Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
19 เมษายน 2552
 
All Blogs
 

เยือนชัยนาท อันซีนเมืองประวัติศาสตร์ ยลราชินีแห่งเจดีย์ ที่ "แพรกศรีราชา"


พระเจดีย์ในวัดพระบรมธาตุวรวิหาร

เอ่ยถึงเมืองสรรคบุรี ฟังดูเหมือนจะคุ้นๆ หู แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าอยู่แห่งหนตำบลไหน
ยิ่งพูดถึงแพรกศรีราชา ก็ยิ่งไม่รู้จักเข้าไปใหญ่ แต่เมื่อได้ร่วมทริปไปกับ "มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์"
ที่เขาพาไปชมวัดเก่าในเมืองเก่าที่มีชื่อว่าเมืองสรรคบุรี หรือแพรกศรีราชา ก็ทำให้ได้รู้จักกับเมืองเก่าในอดีตที่
แทบจะไม่ถูกเอ่ยถึงในบทเรียนวิชาประวัติศาสตร์เบื้องต้น ด้วยการเรียนการสอนวิชาประวัติศาสตร์ชาติไทยนั้น
มักจะเริ่มต้นด้วยอาณาจักรสุโขทัย ตามด้วยอยุธยา และมาเป็นรัตนโกสินทร์ในที่สุด
จึงทำให้เมืองที่เอ่ยถึงนี้ไม่เป็นที่รู้จักนัก

สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักเมืองแพรกศรีราชานี้เหมือนกัน จะพาไปทำความรู้จักพร้อมๆกัน
โดยเมือง "แพรกศรีราชา" นี้ เป็นอีกเมืองหนึ่งที่มีชื่อปรากฏในศิลาจารึกกรุงสุโขทัย หลักที่ 1
และในเอกสารโบราณอื่นๆ แต่ต่อมาในสมัยหลังชื่อเมืองนี้เลือนหายไป แต่มีผู้สันนิษฐานว่าเมืองนี้ก็คือ
เมืองสรรคบุรี ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งด้านตะวันตกของแม่น้ำน้อยในเขตจังหวัดชัยนาทนั่นเอง


พระปรางค์กลีบมะเฟืองที่วัดมหาธาตุ

และเมื่อพิจารณาจากศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่พบในเมืองแพรกศรีราชาแล้วก็พบว่า
เมืองนี้ต้องสร้างก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยาและมีความเจริญในสมัยเดียวกับเมืองสุพรรณภูมิ เมืองลพบุรี
เมืองสุโขทัย และเมืองอโยธยา โดยเป็นเมืองสำคัญในฐานะเมืองลูกหลวงของแคว้นสุพรรณภูมิ
และเมื่อสุพรรณภูมิกับอโยธยาร่วมกันสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้น ก็ยังคงสถานะเป็นเมืองลูกหลวงอยู่

วันนี้เราได้มาเยี่ยมเยียนเมืองแพรกศรีราชา หรือที่ตอนนี้คือตำบลแพรกศรีราชา อำเภอสรรคบุรี ในจังหวัดชัยนาท
ที่แห่งนี้ยังคงหลงเหลือโบราณสถานหลายแห่งด้วยกันที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ในอดีตของเมืองแพรกศรีราชา

โดยจากตำแหน่งที่ตั้งของแพรกศรีราชาที่ตั้งอยู่ตรงชายแดนของสามแคว้น คือ แคว้นสุโขทัยทางเหนือ
แคว้นอโยธยาหรือละโว้ทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ และแคว้นสุพรรณภูมิทางด้านตะวันตกและด้านใต้
จึงพบการผสมผสานของศิลปกรรมแบบลพบุรี อู่ทอง และสุโขทัย จนกลายมาเป็นศิลปกรรมในแบบของตัวเอง
ซึ่งไม่พบในเมืองอื่น ๆ ซึ่งรู้จักกันในนาม ศิลปะอู่ทอง หรือสุพรรณภูมิ-อโยธยา
อันเป็นศิลปะก่อนการสร้างกรุงศรีอยุธยานั่นเอง


พระเจดีย์ในวัดมหาธาตุที่พังทลายเหลือแต่ฐาน

เรามาเริ่มต้นกันที่ "วัดมหาธาตุ" หรือวัดมหาธาตุเมืองสรรค์ หรือที่ชาวบ้านแถบนั้นมักเรียกว่าวัดหัวเมือง
หรือวัดศีรษะเมือง เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองสรรคบุรีมาเป็นเวลานาน
โดยจากรูปแบบศิลปะทำให้มีการสันนิษฐานว่าสร้างขึ้นก่อนสมัยอยุธยา แต่ได้รับการบูรณะในสมัยอยุธยา

เมื่อมาที่วัดมหาธาตุแล้วต้องไม่พลาดชมสิ่งน่าสนใจอย่างพระปรางค์ทรงมะเฟืองบนฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง
ซึ่งมีความเพรียวระหงคล้ายปรางค์กลีบมะเฟืองที่วัดมหาธาตุเมืองลพบุรี เป็นลักษณะศิลปะอู่ทองตอนปลาย
บนองค์ปรางค์มีซุ้มจรนำทั้งสี่ทิศ ประดิษฐานพระพุทธรูปปางลีลา ทำด้วยปูนปั้น มีลักษณะแบบบางสะโอดสะอง
และที่เชิงกลีบมะเฟืองขององค์ปรางค์มีเทพพนมประดับ

นอกจากนี้ก็ยังมีหมู่เจดีย์รายข้างพระวิหารที่เป็นศิลปะอู่ทองงดงาม เช่น เจดีย์แปดเหลี่ยม มีฐานซ้อนเป็นชั้นๆ
มีซุ้มประดิษฐานพระยืนแปดทิศในซุ้มเรือนแก้วโค้ง ค่อยๆชมรายละเอียดต่างๆของเจดีย์แต่ละองค์ก็เพลิดเพลินได้มาก

ที่วัดยังมีพระอุโบสถรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า และพระเจดีย์ที่เหลือเพียงส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมสูงซ้อนกันหลายชั้น
แต่ส่วนใหญ่พังทลายลงไปมากจนไม่เห็นถึงสภาพที่แท้จริง และยังมีพระวิหารซึ่งเป็นอาคารขนาดเก้าห้อง
ที่ตอนนี้เหลือเพียงเสาแปดเหลี่ยมยอดบัวจงกล และผนังบางส่วนเท่านั้น


วิหารของวัดมหาธาตุที่ส่วนหนึ่งพังทลายไป

และสิ่งที่ชาวบ้านในแถบนี้ให้ความเคารพศรัทธาก็คือ "หลวงพ่อหลักเมือง" หรือหลวงพ่อหมอ
พระพุทธรูปโบราณ ที่เรียกท่านว่าหลวงพ่อหลักเมืองนั้นก็เพราะเบื้องหลังของท่านมีแผ่นศิลาสองแผ่นจำหลักลาย
เทวรูปปักอยู่คู่กัน ชาวบ้านต่างพากันเรียกว่าหลักเมือง และจึงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าหลวงพ่อหลักเมืองด้วย
ส่วนนามหลวงพ่อหมอนั้นก็มาจากการที่ชาวบ้านในแถบนั้นเมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยก็มักจะพากันมาบนบานศาลกล่าว
หรือขอน้ำมนต์ไปรักษากันตามความเชื่อถือ


ติดๆ กับวัดมหาธาตุนั้นยังมีวัดร้างที่ถือเป็นโบราณสถานอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ "วัดพระยาแพรก" ซึ่งยังคงเหลือ
พระวิหาร และพระเจดีย์ประธานทรงกลมบนฐานแปดเหลี่ยม ประดิษฐานพระพุทธรูปให้เราได้ชมกัน


หลวงพ่อหลักเมือง มีแผ่นศิลาอยู่เบื้องหลัง

นอกจากนั้นแล้ว ไม่ไกลกันนักก็ยังเป็นที่ตั้งของ "วัดสองพี่น้อง" เป็นวัดขนาดใหญ่ที่ปัจจุบันยังหลงเหลือโบราณ
สถานให้เห็นแต่พระปรางค์และพระเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม ซึ่งองค์ปรางค์มีรูปทรงและลวดลายเครื่องประดับและ
พระพุทธรูปประจำซุ้มทิศแบบอู่ทองหรืออโยธยาอย่างแท้จริง

และวัดที่พลาดไม่ได้อีกแห่งหนึ่งก็คือ "วัดพระแก้ว" หรือวัดพระแก้วเมืองสรรค์ ที่แต่เดิมมีชื่อว่าวัดป่าแก้ว
เป็นวัดของคณะสงฆ์ฝ่ายอรัญวาสี ต่อมามีคนพบพระพุทธรูปองค์เล็กขนาดเท่าปลายนิ้วมือทำด้วยแก้วจากในเจดีย์
จึงเรียกกันติดปากว่าวัดพระแก้วต่อมา เพราะมีสิ่งที่สำคัญคือองค์สถูปเจดีย์ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของศิลปะอู่ทอง
ที่ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะแบบปาละของอินเดีย มีลักษณะเด่นคือฐานเป็นสี่เหลี่ยมสองชั้น
ชั้นสามเป็นทรงแปดเหลี่ยม เหนือขึ้นไปเป็นองค์ระฆังต่อยอดด้วยเจดีย์ทรงกรวยกลม
ในแต่ละชั้นจะมีซุ้มพระพุทธรูปยืนประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 ทิศ โดยอาจารย์ น.ณ ปากน้ำ บรมครูทางด้านศิลปะไทย
ถึงกับยกย่องว่าสถูปวัดพระแก้วเมืองสรรคบุรีนี้เป็น "ราชินีแห่งเจดีย์" ในประเทศไทยเลยทีเดียว


เจดีย์ในวัดร้าง วัดพระยาแพรก

นอกจากนั้นแล้วบริเวณด้านหน้าเจดีย์ยังมี "วิหารหลวงพ่อฉาย" ซึ่งเบื้องหลังองค์หลวงพ่อมีทับหลังแกะสลักด้วย
หินทรายติดอยู่กับองค์พระ หินทรายนั้นสลักเป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณอยู่ในซุ้มเรือนแก้ว
เป็นศิลปะขอมมีอายุเป็นพันปีขึ้นไป

จากอำเภอสรรคบุรี มาที่อำเภอเมืองกันบ้าง ที่ "วัดพระบรมธาตุวรวิหาร"
โบราณสถานที่สร้างก่อนสมัยกรุงศรีอยุธยา แล้วมาซ่อมแซมภายหลัง
เพราะจากหลักฐานศิลาจารึกที่อยู่ติดกับฝาผนังวิหารด้านหลังติดกับองค์พระธาตุเจดีย์ กล่าวถึงการเฉลิมฉลอง
บูรณปฏิสังขรณ์วัดในสมัยพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ ภายในวัดมีพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นศิลปะอู่ทอง
มีลักษณะเป็นฐานสี่เหลี่ยมย่อมุมลดระดับขึ้นไปต่อกับระฆังคว่ำ และทั้งสี่ด้านมีซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูป
ปางนาคปรก และยังมีเจดีย์เล็กจิ๋วประดับอยู่บนเจดีย์พระบรมธาตุคล้ายกับเจดีย์แบบศรีวิชัย
ภายในองค์เจดีย์ใหญ่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองมาแต่โบราณ


พระปรางค์ในวัดสองพี่น้อง

ในบริเวณวัดพระบรมธาตุฯ ยังมี "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี"
พิพิธภัณฑ์ที่พระชัยนาทมุนี (นวม สุทัตโต) อดีตเจ้าคณะจังหวัดชัยนาท และอดีตเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุ
วรวิหารได้ริเริ่มเก็บรักษารวบรวมโบราณวัตถุศิลปวัตถุจำนวนมากที่พบอยู่ในจังหวัดชัยนาทและบริเวณใกล้เคียง
มาเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของวัด และท่านได้มอบโบราณวัตถุศิลปวัตถุทั้งหมดให้เป็นสมบัติของชาติ
กรมศิลปากรจึงได้สร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ขึ้นในพื้นที่ของวัด เป็นแหล่งเรียนรู้ของประชาชนต่อมาจนปัจจุบัน

ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ นั้นมีข้าวของโบราณน่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะพระพุทธรูป ทั้งพระพิมพ์สมัยต่างๆ
ตั้งแต่สมัยทวาราวดีถึงสมัยรัตนโกสินทร์ รวมไปถึงเครื่องสังคโลก เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องประดับ ฯลฯ
ตั้งแต่สมัยทวาราวดีถึงสมัยรัตนโกสินทร์


เจดีย์วัดพระแก้ว ราชินีแห่งเจดีย์ในประเทศไทย

หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าจังหวัดชัยนาท จังหวัดเล็กๆที่หลายคนมองข้ามไปจะซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์
อันเก่าแก่ยาวนานและมีโบราณสถานโบราณวัตถุอันทรงคุณค่ามากมาย
ซึ่งหากใครอยากจะรู้จักส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ไทยผ่านเมืองแพรกศรีราชาให้มากขึ้นอีกนิด
ก็อย่าลืมแวะเวียนกันมาที่จังหวัดชัยนาทนี้ได้


ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชัยนาทมุนี

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

จังหวัดชัยนาทอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ไปประมาณ 194 กิโลเมตร การเดินทางขับไปตามทางหลวงหมายเลข 1
ไปประมาณกิโลเมตรที่ 50 จะมีทางแยกเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านจังหวัดอ่างทอง สิงห์บุรี
ไปประมาณกิโลเมตรที่ 183 จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1
ไปจังหวัดชัยนาทอีก 10 กิโลเมตร


ที่มา ผู้จัดการ




 

Create Date : 19 เมษายน 2552
3 comments
Last Update : 19 เมษายน 2552 12:48:12 น.
Counter : 3248 Pageviews.

 

ขอบคุนที่หั้ยข้อมูล

ขอบคุนคร้าฟ

 

โดย: แพท IP: 110.164.29.254 23 มกราคม 2554 12:44:43 น.  

 

เห็นสิ่งก่อสร้างและชื่อสถานที่ เช่น วัดมหาธาตุ เป็นต้น บ่งบอกชัดเจนว่าเมืองนี้เป็นเมืองใหญ่เมืองสำคัญในโบราณกาล เฉกเช่นเพชรบุรี กำแพงเพชร และศรีสัชนาลัย สุพรรณบุรี อู่ทอง เป็นอาทิ ของดีน่าภูมิใจอย่างนี้คนชัยนาทน่าจะค้นคว้าข้อมูลเพิ่มให้มากกว่านี้ครับ

 

โดย: papayoon IP: 10.0.227.6, 115.31.173.131 18 กรกฎาคม 2554 21:42:03 น.  

 

ชอบมากคะ

 

โดย: มีมี่ IP: 115.87.252.75 7 กรกฎาคม 2555 13:23:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.