Group Blog All Blog
|
Yokoso Japan - Day 8 Goodbye Japan
เช้าวันสุดท้ายของทริป เราเก็บข้าวของแล้วเช็คเอาท์ออกจากที่พัก เที่ยวบินของเราออกประมาณ 5 ทุ่ม ของคืนนี้ เราฝากกระเป๋าไว้ที่ Locker ของสถานี Nishikujo เพราะตอนเย็นเราต้องกลับมาต่อรถที่นี่ แล้วค่อยนั่งรถต่อไปยัง เข้ามาด้านในยังไม่ทันได้เล่นอะไร ฝนก็ตกซะแล้วครับ หลบเข้าไปดูหนังสี่มิติกันก่อนครับ กำลังฉายเรื่องเชร็ค ถ่ายรูปกับเจ้ายักษ์ตัวเขียวสักหน่อย เครื่องเล่นที่นี่ผมว่าสนุกใช้ได้เลยทีเดียวโดยเฉพาะ Spiderman เหมือนเราหลุดเข้าไปเป็นตัวแสดงนึงในภาพยนต์ สำหรับวันสุดท้ายที่ USJ ผมไม่ค่อยได้ถ่ายรูปเท่าไหร่ เพราะเล่นเครื่องเล่นเค้าไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายภาพเข้า ผมขอจบทริปญี่ปุ่นไว้เพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามมาโดยตลอดครับ ผมกันใหม่ทริปหน้าครับ
Yokoso Japan - Day 7 Kyoto - Osaka
อากาศที่ญี่ปุ่นนี่เปลี่ยนแปลงแทบทุกวัน ตั้งแต่เรามาถึงอากาศแจ่มใสสลับกับฝนตกตลอด และวันนี้ก็เช่นกันอากาศ
เราเริ่มต้นทริปวันนี้ด้วยการนั่งรถสาย 205 ไปลงป้าย Kinkakuji-michi พอลงรถเมล์เดินย้อนกลับมานิดนึงครับ จะมี
วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple 金閣寺)
ปี พ.ศ. 2537 วัดโระคุองจิ รวมทั้งศาลาทอง ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกร่วมกับสถานที่
ในปี พ.ศ. 2493 ศาลาทองถูกเผาทำลายโดยพระวิกลจริต ที่หลงไหลกับความงามของศาลาทอง และเชื่อว่าการที่จะ
คนมาเที่ยวที่นี่มากจริงๆครับ เดินกันแบบแทบจะไหลเลย และไม่ต้องสงสัยเลยครับว่าทำไมใครๆมาเที่ยวที่นี่ถึงได้
เราออกมาด้านนอกและมาขึ้นรถเมล์ฝั่งตรงข้ามที่ป้าย Kinkakuji-Mae คนละป้ายกับตอนขามานะครับ นั่งรถเมล์สาย
วัดนินนาจิ (Ninna-ji Temple 仁和寺) วัดนินนาจิ Ninnaji ก่อตั้งขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ.1431 เคยเป็นพระราชวังเก่าเป็นที่ประทับของจักรพรรดิ เป็นสำนักงาน
ฝนเริ่มลงมาหนักขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ เราเข้าไปหลบฝนกันในส่วนของพระราชวังกันก่อนดีกว่า ส่วนนี้ปัจจุบันจัดแสดง
เดินเข้ามาด้านในก็เจอสวนหินแบบเซ็น ก้อนกรวดสีขาวใช้สำหรับสะท้อนแสงจันทร์ยามค่ำคืน คงโรแมนติกน่าดูนะ
ด้านในมีอาคารไม้หลังเล็กๆหลายหลัง เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงไม้ เข้ามาในนี้เค้าให้ถอดรองเท้าไว้ข้างนอกนะครับ
ห้องนี้ไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไรครับ แต่เดาจากการดูการ์ตูนอิ๊คคิวซัง น่าจะเป็นห้องที่โชกุนออกว่าราชการ เพราะเห็นมีฉาก
ห้องนี้ก็สีทองอร่ามเชียวแต่ละห้องเค้าให้เราชมได้จากระเบียงด้านนอกเท่านั้นนะครับ ห้ามเดินเข้าไปด้านในแต่ถ่าย
สิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยไม้อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 200 ปี แต่ก็น่าแปลกใจที่โบราณสถานของญี่ปุ่นทั้งหมดเป็น
และด้านในสุดก็มีการจัดสวนแบบญี่ปุ่นมองเห็นเจดีย์ 5 ชั้นด้านหลังซึ่งเดี๋ยวเราจะเดินไปที่นั้นกันครับ เพราะมีความ
เราออกมาจากวังแล้วเดินต่อเข้าไปด้านในกันครับ แวะถ่ายซุ้มประตูที่เราเห็นจากสวนหินด้านใน ฝนตกและอากาศ
และความพิเศษด้สนในก็คือ ซากุระพันธุ์เตี้ยครับ เตี้ยมากจนต้องเดินก้มเข้าไปชมกันเลยทีเดียว บางกิ่งออกดอกเรี่ย
ฝนยังคงตกลงมาไม่หยุด และอากาศก็เย็นลงมากทุกทีจนเราต้องตัดโปรแกรมที่เหลือในเกียวโตออก และนั่งรถเมล์
เรานั่งรถชินกันเซนกลับมาที่สถานี Shin-Osaka แล้วนั่ง Sub Way มาลงสถานี Osaka มาถึงก็เย็นแล้ว นี่ขนาดเรา
แม้ไปไม่ถึงตัวปราสาท แต่สวนสาธารณะหน้าปราสาทก็สวยใช้ได้ทีเดียว
เค้าบอกว่าถ้ามา Osaka แล้วไม่มาที่นี่เหมือนมาไม่ถึง ก็เลยต้องมาคืนสุดท้ายก่อนกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ครับ จาก
แต่ก็ไม่ได้มาเพื่อดูป้ายกูลิโกะเท่านั้นนะครับ แถบ Dotonbori ยังมีร้านอาหารให้เลือกมากมาย หลังจากอาหารค่ำ
Yokoso Japan - Day 6 Kyoto
วันนี้เราเริ่มต้นการเที่ยวโอซาก้าแบบไม่เที่ยวโอซาก้า ฟังแล้วก็คงงงๆ เพราะเรายึดโอซาก้าเป็นฐานที่มั่นเพื่อจะไป ก่อนอื่นเราต้องไปซื้อตั๋วรถเมล์กันก่อนครับ การเดินทางในเกียวโตใช้รถเมล์จะสะดวกกว่าใช้รถไฟฟ้าครับ ที่ขายตั๋ว เข้าไปด้านในเลยครับ ซื้อตั๋วแบบ Day trip ใช้ได้ 1 วันขึ้นลงกี่รอบกี่สายก็ได้ เราซื้อเผื่อสำหรับวันพรุ่งนี้ด้วยครับ เวลาขึ้นรถขึ้นประตูหน้าเอาบัตรแตะที่เครื่อง ตอนลงลงประตูหลังแตะบัตรอีกทีนึงครับ นั่งไปแล้วไม่ต้องกลัวว่าจะ พอมาถึงป้าย Ginkakuji ก็จะรู้ได้ทันทีครับเพราะป้ายนี้คนลงเยอะมาก ลงจากรถก็เดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามเลย วัดกินคะคุจิ (Ginkaku-ji Temple 銀閣寺) เดินประมาณ 10 นาทีเราก็มาถึงวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) หรือวัดพลับพลาเงิน (Silver Pavilion) สร้างโดย วัดกินคะคุจิ (Ginkakuji Temple) เป็นวัดในนิกายเซน พื้นทรายกับกองกรวดสีขาวที่กองอยู่หน้าพลับพลานั้นเขา ภายในวัดจัดสวนญี่ปุ่นสวยงามร่มรื่น และทำทางเดินให้เดินวนรอบวัด ด้านหลังมีทางเดินขึ้นไปบนภูเขา เป็นจุดชมวิวพลับพลาเงินและมองเห็นเมืองเกียวโตด้านนอกวัดครับ เราใช้เวลาอยู่ในวัด Ginkakuji นานพอสมควรครับเพราะมีมุมสวยๆให้ได้ถ่ายรูปเยอะจริงๆ ก่อนที่จะไปจุดหมายต่อไป เราออกมาจากวัดพลับพลาเงิน แล้วเดินย้อนกลับออกมาเส้นทางหน้าวัดและลี้ยวซ้ายเดินเลียบคลองตามเส้นทางแห่ง ซุ้มประตูมองจากด้านในซึ่งดูเหมือนประตูเมืองมากกว่าประตูวัดครับ เป็นเพราะวัดนี้มีประวัติว่าเป็นวังเก่าขององค์ ผ่านซุ้มประตูมาจะเป็นทางเดินยาวไปสุดหน้าวิหารหลังใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ แต่วันที่ผมไปเค้า วัดนันเซนจิ Nanzen-ji (南禅寺) วัดนันเซนจิ เป็นวัดเงียบสงบตามแบบเซน ตั้งอยู่กลางป่าสนบริเวณตีนเขาไดมอนจิยามะ (Daimonjiyama) สร้างในสมัย
จากวัดนันเซนจิ เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ Heian Jingu Shrine จากแผนที่เราจะต้องเดินเลียบคลอง Biwako ใน นี่เป็นท่าเรือครับ สำหรับท่านที่ต้องการจะใช้บริการเรือชมทัศนียภาพริมคลอง แต่คลองบ้านเค้าไม่ดำเหมือนคลอง เดินไปเรื่อยๆไม่ต้องรีบครับ ริมทางมีซากุระให้ชมตลอดทาง ดอกใหญ่เชียว เดินมาจนเจอเสาโทเรอิยักษ์ตั้งอยู่กลางถนน เรามาถึงทางเข้าศาลเจ้าเฮอันแล้วครับ (เมื่อเช้าเรานั่งรถเมล์รอดเสานี้ ศาลเจ้าเฮอัน (HEIAN JINGU SHRINE) 平安神宮 ศาลเจ้าเฮอันสร้างในปี 1895 เนื่องในโอกาสที่นครเกียวโตมีอายุครบ 1,100 ปี โดยอุทิศถวายแด่จักรพรรดิองค์แรก ศาลเจ้าเฮอันยังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวญี่ปุ่นมักจะพาเด็กๆมากราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับเรื่องของการศึกษา นอก เลยเวลาอาหารเที่ยงแล้ว คงต้องเติมพลังกันก่อนครับเราเดินกลับออกมาทางเสาโทริอิยักษ์ ข้ามถนนมาอีกฝากมีร้าน อยู่ญี่ปุ่นมา 6 วัน ผมว่าที่นี่คนเยอะที่สุดเลยครับ ทั้งเด็กนักเรียน นักท่องเที่ยว และคนญี่ปุ่นเองมาเที่ยวที่นี่กันมาก วัดคิโยมิสึ Kiyomizu temple 清水寺 วัดคิโยมิสึ หรือวัดน้ำใสตั้งอยู่บนเนินเขาฮิงายามา สาเหตุที่เรียกว่า "วัดน้ำใส" ก็เนื่องมาจากมีน้ำศักดิ์สิทธิ์จากแม่น้ำ
ทางเข้าวัดจะเห็นเจดีย์ 3 ชั้นหลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ ชื่อว่าเจดีย์ซันจุโนโตะ เข้าไปภายในมีศาลาประดิษฐานพระ
วัดคิโยมิสึ ได้รับการดูแลทำนุบำรุงอย่างดีจากรัฐและชาวเกียวโต ทำให้สภาพวัดและโบราณสถานทางพุทธศาสนา จากวิหารมีเส้นทางเดินเลาะริมเขาวนเข้าไปด้านใน ซึ่งเป็นป่าไม้ร่มรื่น และยังมีสวนแบบญี่ปุ่นให้ได้ชม ด้านตรงข้าม เราออกมาจากวัดน้ำใสก็เดินเล่นต่อแถวๆหน้าวัดครับ บรรยากาศของเมืองหลวงเก่านี่ดีจริงๆครับ เห็นแล้วนึกถึงบ้าน เดินเข้าซอยนู้นออกซอยนี้จนหลงทางครับ ไปถึงเจดีย์ 5 ชั้น ที่ชื่อว่า Yasaka pagoda ซึ่งอยู่ในศาลเจ้า Yasaka เราเดินลัดเลาะไปตามซอกซอยจนออกมาที่ถนนใหญ่ ตอนนี้เริ่มงงแล้วครับว่าเราอยู่จุดไหนก็เลยไปถามคนญี่ปุ่นว่า เรากลับมาถึงโอซาก้าค่ำแล้ว แต่แรงยังเหลือก็เลยเดินเล่นถนนสายชอปปิ้ง Shinsaibashi กันก่อน พรุ่งนี้เราจะไป Yokoso Japan - Day5 Himeji
ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อวานฝนตกตั้งแต่เช้ายันค่ำแต่เช้าวันนี้อากาศจะสดใสไม่มีเมฆฝนเลย เราเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เรามาที่สถานีชินจุกุเพื่อขึ้นรถ JR Chuo Line ไปลงสถานีโตเกียวเพื่อต่อรถ Shinkansen ไป Himeji ซึ่งอยู่เลย และเหมือนกับขามาที่เรานั่งจาก Osaka มาโตเกียว คือต้องแวะเข้าไปสำรองตั๋วก่อนเดินทาง เพื่อหลีกเลี่ยงการไม่มี ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงด้วยรถชินกันเซ็นเราก็มาถึงสถานี Himeji แต่ก่อนอื่นต้องหาที่ฝากกระเป๋าก่อนครับ เพราะ ฝากกระเป๋าเสร็จก็เดินตามป้ายทางออกที่เขียนว่า Himeji Castle พอขึ้นมาจากสถานีก็จะเห็นทางเดินไปปราสาทฮิเมจิ แต่ตอนนี้เที่ยงกว่าแล้วหาอะไรรองท้องกันก่อนดีกว่าครับ มีป้ายแนะนำร้านอาหารอยู่ตามริมทางอยู่หลายร้าน มีร้านนึง
อิ่มแล้วก็เดินกันต่อครับ มาถึงด้านหน้าทางเข้าปราสาทแล้วครับ เดินข้ามสะพานนี้ไปก็จะเป็นประตูทางเข้า ซื้อบัตร หลังจากสร้างอาคารครอบตัวปราสาทเสร็จ จะเปิดให้เข้าชมอีกครั้ง สามารถเข้าไปชมในตัวอาคารครอบได้ เพื่อดูขั้น ปัจจุบันสร้างอาคารครอบเสร็จแล้ว สภาพจะเป็นแบบนี้ครับ (ภาพจาก //www.japan-guide.com) ปราสาทฮิเมะจิ (姫路城 Himeji-jo, Himeji Castle) เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง ที่เหลือรอดมาจากการทิ้ง ปราสาทฮิเมะจิเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์ของปราสาทญี่ปุ่น ด้วยมีลักษณะสถาปัตยกรรมและยุทโธปกรณ์ครบตามแบบ จุดเด่นของปราสาทอย่างหนึ่งคือ ทางเดินสู่อาคารหลักซึ่งสลับซับซ้อนราวกับเขาวงกต ทั้งประตูและกำแพงต่างๆ ตามแผน Renovate เค้าบอกว่าจะเสร็จในปี 2015 หลังจากนั้นก็จะรื้ออาคารครอบออก เราคงได้กลับมาเห็นความ เดินเที่ยวเพลินจนลืมเวลา นี่ก็เย็นมากแล้วได้เวลาที่เราต้องกลับไปยังโอซาก้าแล้วครับ ต้องเผื่อเวลาไว้สักนิดไม่ให้ เรากลับมาสถานี Himaji เพื่อเอากระเป๋าและขึ้นรถ Shinkansen กลับมายัง Shin-Osaka อย่าลืมว่า JR Pass ใช้กับ มาถึง Shin-Osaka แล้วก็ต้องไปต่อรถไฟใต้ดิน Osaka City Subway Midosuji Line ไปลง Shinsaibashi ต้องเสีย
เราจองโรงแรม Hearton Hotel Shinsaibashi ไว้ จากสถานีออกทางออก 7 เดินตรงไปเจอสี่แยกเลี้ยวซ้าย เดินตรง เก็บของเสร็จยังมีพลังเหลือ เลยออกไปเดินเล่น Shinsaibashi Shopping Street ครับ หรือถนนคนเดินของ Osaka เราจะเดินเล่นกันเพลินจนร้านรวงเริ่มปิด จึงเดินกลับโรงแรม จากโรงแรมเดินมา Shisaibashi street ประมาณ3 นาที
Yokoso Japan - Day4 Kamakura
โชคดีที่มีทางเดินใต้ดินเชื่อมระหว่างหน้าโรงแรม Prince ไปยังสถานีรถไฟชินจูกุ ทำให้อาศัยหลบฝนหลบหนาวได้ จุดหมายของเราวันนี้คือพระใหญ่ Daibutsu ที่ Kamakura จากสถานีชินจูกุ เราต้องนั่งรถ JR Shonan-Shinjuku Line
มาถึงสถานีฮาเสะ เจอร้าน 100 เยน อยู่หน้าสถานีต้องเดินเข้าไปดูกันสักหน่อยครับ หลบอากาศหนาวสักนิด ของ จากสถานีเดินต่อไปอีกประมาณสัก 500 เมตร ผ่านร้านต่างๆริมทางแต่ปัญหาก็คือฝนที่ตกลงมาอีกแล้ว อากาศก็เย็น เดินตากฝนกันมาสักพักก็มาถึงแล้วครับ วัดโคโตกุอิน (Kotokuin Temple) เป็ววัดที่ตั้งอยู่บนเนินเขาของเมืองคามาคุระ พระใหญ่แห่งคามาคุระ (Kamakura Daibutsu) หรือชื่อจริงคือ พระอมิตตาพุทธ นิโอยุราอิ (Amida Nyoyurai) องค์ที่
เดิมพระใหญ่แห่งคามาคุระแกะสลักด้วยไม้มีขนาดความสูงถึง 24 เมตร ประดิษฐานในวิหาร สร้างเสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ. น่าเสียดายที่อีก 4 ปี ต่อมาเกิดพายุไต้ฝุ่นพัดผ่านคามาคุระ สร้างความเสียหายให้กับ พระองค์ใหญ่ Daibutsu และวิหาร
ฝนเทกระหน่ำลงมาอีกรอบก่อนที่เราจะออกจากวัดโคโตโกะอิน คราวนี้หนักมากจนเราต้องยืนหลบฝนอยู่ใต้ซุ้มประตูวัด วัดฮะเซ (Hasedera หรือ Hase Kannon Temple) วัดนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.721 โดยพระภิกษุชื่อโทคุโด(Tokudo) พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร(Bodhidasattva หรือ Avalokitesavara Juichimen Kannon) มีพระพักตร์ 11 พระพักตร์ พระอมิตดาพุทธเจ้า (Amida Buddha หรือ Amitabha) ประดิษฐานในวิหารด้านซ้ายของวิหารที่ประดิษฐานพระ พระโพธิสัตว์จิโซเป็นพระโพธิสัตว์ที่ช่วยนำดวงวิญญาณของสรรพสัตว์ให้พ้นจาก ความทุกข์ยากทั้งปวง โดยเฉพาะ นอกจากนี้ในวัดยังมีศาลเจ้าที่ชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติไปขอพรโดยนำแผ่นไม้เขียนคำอธิษฐานไปแขวนไว้ แต่ เนื่องจากวัดฮาเสะเดระตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้ที่นี่มองเห็นหมู่บ้านฮาเสะและเมืองคามาคุระได้ทั้งเมือง แต่เนื่องจาก นอกจากพระและเทพเจ้าต่างๆแล้ว วัดนี้ยังมีการจัดสวนแบบญี่ปุ่น ทางขึ้นวัดมีใบไม้แดงให้ดูนอกฤดูด้วยครับและ ด้วยอากาศที่หนาวจัดและละอองฝนทำให้เด็กรู้สึกไม่ค่อยสบาย ผมจึงตัดสินใจกลับเข้าโตเกียวและกลับไปพักที่ สถานที่แห่งนี้ก็คือ shichirigahama เสียดายจริงๆครับที่ฝนตก เพราะถ้าไปก็คงมองไม่เห็นอะไร ต้องไปวันที่ฟ้าใสๆ เรากลับมาขึ้นรถที่สถานีฮาเสะ เพื่อไปลงสถานีคามาคุระ เพื่อต่อรถกลับโตเกียว แต่ก่อนจะขึ้นรถกลับคงต้องหาอะไร เรากลับเข้าโรงแรมพักผ่อนร่างกายให้อบอุ่นขึ้น จนค่ำจึงออกมาเดินหาอาหารค่ำกินและส่งท้ายนครโตเกียวก่อนที่จะ น่าเสียดายที่วันสุดท้ายของเราในโตเกียวโดนฝนหนักทั้งวันทำให้พลาดโปรแกรมไปหลายที่ เราออกจากศาลเจ้า
|
นักบัญชีขี้บ่น
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] Link |