12 อันดับ “อสังหาฯ” ที่ยังน่าลงทุน
12 อันดับ “อสังหาฯ” ที่ยังน่าลงทุน AREA จัดอันดับ 12 อสังหาฯ ที่ยังน่าลงทุนต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส AREA เปิดเผยว่า จากผลการสำรวจตลาดที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ณ กลางปี 2552 มีประเภทโครงการที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพดีที่สมควรจะพัฒนาเพื่อการขาย เพราะยังมีอุปสงค์อยู่สูงมาก จึงขอนำเสนอเพื่อประโยชน์ในการวางแผนการพัฒนา ดังนี้ อันดับ 1 : ห้องชุด ระดับราคา 0.500-1.0 ล้านบาท ในทำเล นวมินทร์ มีอัตราขายต่อเดือนสูงสุดถึง 49.0% โดยในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าถึง 2,330 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้ จำนวนถึง 3,118 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่มากถึง 448 หน่วย แต่ก็คาดว่าจะหมดโดยเร็ว และยังมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก อันดับ 2 : ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 1.001-2.0 ล้านบาท ในทำเล โชคชัย 4 มีอัตราขายต่อเดือนสูงเป็นอันดับสอง สัดส่วน 33.3% โดยในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าเพียง 352 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้มีไม่มากนักเพียง 207 หน่วย ในขณะนี้ไม่มีสินค้านี้เหลืออยู่เลย คาดว่าจะมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก อันดับ 3 : บ้านเดี่ยว ระดับราคา 2.001-3.0 ล้านบาท ในทำเล วัชรพล-คู้บอน มีอัตราขายต่อเดือนเป็นอันดับ 3 ถึง 29.3% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าเพียง 362 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้มีจำนวนเพียง 124 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่เพียง 23 หน่วย ดังนั้นจึงคาดว่าจะมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก อันดับ 4 : ห้องชุด ระดับราคา 1.001-2.0 ล้านบาท ในทำเล พหลโยธินช่วงต้น มีอัตราขายต่อเดือนมากถึง 23.6% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าถึง 3,178 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวนถึง 1,854 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่พอสมควรถึง 257 หน่วย แต่คาดว่าจะหมดภายในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นจึงมีโอกาสพัฒนาได้อีกมาก อันดับ 5 : ห้องชุด ระดับราคา 1.001-2.0 ล้านบาท ในทำเล คลองสาน มีอัตราขายต่อเดือนมากถึง 22.8% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าเพียง 416 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวน 265 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่เพียง 14 หน่วย อาจกล่าวได้ว่าสินค้าประเภทนี้ไม่พอขาย อันดับ 6 : ห้องชุด ระดับราคา 3.001-5.0 ล้านบาท ในทำเล คลองสาน มีอัตราขายต่อเดือนมากถึง 21.2% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่า 1,634 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวน 421 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่ 89 หน่วย สรุปว่าสินค้านี้แทบไม่มีเหลือแล้ว สามารถพัฒนาได้อีก อันดับ 7 : ห้องชุด ระดับราคา 2.001-3.0 ล้านบาท ในทำเล คลองสาน มีอัตราขายต่อเดือนถึง 18.9% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าถึง 4,200 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวนถึง 1,693 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่ 284 หน่วย ดังนั้นสินค้าประเภทนี้จึงยังเป็นที่ต้องการของตลาดในขณะนี้ อันดับ 8 : ห้องชุด ระดับราคา 5.001-10.0 ล้านบาท ในทำเล พหลโยธินช่วงต้น มีอัตราขายต่อเดือนถึง 17.8% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าถึง 2,596 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวน 380 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่ 157 หน่วย อาจกล่าวได้ว่าสินค้าประเภทนี้ไม่พอขาย อันดับ 9 : ตึกแถว ระดับราคา 2.001-3.0 ล้านบาท ในทำเล พหลโยธิน-วังน้อย มีอัตราขายต่อเดือนถึง 16.7% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าเพียง 208 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวนน้อยเพียง 95 ในขณะนี้ ไม่มีสินค้านี้เหลืออยู่แล้ว สามารถพัฒนาสินค้าประเภทนี้ได้อีกมากพอสมควร อันดับ 10 : ห้องชุด ระดับราคา 3.001-5.0 ล้านบาท ในทำเล พหลโยธินช่วงต้น มีอัตราขายต่อเดือนพอสมควรถึง 15.9% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าถึง 5,597 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวนถึง 1,515 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่มากถึง 463 หน่วย จะสังเกตได้ว่าแม้มีจำนวนเหลืออยู่มาก แต่ก็ยังมีความต้องการมากเช่นกัน น่าจะดูดซับอุปทานได้หมดในเร็ววัน อันดับ 11 : ทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 0.500-1.0 ล้านบาท ในทำเลสุวินทวงศ์ มีอัตราขายต่อเดือนพอสมควรถึง 15.3% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าเพียง 373 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวน 392 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่เพียง 31 หน่วย ทั้งนี้สรุปได้ว่าสินค้าประเภทนี้ไม่พอขาย อันดับ 12 : ตึกแถว ระดับราคา 2.001-3.0 ล้านบาท ในทำเลหนองแขม มีอัตราขายต่อเดือนพอสมควรถึง 15.0% ในทำเลนี้มีสินค้าประเภทนี้ รวมมูลค่าเพียง 238 ล้านบาท หรือรวมสินค้าประเภทนี้จำนวนน้อยเพียง 98 หน่วย ในขณะนี้ สินค้าประเภทนี้มีเหลืออยู่เพียง 9 หน่วย ดังนั้นจึงสรุปว่าจะมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้อีกมาก และยังมีความต้องการอีก อนึ่ง ที่อยู่อาศัยประเภทอื่นที่ขายได้ดีก็ยังอาจมีอีก แต่เชื่อว่าคงมีกลุ่มเหล่านี้ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ และมีโอกาสที่จะพัฒนาอีกมากพอสมควร ทั้งนี้เพราะว่าข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้รวบรวมไว้ ครอบคลุมใม่น้อยกว่า 95% ของการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งตลาดทั้งหมด ข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : วันที่ 10 สิงหาคม 2552 //www.bangkokbiznews.com/home/detail/property/smart-buy/20090810/66824/
Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 1 ตุลาคม 2552 13:49:47 น.
Counter : 854 Pageviews.
เทคนิคการขายบ้านเก่า
เทคนิคการขายบ้านเก่า แนะนำเรื่องการซื้อมาตลอด ลืมไปว่าบางคนก็ต้องการขายเหมือนกัน เลยหาข้อมูลมาแนะนำการขายให้บ้างครับ คุณๆหลายคนอาจกำลังมีปัญหา ต้องการขายบ้านเก่าไปซื้อหลังใหม่ เพราะบ้านเก่าเล็กไปแล้วสำหรับครอบครัวในปัจจุบัน หรือบางคนต้องย้ายที่ทำงาน หรือไม่ว่าจะเหตุผลใดก็ตาม การคิดจะขายบ้านเก่าเร็วๆ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญหลายอย่าง ดังนี้ 1. ราคาขาย (ถูกหรือแพง) “ราคาถูกขายได้เร็ว ราคาแพงขายได้ช้า” ราคาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ในการตัดสินใจของผู้ซื้อ เพราะบ้านที่ราคาถูก ใครก็อยากได้ อยากซื้อ และที่สำคัญ ต้องมองทั้งสองด้าน คือมองทั้งฝั่งคนขาย และมองทั้งด้านคนซื้อ ในฐานะคนขาย เราก็คิดว่าบ้านเราไม่แพง ซื้อมาก็ตั้งหลายตังค์ ตกแต่งไปอีกเยอะ ฯลฯ ส่วนคนขาย เขาก็ไม่ได้ดูบ้านเราหลังเดียว เขาดูหลายหลัง มีราคาเปรียบเทียบ บางหลังอาจจะร้อนเงิน ยอมขายขาดทุน แต่คุณไม่ยอมขาดทุน แถมบวกกำไรอีก ราคาก็สู้เขาไม่ได้ เคยมี broker คนหนึ่งพูดไว้ว่า ขายบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ ขึ้นอยู่ที่ราคา ดังนั้น การตั้งราคา จึงควรให้สมเหตุสมผล ยิ่งขายถูก ก็ขายได้ง่าย ขายได้เร็ว พิสูจน์ง่ายๆ ถ้าราคาที่ตั้งถูกจริง เมื่อประกาศขายได้ไม่เกิน 2 สัปดาห์เท่านั้น ก็จะขายได้ แต่ถ้าไม่ถูกจริง 6 เดือน 1 ปี ก็ไม่มีใครสนใจ บางรายติดขัดเรื่องภาระการผ่อน ที่เมื่อรวมราคาขายด้วยแล้ว จะสูงมาก ทำให้ขายยาก บ้านใกล้ๆกันเขาขายไปนานแล้ว ทำไมของเรายังขายไม่ได้ นี่คือเรื่องของราคาขายโดยตรง ไม่เกี่ยวกับทำเล แต่ก็จะสู้บ้านที่ทำเลดี แต่ราคาแพงกว่าไม่ได้ เพราะบางทีคนซื้อไม่ได้อยู่ แต่จะซื้อเก็งกำไรก็มี การตั้งราคาขายขั้นต้น แบบมาตรฐาน คือ ราคาขาย = ราคาที่ดิน+ราคาตัวบ้าน+ภาษีต่างๆในการโอนกรรมสิทธิ์(ตรวจสอบได้ที่กรมที่ดิน) ซึ่งราคาที่ดิน เราสามารถอ้างอิงจากราคาประเมินของกรมที่ดิน ตั้งราคาอย่างน้อยไม่น้อยกว่าราคาประเมินของกรมที่ดิน (นี่คือราคาขั้นต่ำ) ทั่วไปราคาจริงจะสูงกว่า คือราคาตลาด ต้องสืบหาเอาจากที่ข้างเคียงของเรา ว่าเขาซื้อขายกันไปเท่าไหร่ (ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่า และอาจขายยากกว่า) ราคาตัวบ้าน ต้องประเมินว่าถ้าจะสร้างใหม่ในลักษณะบ้านปัจจุบันจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ หรือคำนวณจากพื้นที่บ้านว่าประมาณกี่ตารางเมตร คูณด้วยราคา5000-8000 บาท (ราคาประเมิณบ้านเก่า)ก็พอได้ หรืออาจใช้วิธีปรึกษาบริษัทนายหน้าซื้อ-ขายบ้านมือ 2 ในการตั้งราคาขาย(ควรเปรียบเทียบราคาแนะนำขายจากนายหน้าอย่างน้อย 2 ราย ยิ่งมากยิ่งดี) 2.การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ การโฆษณาและประชาสัมพันธ์เป็นปัจจัยสำคัญ ก่อให้เกิดโอกาสขายได้เร็วและโอกาสขายได้ราคาดี หากทำได้ดีมีคนสนใจมาก คำพูดในการโฆษณาควรที่จะดึงดูดจูงใจ เราควรวิเคราะห์บ้านที่จะขายถึงข้อดีแล้วนำมาใช้โฆษณา เราอาจประชาสัมพันธ์โดยวิธีการ 2.1 ลงประกาศหนังสือพิมพ์ หรือนิตยสารเกี่ยวกับบ้าน (มีทั้งฟรีและเสียเงิน)จะถึงกลุ่มผู้ซื้อกว้างที่สุด 2.2 ลงประกาศในอินเตอร์เน็ตในเว็ปไซด์ดังๆ ต่าง (มีที่ให้ประกาศฟรีเยอะแยะ) จะถึงกลุ่มผู้ซื้อกว้างเช่นกัน 2.3 ติดป้ายประกาศขายหน้าบ้าน จะได้กลุ่มผู้ซื้อที่อยู๋ในย่านนั้น ซึ่งตีวงใกล้เข้ามาหน่อย แต่ก็จะได้คนซื้อที่เป็นคนแถวนั้น หรือแนะนำญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงมาซื้อ 2.4 ติดป้ายตามที่สาธารณะต่างๆ (ติดได้ไม่นานเพราะจะถูกแกะทิ้งโดยเทศกิจ) จะเหนื่อยหน่อย เสียเวลาทำป้าย แต่ติดได้เดี๋ยวเดียว 2.5 ทำป้ายประกาศขายติดรถยนต์ จะได้กลุ่มลูกค้ากว้างเช่นกัน เหมาะกับคนที่ต้องทำงานแบบตระเวณไปตามที่ต่างๆ หรือใช้รถยนต์บ่อย 2.6 โทรไปคุยกับวิทยุบางคลื่นเพื่อฝากประกาศขาย อย่างเช่น รายการตลาดนัดธุรกิจ แต่โอกาสจะยากหน่อย 2.7 บอกขายผ่านเพื่อนฝูง,เพื่อนบ้าน และญาติพี่น้อง โอกาสน้อย แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะอาจมีจังหวะฟลุ๊กได้ 3. ผู้ขาย ผู้ขายต้องมีทัศนคติที่ดีกับการขาย อย่าใช้อารมณ์และหงุดหงิดง่าย เมื่อต้องคุยกับคนแปลกหน้า เป็นธรรมดาที่คนซื้อต้องต่อราคา บางคนจู้จี้ ถามละเอียดยิบ ให้รู้ว่าคนถามมากๆ แสดงว่าสนใจมาก และแปลว่าโอกาสขายได้กับคนอย่างนี้ก็มากด้วย เพราะเป็นคนซื้อเพื่ออยู่เอง ควรมีความยืดหยุ่นบ้างจะทำให้การเจรจาเป็นไปอย่างรอมชอมและมีโอกาสสำเร็จมากขึ้น นอกจากนี้ควรที่จะหาเหตุผลที่ดีๆ ในการตอบลูกค้าว่าทำไมเราจึงต้องขายบ้านหลังนี้ไว้แต่เนิ่นๆ เพราะรับรองว่าผู้จะซื้อทุกคนต้องถามแน่ๆ มันเป็นเป็นสัจธรรมที่ คนทุกคนไม่อยากได้ของที่ไม่ดี หากเราตอบไปในแนวทางที่ให้ผลลบ เพราะบ้านไม่ค่อยดี เราจะขายไม่สำเร็จ หากบางคนไม่ชอบการเจรจาขายเองก็ สามารถใช้บริการของนายหน้าขายบ้านมือ2 ซึ่งเขาจะเก็บค่านายหน้าเมื่อขายได้ โดยจะเรียกเก็บประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์ของราคาขายหรือแล้วแต่ตกลง โดยนายหน้าจะทำการโฆษณาให้เราเอง การจะตกลงให้ใครเป็นนายหน้าขาย อย่าลืมกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดด้วยว่า จะให้เขาขายให้ภายในวันที่เท่าไหร่ หากพ้นกำหนดดังกล่าว ให้ถือว่าสัญญาแต่งตั้งนายหน้าเป็นอันสิ้นสุดจะได้ไม่เสียเปรียบ เพราะถ้าเราให้เขาขาย นายหน้าเหล่านี้จะจับเรามัดทำสัญญาแต่งตั้งเขาเป็นนายหน้าขายแต่เพียงผู้เดียว ถ้ามีการซื้อ-ขายในช่วงเวลาที่เรามิได้เลิกให้เราเป็นนายหน้า แล้วเราไปขายเองหรือให้คนอื่นที่มิใช่เขาขายให้ เราจะต้องเสียค่านายหน้าให้เขาด้วย การใช้นายหน้าช่วย แม้จะเสียค่าใช้จ่ายบ้าง แต่ไม่มากและคุ้มค่า เพราะเขาสามารถหาลูกค้าได้ดีกว่าเรา ยิ่งถ้าบ้านที่จะขายเราไม่ได้อยู่ การจะนัดหมายคนซื้อไปดูบ้าน จะเสียเวลามาก ถ้าคนดูไม่ซื้อก็เสียเวลาทำงาน พาดูไม่กี่ราย เราก็จะเบื่อ เซ็ง และรำคาญ พอสักพักก็ขี้เกียจพาคนไปดู นายหน้าเขาจะทำหน้าที่ได้ดีกว่าเรา และพร้อมที่จะทำงานให้เรา 4. เงื่อนไขการขาย เงื่อนไขการขายนั้นประกอบด้วยข้อจำกัดต่างๆ ที่ได้กำหนดไว้ เช่นค่าภาษีต่างๆในการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมการโอน, ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายและภาษีธุรกิจเฉพาะ ใครเป็นผู้ออก การทำสัญญาจะซื้อจะขายให้วางเงินมัดจำเท่าไร, ระยะเวลาจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขายถึงวันโอนกรรมสิทธิ์กี่วัน สัญญาจะซื้อจะขายนั้นมีแบบมาตราฐานขายทั่วไปซึ่งควรใช้แบบสัญญาจะซื้อจะขาย ที่ดินแล้วบรรยายเพิ่มเติมในส่วนของสิ่งปลูกสร้าง เราจึงควรกำหนดเงื่อนไขการขายให้ครบ และให้ข้อมูลผู้ซื้อก่อน เขาจะได้รับรู้ และไม่ต้องมาทะเลาะกันภายหลัง เงื่อนไขบางข้อ อาจเป็นเงื่อนไขสำคัญของผู้ซื้อ ในการตัดสินใจด้วย จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย ในการต่อรอง 5. บ้านที่จะขาย (สินค้า) บ้านที่จะขายควรดูแลหรือปรับปรุงให้ อยู่ในสภาพที่ไม่ทรุดโทรม บ้านที่ดูดี สะอาด เป็นระเบียบนั้นย่อมจูงใจให้ผู้ซื้อตัดสินใจง่ายและย่อมจ่ายในราคาที่ดีกว่า หากเราปล่อยปละละเลยบ้านให้ทรุดโทรม สกปรก ไม่น่าอยู่ พอประชาสัมพันธ์ออกไป คนก็จะมองข้อบกพร่องเหล่านี้ ท้ายที่สุดก็จะเป็นเหตุให้ติเพื่อต่อราคาลงมากๆ เป็นผลให้ขายยากและขายได้ราคาต่ำ ฉะนั้นเราควรที่จะดูแลบ้านให้อยู่ในลักษณะที่ดีก่อนจะประชาสัมพันธ์ขาย แต่ไม่ควรปรับปรุงแบบตกแต่งใหม่ เพราะสิ้นเปลืองเกินไป และคนซื้อก็อาจจะไม่ได้ชอบอย่างที่เราทำ ส็ปล่อยให้เขาแต่งเองดีกว่า ค่าใช้จ่ายที่จะทำก็ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เผื่อเรื่องลดราคาให้คนขาย จะขายง่ายกว่า ที่สำคัญอย่าให้สกปรก รกรุงรัง จัดเก้บให้เรียบร้อย ซ่อมแซมเฉพาะที่น่าเกลียดจริงๆเท่านั้น โดยเฉพาะงานระบบ เช่น ไฟฟ้า ประปา อย่าปล่อยให้เห็นว่ามีน้ำรั่ว ไฟเสีย เพราะคนซื้อจะไม่กล้าเสี่ยง ที่จะซื้อแล้วมาเสียค่าซ่อมแซมสูง เมื่อได้จัดการสิ่งต่างๆ ของปัจจัยสำคัญ 5 ข้อข้างต้นอย่างรอบคอบ พิจารณาถึงความสมเหตุสมผลของราคาขาย, ความเร่งด่วนในการขาย วิเคราะห์สิ่งต่างๆ บนพื้นฐานข้อเท็จจริง ไม่หลอกตัวเอง (คำนวณราคาขายที่เหมาะสม อย่าเข้าข้างตัวเองจนเกินไป) ส่วนใหญ่บ้านที่ซื้ออยู่มานาน ราคาขายจะไม่ตกเหมือนรถยนต์ ส่วนจะขึ้นมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับทำเล และความเจริญของที่ตั้ง โอกาสขาดทุนยาก นอกจากซื้อแพง รีบขาย ก็มีโอกาสขาดทุน ถ้าเรามีความตั้งใจ จริงจังและใส่ใจการประชาสัมพันธ์ เน้นหาจุดเด่นของบ้านในการจูงใจผู้ซื้อ หากดำเนินการอย่างเป็นระบบอย่างนี้ เชื่อว่าปัญหาการขายบ้านหลังเก่านั้น น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก และสำเร็จได้ดังใจหวัง TraveLArounD ข้อมูลจาก : ศุภวิศวร์ ปัญญาสกุลวงศ์ //www.BaanStory.com //www.tarad.com/_tarad/_templates/b/_modules/gotolink.php?aHR0cDovL3d3dy5CYWFuU3RvcnkuY29t
Create Date : 20 มีนาคม 2552
Last Update : 20 มีนาคม 2552 14:06:13 น.
Counter : 2717 Pageviews.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [? ]
ยินดีต้อนรับทุกท่านที่แวะเข้ามาชม blog มีข้อคิดเห็น เชิญ comment มาได้นะครับ ถ้าตอบได้ จะตอบให้ทันทีครับ แต่ถ้าไม่ทราบ ต้องขอเวลา จะค้นคว้ามาให้อ่านกัน ท่านที่จะถามคำถาม หรือติดต่อเรื่องบทความ ได้ทาง Email :- d_sign_place@yahoo.com ครับ เรื่องต่างๆที่ผมได้เขียนหรือรวบรวม เรียบเรียงมานี้ ยินดีให้ทุกท่านได้อ่านเป็นวิทยาทานและเพื่อการศึกษา ถ้าจะนำไปโพสต่อใน website สาธารณะ หรือ website อื่นใดที่ไม่ใช่ทางพาณิชย์ กรุณาระบุที่มา คือ https://www.travelaround.bloggang.com และนามปากกาผู้เขียนคือ TraveLArounD ด้วย แต่ขอสงวนสิทธิ์สำหรับการนำไปใช้ ในเชิงพาณิชย์ หรือโดยไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง จะถูกดำเนินคดี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์ ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email : nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.