ลูกค้าต้องตั้งสติก่อนตกเป็นเหยื่อ
มักเป็นข่าวใหญ่ พาดหัวหนังสือพิมพ์หน้า 1 แทบทุกฉบับอยู่เสมอ เมื่อมีประชาชนหลากหลายอาชีพ ตกเป็นเหยื่อ ถูกหลอกลวงให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม เพื่อให้เป็นความรู้ และประชาสัมพันธ์แก่ประชาชนอีกมากที่ยังไม่ทราบถึงวิธีการต้มตุ๋นของแก๊ง มิจฉาชีพให้ระมัดระวังตัวเอาไว้ แต่เหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ก็ยังเป็นวงจรอุบาทว์ วนเวียนกลับมาเกิดขึ้นได้อีก!!
ต่อให้ “ตำรวจ” กวาดล้างกลุ่ม “มิจฉาชีพ” ชนิดเข้มข้นขนาดไหน แต่เชื้อบ้านี้ ก็ยังไม่สิ้นซากจากสังคมไทย เพราะตราบใดที่ “ความโลภ” ยังเป็นแรงดึงดูดที่หอมหวาน เย้ายวนใจ ให้รีบไปรับเงินคืน จึงเป็นช่องโหว่ใหญ่โต ให้แก๊งต้มตุ๋นอาศัยเกาะสูบหาผลประโยชน์ ด้วยการล่อลวงชาวบ้านให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอเอ็มได้เรื่อย ๆ รวมถึง “ความกลัว” ของผู้เสียหายว่า จะโดนทวงหนี้คืนแบบโหด ๆ และอาจถึงชีวิตได้ จึงรีบไปเคลียร์หนี้สินให้เรียบร้อย
อีกทั้งแก๊งตุ๋นข้อมูล ได้พัฒนารูปแบบการหลอกลวงให้ทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันไปเรื่อย ๆ ไม่ซ้ำรอยเดิม ไล่ไปตั้งแต่การใช้ “เบอร์โทรศัพท์” ติดต่อเหยื่อ ทั้งในรูปแบบของ โทรศัพท์อัตโนมัติ ที่ไม่แสดงหมายเลขโทรฯเข้า เมื่อรับสาย จะเป็นเสียงตอบรับอัตโนมัติ ระบุว่า ท่านมียอดค้างชำระค่าใช้บริการบัตรเครดิต จากนั้นจะให้กดหมายเลข 9 เพื่อติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ หรือเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่จดทะเบียนต่างประเทศ มีตัวเลขโชว์ 12 หลักขึ้นไป เช่น เบอร์ขึ้นต้นด้วย 886+
อีกพิมพ์นิยมการโกงคือ ใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์พิเศษ ให้โชว์ หมายเลขโทรศัพท์ของหน่วยงานต่าง ๆ ติดต่อไปยังโทรศัพท์เคลื่อนที่เหยื่อ เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ หรือได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้น ๆ จริง โดยเฉพาะการแอบอ้างชื่อเป็นเจ้าพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พร้อมให้หมายเลขโทรศัพท์ ธปท. ด้วย เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจ และล่อลวงว่า ท่านมีหนี้ต้องชำระต่อธนาคาร หากไม่ชำระหนี้จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที จากนั้นจะพูดลวงสารพัด เพื่อให้ได้ ชื่อ นามสกุล ข้อมูลส่วนตัว เลขบัตรประจำตัวประชา ชน และลวงให้เหยื่อที่หลงเชื่อ ไปทำธุร กรรมเพื่อชำระหนี้ผ่านทางตู้เอทีเอ็ม ซึ่ง เท่ากับเป็นการยินยอมโอนเงินเข้าบัญชีของกลุ่มมิจฉาชีพโดยตรง
แม้ว่า กรณีที่ผู้เสียหายระบุว่าไม่มีบัตรเครดิต แต่กลุ่มมิจฉาชีพจะหลอกต่อว่า อาจถูกก๊อบปี้หรือถูกแฮ็กข้อมูลส่วนตัวไปทำบัตรเครดิตแล้วนำไปใช้ ขณะเดียวกัน ก็จะหว่านล้อมให้รีบไปแก้ไขข้อมูล หรือเปลี่ยนรหัสส่วนตัวที่ตู้เอทีเอ็มที่อยู่ใกล้สุด มิฉะนั้นอาจถูกถอนเงินจากบัญชีจนหมดก็ได้ และจะให้เบอร์โทรศัพท์ที่เป็นเบอร์หน่วยงานภายใน ธปท. จริง แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว เช่น 0-2283-5355
กรณี ที่มีผู้หลงเชื่อ และไปแก้ไขข้อมูลที่ตู้เอทีเอ็ม จะถูกหลอกให้ใช้เมนูภาษาอังกฤษทำรายการ พร้อมทั้งใช้น้ำเสียงในทำนองเร่งรีบ เพื่อให้เหยื่อตื่นตระหนก ขาดความระมัดระวัง กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็โอนเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ดังนั้น หากมีโทรศัพท์ลักษณะนี้เข้ามา ให้ตั้งสติไว้ก่อน เมื่อมีข้อสงสัยให้โทรฯไปสอบถาม หรือร้องเรียนกับธนาคารพาณิชย์ ที่มีบัญชีอยู่ เพื่อตรวจสอบกรณีที่ถูกหลอกไปแล้ว ให้รีบแจ้งตำรวจทันที โดยจดเบอร์โทรศัพท์ที่ได้รับ รวมถึงเบอร์บัญชีที่โอนเงินไปให้ เพื่อให้ตำรวจมีหลักฐานในการติดตามตรวจสอบบัญชีต่อไป