All Blog
Mingalaba Mandalay - Bagan

         มิงกาลาบา...
         เช้าวันที่ 2 ของทริป อากาศค่อนข้างหนาวทีเดียว ราคาที่พักที่นี่รวมอาหารเช้าแต่อาหารตั้ง 6 โมงครึ่ง เราจึงมี
เวลาเดินไปเที่ยวเจดีย์ชเวสิกองกันก่อน เช้านี้เรานัดคนขับรถมารับตอน 8 โมงครึ่ง หนุ่มพม่าคนนี้ชื่อ มินมิน พุดภาษา
อังกฤษได้อายุราว 20 ต้นๆ แต่ชอบเคี้ยวหมาก จะว่าไปวัยรุ่นชายพม่าเคี้ยวหมากกันแทบทุกคนครับ
         เดินจากโรงแรมมาแป๊บเดียวก็ถึงทางเข้าเจดีย์ยามเช้าจะมีร้านค้าหน้าวัดเริ่มเปิดกันแล้ว เจ้าของร้านจะมาดักหน้า
ดักหลังเอาเข็มกลัดมาติดเสื้อบ้าง อาสาเฝ้ารองเท้าให้บ้างเพื่อจะได้ไปซื้อของร้านเค้า ถ้าใครอยากซื้อของหน้าวัด ต่อ
ราคาไปเลยนะครับ 1 ใน 3 ของราคาที่เค้าบอกมาหรืออย่างน้อยคุณควรต่อครึ่งราคาเป็นอย่างน้อยครับ ถ้าเกินครึ่งราคา
อย่าซื้อเด็ดขาดครับ ระหว่างทางจากโรงแรมถึงทางเข้าเจดีย์ชเวสิกอง ก็มีเจดีย์อีกหลายองค์ครับ สมเป็นดินแดนแห่ง
เจดีย์จริงๆ


         พระมหาธาตุเจดีย์ชเวสิกอง Shwe Zi Gon Pagoda  เป็นเจดีย์ใหญ่ สวยงาม ศักดิ์สิทธิ์ และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่ง
ในประเทศพม่า เป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวพม่าและชาวไทย โดยชื่อ "ชเวสิกอง" มีหมายความว่า "เจดีย์ทองแห่งชัยชนะ"
(ชเว = ทอง) สร้างโดย พระเจ้าอโนรธามังช่อ แต่แล้วเสร็จในรัชกาลพระเจ้าจานสิตาแห่งอาณาจักรพุกาม ราว 960 ปีก่อน
ภายในเจดีย์เชื่อว่าบรรจุพระเขี้ยวแก้วและพระสารีริกธาตุ โดยอัญเชิญมาจากลังกาบนหลังช้างเผือก พระเจ้าอโนรธามังช่อ
ได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าช้างเผือกคุกเข่าลงที่ใด จะสร้างเจดีย์ไว้ที่นั่น

         กลับมาโรงแรมเพื่อกินอาหารเช้าและเตรียมตัวออกเดินทาง แปดโมงครึ่ง มินมิน ก็มารับเราตามนัดหมาย สำหรับ
ผู้ที่เดินทางไปน้อยคนผมแนะนำให้เช้ารถจักรยานไฟฟ้าไปท่องเที่ยวครับ เพราะจะสะดวกและประหยัดกว่า มีร้านให้เช่า
อยู่ริมถนนหลายร้าน และสถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่ได้ไกลกันมากนักสามารถใช้จักรยานไฟฟ้าไปเที่ยวได้ แต่ถ้าจะใช้จักรยาน
แบบปั่นก็คงเหนื่อยพอสมควรครับ
         ภาพเด็กน้อยลูกเจ้าของร้านเช่าจักรยานกำลังนั่งผิงไฟแก้หนาวครับ

         โปรแกรมคร่าวๆที่เราจะไปวันนี้ครับผมจัดโปรแกรมไปตั้งแต่กรุงเทพ ไปถึงก็ยื่นให้คนขับ และผมพิมพ์ภาพประกอบ
ไว้ด้วยให้เค้าพาไปตามที่เราจัดไว้ครับ

•    Nyaung U Market
•    ไปวัด GuByaukGyi
•    ไปวัดHtilominlo
•    ไปเจดีย์ Ananda
•    ไปเจดีย์ Thatbyinnyu
•    ไปวัด Bu Paya
•    กินข้าวกลางวันแถวริมแม่น้ำอิระวดี
•    ไปวัด Manuha
•    ไปวัด GuByaukGyi อีกแห่งที่อยู่ติดกับ เจดีย์ Myazedi Pagoda
•    ไปเจดีย์ DhammaYanGyi
•    ไปชมพระอาทิตย์ตกและป่าเจดีย์ที่ Shwasandaw

         เราเริ่มโปรแกรมกันที่ Nyaung U Market ตลาดสดที่มีสินค้าหลากหลายแม้กระทั้งพลอยก็มีคนมาเดินขาย แต่
ออกจะจอแจและวุ่นวายหน่อยครับผมอยู่ได้ไม่นานก็ขอไปต่อดีกว่า

         จุดหมายต่อมาของเราก็คือวัดกุบยางจี(Gub Yauk Gyi) วัดกุบยางจี ที่นี่ มี 2 วัดด้วยกันคำว่า กุบยางจี แปลว่า
Great Painting หรือวัดที่มีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ดังนั้นวัดใดที่มีจิตรกรรมฝาผนัง ก็มักจะถูกขนานนามว่ากุบยางจี
แต่วัดกุบยางจีทั้ง 2 วัดไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายในโบสถ์เพราะกลัวว่าแสงจากอุณหภูมิของแฟลชจะทำให้ภาพจิตร
กรรมเสียหาย ช่วงบ่ายเราจะไปชมกุบยางจีอีกที่นึงครับ
         พอเริ่มเข้าวัดก็ต้องเริ่มถอดรองเท้ากันครับ แม้แต่ถุงเท้าหรือถุงน่องก็ห้ามใส่นะครับ ทางที่ดีถอดทิ้งไว้บนรถเลย
ก็ได้ มาพม่าใส่รองเท้าแบบที่ถอดง่ายๆดีที่สุดครับ

         ออกจากวัดกุบยางจี มิงมิง พาเราไปที่มิงกาลาเจดีย์(Mingalazedi) ซึ่งเราไม่ได้ใส่ไว้ในโปรแกรม มิงกาลาเจดีย์
หรือเจดีย์มังคละ แปลว่า “เจดีย์แห่งความเป็นสิริมงคล”จัดเป็นประเภท “เจดีย์ก่ออิฐตัน” หรือ “สถูป” ตั้งอยู่เหนือฐาน
ทักษินสามชั้นซึ่งซ้อนกันบนฐานไพทีทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส บริเวณฐานแต่ละชั้นประดับลวดลายปูนปั้นเล่าเรื่องชาดก เช่น
เดียวกับเจดีย์ชเวสิกอง

      พระเจ้านรสีหปติกษัตริย์ผู้สร้างมิงกาลาเจดีย์ทรงปรารถนาจะสร้างให้ยิ่งใหญ่เทียบเคียงเจดีย์ที่วีรกษัตริย์คือ พระเจ้า
อโนรธาทรงสร้างเจดีย์ชเวสิกองไว้ แต่ด้วยเหตุที่พระเจ้านรสีหปติทรงนำความล่มสลายมาสู่อาณาจักรพุกาม มิงกาลเจดีย์
จึงไม่ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์อย่างดีเท่าชเวสิกอง แต่ความพิเศษของมิงกาลาเจดีย์คือ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชม
ทะเลเจดีย์แห่งพุกาม ทั้งยามเช้าและเย็น

         ตอนเดินขึ้นมิงกาลาเจดีย์ก็ไม่เท่าไหร่ครับ แต่ตอนขาลงนี่สิเล่นเอาขาสั่นเหมือนกันครับ เพราะทั้งสูงและชันแถม
ไม่มีราวบันไดอีกต่างหากแต่มิงมิงบอกกับเราว่ายังไม่มีเคยใครตกลงมาตาย ในใจก็คิดว่าอย่าเป็นคนแรกแล้วกันไม่งั้น
เจดีย์อาจได้เปลื่ยนชื่อ
         ลงมาถึงรถก็ไปต่อยังจุดหมายต่อไปครับ วัดทิโลมินโล (Htilominlo Pagoda ) สร้างโดยพระเจ้าติโลมิโล เมื่อ
ปี พ.ศ 1761 เจดีย์นี้ใหญ่มากๆเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ทั้ง 4 ทิศ มีทางเดินขึ้นไปด้านบนเจดีย์ แต่ตอนนี้ปิด
ล็อคกุญแจไปแล้วครับ แต่เค้าก็ทีวีวงจรปิดให้ดูภาพจากด้านบนครับ

      เจดีย์อนันดา(AnandaPagoda) เป็นจุดหมายถัดไปของเรา ระหว่างทาง มินมิน พาเราแวะเจดีย์เล็กๆรายทางแต่ผม
จำชื่อไม่ได้ครับ  เจดีย์อนันดาสร้างขึ้นโดยกษัตริย์จันสิทธะ(King  Kyanzittha)  เพื่อเป็นสัญลักษณ์แทนภูเขา นันทมูล
(Nandamula) บนเทือกเขาหิมาลัยอันเนื่องมาจากการจาริกแสวงบุญมายังดินแดนพุกามของพระอรหันต์ 5 รูปเหล่าพระ
อรหันต์ได้ทูลเล่าถึงลักษณะวัดในอิเดียถวายพระเจ้าจันสิทธะ  พระองค์ทรงพอพระทัยมาก  จึงได้ดำรัสให้ก่อสร้างวัดขึ้น
ตามลักษณะที่เหล่าพระอรหันต์ได้พรรณา แล้วตั้งชื่อว่าวัดอนันดาตามชื่อถ้ำที่พระอรหันต์ทั้ง 5 องค์อาศัยอยู่เจดีย์อนันดา
นี้ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นเพชรเม็ดงามแห่งสถาปัตย์ของพุกาม  เพราะถือว่าเป็นสุดยอดพุทธศิลป์สกุลพุกาม 

         ตัววิหารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่ใหญ่โตสง่างาม  มีมุขเด็จยื่นออกไปทั้งสี่ด้าน  หากดูตามผังลักษณะจะเหมือนกับ
ไม้กางเขนแบบกรีก  ภายในวิหารมีพระพุทธรูปยืนที่แกะสลักด้วยไม้สักประดิษฐานอยู่ทั้งสี่ทิศ    ผลงานฝีมือของช่าง
พม่าชั้นสูงที่ทำช่องให้แสงส่องสว่างเฉพาะองค์พระพุทธรูป ซึ่งพระพักตร์ของพระองค์นั้นมีรอยยิ้มเปี่ยมเมตตา  สร้าง
ความน่าเลื่อมใสแก่ผู้ไปสักการะ

         จุดหมายถัดไป ไปกันต่อที่วัดธรรมยางจี(Dhammayangyi Temple) ลักษณะเจดีย์มีความสวยงามมากและได้ชื่อ
ว่าเป็นเจดีย์ที่ยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดในพุกาม  เพราะสร้างขึ้น ด้วยอิฐสีแดงเป็นเอกลักษณ์วัดนี้มีเจดีย์ที่สร้างขึ้นคล้าย
เจดีย์อนันดา คือ มีลักษณะอาคารทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส  มีมุขยื่นออกมาสี่ด้าน  สร้างขึ้นโดยกษัตริย์นราธุ (King Narathu)
ด้วยทรงปริวิตกว่าผลกรรมจากการกระทำปิตุฆาตจะติดตามพระองค์ไปในชาติภพหน้า พระองค์จึงสร้างวัด แห่งนี้ขึ้นเพื่อ
ล้างบาป ปัจจุบันวัดธรรมยางจี เป็นวัดที่ได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ดีที่สุดในพุกาม มีแผนผังคล้ายวัดอนันดาแต่ความประณีต
กลมกลืนเทียบวัดอนันดาไม่ได้ สะท้อนถึงบรรยากาศอันดำมืดมัวหม่นในยุคนั้น

แต่ฝีมือการก่อศิลาต้องนับว่าเป็นเอก พระเจ้านราธุทรงควบคุมดูแลการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ถ้าช่างวางเรียงศิลาให้
มีช่องพอให้สอดเข็มเข้าไปได้แม้สักเล่มหนึ่ง ก็จะมีรับสั่งให้ประหารช่างผู้นั้นทันที แต่วัดสร้างยังไม่ทันเสร็จพระองค์ก็ถูก
ลอบปลงพระชนม์ลงเสียก่อน

เหตุเพราะทรงรับเอาสนมในรัชกาลก่อนซึ่งเป็นธิดามหาราชาแห่งแคว้นปาเทกคายา(Pateikkaya) แห่งอินเดียมาเป็น
ชายาของพระองค์เองแต่ไม่โปรดฯพิธีแบบฮินดูจึงสั่งประหารนางเสีย พระราชบิดาของนางทรงแค้นเคืองนักจึงส่งทหาร
มือดีแปดนายปลอมตัวเป็นพราหมณ์เดินทางไปเฝ้าพระเจ้านราธุ แล้วใช้ดาบปลงพระชนม์ขณะเข้าเฝ้าก่อนฆ่าตัวตาย
เพื่อหลีกเลี่ยงการนองเลือด วิหารนี้จึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า กาลักยามิน(Kalagya Min)  หมายถึงวิหารของกษัตริย์ ที่
ถูกฆ่าโดยพวกกาลา

      เดินเข้าเจดีย์นู้ออกเจดีย์นี้ บอกตรงๆว่างงมากครับข้างในเหมือนๆกันหมดจนกลับมาดูรูปแล้วสับสนว่าที่นี่คือที่ไหน
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่ครับที่ข้างนอกแตกต่างกันแต่ข้างในเหมือนๆกันกับเจดีย์หลังอื่น คือเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส และมีมุขยื่น
ออกมาสี่ด้านเพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป เจดีย์นี้ก็คือ เจดีย์สัพพิญญู หรือ ถัดบินยู(Thatbyinnyu  Pagoda) เป็นเจดีย์ที่
มีความสูงที่สุดในเมืองพุกามความสูงทั้งสิ้นประมาณ 61 เมตร  สร้างขึ้นตามศิลปะแบบปาละของอินเดีย   ก่อสร้างขึ้นใน
ช่วงปี พ.ศ. 1687  โดยกษัตริย์อลองสิตธู  (King Alaungsithu)  โดยแบ่งลักษณะของเจดีย์ออกเป็นระดับจำนวน 5 ชั้น 
ทั้งเป็นวิหารและเจดีย์ส่วนลานชั้นสามของเจดีย์นั้นเดิมทีเคยเปิดให้ขึ้นไปชมด้านบนได้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายรูป
ทิวทัศน์โดยรวมของเมืองพุกาม แต่ปัจจุบันไม่ได้เปิดให้ขึ้นด้านบน มีเพียงทีวีวงจรปิดถ่ายภาพด้านบนให้ชมกัน

      ออกจากเจดีถัดบิญญู มิงมิงก็พาเราไปกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารใกล้ๆกับเจดีย์อนันดา เป็นร้านอาหารที่รับทัวร์
ก็เลยมีอาหารนานาชาติ เราก็เน้นพวกผัดผัก ผัดเปรี้ยวหวาน และอาหารแนวไทย-จีน อื่นๆรสชาติใช้ได้ครับ หลังอาหาร
มิงมิง ขอพัก 2 ชั่วโมง ซึ่งผมรู้ข้อมูลมาก่อนเดินทางแล้วว่าคนขับรถเค้าจะขอพัก 2 ชั่วโมงตอนกลางวันเป็นเรื่องปกติ
เราเองก็อยากพักเหมือนกันครับเลยให้เค้าพาไปส่งที่โรงแรมและนัดกันอีกทีบ่ายสาม

         บ่ายสามโมงตรงหลังจากได้พักผ่อนนอนไปหนึ่งงีบ มินมิน ก็มารับเรามราโรงแรมเริ่มโปรแกรมภาคบ่ายที่วัดมนูหะ
(Manuha Temple) ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ อายุน่าจะร่วมๆพันปีหรืออาจจะมากกว่า การสร้างวัดนี้มีประวัติที่น่าสนใจ คือในสมัย
ที่อาณาจักรพุกามกำลังก่อร่างสร้างอาณาจักร พระเจ้าอโนรธามังช่อปฐมกษัตริย์ได้เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งมีศีลจารวัตรงดงาม
น่าเลื่อมใส ทำให้พระเจ้าอโนรธารู้สึกเลื่อมใสเป็นอย่างมาก จึงได้เข้าไปตรัสถามว่าท่านเป็นใครมาจากไหน พระภิกษุรูปนั้น
บอกว่าเราเป็นพระในพระพุทธศาสนา เราอยู่เมืองสะเทิมทางตอนใต้อยู่ในอาณาจักรมอญ ในการสนทนาในครั้งนั้นทำให้
พระเจ้าอโนรธา หันมาเลื่อมใสพระพุทธศาสนา

         พระเจ้าอโนรธาจึงได้ส่งสาส์นไปยังอาณาจักรมอญ เพื่อขอพระภิกษุและพระไตรปิฎก มายังอาณาจักรพม่าในทาง
ตอนเหนือ แต่พระเจ้ามนูหะซึ่งเป็นกษัตริย์มอญในตอนนั้น พระองค์ไม่ให้ เพราะพระองค์บอกว่า อาณาจักรพุกามหรือพม่า
โหดร้าย ทารุณ ป่าเถื่อน ไร้วัฒนธรรม เป็นเหตุให้พระเจ้าอโนรธาโกรธและได้ยกทัพลงมาตีเมืองสะเทิม แตกไม่เป็นชิ้นดี
และพระองค์ก็ได้กวาดต้อนเอาเชลยเมืองมอญมาจำนวนมาก และพระเจ้ามนูหะและพระเมหสีก็ตกเป็นเชลยด้วย ในการ
กวาดต้อนเอาเชลยนั้น ส่วนใหญ่จะกวาดต้อนเอาช่างฝีมือ นักปราชญ์ บัณฑิต พระสงฆ์ และกษัตริย์ ในตอนนั้นพุกามยัง
มีความรู้ในการการเผาอิฐและสถาปัตยกรรม พระเจ้ามนูหะถูกกวาดต้อนมาให้อยู่ที่วัดแห่งนี้และพระองค์ก็ได้สร้างพระพุทธ
รูปที่ใหญ่โต มีหน้าอกใหญ่โตมีใบหน้าไม่ยิ้มแสดงถึงความอึดอัดใจของพระองค์ ที่ต้องตกมาเป็นเชลย วัดนี้คนไทยมาตั้ง
ชื่อให้ใหม่ว่า วัดหลวงพ่ออึดอัด

         ไม่ไกลจากวัดมนูหะ อยู่ฝั่งตรงกันข้ามเลยไปไม่ถึงกิโล คือวัดกุบยางยี (Gub Yauk Gyi) ชื่อเหมือนวัดเมื่อเช้า
เพราะมีภาพเขียนสีโบราณที่ผนังวิหาร แต่กุบยางยีที่นี่ต้องพกไฟฉายมาดูภาพเขียนด้วยนะครับเพราะมืดมาก สร้างโดย
พระโอรสของพระเจ้าจันสิทธะ สิ่งที่โดดเด่นคือภาพจิตกรรมฝาผนังที่งดงามที่สุดในพุกามที่ยังคงเหลืออยู่

         วัดกุบยางยีนี้อยู่ติดกับมยะเจดีย์(Mya zedi) ความพิเศษคือมีเจดีย์คู่ที่มีศิลปะ 2 แบบผสมผสานกันอย่างลงตัว
ที่นี่มีศิลาจารึกโบราณอยู่ สร้างโดยเจ้าชายรัชกุมารพระโอรสของพระเจ้าจันสิตตา ศิลาจารึก มี 4 ภาษา คือ พม่า มอญ
พยู และ บาลี ผมลืมเล่าไปอย่างนึงตามวัดที่พุกามเค้าจะมีภาพเขียนวางขายอยู่ทุกวัด และอวดอ้างสรรพคุณว่าเป็นภาพ
เขียนทรายหรือ Sand Painting ผมลองจับดูแล้วมันเป็นงานภาพพิมพ์ครับ

         เจดีย์บูพญา(Bupaya Zedi) คือจุดหมายถัดไปของเรา เป็นพระเจดีย์ที่ตั้งอยู่ในเมืองพุกาม ริมฝั่งแม่น้ำอิรวดี "
บูพญา" แปลว่าเจดีย์น้ำเต้า ตามลักษณะของพระเจดีย์ ตำนานได้เล่าขานไว้ว่าสร้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8 ในสมัย
อาณาจักรพยู หรืออาณาจักรศรีเกษตร โดยพระเจ้าพิวซอว์ธี แต่บ้างก็ว่าน่าจะสร้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 16 เนื่องจาก
รูปทรงขององค์พระเจดีย์
         พระเจดีย์ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันเป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2518 เพราะพระเจดีย์องค์เก่านั้นพังทลาย
ลงมาอันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว

         ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว เราจึงมุ่งหน้าไปชมพระอาทิตย์ตกท่ามกลางทะเลเจดีย์กัน ระว่างทางมินมินพาเราแวะที่วัด
มหาบดี(Mahabodi Temple) ซึ่งวัดนี้ไม่ได้อยู่ในแผนเดินทางของเรา แต่คงเห็นว่าพอมีเวลาเหลือเจดีย์ของวัดนี้สร้าง
ตามแบบพุทธคยาจึงได้ชื่อว่ามหาบดีซึ่งเป็นชื่อเรียกพุทธคยาตามภาษาฮินดู

         แล้วเราก็มาถึงจุดสุดท้ายในวันนี้คือ เจดีย์ชเวซานดอว์ (Shwesandaw Pagoda) เจดีย์ชเวซานดอว์  เป็น 1 ใน
พุทธสถาน 3 แห่ง ที่พระเจ้าอโนรธาทรงสร้างไว้ในพุกาม สร้างขึ้นเมื่อปี 1057 หลังเสด็จกลับจากการออกรบ ณ เมือง
ตะโกงพร้อมชัยชนะ ซึ่งภายในเจดีย์ชเวซานดอว์นั้น บรรจุพระเกศธาตุที่กษัตริย์แห่งเมืองหงสาวดี หรือ พะโค๊ะ ทรงมา
ถวาย มองจากลานจอดรถขึ้นไปเห็นคนบนนั้นมั๊ยครับ แล้วเราจะมีที่ยืนมั๊ยเนี่ย

      เจดีย์ชเวซานดอว์  มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่ามหาเป่งนะกู่พยา(วัดพระพิฆเนศ) เพราะแต่เดิมเคยมีเทวรูปพระพิฆเนศ
ประดิษฐานอยู่ตามมุมฐานทักษิณทั้งห้าชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานทรงแปดเหลี่ยมที่คอยรองรับองค์สถูปทรงกระบอกอีกต่อหนึ่ง
เดิมฐานแต่ละชั้นจะประดับด้วยแผ่นดินเผาเล่าเรื่องชาดกต่าง ๆ  แต่ในปี ค.ศ. 1975 เกิดภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวรุนแรง
ซึ่งสร้างความเสียหายแก่องค์เจดีย์ ทำให้ยอดสถูปหักโค่นลงมา ปัจจุบันได้สร้างเพิ่มเข้าไปใหม่แต่ก็ยังเก็บรักษายอดฉัตร
องค์เดิมเอาไว้

      ในบริเวณใกล้เคียงเจดีย์ชเวซานดอว์นี้ยังเป็นสถานที่เหมาะสำหรับการชมทุ่งเจดีย์อีกแห่งหนึ่งของพุกามเมื่อยาม
อาทิตย์ขึ้์นและตกดิน จะได้เห็นภาพหมู่เจดีย์สุดลูกหูลูกตา ทำให้เป็นที่รวมของนักท่องเที่ยวที่แยกย้ายกันไปเที่ยวมา
ตลอดทั้งวันก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่
      ขออำลาพุกามด้วยภาพก่อนพระอาทิตย์จะอำลาครับ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง เพื่อไปสนาม
บินเดินทางกลับไปยังมัณฑะเลย์ครับ




Create Date : 07 มกราคม 2557
Last Update : 7 มกราคม 2557 7:32:09 น.
Counter : 1508 Pageviews.

2 comments
  
โหวตให้ค่าา

เป็นเมืองที่เราอยากไปมากๆๆๆ

ขอเอาไปแชร์หน้าแฟนเพจนะคะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 มกราคม 2557 เวลา:14:34:46 น.
  
ได้ครับคุณสาวไกด์ ผมชอบพุกามมากกว่ามัณฑะเลย์เยอะเลย
โดย: Zurg วันที่: 9 มกราคม 2557 เวลา:14:59:45 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

นักบัญชีขี้บ่น
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]