Group Blog All Blog
|
ไปขับรถเที่ยวกัน เยอรมัน ออสเตรีย เชค - Day 6 Rothenburg Od T
จากวันแรงที่เราเดินทางมาถึง Munich แล้วเริ่มต้นขับรถเที่ยวไล่จากทางตอนใต้ของแคว้น Bavaria คือเมือง Fussen และ Schwangau
ออกมาเดินเล่นที่สะพานชาลส์ (Charles Bridge) ยามเช้ากันอีกรอบครับ ตอนเช้าๆตนไม่ค่อยมีผิดกับยามค่ำครับ
และเป็นเรื่องบังเอิญมากครับผมมาถึงปรากเมื่อวานเจอเพื่อนที่มาจากเมืองไทยตอนกำลังจะเข้าโรงแรม เช้านี้เดินถ่ายรูปอยู่มีเพื่อนคน ไทยอีกคนเดินเข้ามาทัก อยู่เมืองไทยก็ไม่ค่อยได้เจอกัน
เมื่อวานเราไม่ได้ขึ้น Old City Hall เช้านี้หลังจากกินอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว เราก็เลยไปขึ้นก่อนออกจากปรากครับ ซื้อบัตรด้านล่างแล้ว
Old town square และ โบสถ์ Tyn มองจาก Old town Hall
โบสถ์ st. Nicholas โบสถ์ชื่อเดียวกันนี้มี 2 แห่งนะครับอีกแห่งจะอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ฝั่งเดียวกับปราสาทปรากครับ
โดมสีเขียวกลางภาพครับคือโบสถ์ st. Nicholas อีกแห่งที่เว่อร์วังอลังการกว่าโบสถ์ฝั่งนี้ ถ้าจะไปเที่ยวก็เดินข้ามสะพานชาลส์ไปฝั่งตะวัน ตกครับ โบสถ์อยู่ปลายสะพานอีกฝั่ง
มุมนี้ด้านนาฬิกาดาราศาสตร์ครับเป็นด้านทางเข้าห้องขายตั๋วที่จะขึ้นมาบนหอคอยนี้ ตึกสีฟ้าข้างล่างคือร้านสตาร์บัคสาขา Old Town
กลับมาเอากระเป๋าที่โรงแรม เราก็รีบเดินทางกันต่อครับวันนี้ไปกันยาวๆเลยสามร้อยกว่ากิโลเมครจาก Prague ไป Rothenburg มีการ
โรเทนบวร์ก ออบ เดอร์ เทาเบอร์ (Rothenburg ob der Tauber) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิฟรังค์ ในแคว้นบาวาเรีย(Bavaria) ประเทศ
ห้องพักเราเป็นห้องใต้หลังคาด้านหลังที่เห็นหน้าต่างชั้นบนมี 2 ห้องนอนราคา 150 ยูโรต่อคืนรวมอาหารเช้า พนักงานที่นี่ Friendly มาก
เดินต่อไปตามถนนที่ปูด้วยหิน สองข้างทางเป็นอาคารบ้านเรือนแบบโกธิคและเรอเนสซองซ์ บ้านโครงไม้ซุงหลังคาหน้าจั่วตั้งเรียงราย
จนถึงซุ้มประตู Roderbogen ซึ่งมีป้อมหอคอย Markusturm อยู่ด้านบน สองฝั่งเป็นร้านค้าขายของที่ระลึก ร้านอาหาร โรงแรม ซุปเปอร์
เดินตรงต่อเข้าไปอีกนิดก็จะถึง จัตุรัสกลาง(Marktplatz) อันเป็นที่ตั้งของ ศาลาว่าการเมือง (Rathaus) แสนสวยที่มีหน้ามุขเป็นศิลปะ
รอบจตุรัสรายล้อมด้วยอาคารบ้านเรือนหลังคาทรงจั่วสีสวยและบ้านโครงไม้ซุงอีกหลายหลัง ถ้าอยากชมภาพมุมสูงของเมือง ก็ให้เข้าไป
เดินต่อไปทางด้านหลังอาดาร Ratsherrntrinkstube ถึงสี่แยกด้านซ้านจะพบโบสถ์เซนต์จาคอปส์ Saint Jakobs Kirche โบสถ์โกธิค
ส่วนด้านขวามือจะเจอถนน Georgengasse และซุ้มประตู Weißer Turm หรือ White Tower
เราเดินย้อนกลับมาทาง Marktplatz แล้วข้ามไปอีกฝั่งทางด้านทิศใต้ตามถนน Schmiedgasse จนมาถึง Plonlein ซุ้มประตูเด้านทิศใต้
ไปทางฝั่งตะวันตกของเมืองกันบ้างครับ ฝั่งนี้กำแพงเมืองไม่มีป้อมด้านบนให้ขึ้นไปเดินได้ครับเพราะเป็นหน้าผาลงไป มีหมู่บ้านอยู่ด้าน
เดินย้อนกลับมาทาง Marktplatz แล้วเลียวซ้ายไปทางประตูเมืองด้านทิศตะวันตกจะผ่านพิพิธภัณฑ์คริสมาสต์มีรถของขวัญสีแดงสดอยู่
เดินเลยต่อมาอีกไม่ไกลถึงโบสถ์ Franziskanerkirche หรือ Franciscan Church
เดินลอดซุ้มประตูออกมาตือสวน Burggarten (Castle garden) ช่วงที่ผมมาเป็นต้นฤดูใบไม่ผลิ เค้าเพิ่งเริ่มลงดอกไม้เลยยังไม่ค่อยสวย เท่าไหร่ครับ มีทิวลิปบานบ้างแต่ส่วนใหญ่ยังเป็นดอกตูมอยู่ ซุ้มประตูเมืองด้านนี้ผมว่าสวยกว่าซุ้มประตูอื่นๆ
จากสวน Burggarten มองลงไปเห็นโรงแรม Pension Herrnmühle ตรงแนวป่าที่เป็นร่องลึกนั่นคือแนวของแม่น้ำ Tauber
เราเดินเลาะแนวกำแพงกลับมาที่ Plonlein เพราะตั้งใจมาเก็บภาพยามค่ำอีกครั้งที่มุมนี้ครับ
กลับมาที่ Marktplatz เพื่อมาเก็บภาพต่อ บ้านหน้าจั่วผสมไม้หลังทางขวาสร้างในปี ค.ศ. 1488 ให้กับนาย Jagstheimer นายกเทศมนตรี ในบรรดาเมืองต่างๆที่เราผ่านมา 6 วัน Rothenburg Od T ดูจะเป็นเมืองที่เงียบที่สุด เมืองอื่นๆจะมีนักท่องเที่ยวออกมาเดินเล่นยามค่ำ
ดีที่ทริปนี้เราเตรียมอาหารมาทำกินกันเองด้วย ไม่งั้นมื้อเย็นวันนี้อาจไม่ได้กินอะไรเพราะไม่มีร้านค้าเปิดหลัง 6 โมงเย็นเลยครับ กลับไปหุงข้าว ไปขับรถเที่ยวกัน เยอรมัน ออสเตรีย เชค - Day 5 Prague
วันที่ 5 บรรยากาศเช้าวันนี้ของ Cesky Krumlov สดใสมากครับ ไม่มีเมฆฝนแต่ก็ต้องลุ้นเอาว่าระหว่างทางไป Prague จะเจอฝนมั๊ยแต่ถ้าเจอ
ฟ้าสวยๆยามเช้าเหนือหอคอยของปราสาทเชสกี คลุมลอฟ ผมคว้ากล้องออกไปเดินซึมซับบรรยากาศยามเช้าก่อนที่จะกลับมากินอาหาร
เมืองเชสกี คลุมลอฟยามเช้าสงบเงียบมากครับ บ้านเมืองสะอาดดีจริงๆ มาคิดถึงถนนบ้านเรายามผ่านค่ำคืนมามักเจอแต่ขยะรอการเก็บ
ผมเดินกลับมาที่จุดชมวิวที่มาดูแสงเย็นเมื่อวาน จุดนี้ดูได้ทั้งแสงเช้าและแสงเย็นครับอยู่ไม่ไกลจากที่พักเดินไม่ถึง 5 นาทีก็มาถึงครับ
แดดยามเช้าเหนือเมืองเชสกี คลุมลอฟ
บางมุมริมแม่น้ำวัลตาวา Vltava
มาเดินเล่นรอบๆเมืองกันบ้างครับ หนุ่มสาวชาวไทยกำลังถ่ายรูปเล่นกันอยู่ เมืองนี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ช่วงเวลาที่ผมไปเป็นคนไทยครับ
ตึกสีสันร้อนแรงดีจริงๆ
ผมชอบร้านค้าที่นี้แต่ละร้านทาสีสวยดีครับ
เขคเมืองเก่าของเชสกี คลุมลอฟไม่ใหญ่มากครับ เดินเวนไปวนมาแป๊บเดียวก็รอบเมืองกลับมาถึงจตุรัสกลางเมืองอีกครั้ง คงได้เวลากลับ
ระยะทางประมาณ 176 กม. จาก Ceskey Krumlov สู่ Prague เราใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงกว่าๆ มาถึงปราก ในเมืองปรากต้องบอกว่า
ที่พักคืนนี้ของเราคือ Hotel Royal Residence Ungelt เป็นห้อง Family Room ที่ใหญ่มาก มี 2 ห้องนอน มี Living Room และครัวให้
เราเดินจากโรงแรมไม่กี่เมตรก็ออกมาถึง Old Town Square ก่อนอื่นก็ต้องไปแลกเงิน Koruna Czech ก่อนครับเพราะที่แลกไว้จากเชสกี
ปราสาทปราก (Prague Castle) งดงามดุจเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ปราสาทเก่าแก่แห่งนี้คือสิ่งที่ทำให้ปราก ดูสวยอย่างมีมิติ เพราะใน
พระเจ้าชาลส์ที่ 4 โปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1344 ในศิลปะแบบโกธิกเพื่อแทนโบสถ์หลังเดิม ใช้เวลาก่อสร้างมากกว่า 500 ปีจึงเสร็จ
ภายในมหาวิหารเซนต์วิตุส (St.Vitus Cathedral) เห็นโถงแบบโกธิก
แต่ที่โดดเด่นกว่าบานอื่นก็คือบานนี้ เป็นผลงานของศิลปินอาร์ตนูโวที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของโลก Alfons Muchas ขณะที่งานเฉลิม
หน้าต่างกุหลาบ หรือ Rosetta หรือ Rose Window ออกแบบโดย Frantisek Kysela สร้างเสร็จในปี 1927
แท่นบูชาภายในมหาวิหารเซนต์ วิตุส มีหลายแท่น แต่ละแท่นมีรูปสลักที่สวยงามมากครับ
ตรงกลางจัตุรัสมีอนุสาวรีย์ของนักปฏิรูปศาสนาชื่อยาน ฮุส (Jan Hus) ท่านผู้นี้ต่อต้านความเหลวแหลกฟุ้งเฟ้อของศาสนาคริสต์นิกาย
โบสถ์โกธิกสูงใหญ่ มียอดแหลมราวกับเปลวเพลิงพุ่งสูงเสียดฟ้า มีชื่อว่า Church of Our Lady before Tyn หรือเรียกสั้น ๆ ว่าโบสถ์ทิน
หอคอยสูง 60 เมตรที่เห็นเป็นส่วนหนึ่งของศาลาว่าการเมืองเดิม (Old City Hall) ใช้เป็นศาลาว่าการเมืองตั้งแต่สมัยยุคกลาง จากบน
นาฬิกาดาราศาสตร์ปรากเก่าแก่ (Town Hall Clock) ที่ตั้งอยู่ตรงฐานของหอคอย นอกเหนือจากตัวเรือนที่ดูสวยงามแล้ว นาฬิกาเรือนนี้ หลังจากเดินเล่นรอบ Old Town Square แล้วเรากลับเข้าที่พักกันก่อนเพื่อนกินอาหารเย็นแล้วออกมาใหม่อีกครั้งตอนค่ำๆ เพื่อจะเดิน
เราออกมาอีกครั้งตอนหัวค่ำ เดินเลย Old Town Square ไปไม่ไกลนักก็ถึงสะพานชาร์ลซึ่งคลาคร่ำไปด้วยผู้คน จากริมฝั่งแม่น้ำด้านตะวัน
สะพานชาลส์ (Charles Bridge) คือสัญลักษณ์สำคัญของปรากที่มีชื่อเสียงที่สุด เป็นสะพานเก่าแก่ที่สุดในเมือง สร้างบนจุดที่น้ำตื้นที่สุด
สองข้างสะพานประดับไปด้วยรูปปั้นของนักบุญในศาสนาคริสต์ทั้งหมด 30 รูป ที่โดดเด่นที่สุดคือรูปปั้นของเซนต์จอห์น เนโปมุก
ขนาดโดนฝนไล่มาก็ยังไม่ยอมที่จะเลิกถ่ายรูปกัน ขออีกสักรูป Church of Our Lady before Tyn เพราะที่พักเราอยู่หลังโบสถ์นี่เองครับ พรุ่งนี้เราจะกลับเยอรมันกันแล้วครับเหรือรีวิว 2 ตอนสุดท้าย ที่ Rothenburg Ob DT กับมิวนิค 2 วันผมจะรวบไว้ตอนเดียวเลยครับ ไปขับรถเที่ยวกัน เยอรมัน ออสเตรีย เชค - Day 4 Cesky Krumlov
วันที่ 4 ของทริปวันนี้เราจะไปสาธารณะเชคกัน ใน 3 ประเทศของทริปนี้ผมชอบออสเตรียมากที่สุด อาจเป็นเพราะบรรยากาศที่ถูกจริต
ผมตื่นมาตั้งแต่เช้ามืดกะว่าจะออกไปดูทางช้างเผือก แต่ไม่ไหวครับอากาศเย็นมากถุงมือก็ไม่มีแถมมุมก็ไม่ได้อีกเลยกลับเข้าบ้านพักมา
บรรยากาศสงบยามเช้าของฮัลสตัตต์ เริ่มมีคนทะยอยออกมากันเยอะทั้งนักท่องเที่ยว ผู้คนท้องถิ่นที่ออกไปทำงาน นักเรียนทะยอยมา
Schloss Grub หรือ Castle Grub ปราสาทส่วนตัวอยู่ฝั่งตรงข้ามทะเลสาบเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1522 และมีการเปลี่ยนผู้ครอบครองมา
พระอาทิตย์ขึ้นแสงอุ่นๆเริ่มมา แต่เห็นแสงแบบนี้อีกไม่นานครับฝนถล่มแบบไม่น่าเชื่อ
ได้เวลากลับไปที่พักเพื่อกินข้าวเช้าและเตรียมตัวเดินทางกันต่อครับ ลำธารใสๆไหลมาจากไหนก็ไม่ทราบแต่สุดทางที่ทะเลสาบ ดูเหมือน
นั่งจิบกาแฟยามเช้าบนระเบียงข้างบ้าน บรรยากาศน่าหยุดเวลาไว้ตรงนี้จริงๆครับ
วิวจากหน้าต่างห้องครัว หลังอาหารเช้าและจัดเตรียมอาหารมื้อกลางวันแล้ว เราก็เก็บข้าวของขึ้นรถเครียมเดินทางสู่เมืองเชสกี คลุม
จากแดดดีท้องฟ้าสดใสเพียงไม่กี่นาทีฝนก็ตั้งเค้ามาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่นาทีก็ตกลงมาอย่างหนัก เราขับรถลุยฝนออกจาก Hallstatt
แวะเติมน้ำมันที่เมือง Bad Goisern ซึ่งห่างจาก Hallstatt ไปไม่ไกลเผื่อไว้ก่อนเพราะต้องขับไปยาวๆ เราถามหาซื้อสติ๊กเกอร์ Vignett
มากันไกลพอสมควรฟ้าเริ่มใสขึ้น ได้เวลาอาหารกลางวันเราแวะปั๊มระหว่างทาง แต่ปั๊มนี้ไม่มีร้านสะดวกซื้อก็เลยยังไม่ได้ซื้อ Vignett แต่
กว่าเราจะได้ Vignett ของ Czech ก็ผ่านพรมแดนเข้ามาใน Chech แล้วเพราะเส้นทางหลังจากที่เราแวะกินข้าวกลายเป็นเส้นทางสายรอง
ลอดซุ้มประตูมาจะเจอสะพานข้ามแม่น้ำเดินข้ามไปแล้วเดินค่ออีกไม่เกิน 200 เมตรก็ถึงโรงแรมครับ เชสกี ครุมลอฟ(Cesky Krumlov)
ปราสาทคลุมลอฟมองเห็นได้จากแทบทุกส่วนของเมือง ที่ Czech เค้าไม่รับเงินยูโรต้องเอาเงินยูโรไปแลกเป็นเงิน โคลูนาเชคฯ (CZK)
ช่วงยุค interwar (ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและตอนเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง) เมืองเชสกี้คลุมลอฟเป็นส่วนหนึ่งของ
เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939 1945) สงบลง เชสกี้ ครุมลอฟเป็นเมืองที่รอดพ้นจากการทำลายล้างจากภัยสงคราม
ในช่วงคอมมิวนิสต์ (ค.ศ. 1948 - 1989) เมืองเชสกี้ คลุมรอฟมีความทรุดโทรมลงมาก ต่อมาได้มีการบูรณะเมืองให้สวยงามดังเดิมอีก
ออกจากปราสาทมาเราก็เดินเล่นในเมืองกันแล้วไปหาอาหารเย็นกินกันก่อนที่จะกลับที่พัก อย่างที่เคยบอกครับร้านค้าในยุโรปปิด 6 โมง
มาประเทศแถบนี้ผมว่าพนักงานร้านอาหารดูเป็นมิตรและบริการดีแทบทุกร้าน แต่ถ้าเป็นร้านแบบแฟรนไชนส์อย่าง Mc Donald หรือพวก
เราเดินกลับมาที่จุดชมวิวตรงที่เราจอดรถไว้ตอนมาถึงอีกครั้ง มารอเก็บแสงดึก จะบอกว่าแสงเย็นก็ไม่ใช่เพราะมันสองทุ่มแล้วเรียกแสง
กว่าฟ้าจะเป็นสีน้ำเงินเข้มก็เกือบสามทุ่ม ยืนหนาวๆรออยู่นานเลยครับ ที่นี่มีคนไทยมาเที่ยวกันเยอะครับ ที่ยืนรอถ่ายรูปกันส่วนใหญ่ก็เป็น
ไปขับรถเที่ยวกัน เยอรมัน ออสเตรีย เชค - Day 3 Hallstatt
เมืองอินนส์บรูคล้อมรอบด้วยเทิอกเขาแอลป์ โดยมียอดยอดเขานอร์ดเคทเทอ (Nordkett) สูง 2,334 เมตร อยู่ทางตอนเหนือของเมือง
ยามเช้าจากหน้าต่างห้องพัก เมื่อคืนมีฝนตกลงมาแต่เช้านี้ฟ้าปลอดโปร่งมากครับ ตื่นขึ้นมาเตรียมเก็บของเดินทางกันต่อ ลงไปกินอาหาร
เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรมหลังอาหารเช้า เอาสัมภาระทั้งหมดไปเก็บในรถก่อนแล้วค่อยไปขึ้นเขากัน จากหน้าโรงแรมเดินไปทางซ้าย
เลี้ยว ขวาตรงสุดทางเดินจากจคุรัสแล้วเดินตรงไปไม่ไกลนัก ผ่านร้านขายของที่ระลึกที่ดูเหมือนของภาตเหนือบ้านเราซึ่งมีอยู่หลายร้านจะ เป็นทางลอดใต้อาคารเลี้ยวซ้ายอีกทีจะผ่านหน้าโรงละคร เดินอีกนิดเดียวจะถึงสถานีรถไฟ
เห็นหลังคาแบบนี้แสดงว่ามาถึงสถานีแล้วครับ สถานีแรกคือ Congess ซื้อตั๋วขึ้นเขากันเลยครับ ลงบันไดเลื่อนไปซื้อตั๋วด้านล่างกันเลย
จาก นั้นทางเริ่มชันขึ้นไปสู่สถานีที่ 2 สถานีสวนสัตว์ Alpine Zoo ใครอยากเที่ยวสวนสัตว์ก็แวะลงสถานีนี้ได้ครับเป็นสวนสัตว์เปิด หรือจะแวะ ขากลับก็ได้เช่นกันเพราะตั๋วที่เราซื้อ ขึ้นลงได้ทุกสถานีครับ สถานีนี้ความสูง 750 เมตร หรือ 2,460 ฟุต จากสถานีสวนสัตว์ Alpine Zoo ทางชันขึ้นเรื่อยๆวิวก็เริ่มสวยขึ้นเรื่อยๆ
มาถึงสถานีสุดท้ายของรถรางคือสถานี Hungerburg ความสูง 860 เมตร หรือ 2,820 ฟุตเราต้องลงเพื่อไปต่อ Cable Car ครับ จุดนี้จะเห็นวิวเมืองอินนส์บรูคทั้งเมืองครับ มีร้านอาหารและโรงแรมอยู่บริเวณสถานีนี้ จริงจุดนี้และ Alpine Zoo มีถนนที่รถยนต์สามารถขึ้นมา
เรา ต้องเปลี่ยนไปขึ้น Cable Car กันครับสถานีอยู่ติดกัน สำหรับคนที่นำรถขึ้นมาจอดที่นี่แล้วซื้อตั๋วเฉพาะ Cable Car ได้ครับ ช่วงนี้ก็นั้งกันยาวๆหน่อยครับ เริ่มเห็นหิมะหล่ะ
ถึง ลานสกีจะปิดไปแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาเล่นอยู่บ้างแต่ก็น้อยครับ ขอแอบเมาท์ตาเสื้อเขียวนั่นนิดนึงครับ หน้าตาก็หล่อดีแต่กลิ่นนี่สุดๆ นั่ง
ถ้าจะขึ้นไปที่ยอด Nordkette จากสถานีต้องเดินต่อไปอีกครับ เห็นยอดลิบๆนั่น แต่เราไม่ได้เดินไปเพราะหิมะมันเริ่มอ่อนแล้วครับ เดินย่ำ
ขับรถมาจนเลยเที่ยง เราก็แวะกินข้าวกันที่ปั๊มน้ำมันริมทาง ปั๊มนี้ดีครับมีที่นั่งกินแถมวิวดีด้วย ชมดอกไม้ระหว่างกินข้าวอากาศก็หนาว
แต่ก็มีบางช่วงที่ขับผ่านชุมชน ยังพอหาที่จอดลงไปชมวิวสวยๆและเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้ครับ เห็นทวิวแบบนี้แล้วยังไงก็ต้องจอดเนอะ
โบสถ์ริมทางก่อนถึง Hallstatt เห็นปล้วนึกถึงหนังฝรั่งโบราณขี่ม้าสู้ศึกเลย
เรามาถึง Hallstatt ก็เจอปัญหาใหญ่ GPS มันไม่มีเลขที่ที่พักที่เราจองมา เลยต้องเปิด Google Map หาแทนจนมาถึงหน้าบ้าน ปรากฏ
ที่พักนี้ไม่ติดทะเลสาบนะครับ อยู่ในหุบเชาด้านในแต่เดินไปริมทะเลสาบได้ ผมก็จอดรถไว้หน้าบ้านแล้วเดินออกไป บรรยากาศบริเวณ
เสน่ห์ อย่างหนึ่งของที่นี่คือเค้านิยมปลูกต้นเชอร์รี่ติดกับผนังบ้านเล้วดัดให้มัน ติดกับตัวบ้าน จากบ้านพักที่เราเดินผ่านมา เห็นเค้าทำแบบนี่
ร้านอาหารในเมือง น่านั่งมากครับแต่ปิดเร็วมากเดินผ่านมาเค้าปิดแล้ว
เดินมาถึงจตุรัสกลางเมืองหรือ Marktplatz ก็ใกล้ถึงจุดหมายแล้วครับ บริเวณรอบนี้เป็นร้านค้าและโรงแรมรวมถึงร้านขายของที่ระลึก
เราเดินมาถึงมุมมหาชนเกือบ 2 ทุ่ม ไกลไม่ใช่เล่นเลยครับ มาถึงมุมนี้ก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงเป็นมุมที่คนทั่วโลกอยากมาเยือน
ยิ่ง ดึกอากาศก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆเราจึงเดินกลับที่พัก มาถึง Marktplatz แวะเก็บภาพยามค่ำอีกรอบ ระหว่างเดินกลับมีกลุ่มนึงมากัน 4-5 ไปขับรถเที่ยวกัน เยอรมัน ออสเตรีย เชค - Day 2 Innsbruck
วันที่ 2 ของการเดินทาง โปรแกรมสำหรับวันนี้เช้าไปเที่ยวปราสาท Neuschwnstein แล้วกลับมาเก็บของเดินทางเข้า Austria ไป
เช้านี้เราตื่นมาทำข้าวต้มเตรียมกินมื้อเช้ากันในอพาร์ทเมนท์ แต่ขณะกำลังง่วนกันอยู่ในครัว ผมดันเปิดประตูระเบียงออกไปชมบรรยากาศ
จากนั้นโปรแกรมก็เปลี่ยน ข้าวต้มและกับข้าวถูกลำเลียงขึ้นรถ ออกไปกินข้างนอกแทน จากที่พักเราไปปราสาท Neuschwanstein ไม่
แต่จริงๆแล้วมันก็คือเส้นทางสู่ปราสาท แต่ไม่ใช่เส้นทางหลักเท่านั้น และแล้วข้าวต้มก็ถูกจัดการกันที่ท้ายรถ เป็นมื้อที่อร่อยและพิเศษ
จากห้องซื้อตั๋วเดินเข้าไปด้านในมีพิพิธภัณ์แต่ตอนเรามาถึงยังไม่เปิด ตอนแรกไม่รู้หรอกครับว่ามีพิพิธภัณ์ เดินเข้าไปหาห้องน้ำห้องน้ำก็
เราเดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อมารอรถบัสเพื่อขึ้นปราสาท ที่จุดรอรถเราจะเห็นปราสาทโฮเฮ็นชวานเกา (Schloss Hohenschwangau)
ปราสาทโฮเฮ็นชวานเกาสร้างเป็นพระราชวังฤดูร้อนและล่าสัตว์ของพระเจ้าแม็กซิมิลเลียน, เจ้าหญิงมารีแห่งปรัสเซียพระชายา และพระ
การขึ้นไปยังปราสาท Neuschwanstein ไปได้ 3 ทางคือ เดินขึ้นแต่มันไกลและชันพอสมควร ทางที่ 2 ขึ้นรถบัสแล้วเดินต่อ ราคา 1.8
เดินไปอีกสักพักก็ถึงตัวปราสาท ต้องรอเข้าให้ตรงรอบกับที่เราจอง ตอนเข้าชมจะมีมัคคุเทศ บรรยายให้ฟัง ห้ามถ่ายรูปโดยอุปกรณ์ทุก
ปราสาทนอยชวานชไตน์ ได้รับการออกแบบโดยคริสเตียน แยงค์ (Christian Jank) ซึ่งเป็นนักออกแบบทางการละครมากกว่าที่จะเป็น
ออกจากปราสาทกว่าจะลงมาเอารถก็ 11 โมงกว่า ที่พักเค้าให้เว็คเอาท์ 11 โมง ปรากฎว่ามาถึงป้าเจ้าของบ้านเอากระเป๋าเราออกมาตั้ง
เราเก็บของออกจาก Schwangau มุ่งสู่ Innsbruck ประเทศออสเตรียแผนแรกตั้งใจว่าจะไป Linderhof และ Mittenwald ในเยอรมันก่อน
ครึ่งทางของเส้นทางสู่ Innsbruck หลังจากผ่านเทือกเขาสูง ลงสู่ที่ราบเบื้องล่างเราผ่านทะเลสาบ Fernsteinsee อยู่ด้านซ้ายของถนน
แต่ริมทะเลสาบอีกด้านก็มีจุดพักรถและศูนย์อาหาร เราเลยแวะกินมื้อกลางวันกันที่นี่ การขับรถเที่ยว 3 ประเทศนี้ถ้าจะเข้าห้องน้ำต้อง
เรามาถึง Innsbruck ประมาณบ่าย 3 คืนนี้เราพักกันที่ Hotel Golden Krone (Krown = Crown) Shop sign ของที่นี่เลยเป็นรูปมงกุฏ
โรงแรมนี้ไม่มีที่จอดรถครับ เราวนตาม GPS มารอบนึงเจอโรงแรมแล้วต้องกลับไปวนอีกรอบหาที่จอดรถ ตอนวนรอบ 2 นี่ขับรถแบบเสียว
ที่จอดรถเอกชนอยู่ห่างจากโรงแรมประมาณ 100 เมตรเป็นที่จอดของมหาวิทยาลัย เข้าไปจอดได้ครับค่าจอด 12 EUR ต่อ 24 ชั่วโมง
เราเดินมาทางซ้ายมือของโรงแรมเรื่อยๆจะถึงจตุรัสของเมือง ตึกเก่าๆกับร้านใหม่ๆอย่าง Mc Donald แต่ดูกลมกลืนกันดี รวมถึงร้านชุด
เดินไปเรื่อยๆจนถึงหอนาฬิกาแล้วเลี้ยวซ้าย เดินต่อไปสักพักจะถึงริมแม่น้ำอินน์(Inn River) เมืองอินส์บรุคมีชื่อเสียงในด้านเป็นศูนย์กลางของกีฬาฤดูหนาว ซึ่งเมืองแห่งนี้เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาฤดูหนาวหลายครั้ง ได้แก่ โอลิมปิกฤดูหนาว 1964 และ 1976
เดินเลียบแม่น้ำไปทางซ้ายเราก็มาถึงมุมมหาชน ตึกสีสวย แม่น้ำอินน์ และยอดเขาสูงได้แก่ นอร์ดเคทเทอ (Nordkette) ไม่น่าแปลกใจที่
เราเดินย้อนกลับมาทางเดิม หามื้อเย็นกินกันแถวจตุรัส แวะซุปเปอร์ซื้ขนมและผลไม้ด้วย บรรยากาศหลังหกโมงเย็นแม้แดดยังแรงอยู่แต่
เรากลับออกมาจากโรงแรมอีกครั้งตอนเกือบสองทุ่มเพื่อไปเก็บแสงเย็น ฤดูนี้พระอาทิตย์กว่าจะตกก็หลังสองทุ่มครับ ช่วงเย็นเลยกลับไป
อินส์บรุค มาจากคำว่า Inn ซึ่งเป็นชื่อแม่น้ำที่ไหลผ่านเมือง รวมกับ bruck ที่มาจากคำว่า Brücke ซึ่งเป็นคำในภาษาเยอรมันหมายถึง สะพาน ดังนั้นชื่อเมืองจึงมีความหมายว่า สะพานข้ามแม่น้ำอินน์
ถ่ายภาพริมแม่น้ำเสร็จเราก็เดินกลับโรงแรมกัน แค่สามทุ่มกว่าเมืองทั้งเมืองเงียบมากครับ ร้านปิดหมดมีรถมาจอดขายฮอทดอกอยู่
|
นักบัญชีขี้บ่น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] Link |