BlogGang.com : : sitcomthai - เฮลั่น...แพทย์มะกันสร้างประวัติศาสตร์รักษาเด็ก 'ติดเอดส์' หาย

เฮลั่น...แพทย์มะกันสร้างประวัติศาสตร์รักษาเด็ก 'ติดเอดส์' หาย

เกิดปรากฏการณ์ที่อาจกลายเป็นความหวังของเด็กๆ ที่ติดเอดส์แต่กำเนิดจากพ่อแม่ เมื่อแพทย์ชาวอเมริกันพบว่าคนไข้เด็กรายหนึ่งหายจากโรคร้ายนี้ เพียงเพราะได้รับยาต้านไวรัสตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งถือว่าเร็วกว่าคนไข้ทั่วไป

โรคเอดส์เป็นโรคร้ายที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกว่ายังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ แม้ว่าเทคโนโลยีทางการแพทย์และเภสัชวิทยาที่ก้าวหน้า จะทำให้ในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อเอชไอวีสามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานนับ 10 ปี และมีคุณภาพชีวิตไม่ต่างจากคนทั่วๆ ไป แต่คนไข้ก็ต้องรับยาต้านไวรัสตลอดชีวิต โดยไม่สามารถหยุดยาได้

แต่ล่าสุด แพทย์จากมหาวิทยาลัยจอห์นส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานที่อาจกลายเป็นการพลิกโฉมหน้าวงการรักษาโรคเอดส์ในปัจจุบัน นั่นก็คือการค้นพบว่าเด็กหญิงวัย 2 ขวบครึ่งคนหนึ่งจากมลรัฐมิสซิสซิปปีซึ่งติดเชื้อเอชไอวีจากมารดา กลายเป็นคนไข้ที่ติดเชื้อเอชไอวีแต่กำเนิดรายแรก ที่หายจากโรคร้ายนี้ได้

แพทย์หญิงฮันนา เกย์ จากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยมิสซิสซิปปี ผู้ที่ดูแลเด็กหญิงมาตั้งแต่แรกเกิดอธิบายว่า เธอตัดสินใจให้ยาต้านไวรัสเอดส์กับเด็กตั้งแต่หนูน้อยคนนี้อายุเพียง 30 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเร็วกว่าการให้ยาต้านไวรัสตามมาตรฐานสำหรับเด็กที่ติดเอดส์แต่กำเนิด เนื่องจากเห็นว่าเด็กเสี่ยงติดเอดส์มากกว่าปกติ เพราะแม่ของเธอเพิ่งทราบว่าตนเองติดเชื้อเอชไอวี จึงไม่ได้รับยาป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสจากแม่สู่ลูกเหมือนกรณีทั่วๆ ไป

หลังจากนั้น เด็กหญิงก็ได้รับยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐาน แต่เมื่อเธออายุ 18 เดือน แม่ของเด็กก็ไม่ได้ติดต่อกับหมอเพื่อขอรับยาอีก จนกระทั่งเด็กหญิงมีอายุ 2 ขวบครึ่ง แม่ของเธอจึงนำกลับมาให้แพทย์ตรวจอีกครั้ง แต่กลับปรากฏว่าเด็กมีเชื้อไวรัสในร่างกายน้อยมากจนไม่เป็นอันตรายกับร่างกาย และกลายเป็นผู้ติดเชื้อแต่กำเนิดรายแรกที่หายจากโรคนี้ แม้จะไม่ใช่การหายขาดที่เชื้อเอชไอวีหมดไปจากร่างกาย 100% ก็ตาม

เด็กหญิงไม่ใช่คนไข้รายแรกที่หายจากโรคเอดส์ เมื่อปี 2550 นายทิโมธี เรย์ บราวน์ ชาวอเมริกัน กลายเป็นบุคคลแรกในโลกที่หายจากโรคเอดส์ ด้วยฝีมือแพทย์จากเยอรมนีที่ใช้การรักษาด้วยวิธีการซับซ้อนอย่างการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกและทำลายภูมิคุ้มกัน บวกกับการกลายพันธุ์ของยีนในร่างกายคนไข้เอง ทำให้กรณีดังกล่าวไม่สามารถนำมาปรับและพัฒนาใช้เป็นวิธีรักษาคนไข้ทั่วๆ ไปได้

แต่สำหรับกรณีของเด็กหญิงจากมิสซิสซิปปีรายนี้ เป็นการใช้ยาต้านไวรัสธรรมดาที่หาได้ทั่วไป เพียงแต่มีเงื่อนไขสำคัญคือต้องให้ยาทันทีหลังเด็กคลอด และเป็นส่วนผสมของยาต้านไวรัสครบทั้ง 3 ชนิดเท่าที่วงการแพทย์ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน แทนที่จะเป็นชนิดเดียวหรือ 2 ชนิดตามปกติ ซึ่งหากมีการทดลองชัดเจนว่าการให้ยาต้านไวรัสแบบเข้มข้นแก่เด็กทารกตั้งแต่แรกเกิดโดยเร็วที่สุด สามารถทำให้คนไข้เอชไอวีแต่กำเนิดหายจากโรคนี้ได้จริง ก็จะถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในวงการแพทย์ ที่จะช่วยชีวิตคนไข้เอชไอวีเด็กซึ่งมีจำนวนกว่า 330,000 คนต่อปีให้มีชีวิตใหม่ได้อย่างง่ายดาย

การได้รับยาต้านไวรัสโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่คำตอบของการรักษาเอชไอวีในเด็กทารกเพียงอย่างเดียว เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน ก็มีผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล ลอนดอน ของอังกฤษ ที่ยืนยันว่าผู้ป่วยเอชไอวีที่ได้รับยาต้านไวรัสทันทีที่รู้ตัวว่าติดเชื้อ สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานและมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าคนไข้ทั่วไปในปัจจุบัน ที่แพทย์มักจ่ายยาต้านไวรัสให้เฉพาะเมื่อระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอมากแล้วเท่านั้น

ที่มา //news.voicetv.co.th/global/64577.html

Create Date : 06 มีนาคม 2556

Last Update : 6 มีนาคม 2556 16:17:43 น.

0 comments

Counter : 1946 Pageviews.