All Blog
Journey to Switzerland - Day 9 Lucerne

   เช้านี้ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เช้าวันสุดท้ายของทริป แต่ก็เป็นเช้าวันสุดท้ายที่จะได้เดินเที่ยวในสวิส เพราะพรุ่งนี้เช้าเราต้องเก็บของไป
สนามบินกันตั้งแต่เช้า บนระเบียงเล็กๆของห้องนอนที่น่าจะเป็นเพียงหนึ่งในสองห้องพักของทั้งโรงแรมที่มีระเบียง ผมปล่อยให้ตัว
เองได้ซึมซับกับอากาศเย็นและทัศนียภาพจองเมืองลูเซิร์นตรงหน้า ทั้งยอดเขาพิลาทุส(Pilatus) แม่น้ำรอยซ์ (Reuss river) และ
แสงสีทองยามเช้าที่กำลังฉาบเมืองลูเซิร์น

   หลังจากอาหารเช้าเมนูเดิมๆ เราเริ่มออกเดินสำรวจเมืองลูเซิร์นกันอีกครั้ง เพราะเรามาอยู่ที่นี่ 3 คืนแล้วไปตรงนู้นนิดตรงนี้หน่อย
รูปชุดนี้เป็นชุดที่ผมถ่ายจากหลายวันที่อยู่ใน Lucerne ครับ ออกจากโรงแรมเดินเลี้ยวขวาไปก่อนเลยครับ เพราะสงสัยมาตั้งแต่วัน
แรกที่มาถึง ทีมีป้อมปราการทรงกลมขวางถนนอยู่ อยู่เลยจากโรงแรมไปประมาณ 100 เมตรแต่ก็ยังไม่ได้เดินมาสำรวจสักทีว่าป้อม
นี้คืออะไร

   จากแผนที่เมืองลูเซิร์นที่เจ้าของโรงแรมให้เรามาทำให้รู้ว่าป้อมนี้ก็คือ Luegisland Tower (Look Toward The Land) หรือ
หอคอยเฝ้าระวังอยู่ริมสุดติดแม่น้ำสูง 52.6 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองมูเสกก์(Museggmauer) กำแพงเมืองเก่าที่สร้างอยู่
บนเนินเขายาว 850 เมตร สร้างในปี 1386 ได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ระหว่างกำแพงเมืองมีหอคอยหรือป้อมปราการเป็นช่วง 9 จุด
มีอยู่ 4 จุดที่เราสามารถเข้าชมได้คือ Schirmerturm, Wachtturm, และ Mannliturm และ Luegisland Tower ที่อยู่ติดริมแม่น้ำ
รอยซ์(Reuss river) เป็นหอคอยที่น่าจะสร้างเสร็จเป็นแห่งแรกในบรรดาหอคอยทั้ง 9 คือก่อน ศตรวรรษที่ 13

   แต่โชคก็ไม่ได้เข้าข้างเราเสมอไป เพราะหอคอยต่างๆกำลังอยู้ในระหว่างบูรณะจึงปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปชม จึงได้แต่เดินขึ้น
ไปตามเนินเขาเลียบกำแพงเมืองขึ้นไปครับจากบนเนินเรามองกลับไปเห็นทุ่งดอกไม้สีทอง แนวกำแพงเมืองและเขา Pilatus ที่ตอน
นี้มองไม่เห็นยอดแล้ว

   เรากลับไปเดินเล่นในเมืองกันดีกว่าครับ เดินย้อนกลับไปทางเดิมผ่านหน้าโรงแรมเลียบริมแม่น้ำไปไม่ไกลนัก ก็จะเจอทางเดิน
ด้านซ้ายเข้าไปลานน้ำพุกลางเมือง อาคารต่างๆในลูเซิร์นบรรยากาศคล้ายๆกับ Schaffhausen ครับ อาคารต่างๆมีลวดลายเขียนสี
สวยงาม

   เนื่องจากวันนี้เราไม่รีบเร่งครับ เราก็เลยเดินเล่นไปเรื่อยๆจากลานน้ำพุเลี้ยวขวากลับไปทางริมแม่น้ำ มีสะพานคอนกรีตข้ามแม่น้ำ
รอยซ์(Reuss) ไปอีกฝั่งครับ หยุดถ่ายรูปสะพานไม้ชาเปล(Chapel bridge)ไว้เป็นที่ระลึกกันก่อน

   สะพานไม้ชาเปล(Chapel bridge) เป็นสะพานไม้ที่เก่ากี่สุดในโลกมีอายุหลายร้อยปี เป็นสัญลักษณ์และประวัติศาสตร์ของเมืองลูเซิร์นเลย
ทีเดียว สะพานแห่งนี้เป็นสะพานที่แข็งแรงมากมุงหลังคาแบบโบราณ เชื่อมต่อไปยังป้อมแปดเหลี่ยมกลางน้ำ ที่จั่วแต่ละช่องของสะพานจะมี
ภาพเขียนเป็นเรื่องราวประวัติความเป็นมาของ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นภาพเขียนเก่าแก่อายุกว่า 400 ปี ตรงกลางสะพานมีร้านขายของ
ที่ระลึกอยู่ด้วยครับ

   เดินข้ามสะพานกลับมาฝั่งเมืองเก่าอีกรอบครับ ตอนเช้ามีตลาดนัดตรงริมแม้น้ำปลายสะพานไปเดินเล่นดูกันสักหน่อยครับ เป็น
ของที่ชาวบ้านน้ำมาขายพวกสินค้าเกษตรทั้งต้นไม้ ดอกไม้ ผัก ผลไม้ และผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่างแยมผลไม้ครับ

   เดินเลยจากตลาดเข้าไปก็พบกับ Lucerne Town Hall หรือศาลาว่าการเมือง สร้างเมื่อปี 1602 - 1606 ด้านหน้าอาคารเป็นศิลปะ
เรอเนสซองซ์ยุคต้นตามแบบฟลอเรนซ์ ส่วนหลังคาเป็นแบบปั้นหยาแอ่นเหมือนอานม้าสไตล์ชาเล่ต์ของท้องถิ่น มีหอนาฬิกาโดดเด่น
มองเห็นได้ทั่วเมือง

   จากตรงนี้ก็เดินเลี้ยวขวาผ่านร้านค้าต่างๆ ดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆจนออกมาลานกว้างจากนั้นข้ามถนนไปฝั่งทะเลสาบกันครับ จากจุดนี้
มองกลับไปยังท่าเรือที่เรานั่งไป Rigi วันแรกที่มาถึง Lucerne ด้านหลังก็คือสถานีรถไฟ Lucerne

   จากนั้นเดินเลียบทะเลสาบไปเรื่อยๆครับแล้วข้ามถนนไปยังโบสถ์ฮอฟเคียร์เคอ(Hofkirche St. Leodegar) โบสถ์แห่งแรกของ
ลูเซิร์นสร้างขึ้นตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 8 ในปี 1633 เกิดไฟไหม้เหลือเพียงหอคอยคู่ อาคารที่สร้างใหม่จึงออกสไตล์เรอเนสซองซ์
เน้นความโอ่อ่า สวยงามอลังการ

   ภายในมีแท่นบูชาพระแม่มาเรีย รูปปั้นนักบุญ Leodegar และ Mauritus ซึ่งเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์เมืองลูเซิร์น และมีรูปปันพระเยซู
ตรึงกางเขน

   ออกจากโบสถ์มาก็เดินตรงไปตามถนนพอถึงแยกเลี้ยวขวา แล้วเดินตรงไปเรื่อยๆไม่ไกลนักก็จะถึงอนุเสาวรีย์สิงโตสะอื้น หรือ
เลอเวนเดงก์มัล(Lowendenkmal) รัฐบาลฝรั่งเศสมอบให้เพื่อรำลึกถึงทหารชาวสวิส 786 นายสละเสียชีวิตเพื่อปกป้อง พระเจ้า
หลุยส์ที่ 16 และพระนางมารี อังตัวแนตต์ ในสงครามปฏิวัติฝรั่งเศสที่กรุงปารีสปี 1792

   แถวๆหน้าทางเข้าอนุเสาวรีย์มีร้านขายของที่ระลึกหลายร้านที่คนขายเป็นคนไทยครับ ถ้าจะซื้อของฝากกลับบ้านมาดูแถวนี้ครับ
ผมเทียบราคาแล้วถูกว่าที่อื่นๆในสวิส จากอนุเสาวรีย์สิงโตสะอื้น เราก็เดินย้อนกลับไปเดินเล่นในเมืองครับ ส่วนใหญ่ก็มีแต่ร้านนาฬิกา
ส่วนของอย่างอื่นก็ไม่ได้ถูกครับ จากนั้นก็แวะไปซื้อช็อคโกแลตที่กู๊ป COOP เพราะราคาถูกกว่าร้านอื่นๆ

   รอบค่ำออกมาเดินเที่ยวอีกรอบครับ ตอนนี้สามทุ่มกว่าร้านค้าปิดหมดแล้วครับ จะมีที่เปิดอยู่ก็พวกบาร์และร้านอาหารยามค่ำ แต่
บาร์ที่นี่เค้านั่งจิบกันเงียบๆครับ

   ออกไปเดินเล่นริมแม่น้ำกันดีกว่าครับ ฝั่งตรงข้ามเมืองเก่ามีโบสถ์สไตล์บาร็อกที่ใหญ่โตและเก่าแก่ตั้งอยู่ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.
1666 – 1673 โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ทรงหัวหอม นั่นคือโบสถ์เยซูอิดเทนเคียร์เคอ (Jesuitenkirche)

   เดินถ่ายรูปเล่นไปเรื่อยๆครับ ขาตั้งกล้องก็ไม่ได้เอามาด้วย อาศัยตั้งกล้องไว้กับหัวสะพานบ้าง ราวสะพานบ้างครับ ภาพก็เลย
ออกมามุมแปลกๆอย่างที่ได้มาครับ

ฝั่งเมืองเก่าแม่น้ำรอยส์และศาลาว่าการเมืองด้านหลัง

อ้อมมาดูด้านสถานีรถไฟบ้างครับ กลางคืนสวยดีเหมือนกันครับ

และวนกลับมาถ่ายโบสถ์ฮอฟเคียร์เคอยามค่ำบ้างครับ แต่ไม่ได้เดินไปถึงครับ

   ก่อนเดินกลับขอสะพานชาเปลอีกสักมุมครับ ที่เห็นขาวๆในน้ำไม่ใช่พลังงานอะไรบางอย่างนะครับแต่เป็นหงส์มันว่ายน้ำครับ หงส์
ที่นี่เยอะจริงๆครับ

   เดินกลับที่พักผ่านจตุรัสกลางเมืองครับ ฝนเริ่มตกปรอยๆพร้อมอากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนด้านหลังยังสนุก
สนานกับการถ่ายรูปกันอยู่ ส่วนผมขอกลับเข้าไปหาอากาศอุ่นๆในโรงแรมดีกว่าครับ


   แล้วก็มาถึงบทสรุปของทริปสวิสในรุ่งเช้าของวันสุดท้าย เราลากกระเป๋าออกจากที่พักกันตั้งแต่เช้า นั่งรถฟไปซูริคแอร์พอร์ตเพื่อ
เดินทางกลับบ้านด้วยความประทับใจกับสิ่งต่างๆที่ได้มาพบเห็นที่นี่ หวังว่าคงได้กลับมาเยือนอีกครั้ง ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมา
เที่ยวด้วยกันครับ

...สวัสดี




Create Date : 28 มิถุนายน 2557
Last Update : 28 มิถุนายน 2557 22:35:00 น.
Counter : 1537 Pageviews.

2 comments
  
เข้ามาเก็บข้อมูลต่อค่ะ อยากไปบ้างจังเลย

โหวตให้นะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 30 มิถุนายน 2557 เวลา:9:02:00 น.
  
เด็กใหม่ ทักทายครับ
โดย: สมาชิกหมายเลข 1404403 วันที่: 3 กรกฎาคม 2557 เวลา:14:48:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นักบัญชีขี้บ่น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]