ทริปนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นทริปถูกหลอก คือถูกป้าม่วงออกจดหมายหลอกว่าจะปรับอัตราการแลกไมล์สะสม เป็นอัตราใหม่ที่ใช้ไมล์
เยอะกว่าเดิม ผมก็เลยต้องตาลีตาเหลือกโอนไมล์จากบัตรเครดิตเข้ามาเป็นไมล์ ROP แล้วก็รีบแลกตั๋วโดยสาร เดิมทีตั้งใจจะเก็บไมล์
ไว้ก่อนเพื่อแลกเส้นทางยุโรป แต่ไมล์ที่มีอยู่ไปได้แค่ญี่ปุ่น เลยตัดสินใจญี่ปุ่นก็ญี่ปุ่น พอแลกไปเรียบร้อยแล้วดันประกาศยกเลิก ให้
กลับไปใช้อัตราเดิม โดนป้าม่วงหลอกเข้าไปเรื่องแรก ยังตามมาด้วยออกโปรโมชั่นไปญี่ปุ่นราคาไม่ถึง 2 หมื่นอีกโดนไปอีกหนึ่งเรื่อง
ไหนๆก็โดนหลอกแล้วก็เดินหน้าต่อแล้วกันครับ มีเวลาแค่ 4 วันเต็มในภูมิภาค Kansai ผมก็เลยจัดทัวร์ดูใบไม้อย่างเดียว เพราะ
อยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นมานานแล้ว แล้วทำไมถึงเลือก Kansai ไม่เลือก Tokyo ? เพราะชอบ Kyoto มากกว่าเลยอยากไปอีก
ทำไมถึงแค่ 4 วัน ? มีเวลาแค่นี้จริงๆครับ
สวัสดี Kaisai
ถึงแม้จะโดนป้าม่วงหลอกให้แลกแต้ม แต่ก็ยังดีที่รอบนี้ได้นั่งปลาวาฬ A380 ทั้งไปและกลับ ผมมาถึงสนามบิน Kansai ประมาณเลย
6 โมงเช้ามาเล็กน้อย อากาศแรกที่รับรู้ก็เย็นๆไม่ถึงกับหนาวครับ แผนการวันแรกของเราคือจากสนามบิน Kansai ขึ้น i5 JR Airport
Express ไปลงที่ Kyoto ฝากกระเป๋าแล้วนั่งรถไฟ JR ไปลงสถานี Saga Arashiyama ในเมื่อวันนี้นั่งแต่รถ JR ทั้งวันก็หันมาดูว่าจะซื้อ
Pass อะไรดีเพื่อประหยัดตังค์ มาสรุปที่ JR West Rail Pass 1 day ราคา 2,060 เยน ซื้อผ่านเน็ทแล้ว Print Voucher ไปรับตั๋วที่
สำนักงาน JR ที่สนามบินได้เลยครับ
มาถึงสถานี Kyoto เราเอากระเป๋าไปฝากที่ Locker สถานีกันก่อนเสร้๗แล้วก็นั่งรถไฟต่ไปลงที่สถานี Saga Arashiyama ใช้เวลา
ประมาณครึ่งชั่วโมงจาก Kyoto มา Arashiyama พอเดินออกจากสถานีก็เดินตรงไปเรื่อยๆครับ มีคนเดินกันเยอะไม่ต้องกลัวหลงเลย
เดินมาได้ไม่ไกล ก็เจอใบไม้แดงต้นแรก ความจริงก็เคยเจอใบเมเปิ้ลแดงจากหลายๆประเทศที่ไปเที่ยวมา แต่สีมันออกแดงๆคล้ำๆ
ไม่แดงสดใสเหมือนในญี่ปุ่น หรือเราจะมโนไปเอง? แต่เจอต้นแรกตื่นเต้นกันเป็นธรรมดาครับ จัดสักหน่อยก่อนเดินต่อ
เดินตรงจากสถานีรถไฟไปเรื่อยๆผ่านซอยเล็กๆไปไม่ไกลจะทะลุออกถนนใหญ่ที่ตัดเลียบแม่น้ำ เลี้ยวขวาเดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆครับ
จะเห็นสะพาน Togetsukyo (โทเกะซึเคียว) หรือสะพานข้ามจันทร์ ฝั่งตรงข้ามมีวัดอยู่แต่ไม่ได้ข้ามไปดูครับ ตรงแถวๆสะพานมีร้านค้า
มากมายทั้งร้านอาหาร ร้านขนม และร้านขายของที่ระลึกผมเดินเลยสะพานเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆจะเจอท่าเรือ ใครจะลงเรือเที่ยวชมก็ได้
ครับ แต่เราขอเดินเที่ยวดีกว่า
จากสะพานข้ามจันทร์ เดินเลียบริมน้ำไปจนสุดทางรถยนต์ ทางรถจะบังคับเลี้ยวขวา แต่จะมีทางคนเดินริมแม่น้ำต่อ เดินกันต่อไปเลย
ครับ บรรยากาศดีทีเดียว
เลียบแม่น้ำไปจนสุดทางจะเจอทางเดินขึ้นเขา เดินกันเล็กน้อยครับไม่สูงมากด้านบนมีสวนป่า บริเวณนี้มีต้นไม้กำลังผลัดใบให้ชมแบบ
มากมายสวยงามเลยครับ แถมไม่ค่อยมีคนด้วย
จากสวนป่ามีบันไดเดินขึ้นด้านบน ไปกันต่อเลยครับไม่ไกลมากนักเราก็มาถึงสวนไผ่ Kameyama Koen Park ครับ
เดินทะลุป่าไผ่มาจะเจอทางเข้าวัดเท็นริว(Tenryu ji) หรือ วัดมังกรสวรรค์ เป็นวัดเอกของนิกายพุทธรินไซ-เซน สาขาเท็นรีวเป็นวัดที่มี
ความสวยงามเป็นอันดับต้นๆของวัดในเกียวโต และยังเป็นหนึ่งใน 5 วัดมรดกโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองเกียวโต
เดินออกมาด้านหน้าวัดเราก็เจอถนนที่เราผ่านมาเมื่อเช้า ถ้าข้ามถนนแล้วเดินเข้าซอยตรงข้ามวัดไปจะถึงสถานีรถไฟ แต่ตอนนี้ไปหา
อะไรกินกันก่อนครับ มัวแต่เดินเที่ยวยังไม่ได้กินอะไรกันเลย ร้านส่วนใหญ่เต็มไปด้วยผู้คนเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่น คนออกมา
เที่ยวกันเยอะ
อิ่มท้องกันแล้วก็เดินกันต่อครับ จากหน้าวัดเท็นริวเลี้ยวขวาไปคือถนนเลียบแม่น้ำที่เราเดินเมื่อเช้า เลี้ยวซ้ายเดินตรงไปเรื่อยๆจนข้าม
ทางรถไฟ เดินต่อไปเจอสี่แยกข้ามถนนแล้วตรงไปอีกไม่ไกลก็ถึงวัดเซเรียว (seiryo ji) วัดนี้ไม่ได้อยู่ใน Plan ของผมเลยครับ บอกตรงๆ
ว่าเดินหลงทางเข้ามา ด้านในวิหารมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักสวยมากครับ แต่เค้าห้ามถ่ายภาพ
มาเที่ยวฤดูนี้สิ่งหนึ่งที่เสียเปรียบก็คือ มันมืดเร็วครับ เที่ยวได้ไม่กี่ที่ฟ้าก็เริ่มจะมืดซะแล้ว เราเลยต้องเดินกลับไปที่สถานีรถไฟ เดินย้อน
กลับทางเดิมครับ ผ่านสี่แยกข้ามถนนก่อนถึงทางรถไฟมีซอยแยกเล็กๆซ้ายมือ เดินเข้าไปในซอยเรื่อยๆจะเจอ Familymart เลี้ยวซ้าย
เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงสถานีรถไฟครับ มาถึงสถานีเกียวโตก็มืดพอดี
เรานั่งรถกลับมาถึงสถานีเกียวโตก็มืดพอดี พอเอากระเป๋าเสร็จก็ไปที่พักกันเลยครับอยู่ในซอยใกล้ๆ Kyoto Tower ชื่อ Nishikiro เดิน
จากสถานีไม่เกิน 10 นาทีครับเป็นที่พักแบบ Ryokan สะอาดสะอ้านดีครับ
เก็บข้าวของเสร็จก็แค่ทุ่มเดียวเอง ออกไปเดินเล่นเมืองเกียวโตและหาอะไรกินมื้อเย็นกันก่อนครับ พรุ่งนี้เราจะเที่ยวเกียวโตกันต่อ สำหรับคืนนี้ขอไปพักผ่อนก่อนครับ
ขอบคุณนะคะที่เอาภาพสวยๆมาฝากกัน