ท้องถิ่นก้าวหน้าแข็งแรงไม่ได้ หากไม่รู้จักข้อดี-ด้อยของตัวเอง
สยามประเทศไทย
โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ
แบบโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ลงในหนังสือพิมพ์รายวัน
"การศึกษาก้าวไกล ท้องถิ่นไทยก้าวหน้า" เป็นคาถาที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ลงทุนโฆษณาเต็มหน้าหนังสือพิมพ์รายวันเพื่อประชาสัมพันธ์มหกรรมการจัดการศึกษาท้องถิ่น 2550 (ดูในมติชน หน้า 16 วันพุธที่ 5 กันยายน 2550)
เห็นแล้ว อ่านแล้ว แต่ไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องลงทุนทำมหกรรมตาม "แฟชั่น" รุ่มร่ามให้สิ้นเปลืองอย่างตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเยี่ยงนี้ เลยไม่อยากไปงานนี้ เพราะไม่เชื่อว่าทำอย่างนี้แล้วจะส่งผลให้ "การศึกษาก้าวไกล ท้องถิ่นไทยก้าวหน้า"
แต่จะได้ผลตรงข้าม คือ อ่อนแอ, หยิบโหย่ง, รู้แต่ของปลอม, เอาแต่ได้เข้าตัวเอง, แม้ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา, แสวงหาอำนาจเพื่อโกง ฯลฯ
การศึกษาจะก้าวไกล ท้องถิ่นไทยจะก้าวหน้าได้สมจริง ก็ต่อเมื่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องการบริหารจัดการวิชาความรู้ เช่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.), การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ฯลฯ ลด ละ เลิก "วัฒนธรรมอำนาจ" อย่างที่ทำอยู่นี้คือปลูกผักชีโรยหน้า, ขายผ้าเอาหน้ารอด, ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง ฯลฯ
ความจำเป็นเบื้องต้นที่สุด คือท้องถิ่นต้องรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างจริงจัง เพื่อให้มีสำนึกรักและผูกพันร่วมกันอย่างแข็งแรง จะทำให้รู้ "ข้อดี-ข้อด้อย" ของท้องถิ่นตนอย่างแท้จริง แล้วไม่หลอกตัวเองว่าดีวิเศษกว่าคนอื่นอย่างที่เป็นมาไม่รู้จักเลิก
จะรู้และเข้าใจท้องถิ่นได้จริงก็ต้องเริ่มแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ความเป็นมาของท้องถิ่น คือประวัติศาสตร์ท้องถิ่นทั้งในแง่ภูมิประเทศและสังคมวัฒนธรรม เรียกรวมๆ ว่าภูมิสังคมวัฒนธรรม ที่แต่ละท้องถิ่นมีทั้งส่วนคล้ายคลึงกันและแตกต่างกัน เช่น วรรณคดีท้องถิ่น, สำเนียงและภาษาท้องถิ่น ฯลฯ ที่ล้วนเชื่อมโยงศูนย์กลาง จะช่วยลบปมด้อยสำเนียงท้องถิ่นลงได้อย่างดียิ่ง
จะเข้าใจภูมิสังคมวัฒนธรรมได้จริงก็ต้องลบเขตทางการปกครองออกจากหัวใจก่อน คือ ลบความเป็นจังหวัด, อำเภอ, ตำบล ฯลฯ แล้วทำความเข้าใจ "ภาพรวม" ร่วมกันทั้งลุ่มน้ำและหุบเขา เป็นต้น ดังตัวอย่างลุ่มน้ำบางปะกง เกี่ยวข้องตั้งแต่นครนายก, ปราจีนบุรี, สระแก้ว, ฉะเชิงเทรา และบางส่วนของจันทบุรีกับชลบุรี
สถาบันการศึกษาในท้องถิ่นต้องร่วมกันเผยแพร่แบ่งปันวิชาความรู้ด้วย มิฉะนั้นท้องถิ่นก็แห้งตาย เช่น ลุ่มน้ำบางปะกงมีเมืองศรีมโหสถอายุราว 2,000 ปีมาแล้ว เป็นแกนสำคัญเก่าแก่เท่าเมืองอู่ทอง (สุพรรณบุรี) และเก่ากว่าพระปฐมเจดีย์ (นครปฐม) ฯลฯ สถาบันท้องถิ่นของลุ่มน้ำบางปะกงต้องแบ่งปันเผยแพร่วิชาความรู้ชุดนี้ ไม่ใช่ทอดหุ่ยเฉยๆ เหมือนโรงเรียนบางอำเภอและ อบต.บางแห่ง ฯลฯ ที่ไม่เคลื่อนไหวอะไรนอกจากรอรับงบฯก่อสร้างไปแบ่งปันผลประโยชน์กันเอง
ต้องทำความเข้าใจร่วมกันและให้ตรงกันเป็นเบื้องต้นว่าวิชาความรู้ภูมิสังคมวัฒนธรรมความเป็นมาของท้องถิ่น เป็นวิชาความรู้พื้นฐานที่จะเชื่อมโยงถึงวิชาความรู้อื่นๆ เช่น เกษตร, ท่องเที่ยว จนถึงโอท็อป (OTOP)
ท่องเที่ยวจะทำเป็นพิมพ์เดียวเหมือนกันทุกท้องถิ่นทั่วประเทศไม่ได้เลย เพราะทรัพยากรอันเป็น "ทุน" มีต่างกันมาก ต้องร่วมกันค้นหาบุคลิกแท้จริงของท้องถิ่นนั้นๆ อย่างรู้จักตนเองกับรู้เท่าทันโลก ซึ่งต้องใช้พื้นฐานสำคัญคือภูมิสังคมวัฒนธรรมนั่นเอง
วิถีคิดของคนในระบบราชการไทยรับเรื่องอย่างนี้ไม่ได้ หรือได้ก็น้อย เพราะพวกเขาถูกหล่อหลอมด้วยสำนึกราชธานีที่มีเจ้านายชี้นิ้วออกคำสั่ง แล้วตัวเองต้องการเป็นเจ้านายของราษฎร ไม่ต้องยกตัวอย่างไกลๆ ขอให้ดูจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นท้องถิ่นหนึ่งก็ได้ เห็นชัดมาก
Create Date : 13 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 13 กันยายน 2550 19:21:59 น. |
Counter : 561 Pageviews. |
| |
|
|
|