ความเป็นมาทางสังคมวัฒนธรรม ของ ที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา ภาคกลาง เริ่มแรกเรียกตัวเองว่า"คนไทย
คอลัมน์ สุวรรณภูมิสังคมวัฒนธรรม
*ลายเส้นแผนที่ประกอบ โดย วรพงศ์ ผดุงชอบ
ประเทศไทยมีต้นกระแสประวัติศาสตร์จากดินแดนและผู้คนบริเวณสุวรรณภูมิ หรืออุษาคเนย์ทุกวันนี้ คนพวกหนึ่งบริเวณภาคกลางที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยาเพิ่งสมมุติชื่อเรียกตัวเองว่า "คนไทย" เมื่อราวหลัง พ.ศ.1700-1800 สืบจนปัจจุบัน
ชุมชนต้นตระกูลไทย-ลาวในภาคกลาง
1) 5,000 ปีมาแล้ว บรรพชนคนภาคกลาง (ที่ต่อไปข้างหน้าจะสมมุติชื่อเรียกตัวเองว่า "คนไทย" เป็นครั้งแรกเมื่อราวหลัง พ.ศ.1700) เริ่มตั้งหลักแหล่งเป็นชุมชนร่อนเร่อยู่ตามขอบอ่าวไทยดึกดำบรรพ์ เช่น บ้านเก่า ตำบลจรเข้เผือก อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี, บ้านโคกพนดี อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี, และบริเวณลุ่มน้ำป่าสัก จังหวัดลพบุรี
คนพวกนี้ปลูกเรือนเสาสูง, ปลูกข้าวเหนียวแล้วกินข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก, เลี้ยงสัตว์, ทำเครื่องมือหินและโลหะ, ทำภาชนะดินเผามีทั้งหม้อสามขาและแบบอื่นๆ, ทำลูกปัดด้วยดิน, รู้จักทอผ้าหยาบๆ, มีพิธีศพเฉพาะหัวหน้าเผ่าพันธุ์บริเวณศักดิ์สิทธิ์กลางลานหมู่บ้าน ฯลฯ
อ่าวไทยยุคนี้กว้างกว่าปัจจุบัน ขอบเหนือสุดอยู่ชัยนาท, สิงห์บุรี, ลพบุรี ทางตะวันออกอยู่ถึงนครนายก, ปราจีนบุรี ทางตะวันตกอยู่ถึงสุพรรณบุรี, นครปฐม, ราชบุรี ส่วนมากเป็นทะเลโคลนตมที่เกิดจากตะกอนแม่น้ำพัดพามาทับถม
2) 4,000 ปีมาแล้ว แรกถลุงโลหะ เช่น สัมฤทธิ์ (ที่ต่อไปข้างหน้าจะหล่อ พระพุทธรูปและเทวรูป) พบมากทางลุ่มน้ำยม-น่าน เช่น สุโขทัย, พิษณุโลก ฯลฯ กับลุ่มน้ำป่าสัก เช่น ลพบุรี, เพชรบูรณ์ ฯลฯ
3) 3,000 ปีมาแล้ว มีคนจากภายนอกเคลื่อนย้ายเข้ามาทุกทิศทางทั้งทางบกและทางทะเล เช่น ทางเหนือ แถบยูนนาน, ทางตะวันออก แถบกวางตุ้ง-กวางสี-เวียดนาม, ทางตะวันตก แถบอ่าวเบงกอล ทะเลอันดามัน, ทางใต้ แถบชวา-มลายู ทำให้บริเวณภาคกลางมีผู้คนชาติพันธุ์ต่างๆ ตั้งหลักแหล่งประสมประสานอยู่ด้วยกันมากกว่าเดิม แล้วกระจัดกระจายไปทั่วประเทศ แต่หนาแน่นมากสุดอยู่ทางอีสานสองฝั่งโขง
กลองทองหรือมโหระทึกหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ร่วมของคนยุคนี้ มีพบทั่วไป แต่มีศูนย์กลางการผลิตที่ยูนนาน-กวางสี-เวียดนาม (ต่อไปข้างหน้าคือ ฆ้อง, ระฆัง)
แหล่งสำคัญของยุคนี้อยู่ที่บ้านดอนตาเพชร อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ต่อเนื่องถึงเมืองจรเข้สามพัน อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี รวมทั้งลุ่มน้ำป่าสัก จังหวัดลพบุรี กับบริเวณเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ยุคนี้มี "ภาษาร่วม" ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันที่เป็นรากเหง้าภาษาตระกูล ม้ง-เย้า, มอญ-เขมร, ชวา-มลายู, และไทย-ลาว (ภาษาไทยเริ่มมีหลักฐานในยุคนี้)
ชุมชนบ้านเมืองแรกสุด ใน "สุวรรณภูมิ"
4) หลัง พ.ศ.1 หรือมากกว่า 2,500 ปีมาแล้ว แรกมีชุมชนบ้านเมืองมีชื่อเรียกในคัมภีร์อินเดีย-ลังกาว่าสุวรรณภูมิ หมายถึงผืนแผ่นดินใหญ่อุษาคเนย์ทุกวันนี้ รวมทั้งประเทศไทย ตั้งแต่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาถึงลุ่มน้ำโขง-สาละวิน โดยเฉพาะทางใต้ มีแผ่นดินคาบสมุทรเชื่อมโยงการค้าโลก
ด้วยเหตุนี้เอง บริเวณผืนแผ่นดินใหญ่สุวรรณภูมิที่เป็นดินแดนคาบสมุทร จึงกลายเป็นจุดเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดียตะวันตก กับมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออก ส่งผลให้มีผู้คนชาติพันธุ์ต่างๆ จากตะวันตกและตะวันออกเข้ามาตั้งหลักแหล่งทั้งถาวรและชั่วคราวไม่ขาดสาย มีการประสมประสานทั้งทางเผ่าพันธุ์และทางสังคมวัฒนธรรม กลายเป็นบรรพบุรุษหรือต้นแบบของคนปัจจุบัน มีชุมชนใหญ่ถลุงเหล็กเกิดขึ้นทางลุ่มน้ำน่าน (ทุ่งยั้ง คลองโพ จังหวัดอุตรดิตถ์) ลุ่มน้ำยม (บ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย) โดยเฉพาะทางที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยามีกระจายเต็มไปทุกลุ่มน้ำ
อารยธรรมจากตะวันตกที่ผ่านมาทางอินเดีย เช่น ศาสนา อักษร วรรณคดี และอาหารการกิน (ข้าวเจ้า) จะเริ่มแพร่เข้ามาอย่างช้าๆ ให้หัวหน้าคนพื้นเมืองใช้เป็นเครื่องมือ (เทคโนโลยี) ทางการปกครอง รวบรวมผู้คนและชุมชนบ้านเมืองที่มีมาก่อนค่อยๆ เติบโตก้าวหน้าขึ้นเป็นรัฐน้อย-ใหญ่ กระจัดกระจายทั่วสุวรรณภูมิต่อไปข้างหน้า
อารยธรรมจากตะวันออกจากจีนฮั่นทางภาคเหนือ และ "เจ๊ก" ภาคใต้ของจีน เช่น ภาษาพูด เครื่องมือทอผ้า เครื่องมือโลหะ อาการการกิน (ผัก) ฯลฯ คลุกคลีเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนพื้นเมืองทั่วไป
5)หลัง พ.ศ.500 หรือราว 2,000 ปีมาแล้ว บริเวณลุ่มน้ำแม่กลอง-ท่าจีนกับลุ่มน้ำป่าสักและลุ่มน้ำบางปะกง เป็นบ้านเมืองศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนระหว่างตะวันตก คือ อินเดีย, ลังกา, เปอร์เซีย, อาหรับ ฯลฯ กับตะวันออก จีน (ฮั่น) ฯลฯ
บริเวณลำน้ำท่าจีน-แม่กลอง มีชุมชนขนาดใหญ่ระดับเมืองตั้งแต่ 3,000 ปีมาแล้ว อยู่บริเวณดอนตาเพชร (อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี) และอู่ทอง (อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี) ที่ดอนตาเพชร-อู่ทอง นี่เอง ศาสนาพุทธจะแพร่หลายออกไปถึงที่อื่นๆ เช่น บริเวณลุ่มน้ำลพบุรี-ป่าสัก, ลุ่มน้ำบางปะกง-พานทอง, ลุ่มน้ำชี-มูล, ลุ่มน้ำโขง ฯลฯ
คนพื้นเมืองดั้งเดิมนับถือ "ศาสนาผี" มาก่อนนานแล้ว มีผู้หญิงเป็นหัวหน้า ทำพิธีกรรม เท่ากับผู้หญิงเป็นผู้สืบทอดพิธีกรรมในศาสนาผี เมื่อศาสนาพุทธ-พราหมณ์ที่มีผู้ชายสืบทอดพิธีกรรมแผ่มาถึงสุวรรณภูมิก็เกิดปะทะขัดแย้งก่อน แล้วประนีประนอมประสมประสานเข้าด้วยกันในภายหลัง โดยมีศาสนาพุทธ-พราหมณ์เป็นแกนนำหลัก และเป็นเครื่องมือทันสมัยในการปกครองรวบรวมผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ให้มีศูนย์รวมร่วมกันอยู่ที่พุทธ-พราหมณ์
นับแต่นี้ไป คือราวหลัง พ.ศ.500 ชุมชนบ้านเมืองในศาสนาผีที่รับพุทธ-พราหมณ์ จะเติบโตขึ้นเป็นบ้านเมือง แล้วมีพัฒนาการขึ้นเป็นรัฐขนาดเล็กบริเวณทะเลโคลนตมอย่างน้อย 2 แห่ง คือ บริเวณอู่ทองกับลพบุรี ปากน้ำเจ้าพระยาในประเทศไทย
ผู้คนพลเมืองของ 2 บริเวณนี้ มีหลายเผ่าพันธุ์ผสมผสานอยู่ด้วยกันมาก่อนและจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีภาษาพูดคล้ายคลึงกัน ถือเป็นภาษาร่วมสุวรรณภูมิ ใช้สื่อสารกันได้ทั่วไป แต่จะเริ่มรับภาษาอื่นเข้ามาใช้งาน เช่น ภาษาจากอินเดีย ภาษาจากจีน ฯลฯ จากนั้นก็รับตัวอักษรที่มากับศาสนาพุทธ-พราหมณ์ ยกย่องเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ในพิธีกรรม ใช้สื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรืออำนาจเหนือธรรมชาติ
ทางตอนบนลุ่มน้ำเจ้าพระยายังว่างเปล่า จะมีเพียงชุมชนขนาดเล็กถลุงเหล็กอยู่ทางลุ่มน้ำยมที่สุโขทัย กับมีผู้คนเคลื่อนย้ายจากบริเวณสองฝั่งโขง ผ่านลงมาทางลุ่มน้ำน่านที่อุตรดิตถ์-พิษณุโลก นานเข้าก็เริ่มเป็นชุมชนสถานีการค้าบนเส้นทางคมนาคม
รัฐสองฟากแม่น้ำเจ้าพระยา
6) หลัง พ.ศ.1000 แรกมีรัฐขนาดเล็กก่อรูปขึ้นจากการค้าโลกตะวันตก-ตะวันออก แล้วเติบโตเป็นรัฐขนาดใหญ่ มีชื่อในเอกสารจีนว่าหลั่งยะสิว (ลังเกียฉู่) อยู่ทางลุ่มน้ำแม่กลอง-ท่าจีน ฟากตะวันตกทะเลโคลนตมอ่าวไทย กับโถโลโปตี (ทวารวดี) อยู่ทางลุ่มน้ำลพบุรี-ป่าสัก ฟากตะวันออกทะเลโคลนตมอ่าวไทย
ต่อมาอีกนานทะเลโคลนตมในอ่าวไทยดึกดำบรรพ์ตื้นเขินเป็นดินดอนอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าเป็นแกนกลาง ทำให้เกิดบ้านเมืองและรัฐเอกราชขึ้นบริเวณที่ราบลุ่มสองฟากแม่น้ำเจ้าพระยา คือ
รัฐหลังยะสิว อยู่ที่นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ฟากตะวันตกลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีเครือข่ายอยู่เมืองคูบัว (จังหวัดราชบุรี) และบริเวณจังหวัดเพชรบุรี
รัฐโถโลโปตี อยู่ที่ลพบุรี ฟากตะวันออกลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีเครือข่ายอยู่เมืองศรีมโหสถ (จังหวัดปราจีนบุรี) เมืองพระรถ (จังหวัดชลบุรี) และบริเวณจังหวัดจันทบุรี
บ้านเมืองและรัฐเหล่านี้ต่างเลือกรับศาสนาพุทธ-พราหมณ์ และตัวอักษรจากอินเดียมาใช้เป็นเครื่องมือทางการปกครองรวบรวมผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์ให้อยู่ร่วมในอำนาจเดียวกัน มีคนพวกหนึ่งเรียกสาม คือสยามอยู่ด้วย
ส่วนตอนบนลุ่มน้ำเจ้าพระยาภาคกลางบริเวณแม่น้ำน่าน-ยม อยู่บนเส้นทางคมนาคมระหว่างแม่น้ำโขง-อ่าวเมาะตะมะ-อ่าวไทย ทำให้มีผู้คนเคลื่อนย้ายเข้ามาตั้งหลักแหล่งชั่วคราว แต่บางพวกตั้งหลักแหล่งถาวรเป็นบ้านเมืองขึ้นต่อไปข้างหน้า
แรกมี"ขอม"ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
7) หลัง พ.ศ.1500 รัฐพื้นเมืองทั้งหมดในสุวรรณภูมิต่างปรับตัวทางการค้า แล้วควบคุมการค้าด้วยตัวเอง ทำให้เติบโตเข้มแข็งมีเครือข่ายกว้างขวาง เกิดบ้านเมืองน้อยใหญ่ทั้งชายฝั่งทะเลและภายในลุ่มน้ำลำคลอง ต่างสร้างความสัมพันธ์เป็นเครือญาติพี่น้องผู้ใหญ่ผู้น้อยผ่านการแต่งงาน มีผู้คนจากทุกทิศทางเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม แล้วตั้งหลักแหล่งบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยาทั้งตอนบนและตอนล่างรอบอ่าวไทย
ฟากตะวันตกลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการรวมตัวของผู้คนชาวสยามแล้วสมมุติชื่อดินแดนสยามประเทศ ติดต่อกับพุกามประเทศ (พม่า), รามัญประเทศ (มอญ), มาลัยประเทศ (มลายู)
ฟากตะวันออกลุ่มน้ำเจ้าพระยา เป็นพวกละโว้หรือมีชื่อที่คนอื่นเรียกอย่างยกย่องว่าขอม สังกัดกัมพุชประเทศ (กัมพูชา)
ครั้นหลัง พ.ศ.1600 การค้าสำเภากับจีนหนาแน่นมากขึ้น แต่เส้นทางคมนาคมทางน้ำโดยเฉพาะแม่น้ำลพบุรีคับแคบและอยู่ห่างไกลปากน้ำอ่าวไทยที่โคลนตมถมทับยื่นลงไปมากกว่าแต่ก่อน ดินดอนเกิดขึ้นกว้างขวาง รัฐละโว้จึงย้ายศูนย์กลางมาอยู่ลำน้ำเจ้าพระยาบริเวณที่สบกันของลำน้ำลพบุรี-ป่าสัก แล้วสถาปนาเมืองมีนามศักดิ์สิทธิ์ว่าอโยธยาศรีรามเทพนคร ที่ต่อไปข้างหน้าจะเป็นกรุงศรีอยุธยา
ภาษาพูดของผู้คนทั้งภาคพื้นแผ่นดินใหญ่สุวรรณภูมิกับบริเวณหมู่เกาะเป็นภาษาร่วม แต่แตกต่างเล็กน้อยตามภูมิประเทศ โดยมีภาษากลางใช้สื่อสารทางการค้า 2 เขตใหญ่ๆ คือ ภาษาตระกูลไทย-ลาว ของดินแดนภายใน และภาษาตระกูลชวา-มลายู ของดินแดนภาคพื้นทวีปริมทะเลและหมู่เกาะ
นับแต่ พ.ศ.1500 เป็นต้นไป อักษรทางศาสนาที่รับจากอินเดียใต้ (ทมิฬ) ตั้งแต่แรก จะคลี่คลายไปในลักษณะเฉพาะของรัฐพื้นเมืองอย่างน้อย 3 แบบ คืออักษรมอญ ใช้ในรามัญประเทศทางรัฐพุกาม อักษรเขมร ใช้ในกัมพุชประเทศทางรัฐกัมพูชา แต่บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามีพวกสยามเรียกอักษรขอม อักษรกวิ ใช้ทางมาลัยประเทศทางใต้ถึงมาเลเซีย
แรกมีอักษรไทยและคนไทย
8) หลัง พ.ศ.1700 มีศาสนามวลชนแพร่หลายออกไปกว้างขวางคือ ศาสนาพุทธใช้ภาษาไทย กับศาสนาอิสลามใช้ภาษามลายู บริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีรัฐเอกราชอย่างน้อย 2 แห่ง คือ รัฐละโว้-อโยธยา (ลพบุรี), รัฐสุพรรณภูมิ (สุพรรณบุรี เป็นชื่อสืบเนื่องจากสุวรรณภูมิ) แล้วยังมีรัฐย่อยๆ คือ รัฐเจนลีฟู (ชัยนาท), รัฐเพชรบุรี (เพชรบุรี) ฯลฯ
รัฐอโยธยาศรีรามเทพ บริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่าง สนับสนุนผลักดันให้เกิดรัฐสุโขทัยขึ้นตอนบนบริเวณลุ่มน้ำยม-น่าน นับถือศาสนาพุทธเถรวาท ใช้ภาษาไทยเป็นภาษากลาง มีเครือข่ายถึงบริเวณสองฝั่งโขงที่เรียกภายหลังว่า ล้านช้าง-ล้านนา
แรกมีราชอาณาจักรสยาม
9) ครั้งหลัง พ.ศ.1800 บริเวณอโยธยามศรีรามเทพนคร เป็นศูนย์กลางการค้านานาชาติ โดยเฉพาะสำเภาจีน จนเติบโตเปลี่ยนราชวงศ์และเปลี่ยนชื่อเป็นกรุงศรีอยุธยา ทำให้คนพื้นเมืองจากอีสานและสองฝั่งโขงเคลื่อนย้ายลงมาเป็นประชากรหนาแน่น แล้วมีอักษรไทยได้แบบจากอักษรขอม (เขมร) ใช้งานทางศาสนา-การเมือง แล้วสมมุติเรียกชื่อตนเองว่า "คนไทย" เป็นครั้งแรก ต่อมาชาวต่างชาติเรียกกรุงศรีอยุธยาว่าราชอาณาจักรสยาม ใช้ภาษาเขมรในราชสำนัก (จะเป็นราชาศัพท์ต่อไปข้างหน้า)
ขณะเดียวกันก็ขยายเครือข่ายลงไปควบคุมรัฐเพชรบุรีกับรัฐนครศรีธรรมราชประชิดกับรัฐปัตตานีที่เป็นเอกเทศ
10) หลัง พ.ศ.2000 กรุงศรีอยุธยาราชอาณาจักรสยามมีนามเป็นทางการว่ากรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา (หมายถึงสืบจากทวารวดีของพระรามจากเมืองละโว้) แผ่อำนาจยึดครองรัฐสุโขทัยได้ทั้งหมด แล้วลดฐานะเจ้านายราชวงศ์สุโขทัยลงเป็นขุนนางให้ไปอยู่ใกล้ชิดในพระนครศรีอยุธยา แล้วเผชิญหน้ากับรัฐล้านนาต่อไปอีกนาน
ขณะเดียวกันก็แผ่อำนาจไปที่ราบสูงบริเวณลำน้ำมูล มีศูนย์กลางอยู่เมืองนครราชสีมา ควบคุมเส้นทางคมนาคมการค้ากับสองฝั่งโขงและทะเลสาบเขมร
ผลของการสร้างราชอาณาจักรสยามแผ่ไปควบคุมเส้นทางการค้าทางบก-ทะเลกว้างขวาง ทำให้เกิดสงครามกับหงสาวดี-อังวะ
11) หลัง พ.ศ.2300 หงสาวดียกมาตีกรุงศรีอยุธยา พระเจ้าตากย้ายราชธานีลงไปอยู่เมืองบางกอกแล้วตั้งกรุงธนบุรีขึ้นใหม่ ขยายอำนาจถึงล้านนา, อีสาน-ลาว, ลงใต้ถึงนครศรีธรรมราชประชิดรัฐปัตตานีที่เป็นเอกเทศ หลังจากนั้นราชวงศ์จักรีสถาปนากรุงเทพฯเป็นราชธานีแผ่อำนาจครองรัฐปัตตานีเป็นครั้งแรก
แรกมีชื่อประเทศไทย
12) หลังจาก พ.ศ.2400 กรุงสยามเผชิญหน้ากับจักรวรรดินิยมอังกฤษ-ฝรั่งเศส ต้องยอมรับวิทยาการจากยุโรป เริ่มปรับตัวเองเป็นรัฐชาติ ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นระบอบประชาธิปไตยเมื่อ 24 มิถุนายน 2475 ต่อมาก็เปลี่ยนชื่อจากสยามเป็นประเทศไทย แล้วบังคับให้ทุกชาติพันธุ์ต้องเป็นคนไทยเมื่อ 24 มิถุนายน 2482
หน้า 34 //www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01pra04200450&day=2007/04/20§ionid=0131
Create Date : 22 เมษายน 2550 | | |
Last Update : 22 เมษายน 2550 9:34:33 น. |
Counter : 995 Pageviews. |
| |
|
|
|