ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

7 อันตรายจากน้ำตาลทราย



         น้ำตาลทรายถึงว่าจะว่าเป็นเครื่องปรุงที่ช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้น่ารับประทานขึ้นแล้ว แต่ว่าหากรับประทานมากเกินไปก็จะทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ ซึ่งอาจร้ายแรงจนคุณคาดไม่ถึง

     อันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็ก
ในเด็กที่กินน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้เป็นโรคกระดูกเปราะและฟันผุได้รวมถึงอาจกลายเป็นเด็กที่ไม่สมาธิในสิ่งที่ทำอยู่แล้วก็โกรธง่ายได้

     เสี่ยงทำให้โรคติดเชื้อรุนแรง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร

     ร่างกายไม่สมดุลเนื่องจากการบริโภคน้ำตาลเชิงเดี่ยว ซึ่งได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในน้ำผลไม้ น้ำตาลในนม จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดเกิดภาวะเป็นกรดมากเกินไป จนร่างกายไม่สมดุล

     ส่งผลต่อหัวใจ ไต และ ตับ เมื่อน้ำตาลมีมากเกินไป ก็จะกลายเป็นไขมัน ซึ่งจะถูกสะสมไว้ในอวัยวะภายใน และนานวันเข้า อวัยวะเหล่านี้ก็จะถูกห่อหุ้มด้วยไขมัน แล้วน้ำเมือกในร่างกายก็จะเริ่มผิดปกติ ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น

     ส่วนเกินตามร่างกาย ไขมันที่เกิดจากน้ำตาลส่วนเกิน จะถูกสะสมในตับในรูปของไกลโคเจน เมื่อมีมากเกินไปตับจะส่งออกไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน ไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา สะโพก เป็นต้น

     ต้นเหตุเสี่ยงสารพัดโรค การทานน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้มีอาการเป็นตะคริวเวลามีรอบเดือนเป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวารหนัก ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ และมะเร็งตับ

     ผลต่อสมอง การทานน้ำตาลมากเกินไปจะมีผลต่อสมองทำให้รู้สึกง่วง หงาว หาว นอน อยู่ตลอด



         รู้แบบนี้แล้วก็ควรคิดให้ดีก่อนทานในมื้อต่อไปนะคะว่า ควรจะบริโภคความหวานแต่พอดีมากกว่าตามใจปากค่ะ











ที่มา ... Woman's Story






Create Date : 25 มีนาคม 2554
Last Update : 25 มีนาคม 2554 11:34:27 น. 0 comments
Counter : 2243 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sitcomthai
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add sitcomthai's blog to your web]