่านแสงสีเล็กๆยามช่วงวันหยุดของคนน่าน

สำหรับสิ่งที่คนน่านกังวลอาจจะยังไม่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ก็ไม่ต้องรอให้วัวหายแล้วค่อยมาล้อมคอกทีหลัง
ในจุดนี้ สโรช ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่ทำงานเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมได้ กล่าวว่า แหล่งท่องเที่ยวสำคัญตอนนี้
อย่างการเข้าวัดภูมินทร์ วัดพระธาตุแช่แห้ง เราก็มีผ้าถุงไว้ให้ผลัดเปลี่ยนสำหรับหญิงที่แต่งการไม่เหมาะสม เช่น
นุ่งขาสั้นเข้าวัด
เป็นต้น

“คนมาเที่ยวต้องเข้าใจมรดกทางวัฒนธรรม การมาเที่ยวต้องเข้าใจวิถีชีวิตของแต่ละแห่งก่อน
ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเที่ยวอย่างขาดข้อมูล ถ้ามีข้อมูลก่อนมาเที่ยวจะช่วยเพิ่มความสนุกให้แก่การมาเที่ยว
ชุมชนก็ควรต้องเข้าใจบทบาทของตัวเอง ตรงนี้เราประสานกับผู้ประกอบการที่มีอยู่ ให้ข้อคิดว่า
ท่านมีต้นทุนทางการท่องเที่ยวที่ได้เปรียบอีกหลายจังหวัดอยู่
ท่านจะรักษาไว้ให้กับลูกหลานหรือว่าท่านต้องการทำกำไรอย่างเดียวแล้ว
ทุกอย่างพินาศในเวลาอันรวดเร็วซึ่งคนน่านเองก็เฝ้ามองเมืองของเราอยู่อย่าง ใกล้ชิด” สโรชกล่าวแนะ

ความคิดนี้ดูจะสอดคล้องกับความคิดของ สำรวย ที่มองว่า น่านจะไม่เปลี่ยนโฉมไปจากนี้
หากกลุ่มผู้ประกอบการทั้งหลายความจะมีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งไม่สะเปะสะปะ


จิตรกรรมฝาผนังอันขึ้นชื่อที่วัดภูมินทร์

ความเปลี่ยนแปลงของน่านยุคนี้สภาพแวดล้อมถูกทำลายไปเยอะ
อุทยานฯทั้ง 7 แห่งของน่านที่เป็นเป้าหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยว ก็ควรจะมีส่วนร่วมของชุมชน
อย่าให้คนมาเที่ยวจนหลงลืมว่าเป็นอุทยานฯที่ต้องพิทักษ์สิ่งแวดล้อม

“สิ่งที่คนฮักเมืองน่านควรทำ คือ เรื่องการปลูกฝังไม่ให้คนน่านลืมแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง ให้เข้าใจถิ่น
เข้าใจที่เข้าใจเที่ยว เท่านี้ก็ไม่ใครมาทำอะไรน่านได้แล้ว”สำรวยกล่าวทิ้งท้าย

น่านในทุกวันนี้ยังขับเคลื่อนต่อไป เป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต แม้ว่าสิ่งที่คนน่านหวาดกลัวจะยังไม่เกิดขึ้น
แต่หากไร้การป้องกัน การวางแผน และการจัดการที่ถูกทิศทาง
เมืองอันสงบงมแห่งนี้ก็อาจจะแปรวิถีไปจากเดิมก็เป็นได้

สำหรับหนังเรื่องนี้เพิ่งเริ่มฉายยังต้องรอลุ้น รอดูต่อไป


ที่มา ผู้จัดการ




 

Create Date : 20 เมษายน 2552
4 comments
Last Update : 20 เมษายน 2552 13:43:47 น.
Counter : 1095 Pageviews.

 

คงอีกไม่นาน น่านก็คงจะเป็นแบบแม่ฮ่องสอนหากยังปล่อยให้พวกนักธุรกิจและการท่องเที่ยวส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกสิ่งก็จะเลือนหายไปในที่สุด

 

โดย: Innocent IP: 96.255.16.241 20 เมษายน 2552 21:38:41 น.  

 

ชักอยากไปน่านแล้วจิ หุหุหุ

 

โดย: sunsmile_a 21 เมษายน 2552 1:43:29 น.  

 

โดนใจค่ะ รูสึกอย่างนี้เช่นกัน

น่านคงไม่กลายพันธุ์แบบปายหรอกค่ะ ตราบใดที่พวกเร็กเก้จากทะเลยังไม่ยกพลไปแสดงดนตรีที่นั่น
ตราบใดที่ยาเสพติดไม่เป็นตัวล่อ
ตราบใดที่คนน่านเข้มแข็ง

วันนี้ปายน่าเกลียดเหลือทนสำหรับคนบางกลุ่ม แต่ปายแสนวิเศษสำหรับรายการทีวีค่ะ

 

โดย: หินทิเบตก้อนสุดท้าย (last_tibetstone ) 17 พฤษภาคม 2552 12:48:25 น.  

 

ผมว่า น่านยังงัยก็ยังเป็นน่าน เพราะคนน่านรักบ้านเกิด ภูมิใจในภาษา และวัฒนธรรมของเขา ครับ

 

โดย: ต้น (บังเอิญมีหัวใจ ) 25 มกราคม 2553 10:38:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.